หลินซินเยว่คิดสงสัยอยู่อีกเรื่องหนึ่ง ไม่เข้าใจว่าในเมื่อให้เธอมาอยู่ที่นี่แล้ว ทำไมไม่มีมิติหรือช่องว่างเหมือนนางเอกนิยายคนอื่นที่เธอเคยอ่านมาล่ะ
“นั่นมันในนิยาย เธอจะคิดแบบนั้นได้ยังไง”
หญิงสาวคิดไปคิดมาแล้วก็พูดอย่างยอมจำนน ก่อนจะรีบส่ายศีรษะทันทีเพื่อสลัดความคิดไร้สาระให้พ้นจากหัว จากนั้นจึงเดินไปหยิบข้าวสารเพื่อมาหุงไว้ให้สามี
แม้ว่าหมู่บ้านนี้จะมีไฟฟ้าใช้แล้วก็ตาม แต่หลายครัวเรือนยังคงมีความเป็นอยู่เหมือนเดิม อีกทั้งไฟฟ้าในหมู่บ้านนี้ยังติด ๆ ดับ ๆ ไม่เสถียรเหมือนในเมือง บ้านหลังนี้แม้จะมีดวงไฟ แต่เครื่องใช้ไฟฟ้ายังคงราคาแพง ดังนั้นการหุงข้าวจึงยังคงเป็นแบบดั้งเดิม
“เห้อ... หม้อหุงข้าวก็ไม่มี ต้องก่อเตาไฟและหุงแบบโบราณจริง ๆ เหรอเนี่ย ดีนะที่ฉันเคยเข้าค่ายลูกเสือมาก่อน”
หญิงสาวบ่นออกมาเล็กน้อย แล้วลงมือก่อไฟเตาถ่านก่อนเป็นสิ่งแรก ซึ่งเธอก็ทำได้อย่างคล่องแคล่วเพราะเรียนวิชาลูกเสือมาอย่างไรล่ะ
ระหว่างที่รอให้ข้าวสุกอยู่นั้น หลินซินเยว่ก็สำรวจครัวต่อ แม้ปากจะบอกว่าอยากกินต้มปลา แต่เมื่อในบ้านมีแค่แตงกวานิดหน่อยกับไข่เกือบสิบใบ จึงตั้งใจว่าจะผัดแตงกวาใส่ไข่สักหน่อย แต่ปากก็บ่นไปด้วย
“ถึงไม่ได้กินปลา แต่ถ้าหากมีปลากระป๋องก็คงดี จะได้ยำปลากระป๋องไปด้วย แต่ว่าที่นี่มีตะไคร้ด้วยเหรอ เห้อ... ถ้ามีแบบครบชุดก็คงจะดี แล้วจะได้ทำต้มยำปลากระป๋องซะด้วยเลย”
แม้จะพูดไปแบบนั้น แต่หญิงสาวก็ลงมือหั่นแตงกวาอยู่ดีเพราะสิ่งที่เธอคิดถึงนั้นมันไม่มีในตอนนี้ หลังจากหั่นแตงกวาเสร็จแล้ว เธอก็ก่อเตาไฟอีกเตาก่อนจะตั้งกระทะเพื่อลงมือทำอาหารมื้อนี้ด้วยท่าทางอารมณ์ดี
ส่วนทางด้านโม่กวนหยาง
หลังจากออกมาจากบ้าน ชายหนุ่มก็ตรงดิ่งไปที่ลำธารเพื่อจะวางที่ดักปลา เขาหวังว่าวันนี้จะได้ปลากลับบ้านไปสักสองสามตัว นั่นเพราะว่าภรรยาของเขาอยากกินอย่างไรล่ะ
“วันนี้ซินเยว่อยากกินปลา อย่างน้อยฉันจะต้องหาให้มากสักหน่อย เธอจะได้กินอิ่ม” ชายหนุ่มพูดกับตัวเองจบ ก็วางที่ดักปลาสองสามอัน พอเสร็จแล้วก็เดินออกจากตรงนี้
ก่อนจะขึ้นเขาเหมือนทุกครั้งที่ว่างหรือว่าเลิกงาน เพื่อต้องการหาสัตว์ป่าไปทำอาหารให้ภรรยากิน
แต่ขณะนั้นเอง ชายหนุ่มกลับต้องพบกับเรื่องยุ่งยากใจ เมื่อลูกสาวบ้านตู้ ตู้หลินเซียน เดินมายืนดักหน้าเขาไว้
“หลีกไป ผมรีบไปทำธุระ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ใบหน้าก็ติดจะเย็นชาเล็กน้อย
“พี่จะไปหาสัตว์ป่าบนเขามาทำอาหารให้มันล่ะสิ เมื่อไรพี่จะเลิกและหย่าขาดกับนังนั่นเสียที” เมื่อเห็นท่าทางของชายที่เธอหมายปองแบบนั้น ก็พูดออกมาอย่างฉุนเฉียวและไม่พอใจ เธอรู้สึกไม่พอใจมากที่หลินซินเยว่รอดตายในวันนี้
“ผมไปหาอาหารมาให้ภรรยาแล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อีกอย่างทำไมผมต้องหย่าด้วยล่ะ นี่มันเรื่องส่วนตัวของผม คุณเป็นคนนอกอย่ายื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องในครอบครัวผมจะดีกว่า”
ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเช่นเคย เขาไม่คิดอยากจะพูดคุยกับหญิงสาวตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ต้องพูดออกไปให้ชัดเจนเพราะไม่อย่างนั้นเธอจะเข้าใจผิดได้
จากนั้นจึงเดินเบี่ยงออกมาเพื่อจะขึ้นเขาตามที่ตั้งใจไว้ แต่กลับโดนอีกฝ่ายคว้าแขนไว้ เลยทำให้ชายหนุ่มที่มีการตอบสนองไวอยู่แล้ว สลัดแขนออกอย่างแรงตามสัญชาตญาณ จนทำให้ตู้หลินเซียนล้มลงไปกองกับพื้น
“นี่พี่กล้าทำร้ายฉันเหรอ เป็นผู้ชายภาษาอะไรถึงทำร้ายผู้หญิงแบบนี้” ตู้หลินเซียนตวาดใส่ชายหนุ่มอย่างเกรี้ยวกราด ต่อให้เธอชอบอีกฝ่ายแค่ไหน แต่เมื่อโมโหเธอก็เผลอพูดไม่ดีออกไปเหมือนกัน
“ผมไม่ได้ตั้งใจทำร้ายคุณ นั่นเป็นเพราะผมไม่ชอบแตะต้องผู้หญิงคนอื่น และไม่ชอบให้ผู้หญิงคนอื่นนอกจากภรรยามาแตะต้องผม แล้วอีกอย่างเวลานี้ผมแต่งงานแล้ว ไม่เหมาะที่จะอยู่สองต่อสองกับคุณ ขอตัวก่อนนะ”
พูดจบชายหนุ่มก็เดินออกมา โดยไม่คิดจะกลับไปมองว่าเธอคนนั้นจะเป็นอย่างไร นั่นเพราะว่าต่อให้เวลานี้เขาคิดกับหลินซินเยว่ไม่ต่างจากน้องสาวคนหนึ่ง แต่เมื่อแต่งงานกับเธอแล้ว เขาก็ไม่อยากให้เธอเสียใจ เขาพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้มีข่าวลือเรื่องผู้หญิงมาให้เธอไม่สบายใจ
ตู้หลินเซียนได้แต่นั่งกำมือแน่นเพราะความขัดใจ เพราะไม่ว่าจะทำอย่างไร เธอก็ไม่เคยได้รับแม้กระทั่งสายตาอ่อนโยน จากชายที่ชื่อโม่กวนหยางเลยสักครั้งเดียว และไม่ว่าจะยั่วยวนสักแค่ไหน เธอก็ไม่ได้รับอะไรที่จะบ่งบอกว่าเขามีสายตามองเธอกลับมาเลยสักครั้ง
“ หึ น่าโมโหชะมัด คอยดูเถอะฉันจะไปจัดการกับแกเอง นังซินเยว่!” พอไม่ได้ดั่งใจตู้หลินเซียนก็พูดออกมาอย่างโมโห ก่อนจะรีบไปหาเรื่องหลินซินเยว่ที่บ้านอย่างไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
ทางด้านหลินซินเยว่
หลังจากทำอาหารเสร็จแล้ว หลินซินเยว่ก็นั่งรอให้ข้าวสุก เพราะหุงข้าวแบบนี้ต้องคอยดูไม่ให้น้ำแห้ง เพราะไม่อย่างนั้นแล้วก้นหม้อจะไหม้ได้
ขณะที่กำลังยกหม้อข้าวลงจากเตา ก็ได้ยินเสียงคนเปิดประตูรั้ว ใจนั้นคิดว่าสามีกลับมาแล้ว เลยรีบวางหม้อข้าวที่กำลังร้อนระอุลง แล้วรีบเดินมาหน้าบ้าน แต่พอมาถึงกลับพบหญิงสาวคนหนึ่งที่มองมาที่เธอด้วยสายตาไม่พอใจ
‘คนนี้ใครกัน ทำไมมองเหมือนจะฆ่ากันขนาดนั้น หรือว่าเป็นโจทก์เก่าของร่างนี้’ หญิงสาวยืนขมวดคิ้วคิดอยู่ในใจ โดยยังไม่พูดอะไรออกไป
“หล่อนนี่ตายยากตายเย็นเสียจริงนะ สลบไปแบบนั้นฉันคิดว่าไม่น่ารอด แต่หล่อนก็รอดกลับมาจนได้” ตู้หลินเซียนพูดจบก็แบะปากเล็กน้อย มือทั้งสองข้างกอดอกพร้อมกับมองหลินซินเยว่อย่างไม่ชอบใจ
หลินซินเยว่ก็พยายามทบทวนความทรงจำว่าหญิงสาวตรงหน้านี้คือใครและไม่นานเธอก็จำได้ทันที ‘ อ๋อ..เธอคือไม้เบื่อไม้เมาของร่างนี้นั่นเอง เจอกันทีไรถ้าไม่ด่ากัน ก็หาเรื่องตบตีกันตลอด ซึ่งสาเหตุก็คือทั้งสองชอบโม่กวนหยางเหมือนกัน แล้วหญิงคนนี้ก็ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างนี้ล้มหัวฟาดฟื้นจนตาย เลยทำให้ฉันต้องเข้ามาอยู่ในร่างนี้แทน’
“มองอะไร ฉันถามว่าทำไมไม่ตายสักที ถามแค่นี้ถึงกับยืนอึ้งเลยเหรอ” ตู้หลินเซียนที่ถูกมองหน้าก็ถามขึ้นอีกครั้ง
‘เอาสิ ร้ายมาร้ายกลับไม่โกงค่ะ’ หญิงสาวคิดในใจพร้อมกับกอดอกแล้วมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะลอยหน้าลอยตาตอบกลับไป
“เพราะฉันเป็นคนสวยและเป็นคนดีไงล่ะ สวรรค์เลยอยากให้ฉันอยู่โลกมนุษย์ เพื่อครองรักกับพี่กวนหยางไปจนแก่เฒ่า แล้วปล่อยให้ใครบางคนที่แอบรักสามีชาวบ้านอิจฉาจนอกแตกตายไปเลย”
‘นี่ไม่ได้กวนนะ แต่ในเมื่อมาแช่งฉันให้ตาย ทำไมต้องมานั่งไว้หน้ากันด้วยล่ะ’ หลินซินเยว่แสยะยิ้มพร้อมกับคิดในใจ หญิงสาวมองว่าการที่เธอสวนกลับแบบนี้ไม่ผิด เพราะมันเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์
“นี่หล่อนกำลังด่าฉันเหรอ” ตู้หลินเซียนได้ยินก็ตวาดกลับอย่างไม่พอใจทันที
“ฉันกำลังชมเธออยู่มั้ง ถามไม่คิดอีกแล้วนะ” หลินซินเยว่เองก็สวนกลับอย่างไว ก่อนจะพูดต่ออีกว่า
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็เชิญกลับไปซะเถอะ ฉันมีงานให้ต้องทำอีกเยอะแยะ ไม่มีเวลามาพูดไร้สาระกับเธอหรอกนะ เดี๋ยวสามีสุดที่รักหาปลามาได้ ฉันจะต้องทำอาหารให้เขากินอีก”
พูดจบเธอก็หมุนตัวเดินกลับเข้าบ้านไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ
เมื่อทำอะไรไม่ได้ ตู้หลินเซียนได้แต่กำมือแน่นด้วยแค้นใจ ก่อนจะเดินออกมาจากบ้านของโม่กวนหยางไปอย่างหงุดหงิด ที่ไม่สามารถเล่นงานหลินซินเยว่ได้เหมือนก่อนหน้านี้
กลับมาทางด้านบ้านใหญ่โม่
เรื่องที่ลูกสะใภ้สามอย่างหลินซินเยว่ล้มหัวฟาดฟื้นจนสลบไป ตอนนี้บ้านโม่ต่างก็รู้เรื่องกันแล้ว จึงพากันไม่สบายใจและมีความเป็นห่วงไม่น้อย แม้ว่าลูกชายคนที่สามและสะใภ้สามจะแยกบ้านออกไปแล้วก็ตาม แต่ความเป็นพ่อแม่ก็ตัดความห่วงใยไม่ได้
“ฉันได้ข่าวว่าซินเยว่กลับมาอยู่บ้านแล้วนะแม่ ยังไงเดี๋ยวฉันลองไปที่บ้านน้องสาม ดูเผื่อว่าช่วยงานอะไรในบ้านได้บ้าง”
สะใภ้ใหญ่อย่างเฉินชุงอิ๋งเอ่ยขึ้นมากับแม่สามี เธอคิดว่าการที่จะไปบ้านน้องชายของสามี ก็น่าจะช่วยงานอะไรได้บ้าง อย่างน้อยก็ทุ่นแรงน้องชายที่ต้องดูแลภรรยาที่ป่วยและยังต้องทำงานบ้านเอง
“นั่นสิแม่ ฉันจะไปกับพี่สะใภ้ใหญ่ด้วย อย่างน้อยช่วย ๆ กันงานบ้านจะได้เสร็จเร็วขึ้น อีกอย่างจะได้เอาผ้าที่ต้องซักมาด้วยเลย พรุ่งนี้ฉันจะได้ซักพร้อมของบ้านเรา” สะใภ้รองอย่างห่ายเยี่ยนที่นั่งอยู่ด้วยก็พูดสนับสนุนพี่สะใภ้ใหญ่อีกคน เธออาสาที่จะไปด้วยเพราะอย่างน้อยจะได้ไปช่วยอีกแรง อย่างมากก็แค่มีปากเสียงกับสะใภ้สามอย่างที่ผ่านมาก็เท่านั้นเอง
“อืม พวกเธอไปกันเถอะ ฉันเองก็ว่าจะไปดูสะใภ้สามสักหน่อย อย่างน้อยเธอก็เป็นลูกสะใภ้ของฉันคนหนึ่ง”
ฟางเหนียงพยักหน้ารับรู้แล้วตอบกลับไป แม้ว่าเธอจะระอากับพฤติกรรมของลูกสะใภ้คนที่สามอย่างมาก และต่อให้จะแยกบ้านกันแล้ว แต่เธอก็ยังถือว่าทั้งสองเป็นครอบครัวเดียวกัน เพราะไม่ได้ตัดขาดกับลูกชายเสียหน่อย
“ว่าแต่ทำไมสะใภ้สามถึงได้โชคร้ายอย่างนี้นะ ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่เป็นอะไรมาก ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะหัวฟาดพื้นจนสลบไปก็ตาม” สะใภ้ใหญ่เอ่ยขึ้นมาอย่างกังวลใจ แม้ว่าน้องสะใภ้สามนั้นจะทำตัวร้ายกาจและชอบทะเลาะกับคนอื่นมากแค่ไหน แต่ที่ผ่านมาไม่เคยพลาดท่าจนตัวเองต้องล้มเจ็บแบบนี้
“ฉันได้ยินเขาพูดกันว่าสะใภ้สามทะเลาะกันกับลูกสาวบ้านตู้น่ะพี่สะใภ้ แล้วซินเยว่ลื่นล้มจนหัวฟาดพื้น แต่ฝ่ายลูกสาวบ้านตู้ไม่เป็นอะไรเลย พี่ว่าเรื่องนี้มันแปลกไหมคะ” สะใภ้รองยังมีข้อกังขาจึงถามออกไปอย่างนั้น เพราะทุกครั้งที่มีเรื่องมีราวกัน หลินซินเยว่ไม่เคยพลาดท่าจนบาดเจ็บหนักแบบนี้
“เอาเถอะ จะอะไรก็แล้วแต่ ตอนนี้พวกเธอเตรียมตัวไปบ้านเจ้าสามเถอะ ฉันจะไปดูในครัวสักหน่อยว่า มีอะไรทำอาหารไปให้เจ้าสามได้บ้าง” ฟางเหนียงพูดพร้อมกับโบกมือไล่ลูกสะใภ้ทั้งสองคนให้ไปเตรียมตัว ส่วนตัวเองก็ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าครัว เพื่อดูว่าพอจะมีอาหารอะไรที่จะทำไปให้ลูกชายคนที่สามกินได้บ้าง
“วันนี้ทำข้าวต้มและกับข้าวสักสองอย่างดีกว่า คนป่วยกินอาหารอ่อน ๆ ดีที่สุด”
นางพูดออกมาเมื่อเห็นว่าในครัวมีอะไรบ้าง คิดว่าอย่างน้อยวันนี้บ้านของโม่กวนหยาง น่าจะมีข้าวต้มกับเครื่องเคียงกินสักหน่อย
บทส่งท้าย ความรักที่สมบูรณ์ของหลินซินเยว่ตอนที่ได้ยินว่าภรรยาตั้งท้อง โม่กวนหยางก็ตกใจและดีใจมากแล้ว แต่พอรู้ว่าเธอตั้งท้องแฝด เขากลับยิ่งทั้งดีใจและเริ่มเป็นกังวล เพราะกลัวจะดูแลเธอไม่ดี“ซินเยว่ได้ยินที่คุณหมอบอกแล้วใช่ไหม ต่อไปนี้ไม่ต้องทำงานอะไรอีกแล้วนะ เดี๋ยวพี่จะทำทุกอย่างแทนซินเยว่เอง เรากลับบ้านกันเถอะ ส่วนที่ร้านก็ให้โม่เจิ้งฉีกับน้องสะใภ้ดูแลไปก่อน” โม่กวนหยางพูดกับภรรยาอย่างอ่อนโยน“ก็ได้ค่ะ” หลินซินเยว่ตอบรับอย่างไม่มีข้อโต้แย้งเพราะเธอก็ยังรู้สึกอ่อนเพลียอยู่เมื่อเดินออกมาจากห้องตรวจ ก็พบเข้ากับพ่อแม่จากทั้งสองบ้านมารอถามข่าว เมื่อทุกคนได้รับรู้ข่าวดีก็ยิ้มกว้างอย่างดีใจ“ดีจริง ๆ ต่อไปเจ้าสามจะต้องดูแลสะใภ้สามให้ดี ๆ นะ งานขายของก็พักไว้ก่อน เดี๋ยวพ่อแม่จะมาช่วยดูแลร้านให้เอง แถมตอนนี้ยังมีโม่เจิ้งฉีกับเซี่ยเป้ยนีมาช่วยดูแลด้วย ซินเยว่ก็ไม่ต้องห่วงนะ” ฟางเหนียงพูดกับลูกชายของตนเองกับสะใภ้“นั่นสิ ซินเยว่ต้องพักผ่อนเยอะๆ นะลูก ท้องแรกแถมยังเป็นท้องแฝดด้วย ต้องระวังตัวให้มากๆ เดี๋ยวแม่จะอยู่ช่วยดูแลซินเยว่เองนะลูก เราจะต้องเริ่มบำรุงด้วยอาหารที่เพิ่มน้ำนมแล้วนะฟางเหนียง
บทที่ 59 งานแต่งของหลินอี้เฉินเมื่อวันที่บ้านหลินมาสู่ขอคุณหนูหวาง แม้ว่าทั้งสองคนจะฐานะต่างกัน แต่บ้านหลินทำเต็มที่ จนชาวบ้านที่รู้ข่าวตกตะลึงไม่น้อย แล้วยังมีของขวัญจากน้องสาวและน้องเขยคือตึกในแหล่งการค้าอีกด้วย“หลังจากนี้ฉันฝากหลิงหลิงไว้กับนายด้วยนะ ต่อจากนี้ฉันก็กล้าที่จะวางมือแล้ว” นายท่านหวางเอ่ยขึ้นมาอย่างอ่อนโยนเขาไม่ได้สนใจว่าสินสอดที่อีกฝ่ายให้มานั้นจะมากน้อยแค่ไหน เพราะเขาตั้งใจว่ายื่นคืนกลับให้ว่าที่ลูกเขยและลูกสาวไว้ทำทุน เพราะอย่างไรหลินอี้เฉินย่อมก็ต้องเข้ามาช่วยดูแลกิจการของครอบครัวหวางอยู่แล้ว“ครับนายท่าน ผมจะดูแลคุณหนูและกิจการของตระกูลหวางให้ดี” หลินอี้เฉินรับปากอย่างหนักแน่นจริงจัง“ยังจะมาเรียกนายท่าน เรียกคุณหนูอยู่อีก เราจะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ นายก็ควรเรียกฉันว่าพ่อได้แล้ว ส่วนหลิงหลิงนายจะเรียกชื่อเธอหรือจะเรียกภรรยาก็ตามใจนาย” นายท่านหวางพูดขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี“ครับคุณพ่อ ผมจะดูแลหลิงหลิงกับตระกูลหวางให้ดีครับ” หลินอี้เฉินตอบใหม่อีกครั้ง“และเราสองคนจะกลับไปดูแลพ่อกับแม่ที่บ้านหลินบ่อยๆ นะคะ” หวางหลิงหลิงเองก็หันไปพูดกับหลินไป๋หานและจางฮุ่ยอี อย่างนอ
บทที่ 58 ซื้อที่ดินสร้างกิจการของตัวเอง“นายมาหาฉันทำไม” หญิงสาวถามหลวนหมิงด้วยน้ำเสียงเย็นชา เพราะเธอพอจะสืบเรื่องนี้มาได้เหมือนกัน“ผมมีเรื่องมาสารภาพครับ” หลวนหมิงพูดออกมาด้วยท่าทางนอบน้อมจากนั้นชายหนุ่มจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ โดยไม่มีคำไหนตกหล่นเลยแม้แต่น้อย ครั้งนี้เขาก็ไม่รู้ว่าหน้าที่การงานจะยังอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า แต่ก็ตัดสินใจที่จะพูดออกมาทั้งหมดเพื่อรักษาชีวิต“ฉันดีใจนะหลวนหมิง ที่นายมาสารภาพด้วยตนเองแบบนี้ ครั้งนี้ฉันถือว่านายได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่นายทำตามคำขอของหญิงคนนั้น หน้าที่การงานรวมถึงชีวิตของนายก็จะไม่เหลือ เพราะฉันเองก็คงจะต้องตามล่านายเหมือนกัน นายรู้ใช่ไหมว่าตอนนี้ตระกูลหลินกับตระกูลหวางมีความเกี่ยวดองกันแล้ว”หวางหลิงหลิงพูดขึ้นมาด้วยความรู้สึกยินดี ที่ลูกน้องของคุณพ่อคนนี้กล้ามาพูดตรงๆ และกล้ายอมรับความผิดทั้งหมดด้วยตัวเอง เธอจึงพร้อมที่จะให้อภัย และให้เขาทำหน้าที่เดิมต่อไป “ครับคุณหนู” หลวนหมิงตอบกลับมาเพียงเท่านี้ ก่อนจะก้มหน้ารู้สึกผิดอีกครั้ง“ถ้าอย่างนั้นนายก็ทำหน้าที่ของนายต่อไป และเมื่อไรที่นายพบผู้หญิงที่อยากจะ
บทที่ 57 จบสิ้นเรื่องวุ่นวายส่วนทางด้านหลินอี้เฉิน เขาได้พาหวางหลิงหลิงมาเดินเล่นในหมู่บ้านโดยมีสายตาของชาวบ้าน ต่างก็มองอย่างอยากรู้อยากเห็น“ทำไมคุณต้องเดินห่างฉันขนาดนี้ หรือว่าคุณมีคนรักอยู่ในหมู่บ้านนี้ เลยกลัวว่าเธอจะเห็นเราสองคนเดินด้วยกันเหรอ” หญิงสาวถามขึ้นมาคล้ายกับจะหยอกล้อ แต่ความจริงเธอต้องการคำตอบนี้อย่างมาก“ผมยังไม่มีคนรักครับ แต่ที่ผมต้องเดินเว้นระยะห่างกับคุณเพราะกลัวชาวบ้านจะเอาไปนินทา แล้วจะทำให้คุณเสียหาย”หลินอี้เฉินตอบกลับอย่างจริงจัง ขณะที่ตอบก็สบตาหญิงสาวอย่างไม่หลบเลี่ยง เพราะกลัวว่าเธอจะไม่เชื่อในสิ่งที่เขาได้บอกไป“เป็นไปได้เหรอที่คุณจะไม่มีคนรัก ดูจากอายุแล้วน่าจะเลยวัยที่จะต้องแต่งงานแล้วนะ” เธอแสร้งถามอย่างหยอกล้ออีกครั้ง ทั้งที่หัวใจนั้นพองโตไม่น้อยกับคำตอบที่ได้รับรู้“เมื่อก่อนบ้านผมจนน่ะ ไม่มีใครอยากให้ลูกสาวต้องมาลำบากหรอกครับ” คราวนี้เขาตอบออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ๆ เพราะนึกถึงฐานะของตนเองกับหญิงสาวที่แตกต่างกันมาก“แต่ตอนนี้บ้านของคุณมีฐานะดีขึ้นแล้วนี่ จะกลัวการแต่งงานทำไม ถ้าอย่างนั้นคุณลองมาคบหากับฉันไหม แต่คุณจะรับความเสี่ยงได้หรือเปล่าล่ะ เพร
บทที่ 56 ไม่หาเรื่อง เรื่องก็มาหา“พี่คิดว่าฉันโหดร้ายเกินไปหรือเปล่าคะ ที่ตัดสินใจทำตามแผนการนี้”“ไม่เลย ในเมื่อลูกสาวบ้านตู้คิดจะเล่นงานน้องก่อน อย่างไรเธอก็ควรจะได้บทเรียนในครั้งนี้”โม่กวนหยางรีบตอบกลับไปอย่างอ่อนโยนทันที เขาไม่ได้มองว่าภรรยาตนเองนั้นโหดร้าย และไม่ว่าเธอตัดสินใจจะทำอย่างไร เขาก็พร้อมจะสนับสนุนทุกอย่าง แม้ว่าสิ่งที่ภรรยาของเขาทำนั้น จะเป็นเรื่องที่ร้ายแรงแค่ไหนก็ตาม “ขอบคุณมากนะคะที่เข้าใจฉัน” หลินซินเยว่พูดขอบคุณและยิ้มให้สามีอย่างอ่อนโยน“ถ้าอย่างนั้นเราทำตามแผนการที่วางไว้เลยนะคะ กลับไปฉันจะได้สั่งให้คนดำเนินการเลย ส่วนคุณ เมื่อถึงเวลานั้นก็แสร้งทำทีพาคนไปพบ เรื่องนี้ตู้หลินเซียนไม่อาจหนีชะตากรรม ที่เธอได้ทำไว้ในตอนแรกแน่” หวางหลิงหลิงพยักหน้าอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าหลินซินเยว่มีความเด็ดขาด ไม่ยอมให้คนที่ทำร้ายตนเองลอยนวล“ขอบคุณมากนะคะคุณหนูหวางที่ช่วยในเรื่องนี้ ฝากขอบคุณไปถึงนายท่านหวางด้วย จริงสิ รอสักครู่นะคะ” หลินซินเยว่ยิ้มและเอ่ยขอบคุณอย่างจริงใจ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่ห้องตัวเอง แล้วหยิบเอารังนกออกมาชุดใหญ่“นี่ฉันฝากไปให้นายท่านหวางด้วยนะคะ ฉันไม่รู้ว่าจ
บทที่ 55 ต้องจัดการให้เด็ดขาด“ครับ แต่อย่างไรเรื่องนี้ผมจะต้องไปคุยกับซินเยว่และพี่กวนหยางดูก่อน แต่เชื่อว่าทั้งสองคนน่าจะเห็นด้วยกับความคิดนี้ และหากจะหาใครสักคนให้แต่งงานกับตู้หลินเซียน ก็น่าเป็นชายหนุ่มจากหมู่บ้านอื่น หรือไม่ก็คงจะเป็นพวกพรานป่า หรือไม่ต้องเป็นคนที่โหดสักหน่อย เพื่อที่จะจัดการให้เธออยู่ในโอวาทได้ ไม่อย่างนั้นแล้วก็คงจะเอาผู้หญิงคนนี้ไม่อยู่”หลินอี้เฉินพูดขึ้นมาตามความคิดของเขา โดยที่เขายังไม่มีใครอยู่ในใจ แต่อย่างไรเรื่องนี้ก็คงจะต้องไปคุยกับน้องสาวและน้องเขยให้ชัดเจนเสียก่อนว่า จะจัดการลูกสาวบ้านตู้อย่างไร“แต่ฉันเห็นต่างเล็กน้อย เรื่องอื่นไม่มีปัญหา แต่ชายที่จะมาแต่งงานกับตู้หลินเซียนนั้น จะต้องเป็นคนที่ยากจนเพิ่มขึ้นมาด้วย ผู้หญิงคนนั้นจะได้เลิกเชิดหน้าชูคอสักที”หวางหลิงหลิงพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง ใครจะคิดว่าเธอนั้นจะโหดร้ายเกินไปก็ช่าง แต่เพราะผู้หญิงร้ายกาจแบบตู้หลินเซียน จะต้องจัดการขั้นเด็ดขาดแบบนี้เท่านั้นพอได้ยินอย่างนั้น หลินอี้เฉินก็หันไปมองหญิงสาวเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มมุมปากออกมาอย่างพึงพอใจ เขาไม่มองเลยว่าเธอนั้นโหดร้ายกับผู้หญิงด้วยกัน เพราะคนอย่างตู้ห