Home / อื่น ๆ / ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี / บทที่ 20 เมื่อมีหนึ่งย่อมมีสอง

Share

บทที่ 20 เมื่อมีหนึ่งย่อมมีสอง

last update Last Updated: 2025-12-02 19:12:10

บทที่ 20 เมื่อมีหนึ่งย่อมมีสอง

       ว่านเฟยเฟิ่งที่นอนต่อไม่ได้ลุกขึ้นมาจัดการงานของตนเองที่จำเป็นต้องทำให้เรียบร้อย เพราะอุบัติเหตุเมื่อวานจึงทำให้เธอตัดสินใจขายแค่สปาเกตตีที่เตรียมไว้แล้ว และไม่ทำมันต้มราดซอส ส่วนอาหารหวานเปลี่ยนมาทำแป้งโมจิที่นึ่งล่วงหน้า แล้วค่อยไปย่างและทาซอสตามที่ลูกค้าเลือกหน้าร้าน

       วันนี้เธอกล้าจุดไฟเองแล้ว จึงไม่ต้องไปปลุกให้ใครมาช่วยเหลือ แป้งโมจิถูกผสมขึ้นอย่างคล่องแคล่ว โชคดีที่ระหว่างมาเป็นนักเรียนทุนเธอมักจะทำงานพิเศษในร้านอาหารต่างๆ ควบคู่ไปเสมอ จึงมีฝีมือมาหากินได้เช่นนี้

       เมื่อผสมดีแล้วก็ถูกนำไปนึ่ง ระหว่างรอเฟยเฟิ่งก็ไม่ได้ทิ้งเวลาให้ว่างเปล่าตั้งอีกหม้อเพื่อทำซอสเค็มก่อนทันที น้ำมันเล็กน้อยและกระเทียมสับละเอียดถูกผัดจนส่งกลิ่นหอม จากนั้นน้ำเปล่าที่ใกล้หมดโอ่งเต็มทีถูกตักใส่หม้อตามด้วยน้ำปลา ซอสถั่วเหลือง น้ำตาล และเกลือ เฟยเฟิ่งคนจนน้ำตาลละลาย เธอก็ซอยต้นหอมตามลงไป 

       หลังคนจนเดือดรอบหนึ่งแล้วก็ใส่แป้งข้าวโพดตามลงไปเล็กน้อยให้ตัวซอสเหนียวขึ้น เมื่อเหนียวได้ทีก็ยกลงแบ่งเป็นสองถ้วย ถ้วยหนึ่งปิดให้เรียบร้อย ส่วนถูกที่สองเฟยเฟิ่งสับพริกให้ละเอียดแล้วใส่ลงไป ได้มาเป็นซอสเค็ม และซอสเผ็ดจากการลงมือทำครั้งเดียว

       ส่วนซอสหวานเฟยเฟิ่งตัดสินใจทำซอสรสส้ม ส้มที่เธอซื้อมาถูกน้ำมาคั้นน้ำไว้ทำซอสเกือบทั้งหมด แต่เมื่อเห็นว่ายังเปรี้ยวไม่พอก็เพิ่มส้มจี๊ดเธอเพิ่งเห็นว่ามีปลูกหน้าบ้านตามลงไปด้วย จากนั้นก็เติมน้ำตาลน้ำเปล่า และแป้งข้าวโพดให้จับตัว ชิมรสชาติจนมั่นใจ รายการขายวันนี้ก็ใกล้จะครบถ้วน

“เธอทำอะไรอยู่” เสียงของหญิงวัยกลางคนถามขึ้น

“ทำของไปขายน่ะสิ ไว้ฉันจะทิ้งไว้ให้ป้าชิมนะ”

“ไม่ได้ขายอย่างเดิมหรอกเหรอ” ซูเจินขมวดคิ้วสงสัย

“ฉันกลัวลูกค้าจะเบื่อเอา รอฉันคิดอาหารคาวออกเดี๋ยวก็คงจะเปลี่ยน หมุนเวียนไปเรื่อยๆ ลูกค้าจะได้ตั้งตารอดูด้วย” เฟยเฟิ่งยิ้มเปิดดูแป้งที่นึ่งไว้ว่าพร้อมเอามาทุบและปั้นแล้วหรือยัง

       ในระหว่างที่เฟยเฟิ่งกำลังยกแป้งนึ่งลงมา จื่อซวานก็เดินมาดูที่หลังบ้านพอดี และเขาเดินไปส่องโอ่งใส่น้ำเป็นอย่างแรก

“จะหมดแล้ว” จื่อซวานกล่าวก่อนจะหันมามองเฟยเฟิ่ง “วันนี้น้าเฟิ่งไปกับซูลี่สองคนนะ ผมต้องตักน้ำ”

“ไปตักเองเลยเหรอ”

“ปกติจะเป็นจื่อหาน หรือว่าฉัน แต่ปีนี้ขาของฉันไม่ได้จริงๆ จื่อซวานเลยเป็นคนทำเวลาที่จื่อหานไม่อยู่” ซูเจินพูดออกมาจากในบ้าน

“ไม่เหนื่อยเหรอ น้าไปช่วยดีกว่า”

“น้าไปหาเงินเถอะ แค่เดินหลายรอบหน่อยไม่เป็นไร ยังไงบ้านเราก็ใกล้น้ำที่สุด” 

       จื่อซวานไม่พูดพร่ำหยิบถังแล้วเดินออกจากบ้านไปทันที แหล่งน้ำที่ว่าอยู่หลังที่ดินที่เฟยเฟิ่งเช่าเพิ่มไปไม่ไกลนัก เธอจึงสบายใจที่จะให้เด็กน้อยไปในเวลานี้ เพราะหากไกลกว่านี้อย่างไรก็ต้องไปด้วย เพราะเธอไม่มีทางรู้ได้เลยว่าฆาตกรของหมู่บ้านนี้ จะเริ่มลงมือครั้งแรกในอีกห้าปีข้างหน้าจริงหรือไม่ นั่นเป็นแค่โครงกระดูกที่เก่าที่สุดที่ขุดพบก่อนเธอจะตายเท่านั้น 

      ระหว่างเด็กน้อยขนน้ำ เฟยเฟิ่งก็ปั้นแป้งให้เป็นก้อน วางให้ห่างกันเล็กน้อยผึ่งลมเย็นไว้ เมื่อปั้นเสร็จทั้งหมดซูลี่ก็ออกมาพอดี เฟยเฟิ่งจึงไปจัดของเข้ารถเข็น และสั่งให้ซูลี่คอยดูไม่ให้มีแมลงมายุ่งกับโมจิก้อน เมื่อจัดของเสร็จก็เร่งไปตักน้ำช่วงเด็กน้อย กว่าจะเสร็จก็เกือบล้าง แต่ก็ยังพอจะล้างหน้าแปรงฟันไปตลาดกันทันทุกคน

“เด็กๆ ยื่นมือออกมา” เฟยเฟิ่งสั่งเมื่อวางส่วนที่แยกไว้ให้แม่สามีเสร็จเรียบร้อยแล้ว

“น้าจะตีเหรอ ซูลี่ไม่เห็นแมลงจริงๆ นะคะ” ซี่ซูลี่แบะปากคล้ายว่าจะร้องไห้

“ใช่ที่ไหนกันนี่ค่าแรงเมื่อวาน น้ามาคิดดูแล้วคนทำงานควรได้เงิน” เงินหนึ่งหยวนถูกวางลงในมือเด็กทั้งสองคน

“แล้วงานบ้านได้เงินด้วยไหมครับ” จื่อซวานตาเป็นประกาย

“บ้านคือที่ที่เราอยู่ ใครอยู่ในบ้านต้องช่วยกันดูแล ค่าจ้างจะได้เฉพาะเมื่อเป็นการไปขายของ หรือไปช่วยน้าในบ้านผัก” เฟยเฟิ่งอธิบายออกไป 

“แต่ถ้าไปโรงเรียนแล้วยังช่วยงานบ้านอยู่เหมือนเดิมน้าจะให้เงินเพิ่ม เพราะถือว่ามีสองหน้าที่”

“เข้าใจแล้ว ตอนนี้มีหน้าที่เดียวไม่ได้เงิน” จื่อซวานสรุปออกมา

“ก็ประมาณนั้น”

“ก่อนซื้อของต้องขอน้าไหมคะ” ซูลี่ถามออกมาบ้าง

“เงินของพวกเธอ จะใช้ยังไงก็ได้ตามใจชอบ แต่ใช้แล้วคุ้มค่าไหมก็ต้องคิดให้ดี จะใช้ให้หมดในวันเดียว หรือจะสะสมไว้ซื้อของที่ต้องการก็ได้” 

       ว่านเฟยเฟิ่งพูดแค่นั้นก็ดันตัวเด็กทั้งสองออกไปจากบ้านทันที เพราะอย่างไรก็ต้องรีบไปขายของที่ตลาด โดยที่ไม่รู้เลยว่าคำสอนของเธอไปขัดใจย่าของเด็กๆ ที่รู้สึกว่าควรจะต้องเก็บไว้ไม่ใช้ และนำมาตอบแทนบุญคุณญาติผู้ใหญ่ต่างหาก

“ไม่ได้นะ เงินตั้งหนึ่งหยวน เด็กไม่ถึงสิบขวบ…ฮึ่ย ฟังบ้างสิ จะมาตามใจหลานฉันให้เป็นคุณหนูคุณชายอย่างเธอไม่ได้นะ” ซูเจินพยายามจะเดินตามออกไปแต่เพราะข้อเข่าก็ไม่อาจตามไปพูดได้อย่างใจ

       แต่แม้จะรีบแค่ไหนว่านเฟยเฟิ่งก็ยังต้องหยุดมอง เพราะหน้าบ้านอันบัดนี้มีเสียงประทัดดังขึ้นต่อเนื่อง และมีผู้คนมามุงดูอยู่มากมาย

“ร้านชำบ้านอันยินดีต้อนรับทุกท่าน ร้านเราเปิดทั้งเช้าและบ่าย มาเวลาไหนสะดวกเวลานั้น!” เสียงของอันส่งจื่อดังขึ้น และเขาจงใจมองผ่านฝูงชนมายังว่านเฟยเฟิ่งที่เข็นรถผ่านหน้าบ้าน

“ดีจริงๆ ใกล้บ้านฉันกว่าบ้านซีเยอะ”

“มีสองร้านแบบนี้ต้องลดราคาแข่งกันแล้ว”

“จริงๆ แม่พูดถูกที่สุดต้องแข่งกันให้ดี”

       ว่านเฟยเฟิ่งรู้ดีว่าการซื้อของราคาส่งมาขายราคาปลีกนั้นเป็นธุรกิจที่ใครๆ ก็ทำได้ขอแค่มีเงินทุน และไม่นานคงถูกลอกเลียนแบบ แต่ก็ไม่คิดเช่นกันว่าวันที่ว่าจะมาถึงเร็วเช่นนี้

“น้าเฟิ่งเราจะทำยังไงดี พวกบ้านอันทำตามเราแล้ว ไม่มีความคิดเป็นของตัวเองรึไงกัน” ซีจื่อซวานพูดออกมาอย่างแค้นใจ

“พวกบ้านอันนิสัยไม่ดี” ซูลี่หันไปด่าเสียงเบาให้พอได้ยินกันเพียงสามคน

“เอาเถอะเมื่อมีหนึ่งย่อมมีสอง เราทำได้คนอื่นก็ทำได้ เราแค่ต้องตั้งใจทำงาน ซื่อสัตย์กับลูกค้า ต่อไปใครจะซื้อร้านไหนก็สิทธิ์ของเขา เราแค่ต้องทำให้ดีที่สุด”

       ว่านเฟยเฟิ่งไม่กลัวการแข่งขันเด็กบริหารจากยุคสองพันยี่สิบห้าย่างเธอไม่กลัวชาวบ้านที่ทำได้แค่เดินตามเธอแน่ ลูกไม้การตลาดในหัวของเฟยเฟิ่งยังมีไม่รู้จบ เหมือนที่ร้านขายผักมีมากมายหลายร้าน แต่เหตุใดร้านผักป้าจูเหมยจึงเป็นอันดับหนึ่งเล่า การตลาดของป้าจูคือคุณภาพสินค้าและข่าวซุบซิบ การตลาดของเธอคือสิ่งใดก็ต้องคอยค้นหาไป

       ส่วนร้านของแห้งที่ไม่ทำตามที่รับปากไว้ เธอก็จดไว้ในใจแล้วเช่นเดียวกัน วันข้างหน้าหากมีร้านมากขึ้น หรือตัวเธอสามารถเข้าไปซื้อในเมืองได้ก็คงถึงเวลาตัดขาด

“ว่านเฟยเฟิ่งมาเร็วเข้า ป้าจองที่ข้างกันไว้ให้แล้ว” 

       เมื่อนึกถึงก็ได้พบหน้าในทันที จากคนที่ด่ากันลั่นตลาด ยามนี้กลับกลายมาเป็นคนที่ดูสนิทสนมกันเสมือนป้าหลานร่วมวงศ์ตระกูล เพราะการทวงชื่อเสียงที่เสียหายเมื่อยี่สิบปีที่แล้วคืนให้แก่สตรีผู้นี้จึงเป็นบุญคุณที่ผูกโยงให้จูเหมยเปลี่ยนมุมมองทุกอย่างที่มีต่อเฟยเฟิ่งไปทั้งหมด

“ขอบใจจ้ะ ทำเลตรงนี้ดีจริงๆ ใครก็ต้องผ่านมา” เฟยเฟิ่งยิ้มกว้างออกมาว่าวันนี้ไม่ต้องให้เด็กทั้งสองวิ่งตะโกนหาลูกค้าแล้ว สามารถอยู่ล้างจานหลังร้านได้สบายๆ เลย

“เอ๋…นั่นมีคนมาขายกับข้าวเพิ่มด้วย คุ้นๆ ว่าเป็นคนหมู่บ้านฉันที่แต่งไปบ้านอันรึเปล่า” จูเหมยกระซิบเบาๆ 

“คงใช่ค่ะ วันนี้เป็นร้านขายของหน้าบ้านเหมือนฉัน ส่งสะใภ้ออกมาขายกับข้าว คงตั้งใจจะเปิดศึกเต็มที่” 

      ว่านเฟยเฟิ่งมองหน้าคนที่ยืนอยู่ฝั่งบ้านอันตอนมาหาเรื่องเธอเมื่อวานไม่วางตา สายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบที่ร่างนี้เคยชินและใช้มองคนอย่างเหยียดหยามมาเสมอ

“มองทำไม ฉันหน้าเหมือนบุพการีคนไหนของเธอกัน”

“ไม่นะ พ่อแม่ฉันไม่ได้หน้าเหมือนหมา” เฟยเฟิ่งยกยิ้มพร้อมกับยักคิ้วกวนประสาทส่งไปให้ผู้หญิงที่เธอก็ยังไม่รู้ว่าเป็นภรรยาของใครในบ้านอัน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 39 เอาอาหารไปส่งสามี

    บทที่ 39 เอาอาหารไปส่งสามีสองสัปดาห์ผ่านไปแปลงผักในพื้นที่หลังบ้านเริ่มที่จะเข้าที่แล้ว ช่วงแรกแม้จะทดลองปลูกกันไปแล้ว แต่การจัดสรรพื้นที่ยังไม่ลงตัวจึงทำให้ต้องลดปริมาณผักที่เก็บไปส่งให้ป้าจูด้วย แต่เมื่อตกลงกันกับเด็กๆ เรียบร้อยแล้ว เฟยเฟิ่งก็ให้เด็กทั้งสองเดินหน้าเต็มกำลังหลังบ้านซีไม่มีพื้นที่ส่วนใดที่ไร้ประโยชน์ พื้นที่จุดที่ได้รับเฉพาะแดดเช้าลงผักที่ไม่ต้องการแดดมาก ในโรงเรือนมีเห็ดหลากชนิดให้หมุนเวียนตัดไปกินและขาย เหนือพื้นดินด้านนอกมีราวไม้สำหรับแขวนกระถางปลูกผักเพิ่ม อีกแถวไว้ปลูกกล้วยไม้สวยงามจากในมิติที่เฟยเฟิ่งอ้างว่าพบเจอบนภูเขา หากขยายพันธุ์ให้ดีก็สามารถทำเงินได้ ด้วยผู้คนยังนิยมให้กันเป็นของขวัญนอกจากนั้นแล้วยังมีไก่ที่ซีจื่อซวาน

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 38 หาวิธีคุยกับผีในบ้าน

    บทที่ 38 หาวิธีคุยกับผีในบ้านว่านเฟยเฟิ่งทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้สามีกังวลใจ แต่ก็ไม่ได้ทิ้งให้เป็นทุกข์นาน หยิบเห็ดหลินจือที่ทดลองเพาะอย่างลับๆ ออกมาให้จื่อหานดู พร้อมกับถุงใส่สปอร์เห็ดที่เก็บสำเร็จมาแล้วรอบหนึ่งออกมาไว้ข้างกัน“น่ะนี่มัน…?”“เห็ดหลินจือน่ะสิคะ” เฟยเฟิ่งที่เข้าไปปลูกในมิติเมื่อรู้ว่าทำได้ก็คิดจะเอามาขยายให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่เธอเองก็รู้ตัวว่าคงทำเองไม่ไหว จึงคิดจะสอนจื่อหานแล้วยกให้เขาลงแรงไปเสีย“คุณไปเอามาจากไหน”“มีเทพเอามาให้ค่ะ ล้อเล่นค่ะ ก็เก็บมาสิคุณ ฉันตัดใจไม่ขายเพราะจะเอามาทดลองปลูกเลยนะว่าเราเพาะได้ไหม และคำตอบก็คือได้ แต่ว่าฉัน

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 37 ปู่ว่านมาถึงบ้าน

    บทที่ 37 ปู่ว่านมาถึงบ้าน“อาเฟิ่งคิดอะไรแบบนั้น เป็นไปไม่ได้หรอก ทุกครั้งที่มีคนหายไปเป็นช่วงที่อาเล็กไปทำงานในเมืองทั้งนั้น อีกอย่างผู้หญิงจะหายไปแค่ช่วงฤดูหนาว ช่วงนี้ทุกคนยังปลอดภัยค่ะ”“หายแค่ฤดูหนาวเท่านั้นเหรอ”เฟยเฟิ่งพึมพำกับตัวเองไม่ได้ฟังพวกผู้ชายถกเถียงกันเรื่องนี้อีก นั่นหมายความว่าช่วงเวลาที่เฟยเฟิ่งรู้มานั้นไม่ถูกต้อง ฆาตกรคนนั้นเริ่มลงมือแล้ว แต่เมื่อพ้นฤดูหนาวมาแล้วแปลว่าเธอยังคงปลอดภัย นั่นย่อมหมายความว่าก่อนที่ฤดูหนาวถัดไปจะมาถึง เธอจำเป็นจะต้องซื้อบ้านในเมืองให้ได้เพื่อความอยู่รอด!...&nbs

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 36 ฉันแต่งงานกับใครกันแน่!

    บทที่ 36 ฉันแต่งงานกับใครกันแน่!ทุกฤดูเพาะปลูกหมู่บ้านจะจัดการประชุมใหญ่ขึ้น เพราะต้องการสร้างความเข้าใจให้ตรงกันทุกครัวเรือน ยิ่งปีนี้ปรับมาทำนาแบบบ้านใครบ้านมันแล้ว ยิ่งต้องคุยให้ชัดเจน แม้จะแจ้งและแบ่งที่ไว้แล้วก็ต้องย้ำอีกครั้งว่านเฟยเฟิ่งไม่ว่าจะเป็นดวงจิตเดิมหรือดวงจิตใหม่ต่างก็ไม่เคยอยู่ในเหตุการณ์ประชุมหมู่บ้านจึงรู้สึกตื่นเต้น ทั้งยังพิถีพิถันเลือกชุดเสมือนว่าจะไปประกวดนางงาม เด็กน้อยทั้งสองก็ถูกเธอจับขัดตัวทำผมให้ดูเหมือนลูกคนมีเงิน จะติดก็แต่เสื้อผ้าที่ดูซีดไปเสียหน่อย“น้าละเลยเรื่องเสื้อผ้าพวกเธอเกินไปแล้วจริงๆ หน้าตาก็ดูดีมีสกุล แต่สีเสื้อซีดยิ่งกว่าอะไรดี ไม่ได้การ”“เอาไว้จะย้อมสีให้ใหม่ ไ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 35 ทำไมต้องแกล้งน้าเฟิ่ง

    บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป“ที่ระบายอารมณ์เนี่ยนะ คุณจะบ้ารึไงคะ ฉันไม่ใช่คนโรคจิตแบบนั้นนะ ปล่อยข้อมือฉันก่อน”“ก็คุณไง รับไม่ได้ที่ต้องมาชนบทเลยมาลงที่ลูกผม เมื่อกี้ก็เหมือนกัน ทำจนชินมือเลยล่ะสิ คล่องจริงนะกับการตีลูกคนอื่น”“ตบๆ สองทีแบบนี้มันเจ็บรึไง ตั้งสติก่อนไหมคะ ไหนเรื่องอื่นยังรอฟังได้ ทำไมครั้งนี้ไม่รอถามความจริงจากฉันบ้างเลยคะ” ว่านเฟยเฟิ่งร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความผิดนี้ไม่ใช่เธอก่อ แต่จะพูดอย่างไรว่าวิญญาณในร่างเป็นคนละดวง ใครที่ไหนจะเชื่อเธอกันมือเล็กทั้งสองถูกยกขึ้นปิดหน้าในตอนที่เธอปล่อยโฮออกมา เฟยเฟิ่งพยายามคิดหาเหตุผลว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรให้เหมาะสม ซีจื่อหานเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้สติ เขาใช้มือหยาบกร้านลูบไปบนหัวเธอ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป

    บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป“ที่ระบายอารมณ์เนี่ยนะ คุณจะบ้ารึไงคะ ฉันไม่ใช่คนโรคจิตแบบนั้นนะ ปล่อยข้อมือฉันก่อน”“ก็คุณไง รับไม่ได้ที่ต้องมาชนบทเลยมาลงที่ลูกผม เมื่อกี้ก็เหมือนกัน ทำจนชินมือเลยล่ะสิ คล่องจริงนะกับการตีลูกคนอื่น”“ตบๆ สองทีแบบนี้มันเจ็บรึไง ตั้งสติก่อนไหมคะ ไหนเรื่องอื่นยังรอฟังได้ ทำไมครั้งนี้ไม่รอถามความจริงจากฉันบ้างเลยคะ” ว่านเฟยเฟิ่งร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความผิดนี้ไม่ใช่เธอก่อ แต่จะพูดอย่างไรว่าวิญญาณในร่างเป็นคนละดวง ใครที่ไหนจะเชื่อเธอกันมือเล็กทั้งสองถูกยกขึ้นปิดหน้าในตอนที่เธอปล่อยโฮออกมา เฟยเฟิ่งพยายามคิดหาเหตุผลว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรให้เหมาะสม ซีจื่อหานเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้สติ เขาใช้มือหยาบกร้านลูบไปบนหัวเธอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status