Share

บทที่ 2 ไม่หย่า

last update Huling Na-update: 2025-07-07 16:52:02

เมื่อแม่เฒ่าจางและคนอื่นๆ พากกันออกไปซิ่วอิงก็อุ้มซีห่าวมานั่งบนเตียงเตาก่อนจะสำรวจดูซูเม่ย เมื่อเห็นว่าไม่บาดเจ็บตรงไหนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอนำไข่ต้มที่ซ่อนไว้นำมาแบ่งให้เด็กๆ ไม่สนสายตาของจางจื่อหานที่มองมาที่เธอ มองแล้วอย่างไรเธอไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อยในเมื่อเด็กๆ ก็เป็นคนบ้านนี้เป็นหลานของย่าเหมือนกันทำไมพวกเขาจะกินไม่ได้ คราแรกเธอไม่ได้สนใจเขาแต่พอถูกจ้องมองนานๆ ก็รู้สึกอึดอัด ซีซวนปลีกตัวออกไปบอกว่าจะไปอาบน้ำ ซูเม่ยหลบไปนั่งอีกฝั่งอย่างเงียบมีเพียงซีห่าวที่ยังคงกอดเธอไว้อยู่

“ถ้าคุณจะหย่าก็ได้ แต่ต้องให้เด็กๆ เลือกว่าจะอยู่กับใคร” ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหวความอึดอัดไม่ไหวพูดมันออกมา

“…..” เขายังคงเงียบจนซิ่วอิงคิดว่าเขาไม่มีปากหรือไง หรือเป็นคนไม่ค่อยพูด?

“ที่แม่บอกว่าฉันขโมยไข่ เรื่องนี้ฉันคิดว่าฉันไม่ผิดทำไมลูกๆ ของพี่ชายคุณกินได้แต่ทำไมลูกของฉันกินไม่ได้” ซิ่วอิงไม่คิดที่จะปิดบังความจริง

“…..” จางจื่อหานมองหน้าภรรยาอย่างครุ่นคิด เธอเป็นใครกัน? เขารู้ว่าเธอไม่ใช่ภรรยาของเขาเพราะตอนที่เราทั้งสองคนสบตากันเขาเห็นร่างของใครบางคนซ้อนทับเธอ คนๆ นั้นหน้าตาเหมือนภรรยาของเขาเพียงแต่การแต่งกายแบบนั้นไม่คุ้นตามาก่อน แต่พอเธอเป็นแบบนี้หัวใจของเขากลับเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“พวกเขาบอกว่าคุณไม่อยู่บ้านดูแลพ่อแม่เพราะงั้นควรส่งเงินเพื่อแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่และพี่ชาย ส่วนลูกเมียอดอยากก็ไม่เป็นไร พ่อแม่และครอบครัวพี่ชายของคุณได้กินข้าววันละสามมื้อ ลูกของพี่ชายคุณได้กินไข่ทุกวัน แต่พวกเรากลับได้กินแค่โจ๊กเนื้อหยาบวันละมื้อ ถ้าคุณคิดว่าสิ่งที่พวกเขาทำมันถูกต้องงั้นเราก็หย่ากันเถอะ” เมื่อเห็นว่าเขาเอาแต่เงียบซิ่วอิงก็พูดทุกอย่างให้เขาได้รับรู้ว่าระหว่างที่เขาไม่อยู่บ้านลูกเมียของเขาถูกปฏิบัติเช่นไร จางจื่อหานที่ถูกความจริงตีแสกหน้าหัวใจของเขาก็รู้สึกชาสีหน้ามืดครึ้มลง เมื่อหลายปีก่อนเขาไปเป็นทหารตามคำร้องขอของแม่บอกว่าพี่ชายเขาไม่แข็งแรงเท่าเขาเพราะงั้นจึงเป็นเขาที่ควรไป ต่อมาเขาไม่ได้ถูกปลดประจำการแต่กลับถูกเลื่อนขั้นเงินทุกหยวนส่งให้ครอบครัว ครึ่งหนึ่งให้พ่อแม่ ครึ่งหนึ่งในภรรยาและลูกๆ ไม่คาดคิดว่าทุกอย่างจะไม่เป็นแบบนั้น ในตอนนี้เขาประสบความสำเร็จในฐานะลูกชายแต่เขากับล้มเหลวในฐานะสามีและพ่อ ในใจเขารู้สึกผิดและละอายใจเป็นอย่างมาก ยิ่งตอนนี้เขาคิดว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ภรรยาของเขาในใจยิ่งรู้สึกเจ็บปวด การได้ยินความจริงจากคนตรงหน้าทำให้เขาตัดสินใจบางอย่างได้

“อิ่มไหม” จางจื่อหยวนเอ่ยถามลูกชายคนเล็กด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

“….” ซีซวนไม่ตอบ เขากลัวพ่อเพราะอีกฝ่ายหน้าดุจึงซุกหน้าเข้ากับอกแม่

“คุณหิวหรือเปล่า” เมื่อเห็นว่าลูกชายไม่ตอบก็เอ่ยถามภรรยาแทน แม้ในใจคิดว่าข้างในไม่ใช่ก็ตามแต่ในเมื่อมาอยู่ในร่างนี้ก็คือภรรยาเขาอยู่ดี

“นะ นิดหน่อย” ซิ่วอิงที่ไม่คิดว่าเขาจะถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก็เอ่ยตอบตะกุกตะกัก

“เดี๋ยวผมไปหาอะไรให้กิน” เขาคิดจะไปทำอาหารในครัวมาให้เธอ

“แม่เฒ่าคงไม่ยอมหรอก” ซิ่วอิงเอ่ยห้ามเขา จางจื่อหานได้ยินก็หยุดชะงักก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าที่นำมาด้วย ปกติกระเป๋านี้จะถูกแม่เฒ่าจางนำไปทุกครั้งที่เขากลับมาเพราะมันมีของดีๆ จากค่ายทหารแต่ครั้งนี้แม่เฒ่าจางคงโกรธจนไม่สนใจอะไร จางจื่อหานเปิดกระเป๋าเอาของข้างในออกมา ข้างในมีนมผง ลูกอมทอฟฟี่กระต่ายขาว เนื้อตากแห้ง และของอื่นๆ อีก จางจื่อหานหยิบซองบางอย่างแล้วยื่นให้ภรรยา

“อะไร?” ซิ่วอิงเอ่ยถามพร้อมกับยื่นมือไปรับเมื่อเปิดมาก็ต้องเบิกตากว้างข้างในเป็นเงินประมาณหนึ่งพันหยวน

“ให้คุณเก็บไว้” จางจื่อหานเอ่ยบอก เงินนี้ได้มาจากการที่เขาเสี่ยงชีวิตทำภารกิจพิเศษไม่เกี่ยวกับเงินเดือน

“ไม่ให้แม่เฒ่าเหรอ?” เธอเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ

“ไม่ใช่คุณเพิ่งบอกว่าพวกเขาเก็บเงินเดือนของฉันไว้ทั้งหมด? ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่จำเป็นต้องให้” จางจื่อหานบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย เดิมทีเงินนี้เขาคิดจะแบ่งให้แม่กับภรรยาคนละครึ่งเช่นเดียวกับเงินเดือนแต่เมื่อรู้ความจริงเขาคิดว่าไม่จำเป็นต้องแบ่ง

“คุณไม่ได้จะหย่า?” ซิ่วอิงเอ่ยถามเขา เธอคิดว่าเขาจะเชื่อฟังแม่เฒ่าเสียอีก

“ฉันไม่เคยพูดว่าจะหย่า” จางจื่อหานพูดเสียงเรียบไม่แสดงอารมณ์ใดๆ สำหรับเขาการมีภรรยาเดียวไปตลอดชีวิตนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องไม่เกี่ยวกับว่ารักหรือไม่รักหากแต่งงานแล้วก็ถือว่าเป็นผู้หญิงของเขา เขาต้องดูแลเธอให้ดี

“เอาล่ะ คุณกลับมาเหนื่อยๆ ควรไปอาบน้ำแล้วมาพักผ่อน” เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้แย่อย่างที่คิดซิ่วอิงก็ผ่อนคลายความโกรธลงและบอกให้ความไปทำความสะอาดร่างกายแล้วมาพักผ่อน จางจื่อหานได้ยินภรรยาบอกแบบนั้นก็ปฏิบัติตามทันที คำสั่งภรรยาไม่ต่างกับคำสั่งผู้อำนวยการในกองทัพ

เมื่อเห็นว่าเขาเดินออกไปแล้วซิ่วอิงก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ในตอนนี้ซีซวนเขากลับมาจากอาบน้ำในแม่น้ำแล้วเขาก็เดินหลบไปที่อีกฝั่ง ซิ่วอิงก็ไม่สนใจเขาในความทรงจำเด็กคนนี้ไม่ค่อนพูดค่อยจาติดจะเย็นชาด้วยซ้ำ เหมือนว่าเขาจะไม่ชอบใจที่แม่เอาแต่โวยวายด่าทอแม้แต่กระทั่งลูกๆ ของตัวเอง เธอต้องค่อยๆ เปลี่ยนความคิดเขาให้มองเธอใหม่ต้องทำให้เขาเห็นว่าเธอนั้นเปลี่ยนไปแล้ว

“แม่ครับ” ซีห่าวเอ่ยเรียกแม่ ตอนนี้เขาเริ่มง่วงแล้ว

“ง่วงแล้วเหรอลูก” ซิ่วอิงเห็นว่าเด็กน้อยตาปรือพยักหน้าหงึกหงักจึงลูบหัวด้วยความเอ็นดูก่อนจะพาเด็กน้อยนอนลงบนเตียงเตา ซูเม่ยเองก็เริ่มง่วงเช่นกันเด็กสาวจึงมานอนข้างๆ น้องชาย จางจื่อหานกลับมาจากชำระร่างกายเห็นภรรยากับลูกๆ นอนอยู่แต่ข้างๆ เธอไม่มีที่ว่างให้เขา? เหลือเพียงที่ว่างที่อยู่ข้างซีซวนในใจของเขาเริ่มตั้งคำถาม

จางจื่อหาน : เธอไม่ต้องการนอนกับเขา?

ปกติแล้วสามีภรรยาจะนอนข้างกันเมื่อก่อนเขากับเธอก็เป็นเช่นนั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนเธอจะต่อต้านเขาหากเป็นแบบนั้นเขาก็ไม่คิดจะฝืนใจเธอค่อยๆ ให้เธอปรับตัว เมื่อคิดดังนั้นจางจื่อหานจึงขึ้นไปนอนข้างลูกชายคนโตแทน

 

รุ่งเช้าเสียงเคาะประตูดังลั่นพร้อมกับเสียงด่าทอปลุกให้ครอบครัวรองตื่นขึ้น ซิ่วอิงขยับตัวลุกขึ้นมานั่งพลางถอนหายใจก่อนจะก้าวขาลจากเตียงแต่กลับถูกมือหนาหยุดไว้

“นอนต่อเถอะ” จางจื่อหานกลัวว่าเธอจะนอนไม่พอจึงบอกให้เธอพักต่อ

“ไม่เป็นไร แม่เฒ่าคงไม่ยอม” ซิ่วอิงปฏิเสธ ถ้าเธอนอนต่อแม่เฒ่าคงได้ด่าเธอทั้งวันแน่ จางจื่อหานได้ยินแบบนั้นก็ไม่คิดจะคัดค้านเธอเสียงเคาะประตูยังคงดังอยู่เรื่อยๆ เขาจึงเดินไปเปิดประตู

“ทำอะไรกัน? สายป่านนี้แล้วทำไมยังไม่ตื่นอีก” แม่เม่าจางเดินเข้ามาพร้อมกับบ่น

“แม่มีอะไร” จางจื่อหานเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบ

“ฉันต้องมีอะไร พวกแกจะนอนกันไปจนตะวันตกดินหรือยังไงไม่คิดจะไปทำงานเหรอ ถ้าแต้มคะแนนไม่พอจะเอาอะไรกิน” แม่เฒ่าจางพูดด้วยน้ำเสียงติดจะไม่พอใจ

“ย่าครับ ผมหิว” จื่อเฉิงเอ่ยบอกผู้เป็นย่า

“รอก่อนนะอาเฉิงของย่า ซูเม่ยอยู่ไหนเวลานี้ควรไปทำอาหารได้แล้ว” แม่เฒ่าจางพูดเสียงดัง ซูเม่ยดีดตัวลุกขึ้นทันที

“แม่ จะให้เด็กทำอาหารได้ยังไง” จางจื่อหานเอ่ยแย้ง

“ทำไมจะไม่ได้ เด็กผู้หญิงควรทำอาหารไม่ใช่ทำตัวขี้เกียจไร้ปรโยชน์ ไม่งั้นจะเหมือนแม่ของมัน” แม่เฒ่าจางเอ่ยไม่วายจิกกัดซิ่วอิง

“แม่ ที่บอกว่าขี้เกียจไร้ประโยชน์นั่นด่าครอบครัวพี่ใหญ่เหรอ” ซิ่วอิงถามกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน

“แก ฉันด่าพวกแกนั่นแหละ” แม่เฒ่าชี้หน้าด้วยความโมโห

“งั้นแม่ก็พูดไม่ถูก ลูกๆ ของฉันทำงานแลกคะแนนทุกวันผิดกับลูกของพี่ใหญ่ที่วันๆ นอกจากกินแล้วก็ไม่ทำอะไรเลย” ซิ่วอิงตอบกับ

“นี่ นี่ เจ้าเล็กดูเมียของลูกสิ ต่อปากต่อคำกับแม่สามีแบบนี้มีที่ไหนกัน” แม่เฒ่าจางชี้หน้าซิ่วอิงเต้นเร่าๆ

“แม่อย่าโกรธ” จางจื่อหานเอ่ยบอกแม่ เกรงว่าจะโกรธจนเป็นลม

“ทำอะไรกัน ได้เวลากินข้าวแล้วทำไมยังไม่ทำอาหาร” พ่อเฒ่าจางที่รอจนหิวเดินมาดู

“เหอะ ก็นังเด็กเหลือขอนี่ไม่ทำหน้าที่ของมัน” แม่เฒ่าจางพูด พ่อเฒ่าเหลือบมองหน้าลูกชายคนเล็ก

” เจ้าเล็กเพิ่งกลับมาครอบครัวอยากใช้เวลาร่วมกัน อาหารวันนี้ให้สะใภ้ใหญ่ทำ” พ่อเฒ่าไม่ต้องการแสดงความลำเอียงต่อหน้าลูกคนเล็กได้

“พ่อคะ” เหมยลี่รู้สึกไม่ยินยอม

“ตามนี้” พ่อเฒ่าพูดจบก็เดินไปนั่งรอที่เตียงเตาห้องตัวเอง สะใภ้ใหญ่มองหน้าซิ่วอิงอย่างแค้นเคืองก่อนจะสะบัดหน้าเดินเข้าครัวไป

” หลังกินข้าวพวกเราควรพูดคุยบางอย่างให้ชัดเจน “แม่เฒ่าเอ่ยบอกก่อนจะสะบัดหน้ากลับห้องตัวเองไป

 

 

 

 

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 8 บุกรุก!

    “เรื่องนี้อย่าให้พ่อของแกรู้” แม่เฒ่าจางเอ่ยบอกลูกชายคนโต แม้ว่าพ่อเฒ่าจางจะลำเอียงรักลูกชายคนโตแต่เขาก็มักจะไว้หน้าตัวเองเสมอไม่แสดงออกถึงความลำเอียงมากเกินไป วันนี้พ่อเฒ่าจางมัววแต่ไปพูดคุยกับเพื่อนฝูงทำให้ทั้งสามคนคิดวางแผนที่จะทำเรื่องนี้“คุณแม่คะ แล้วนังนั่นจะไม่ไปแจ้งสันติบาลเหรอคะ” เหมยลี่เองก็อยากได้เงินห้าร้อยหยวนแต่เธอก็กังวลไม่ได้ หากนังปากร้ายนั่นไปแจ้งสันติบาลหรือคณะกรรมการปฏิวัติพวกเธออาจจะถูกจับ“มีลูกสะใภ้ที่ไหนจะแจ้งจับแม่สามี” จะสามารถทำแบบนั้นได้ยังไง ไม่เคยมีสะใภ้คนไหนกล้าแจ้งจับแม่สามีแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่โดนทุบตีก็ตามมันถูกมองว่าเป็นปกติเว้นเสียแต่ว่าจะมีคนตาย“แต่มันแยกบ้านไปแล้วนะคะ” เหมยลี่ไม่แน่ใจว่าสามารถทำแบบนั้นได้ เธอไม่อยากถูกจับ“นี่สะใภ้ใหญ่ เธอกลายเป็นคนขี้ขลาดตั้งแต่เมื่อไหร่” แม่เฒ่าจางพูดอย่างไม่สบอารมณ์“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะแม่” เหมยลี่ที่เห็นแม่สามีเริ่มไม่พอใจก็ไม่กล้าที่จะแย้งอีก ในใจก็แอบเห็นด้วยว่าจางจื่อหานคงไม่แจ้งจับแม่ตัวเองหรอก“แม่ครับ ผมว่าเราควรไปตอนที่มันออกไปทำงาน” เวลานั้นชาวบ้านจะออกไปทำงานแลกคะแนนกันหมดไม่มีใครอยู่บ้านถือว่าทางสะด

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 7 ใครว่านางปากร้ายขี้เกียจ?

    หลังจากที่จางจื่อหานกลับไปที่กองทัพซิ่วอิงก็ยังคงทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ เพียงแต่ตอนนี้เธอคิดว่าเธอควรเริ่มไม่ทำงานแลกแต้มไม่งั้นส่วนแบ่งอาหารเธอจะได้น้อยลงเธอตั้งใจแล้วว่าจะทำให้ลูกๆ ของเจ้าของร่างกินอิ่มและนอนหลับได้เต็มที่หากเธอไม่ไปทำงานเกรงว่าอาหารจะไม่พอ วันนี้ซิ่วอิงจึงตื่นตั้งแต่ตีห้ามาเตรียมอาหารเช้าเป็นแพนเค้กและไข่ผัดมะเขือเทศ ส่วนแบ่งอาหารตอนแยกบ้านได้มาเยอะพอสมควรประกอบกับที่จางจื่อชิงนำมาให้ทำให้พวกเขามีอาหารเพียงพอที่จะกินอิ่มท้อง“แม่ทำไมวันวันนี้ตื่นเช้าจัง” ซูเม่ยที่ตื่นขึ้นมาเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ ส่วนซีซวนทำเพียงเหลือบมองแล้วนั่งลงที่โต๊ะกินข้าว“ตื่นมาทำอาหาร” ซิ่วอิงเอ่ยตอบ เด็กคนนี้จะหาว่าเธอตื่นสายเหรอ?“แม่แปลกไปมาก” ซูเม่ยพูดพร้อมกับกินอาหาร“รีบกินจะได้รีบไปทำงาน” ซิ่วอิงเอ่ยบอกเด็กสาว“วันนี้แม่จะไปทำงานด้วยเหรอ” เธอเห็นการแต่งตัวของคนเป็นแม่ก็พอจะเดาได้“แน่นอน ตอนนี้เราแยกบ้านแล้วต้องทำงานแลกคะแนน” ซิ่วอิงเอ่ยบอกเด็กสาวด้วยรอยยิ้ม“เมื่อก่อนไม่เห็นจะทำ” ซีซวนพึมพำเบาๆ“เมื่อก่อนแม่แค่เห็นว่าต่อให้ทำเราก็ไม่ได้กินดีกว่าเดิมเหมือนทำแล้วให้คนอื่นได้กิน แต่ตอ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 6 จากลา

    “แม่ ฉันกลับมาแล้ว” ซุเม่ยรีบวิ่เข้ามาชโะโงกหน้าดูอาหารบนโต๊ะดวงทาของเธอวาววับ ซีซวนเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเรียบนิ่งไม่ต่างจากผู้เป็นพ่อแต่ซิ่วอิงแอบเห็นว่าตอนที่มองอาหารดวงตาของเขาเป็นประกายไม่น้อย เด็กก็คือเด็กสินะ“ล้างมือหรือยัง” ซิ่วอิงเอ่ยถามเด็กๆ“แม่ไม่ต้องห่วง พวกฉันล้างเรียบร้อยแล้ว” ซีห่าวพูดพร้อมกับชูสองมือให้แม่ของตัวเองดู“งั้นรีบมากินเถอะ พ่อเขารอนานแล้ว” ซิ่วอิงรีบบอกเด็กๆ จากนั้นทั้งห้าคนก็ลงมือทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย“แพนเค้กนี้อร่อยมาก ไข่ผัดกุ้ยช่ายนี่ก็เหมือนกันฉันไม่เคยเคยกินอะไรแบบนี้มาก่อน” คำพูดไร้เดียงสาของลูกสาวไม่ต่างจากเข็มนับพันที่ทิ่มลงที่ใจของผู้เป็นพ่อ ริมฝีปากหนาขบเม้มจนเลือดห่อจนกระทั่งมีมือเรียวมาจับมือข้างที่เขาวางไว้บนขา จางจื่อหานหันไปมองไปใบหน้าของภรรยาเธอยกยิ้มบางๆ ให้เขาดูอบอุ่นและอ่อนโยนหัวใจของเขารู้สึกผ่อนคลายลง“พ่อกลับมาแล้วต่อไปนี้พวกเราจะได้กินแต่ของอร่อย” ซิ่วอิงพูดพร้อมกับคีบอาหารให้กับซีห่าวตัวน้อย“ห่าวห่าว เวลาผู้ใหญ่ให้ของต้องพูดว่ายังไง” ซิ่วอิงพูดกับเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเธอต้องค่อยๆ สอนเขา“ขอบคุณครับแม่” ซีห่าวเอ่ยขอบคุณพ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 5 ย้ายบ้าน

    จางจื่อหานพาซิ่วอิงกลับมาเก็บสองที่ห้อง สองสามีภรรยาช่วยกันเก็บของใส่กล่องไม้ยิ่งเก็บข้าวของจื่อหานก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ ภรรยาและลูกๆ ของเขามีเพียงเสื้อผ้าเก่าๆ ไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ของทั้งห้องมีแค่สองกล่องไม้ เขารู้สึกล้มเหลวในฐานะสามีและพ่อโดยสมบูรณ์ ดวงตาสีเข้มมองไปที่ภรรยาอย่างรู้สึกผิดเมื่อก่อนเธอและลูกๆ ต้องลำบากเป็อย่างมากแต่เขากลับไม่รู้อะไรเลย“แม่จ๊ะ ป้าสะใภ้บอกว่าเราต้องออกไปจากที่นี่ เป็นเรื่องจริงเหรอจ๊ะ” ซูเม่ยเอ่ยถาม ซีซวนและซีห่าวก็เดินเข้ามาในห้อง ซีห่าวรีบเข้าไปกอดผู้เป็นแม่ในทันที“ผมจะไปกับแม่” ซีห่าวกลัวว่าแม่จะทิ้งจึงกอดไว้แน่น ซิ่วอิงคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน“แน่นอน พวกเราจะไปด้วยกันทั้งหมด” ซิ่วอิงพูดพร้อมกับยกมือเรียวลูบหัวเด็กน้อย“เราจะย้ายบ้านเหรอจ๊ะแม่” ซูเม่ยเอ่ยถามผู้เป็นแม่ด้วยดวงตาเป็นประกาย ถ้าเธอไม่ต้องอยู่ที่บ้านหลังนี้อีกนับว่าเป็นเรื่องที่ดี“ใช่ ต่อไปนี้จะย้ายไปอยู่ที่ท้ายหมู่บ้าน” ซิ่วอิงตอบด้วยรอยยิ้ม“ยกของไปไว้ที่บ้านท้ายหมู่บ้าน” จางจื่อหานเอ่ยบอกลูกชายคนโตเสียงเรียบ ซีซวนเห็นสายตาของพ่อก็ไม่กล้าขัดรีบยกกล่องไม้ออกไปทันที“เราจะไปอยู่บ้านร้างท้ายหม

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 4 ตัดขาด

    “นี่แก แก อั๊ยหยาชีวิตฉันทำไมถึงโชคร้ายแบบนี้มีลูกชายก็ไม่เชื่อฟัง ลูกสะใภ้ก็อกตัญญู” แม่เฒ่าจางเริ่มเล่นละครร้องห่มร้องไห้ตัดพ้อชะตาชีวิตตัวเอง“แม่ว่าพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ไม่?” ซิ่วอิงเอ่ยถามด้วยใบหน้าใสซื่อ“ฉันด่าเธอนั่นแหละ” แม่เฒ่าจางมองค้อนทันที“โอ้ งั้นเหรอ” ซิ่วอิงยกยิ้มแบบไม่ใส่ใจ“แก เจ้าเล็กดูเมียของลูกสิ เธอต้องการทำให้แม่ปวดใจตาย” แม่เฒ่าจางเอ่ยกับลูกชายหวังให้ลูกชายหย่ากับภรรยา“แม่ เรามาตกลงกันดีๆ เถอะ ผมจะแยกบ้านแม่ควรแบ่งเงินที่เราควรจะได้” จางจื่อหานไม่สนใจการแสดงของแม่เฒ่า“นี่ลูก” แม่เฒ่าจางพูดไม่ออก เธอรู้สึกเหมือนสูญเสียลูกชายที่เชื่อฟังไปแล้ว“เอาล่ะ พอกันได้แล้ว เจ้าเล็กจะแยกบ้านเราควรมอบเงินให้เขา” พ่อเฒ่าจางพูดออกมาในที่สุด หากเขายังปล่อยให้ภรรยาดื้อรั้นต่อไปลูกสะใภ้คนรองอาจจะไปคณะกรรมการปฏิวัติจริงๆ ถึงตอนนี้เราทุกคนจะมีความผิด“ไม่มีเงินแล้ว” แม่เฒ่าจางยังคงยืนกราน“ไปเอาออกมา ร้อยหยวนหรือสองร้อยหยวนนำมันออกมา” พ่อเฒ่าจางพูดเสียงแข็ง“ฉันจะไปมีเงินมากขนาดนั้นได้ยังไง ให้พวกเขายี่สิบหยวนก็พอนี่ถือว่ามากที่สุดแล้ว” แม่เฒ่าจางไม่ยินยอมที่จะเสียเงินจำนวนมากไป“จ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 3 สิ่งที่ได้รู้

    แม่เฒ่าจางนั่งกำตะเกียบจ้องมองไปยังครอบครัวของลูกชายคนรองด้วยสายตาไม่ค่อยจะพอใจ เธอไม่ชอบที่จะเห็นนังปากร้ายกับลูกๆ กินอาหารบนโต๊ะอย่างมีความสุข ถ้าไม่ใช่ว่าสามีต้องการไว้หน้าลูกชายคนเล็กเธอคงไล่พวกมันไปแล้ว เมื่อวานขโมยไข่เธอไปวันนี้ยังมีหน้ามากินอาหารอีก ยิ่งคิดเธอยิ่งโมโห!“นี่เจ้าเล็ก” ในที่สุดแม่เฒ่าจางก็ทนไม่ไหวที่จะสั่งสอนลูกชาย“แม่กินข้าวเถอะ” จางจื่อหานบอกผู้เป็นแม่แล้วคีบอาหารให้ภรรยา ซิ่วอิงเงยหน้ามองเขา“กิน” จางจื่อหานเอ่ยบอกเธอก่อนจะคีบอาหารของตนเองเข้าปาก“นี่แกยังเห็นหัวแม่คนนี้อยู่ไหม” แม่เฒ่าจางเริ่มโมโหที่ลูกชายคนเล็กไม่สนใจเธอ“นี่น้องชาย ทำไมถึงเมินแม่แบบนี้” จางจื่อซวานอดไม่ได้ที่จะสั่งสอนเขา“พี่ใหญ่คิดมากไป” จางจื่อหานเอ่ยตอบน้ำเสียงเรียบ เขาไม่ได้เมินแม่แค่ต้องก่อนกินข้าวให้เรียบร้อยก่อนพูดคุย“น้องสามีไม่ได้อยู่บ้านดูแลแม่กลับมาก็ทำตัวห่างเหินแบบนี้มันใช้ไม่ได้” เหมยลี่พูดขึ้น“สะใภ้ใหญ่พูดถูก งั้นคุณควรกลับบ้านมาดูแลพ่อแม่” ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นบ้าง ทั้งๆ ที่จางจื่อหานส่งเงินมาให้พวกเขาใช้จ่ายยังจะบอกว่าเขาไม่ได้ดูแลพ่อแม่อีก“นี่ นี่” สะใภ้ใหญ่เหมยลี่พูดไม่ออก“

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status