LOGIN“ขอบใจพวกเจ้ามากจริง ๆ ที่ช่วยสั่งสอนเจ้าพวกเลวนั่น แต่ว่าต่อไปพวกเจ้าก็ต้องระวังตัวด้วยนะ พวกมันต้องไม่ปล่อยพวกเจ้าแน่” ท่านป้าที่ขายผักเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วง
“พวกท่านอย่าได้กังวลเจ้าค่ะ พวกข้าจะระวังตัว” แต่แล้วสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อสามบุรุษอันธพาล รีบเข้ามาคุกเข่าคำนับ ให้กับเด็กน้อยทั้งห้าคนอย่างสำนึกผิด “แม่นางน้อย นายน้อย ยกโทษให้พวกข้าด้วยเถอะขอรับ พวกข้าสำนึกผิดแล้ว ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว ช่วยรับข้าเป็นบ่าวรับใช้ด้วยเถอะขอรับ ข้ายอมเป็นวัวเป็นม้ารับใช้พวกท่าน ตราบลมหายใจจะหาไม่เลยขอรับ” บรรดาพ่อค้าแม่ค้า ต่างพากันหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ นี่มันใช่คนก่อนหน้านี้หรือไม่ เหตุใดถึงดูอ่อนน้อมถ่อมตนเช่นนี้กันเล่า “ถ้าเช่นนั้นเงินที่เก็บพวกเขามา ก็คืนพวกเขาไปซะ” ซิ่วอิงเอ่ยขึ้น “ได้ ๆ ข้าจะคืนให้เดี๋ยวนี้” อู่ถงรีบคืนให้แม่ค้าพ่อค้าที่ยืนแบมือรอ เพราะโอกาสแบบนี้หาได้ยากยิ่ง พวกนึกกระหยิ่มยิ้มย่อง ด้วยความพอใจ จากนี้พวกเขาจะได้ขายของอย่างสบายใจเสียที จ่ายค่าที่ให้กับทางการ แล้วยังต้องมาเสียรายวันให้กับ เจ้าอันธพาลสามตัวนี้อีก หากไม่ได้เด็กห้าคนนี้ เห็นทีต้องทนอยู่แบบนี้อีกนาน “หากท่านจะไปเป็นบ่าวรับใช้ก็ตามข้ามา” ตงหานเอ่ยขึ้น “นายน้อยข้าขอไปเก็บของก่อนได้หรือไม่ แล้วจะไปหาที่จวนของท่าน” “บ้านข้าไม่ได้ใหญ่โตถึงขั้นจวน รู้เช่นนี้แล้วยังจะตามไปรับใช้หรือไม่” ลี่อิงถามขึ้นมาบ้าง “แน่นอนขอรับ แต่ว่าข้ากับน้องชาย ขอไปเก็บของก่อน เพียงแค่นายน้อย และนายหญิงน้อยบอกข้าว่าจวนอยู่ตรงที่ใด ข้าจะรีบตามไปไปเลยขอรับ” ตงฮวนเอ่ยว่าบ้านหลังใหม่ที่อยู่ที่ใด สามบุรุษก็รีบจากไปด้วยใบหน้าที่ฟกช้ำ จากนั้นเด็กน้อยทั้งห้าคน ก็พากันเดินกลับบ้านเอะหรือจะเรียกจวนดีนะ เพราะเรือนที่ซิ่วอิงซื้อก็หลังใหญ่มากเรียกว่าจวนได้เลยนะ “ซิ่วอิงวันนี้ได้ช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าในตลาด ข้ารู้สึกดีมาก ๆ เลยละ” เจียวจูเอ่ยด้วยสีหน้าเบิกบานใจ “ข้าก็ว่าจะพูดแบบเดียวกับเจียวจู หรือว่าพลังที่พวกเราได้รับ เพื่อให้ช่วยเหลือปกป้องผู้คน?” ลี่อิงเอ่ยขึ้นมาบ้าง เพราะรู้สึกได้ถึงความผ่อนคลายสบายใจ “ก็พลังที่ไหลเวียนอยู่ในตัวพวกเจ้า เป็นพลังเทพ ยิ่งทำดีก็ยิ่งเหมือนเทพที่บำเพ็ญเพียร แต่เราเป็นมนุษย์ วิธีการจึงแตกต่างกันออกไป” “โอ้โฮซิ่วอิงเจ้าพูดจามีหลักการมาก สมแล้วที่พวกข้ายกเจ้าให้เป็นหัวหน้า” หานเกอเอ่ยชม พวกเขาเดินพูดคุยกันจนมาถึงจวน เมื่อมาถึงก็เห็นลุงฮุ่ยกวงและป้าหวังฟาง นั่งรออยู่หน้าจวน พวกเขาพอเห็นเด็กๆ กลับมาก็รีบลุกขึ้นด้วยความดีใจ เพราะเป็นห่วงที่ไม่เห็นพวกเขากลับมาเสียที “พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่ถึงนานเพียงนี้ รู้หรือไม่ว่ามีคนมากมายมารอพวกเจ้าอยู่ข้างใน” ป้าหวังรีบบอกทันทีด้วยสีหน้ากังวลนิด ๆ “มีคนมารอพวกข้า! ใครกัน?” “พวกเจ้าเข้าไปดูเองเถิด” ฮุ่ยกวงเอ่ยขึ้น เด็กน้อยทั้งห้าคน จึงรีบก้าวเท้าเข้าไปอย่างสงสัย ว่าใครกันที่มารอ แต่แล้วพวกเขาก็ต้องตกตะลึงตัวแข็งทือ นี่มันอะไรกัน! “นี่พวกท่านสามคน ไปพาคนพวกนี้มาจากไหนกัน?” ซิ่วอิงขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย “พวกเขาเหล่านี้เป็นเด็กกำพร้า ข้าสงสารเลยพาอยู่ด้วยกัน ที่ข้าทำตัวเป็นอันธพาลขูดรีดพ่อค้าแม่ค้า ก็เพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูพวกเขา” อู่ถงเอ่ยเสียงอ่อย สารภาพความจริงออกมา “แล้วพากันมามากขนาดนี้ แล้วข้าจะทำอย่างไร? ข้าดูแลไม่ไหวหรอกนะ” ซิ่วอิงเริ่มปวดหัวขึ้นมา เงินทองก็ไม่ได้มีมากขนาดนั้น หากต้องมีพวกเขามาเพิ่ม ก็ต้องรีบหาอะไรทำเพื่อจะได้มีรายได้ เฮ้อ! ปวดหัว “ซิ่วอิงแล้วแต่เจ้าตัดสินใจเลย พวกเรายอมรับการตัดสินใจของเจ้า” ตงหานเป็นตัวแทนเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของซิ่วอิง นางเพิ่งจะเก้าขวบ แต่ต้องมาแบกรับภาระหนักเช่นนี้ พวกเขาเองหากไม่มีนาง ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกัน จึงให้นางเป็นคนตัดสินใจ ฮุ่ยกวงและหวังฟางมองสถานการณ์อย่างเข้าใจความรู้สึกของเด็กน้อยซิ่วอิง บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ ทุกคนหันไปมองซิ่งอิงอย่างรอคอยคำตอบ ว่านางจะมีความคิดเห็นเช่นไรกับเรื่องนี้ อู่ถง อู่จิ้ง อู่หย่ง เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมา เมื่อเห็นว่าแม่นางน้อยซิ่วอิง คงเป็นคนที่สามารถตัดสินว่า จะให้พวกเขาอยู่หรือไป ท่าทางของนางดูลำบากใจมาก พวกเขาเข้าใจดีว่า การทำเช่นนี้เหมือนมัดมือชก แต่เขาก็ทนเห็นเด็ก ๆ นอนอยู่ตามถนนไร้บ้าน ทนนอนหนาวยามค่ำคืน อดมือกินมื้ออยู่อย่างยากลำบาก เมื่อเห็นแสงสว่างเขาจึงรีบไขว่คว้าเอาไว้ หากนางปฏิเสธพวกเขาก็คงต้องยอมรับ เพราะไม่สามารถบังคับนางได้เช่นกัน ซิ่วอิงยังคงตกอยู่ในภวังค์ความคิด นางเดินไปนั่งตรงม้านั่งตัวยาว ก่อนป้าหวังจะรีบมารินน้ำชาให้อย่างเอาใจ ทุกคนไม่กล้าเอ่ยสิ่งใด ปล่อยให้นางคิดไตร่ตรองอยู่เงียบ ๆ “ลุงฮุ่ยป้าหวัง…” สองสามีภรรยาเมื่อได้ยินนางเอ่ยชื่อของเขาทั้งสอง ก็แข้งขาอ่อนยวบ นางคงไม่ได้ให้พวกเขา เป็นคนไปหรอกนะ “ท่านสองคน” “คุณหนู อย่าให้ป้าไปเลยขอร้องละ จะให้ป้าทำอะไรป้ายินดีทำหมดเลย” ป้าหวังทรุดตัวลงนั่งกอดขาซิ่วอิง ก่อนจะร่ำไห้ออกมา ทุกคนมองภาพนั้น ด้วยความสงสารและสะเทือนใจ ความจนและลำบากยากแค้น มันน่ากลัวจริง ๆ ซิ่วอิงถอนใจออกมา “ท่านสองคนไปหาห้องหับ ให้พวกเขาทีเจ้าค่ะ เด็กผู้ชายให้อยู่ด้วยกัน เด็กผู้หญิงให้อยู่ด้วยกัน ช่วยนับให้ข้าด้วยว่ามีกี่คน” พอนางกล่าวจบ ทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ ก่อนจะเป็นอู่ถงที่รีบคุกเข่าลง และคนที่เขาพามา ก็ต่างพากันคุกเข่าลงเช่นกัน “ขอบคุณนายหญิงน้อย ขอบคุณนายหญิงน้อย” “ข้ากลายเป็นนายหญิงน้อยไปแล้วเฮ้อ!” ซิ่วอิงถอนใจออกมา ของฟรีไม่มีในโลกจริงด้วย ช่วยคนหนึ่งครั้ง มีคนมาอยู่ด้วยเป็นสิบ หากนางช่วยอีกก็ต้องมีเพิ่มอีก ไม่นะสวรรค์อย่าทำแบบนี้กับข้า “ขอบคุณนายหญิงน้อยเจ้าค่ะ” ป้าหวังรีบเอ่ยขึ้นก่อนจะรีบลุกขึ้นด้วยความดีใจ แล้วเดินไปเรียกทุกคนให้ตามไป “ท่านสามคนชื่ออะไรกันบ้างเจ้าคะ?” “ข้าชื่ออู่ถง ส่วนคนนี้อู่จิ้งและอู่หย่งขอรับ” “มาอยู่ด้วยกันก็เหมือนครอบครัวเดียวกัน เพราะฉะนั้น ท่านก็ควบคุมดูแลพวกเขาให้ดี ข้าไม่ได้มีเงินมากมาย ที่จะมาดูแลคนเยอะ ๆ ได้ ดังนั้นข้าต้องคิดวิธีหาเงิน โดยมีพวกท่านและทุกคนช่วย” “นายหญิงน้อย ขอเพียงแค่พวกข้ามีที่ซุกหัวนอน จะให้ทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นขอรับ” “อืม ท่านก็ไปดูพวกเขาเถิดว่า ที่หลับที่นอนเป็นเช่นไร กลางคืนคงต้องทนหนาวกันไปก่อน พรุ่งนี้ข้าจะไปซื้อผ้าห่มมาเพิ่ม ข้าจะไปดูอาหารว่าเพียงพอต่อทุกคนหรือไม่” ซิ่วอิงกล่าวจบก็ลุกขึ้น โดยมี ลี่อิน เจียวจู ตงฮวนและหานเกอเดินตามออกไป สามบุรุษยืนมองนางด้วยความซาบซึ้ง “พี่ใหญ่แม่นางน้อยผู้นี้ จิตใจดีมีเมตตาจริง ๆ นะขอรับ คราแรกข้าก็กลัวว่านางจะไล่พวกเราไป” ลู่จิ้งเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกประทับใจ “ได้พบกันถือเป็นวาสนา ข้าจะดีกับนางให้มาก ๆ” อู่หย่งเอ่ยขึ้นมาบ้าง “พวกเราต้องต้องจงรักภักดีต่อนาง ข้ามีความรู้สึกว่า นางเป็นคนไม่ธรรมดา ในภายภาคหน้านางต้องเป็นคนที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งแน่นอน” อู่ถงเอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจเด็กทั้งห้าคนกลับถึงจวน ด้วยความสบายใจเป็นอย่างยิ่ง ข้าวสารอาหารแห้ง ทางร้านจะมาส่งทีหลัง เพราะเถ้าแก่เจ้าของร้านยุ่งจนหัวหมุน พวกเขาทั้งห้าคนเห็นทุกคนเริ่ม ตุนเสบียงและอาหารเช่นนี้ ก็รู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยพวกเขา ก็ซื้อได้ในราคาปกติ หากรอไปซื้อในช่วงฤดูหนาว พ่อค้าคงขึ้นราคาเป็นแน่ “ป้าหวังที่จวนเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ” “ทุกอย่างเรียบร้อยดีเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ “ช่วงนี้ข้าฝากท่านป้าและลุงฮุ่ยช่วยดูแลจวนด้วยเจ้าค่ะ พี่อู่ถง พี่อู่จิ้ง พี่อู่หย่ง ต่อไปท่านทั้งสามคนช่วยดูแลเรื่องทั่วไปในจวน หากต้องการซื้ออะไรเพิ่ม หากจำเป็นก็ซื้อได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะฝากเงินไว้กับป้าหวัง พี่ซูผิงว่าง ๆ ก็ช่วยสอนเด็กๆ หัดคัดอักษรทีเจ้าค่ะ กระดาษและหมึก มีพร้อมไม่ต้องกังวล ช่วงนี้พวกข้ามีเรื่องให้ทำมากมาย หากวันไหนข้าไม่ได้ทำอาหาร ป้าหวังพาทุกคนทำเลยนะเจ้าคะ ให้ทุกคนได้กินอย่าปล่อยให้หิว เพื่อรอพวกข้าเจ้าค่ะ” “ขอรับ/เจ้าค่ะ ซิ่วอิงสั่งงานทุกคน เพราะตอนนี้นางและสหายมีเรื่องให้ทำมากมาย จึงไม่สามารถทำได้เหมือนแต่ก่อน “ท่านลุงช่วงนี้ยังไม่เป็ดให้ย่าง ท่านสามคนไปขนฟืนที่ช่างตัดต้นไม้มาไว้ที่จวนเจ้า
ไม่นานข่าวก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเหยียนฟางว่า หมู่บ้านเหยียนฟางมีผีร้าย ข่าวลือเรื่องนี้ทำเอาผู้คนขนลุกขนชันด้วยความหวาดกลัว เพราะไม่ใช่เพียงทหารคนเดียวที่พบ แต่เป็นทหารหลายสิบคน รวมทั้งท่านเจ้าเมืองและนายอำเภอ ซิ่วอิงและสหาย ที่ออกมาสั่งของที่ตลาด พอได้ยินข่าวนี้ ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ด้วยความสะใจ สมน้ำหน้า! “ฮ่า ๆ ข้าละสะใจจริง ๆ” หานเกอเอ่ยขึ้น “ใช่สมน้ำหน้า ไปรบกวนวิญญาณคนตาย ก็ต้องเจอดีแบบนี้” เจียวจูเสริมขึ้น “ซิ่วอิงวิญญาณพวกเขา ยังไม่ไปเกิดใหม่อีกเหรอ?” ลี่อินเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ข้าคิดว่าพวกเขา คงยังเป็นห่วงสมบัติอยู่ เลยยังไม่จากไปไหน” “ซิ่วอิงข้าคิดแผนออกมาได้แล้ว” ตงฮวนเอ่ยขึ้นด้วย ท่าทางเจ้าเล่ห์ “แผนอะไรรึ?” ซิ่วอิงหันมาถามอย่างสนใจ “ก็แผนไปสำรวจพื้นที่แถบนั้นนะสิ” “แต่ว่าตงฮวนเจ้าไม่กลัวผีรึ?” เจียวจูถามขึ้น “จะกลัวทำไมวิญญาณเหล่านั้น เป็นคนในครอบครัวของเราที่ถูกฆ่า ข้าดีใจเสียอีกหากว่าจะได้พบพวกเขาอีก” ซิ่วอิงฟังจากที่ตงฮวนพูดก็ครุ่นคิด แผนของเขาดีมากเลยทีเดียว ตงฮวนเป็นเด็กฉลาด เขาสามารถฟังและวิเคราะห์ ได้อย่างดีเยี่ยม“แล้วจะไปสำรวจยังไง ไม่ใช่ว่าพวกเ
เช้าวันนี้มีประกาศจากทางการว่า มีแจ้งเบาะแสว่าพบเจออดีตฮ่องเต้ หลบหนีอยู่ที่หมู่บ้านไฉ่หลิน ทางการจึงจำเป็นต้อง ส่งคนไปตรวจสอบ อู่ถงรีบเข้ามารายงานอีกเช่นเคย เพราะเขามีหน้าไปจ่ายของที่ตลาด จึงพบเห็นทางการออกมาปิดประกาศข่าวสาร ให้ผู้คนได้รับรู้ “นายหญิงน้อย ดูเหมือนทางการจะออกมาติดประกาศแจ้งข่าวขอรับ” “แจ้งว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?” “แจ้งว่าพบเจอ อดีตฮ่องเต้หลบหนีไปอยู่แถว ๆ หมู่บ้านไฉ่หลินขอรับ” ซิ่วอิงจากที่กำลังผัดผัก ก็ต้องหยุดชะงักลงทันที ทางการคงอ้างเหตุผลนี้ เพื่อเข้าไปตรวจค้นสมบัติ ที่หมู่บ้านไฉ่หลินเป็นแน่ หากเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่า ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ยังไม่รู้เรื่องนี้ และดูเหมือนท่านเจ้าเมือง จะทำการปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ “แล้วยังมีข่าวอย่างอื่นอีกหรือไม่เจ้าคะ?” “ไม่มีแล้วขอรับ” เขาตอบเสร็จก็เดินไปยกของลงจากรถวัวเทียมเกวียน ซิ่วอิงจึงหันมาหาสหาย ที่ช่วยงานกันอยู่ในครัว “ท่านเจ้าเมืองคงเริ่มให้ทหารไปสำรวจพื้นที่แล้ว ข้าลืมบอกพวกเจ้าไป ก่อนหน้านี้ข้าได้ฝันเห็น วิญญาณของทุกคนที่จากไป บิดาของข้ายังบอกอีกว่า พื้นที่แถบนั้นมีสมบัติซ่อนอยู่” “จริงเหรอซิ่วอิง” หานเกอถามขึ
เฉินซีฮัน เฉินเจียวหมิง เฉินจางหย่ง ยังคงปูที่นอนบนพื้นข้างเตียงของพวกนาง ซิ่วอิง ลี่อินและเจียวจู หลังจากชำระร่างกายเสร็จ ก็ให้พี่อู่ถงและพี่อู่จิ้งมาเปลี่ยนน้ำให้ และให้พวกเขาเข้าไปชำระร่างกาย นางนึกเห็นใจสามพี่น้องสกุลอู่ ที่ทำงานกันอย่างขยันขันแข็งและไม่ปริปากบ่น คงเพราะนางรับทุกคนมาอยู่ด้วย พวกเขาเลยรู้สึกเกรงใจ จึงพยายามทำงานทุกอย่างที่สามารถทำได้ แต่ตอนนี้มีคนมาเพิ่มแล้ว นางจะให้คนมาช่วยงานพวกเขา จะได้ไม่ไปหนักที่พวกเขาสามคนจนเกินไป ขนาดยามนี้ดึกมากแล้ว พวกเขายังทนรอรับใช้ นางรู้สึกซาบซึ้ง น้ำใจพวกเขาจริง ๆ อีกไม่นานเรือนพักก็จะสร้างเสร็จ ทุกคนจะไม่ต้องอยู่กันอย่างแออัดอีกต่อไป จวนที่ท่านปู่ให้คนมาสร้าง นางก็บอกช่างให้ทำใหญ่ไปเลย และมีเรือนแยกอีกหลายหลัง เพราะที่ดินกว้างมากจึงสามารถทำได้ ซิ่วอิงนอนคิดเรื่องราวจนผล็อยหลับไป พร้อมลี่อินและเจียวจู พวกเขาเมื่อออกมาจากห้องอาบน้ำ ก็มอง เด็กน้อยทั้งสามคนอย่างเอ็นดู เป็นเพียงเด็กแค่10ขวบ แต่ต้องมาทำอะไรมากมายเช่นนี้ โชคชะตาช่างเล่นตลกกับชีวิตคนเสียจริง พวกเขาล้มตัวลงนอนก่อนจะพากันหลับไป วันต่อมาที่โรงเตี๊ยมฟู่จิน วันนี้ทุกอย่างด
“ข้าว่าให้พวกเขาเข้าไปอยู่ในพื้นที่แห่งใหม่น่าจะได้” ตงฮวนเอ่ยขึ้นอย่างวิเคราห์ ซึ่งตรงกับความคิดของซิ่วอิงพอดี เพราะตอนนี้มีพื้นที่แห่งใหม่ที่ใหญ่และกว้างขึ้น แม้จะมีข้าวของเครื่องใช้เหมือนที่นี่ แต่ชีวิตของพวกเขาปลอดภัยแน่นอน “ท่านไปพาพวกเขามาเถิด ระวังตัวด้วยเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงเอ่ยบอกเจียวหั่ว “ขอรับ” เจียวหั่วจึงรีบใช้วิชาตัวเบากระโดดหายไปทันที “เรามากินอาหารกันเถอะ ข้าหิวจนจะกินคนได้อยู่แล้ว พี่จือไฉ่ พี่จือหยวน ข้ารบกวนไปยกโต๊ะเก้าอี้มาที่ครัวทีเจ้าค่ะ” “เดี๋ยวข้าไปช่วย” เฉินซีฮันเอ่ยขึ้น เพราะเวลานี้ฐานะเขาเปลี่ยนไปแล้ว เขาคิดว่าสิ่งไหนที่ช่วยนางได้เขาก็ยินดีช่วยทำ เฉินเจียวหมิงและเฉินจางหย่ง ต่างก็รีบออกไปช่วยยกโต๊ะเก้าอี๊เข้ามา พอทุกคนมานั่งกันครบแล้ว ซิ่วอิงก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเบิกบาน “วันนี้เป็นวันเกิดของข้า ลี่อิน เจียว ลี่อิน เจียวจู ตงฮวน หานเกอ พี่ซีฮัน พี่เจียวหมิงและพี่จางหย่ง แต่เพราะวันนี้ที่โรงเตี๊ยมยุ่งมากและพรุ่งนี้ก็ยังจะยุ่งอีก เพราะฉะนั้นวันนี้เราก็กินกันพอประมาณ พอทุกอย่างลงตัวดีแล้ว พวกเราค่อยฉลองใหญ่กันเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงให้ลี่อินชงชา เจียวจูและนางช่วยกันส
ทางด้านตระกูลเฟยยามนี้ เฟยเจินเฉิงตกใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เขาไม่อยากเชื่อว่ามันจะเป็นเรื่องจริง บิดาเขาส่งคนไปใส่ร้ายโรงเตี๊ยมฟู่จิน เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบิดาเขา จะมีความคิดชั่วร้ายเช่นนี้ การแข่งขันในวันนั้น เขายอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี และไม่เคยคิดโกรธเคืองผู้ชนะเลยสักนิด แต่มาวันนี้ไม่ว่าเขาจะเดินไปที่ใด ผู้คนต่างมองมาที่เขาด้วยสายตาตำหนิ พอเขาได้สอบถามถึงได้รู้ความจริง เขารู้สึกผิดหวังกับการกระทำของบิดาจนพูดไม่ออก เสียงผู้คนกล่าวถึงไม่ใช่มีเพียงตระกูลเฟย แต่ยังมีตระกูลจิน ที่กระทำการน่าละอายเช่นเดียวกัน พวกเขาเป็นอะไรกันไปหมด นางเป็นเพียงเด็กน้อยแต่มีความสามารถ ทุกคนควรให้การยอมรับ ไม่ใช่หาเรื่องใส่ร้ายกันเช่นนี้ นี่มันเข้าทำนองผู้ใหญ่รังแกเด็กชัด ๆ เมื่อเฟยเจินเฉิงกลับถึงจวน ก็ตรงไปหาบิดาและมารดาทันที เรื่องนี้เขาคิดว่า บิดาของเขาควรไปขอโทษ ทางโรงเตี๊ยมฟู่จิน ที่ทำให้ได้ความเสียหาย “ท่านพ่อ! ท่านทำแบบนี้ได้อย่างไรกันขอรับ ตอนนี้ผู้คนต่างพูดกันไม่หยุดปาก ถึงตระกูลเราที่ทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนั้น” เฟยเจินเฉิงเอ่ยด้วยสีหน้าผิดหวังและเจ็บปวดใจ “ข้าไม่ได้ตั้ง







