LOGINบทที่ 2
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
กระสุน4นัดถูกลั่นไกออกไปอย่างแม่นยำ โชคดีเหลือเกินว่าฟาโรห์นั้นยังมึนงงจากฤทธิ์ยาสลบถึงจะเป็นยาสลบของมนุษย์แต่คาดว่าคงแรงมากจริง ๆ แมวเช่นมันจึงสลบไปนานกว่าคนไม่พอยังสะลึมสะลืออยู่มากเลยไม่แตกตื่นกับเสียงดังทั้งที่แมวเป็นสัตว์ที่มีประสาทหูดีมาก ๆ หากเจอเสียงดังมักจะแตกตื่น จนอาจเตลิดหนีไปก็มีมาก
กระสุน4นัดเจาะเข้าขาของพวกคนเลวทั้ง4คนพอจะสกัดไม่ให้พวกมันไล่ติดตามเธอมาได้ วิ่งออกมาจากตึกสูง5ชั้นแล้วเหรินซินก็หันซ้ายแลขวาตัดสินใจว่าตนเองจะไปทางไหนดีสุดท้ายก็เลือกขวาร้ายซ้ายดี วิ่งไปทางซ้ายจนเจอกับถนนสายหนึ่ง เธอเหลียวมองไปด้านหลังก็พบว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์กว่า20ชีวิตไล่กวดตามมาเป็นพรวน หญิงสาวถึงกับหน้าตาซีดเผือด
"เจ้าฟาโรห์หากเกิดอะไรขึ้นกับฉันแกต้องหนีไปให้ไกลนะ แกต้องหนีไปให้ได้แล้วหานางทาสหรือนายทาสคนใหม่เสียนะ" เมื่อดูแล้วโอกาสรอดริบหรี่เธอจึงบอกกับเจ้าแมวส้มออกไป
"เหมียว!"
หลังจากจบคำพูดของนางทาสสาว เจ้าฟาโรห์ก็ร้องประท้วงขึ้นทันทีว่ามันไม่คิดจะทอดทิ้งเหรินซินที่เก็บมันมาจากข้างถังขยะเมื่อหลายเดือนก่อน แต่หญิงสาวไม่มีเวลาสนใจอะไรอีกแล้ว กลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านั้นกำลังไล่ติดตามมาอย่างกระชั้นชิดมองไปข้างหน้าก็เห็นว่าเป็นถนนโล่งพร้อมทุ่งนาไม่มีที่ไหนให้หญิงสาวได้หลบซ่อนตัวได้เลยสักที่ หมู่บ้านก็อยู่ไกลเห็นอยู่แค่เพียงหลังคาลิบลับ หนึ่งแมวกับหนึ่งคนจึงมีแต่ต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนต่อไปเท่านั้น
"หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้!"
เสียงคนด้านหลังตะโกนตามมาแต่เหรินซินย่อมไม่โง่เขลาถึงขนาดนั้นที่จะหยุดวิ่งรอให้พวกมันมาจับตัวกลับไปดูแล้วน้องสามีของเธอคนนั้นมันก็ไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน หากถูกจับกลับไปเธอได้ตายทั้งเป็นแน่นอน เข้าตำราเนื้อก็ไม่ได้กินหนังก็ไม่ได้รองนั่งแท้ ๆ เพราะนอกจากเงินจ้าวลู่เฉินก็ไม่เคยให้อะไรเธอเลย ไฉนเธอต้องมาแบกรับความขัดแย้งของพวกเขาพี่น้องแบบนี้ด้วยนะ ไม่ตายสิ เธอนี่แม่มมันโคตรจะซวยฉิบหายวายป่วงเสียจริง!
"จะหยุดหรือไม่หยุด หากไม่หยุดฉันจะยิง!"
เปรี้ยง!
‘บัดซบ!ไหนบอกว่าหยุดแล้วจะไม่ยิงยังไงล่ะไอ้พวกคนชั่ว!’
เหรินซินสบถในใจลั่นเนื่องจากคนด้านหลังที่ตะโกนบอกให้หยุด หากไม่หยุดมันจะยิง เธอหยุดแล้วมันคนนั้นที่ดูเหมือนลูกพี่ก็ยังคงยิงปืนออกมาคมกระสุนนั้นเฉี่ยวใบหูของเธอไปจนร้อนฉ่า ต่อให้จิตใจกล้าแกร่งแค่ไหนก็ไม่ไหวเหมือนกันขามันสั่นหมดแรงจนเหรินซินจำต้องทรุดร่างลงนั่งย่อง ๆ จากนั้นเธอจึงวางปืนในมือลงกับพื้นพร้อมกับที่ชูมือขึ้นหนึ่งข้างส่วนอีกข้างยังคงกอดแมวส้มเอาไว้แนบอกเพราะกลัวว่ามันจะแตกตื่นกับเสียงปืนและคนแปลกหน้า
"อาซ้อรอง คุณนี้มันสมควรตายจริง ๆ!"
จ้าวป๋อจิ้งที่เพิ่งฟื้นจากการถูกเตะก้านคอวิ่งตามออกมาพร้อมกับท่าทางที่ยังคงกุมลำคอของตนเองไว้ใบหน้าโกรธเคืองเกินร้อย เหรินซินคิดว่าตนเองคงหมดหนทางรอดแล้วจริง ๆ แน่ในคราวนี้ก็ได้แต่ภาวนาให้ได้ตายไปจริง ๆ อย่าได้ตายทั้งเป็นเพราะถูกข่มเหงเลย
"หนีไปเถอะนะฟาโรห์"
น้ำตาของหญิงสาวหยดลงมาสองสามหยด คนเราเกิดมาย่อมต้องตายเพียงแต่เธออาจจะอาภัพหน่อยที่เกิดใหม่ได้ไม่นานก็คงต้องตายอีกแล้วและที่น่ากลัวว่าตนเองจะตายไปจริง ๆ ก็คือการตายทั้งเป็นเพราะเหตุการณ์ตรงหน้ามีแค่สองทางเท่านั้นหากไม่ตายจริงๆ ดูทรงแล้วเธอก็อาจจะต้องตายทั้งเป็นเพราะถูกน้องชายของสามีคนนี้ข่มเหงเธอแล้วอาจจะนำไปขายตัวต่อไปเสียมากกว่าจะส่งคืนไปให้กับจ้าวลู่เฉินแน่นอน ยิ่งในยุคนี้มีทั้งบ่อนมีทั้งซ่องเถื่อนเธอก็ไม่รู้เช่นกันว่าอีกฝ่ายแค้นเคืองอะไรพี่ชายของตนเองแต่คงเกลียดชังกันไม่ธรรมดาเป็นแน่จึงลงมือกับตนเองแบบนี้
"ไปสิฟาโรห์ อยู่ตรงนี้อันตรายมาก หนีไป!"
แต่เจ้าแมวอ้วนสีส้มกลับไม่ยอมขยับไปไหนต่อให้หญิงสาวปล่อยมันลงจากอ้อมแขนไปแล้ว มันเอาแต่เดินวนเวียนอยู่รอบตัวของเธอ จนจ้าวป๋อจิ้งและคนของมันเดินมาล้อมเธอเอาไว้ฟาโรห์ก็ยิ่งพองขนขู่ฟ่อพร้อมจะสู้ตายเต็มที่!
ผลัวะ!
ใบหน้าของเหรินซินสะบัดไปตามแรงตบ ก่อนที่เธอจะหันกลับไปมองเจ้าคนชั่วช้าที่กล้าลงไม้ลงมือกับผู้หญิงรสชาติของเลือดแทรกซึมอยู่ในปากบอกได้เป็นอย่างดีว่าขณะนี้ปากเธอคงแตกแน่แล้ว
"คราวแรกฉันก็คิดว่าเธอจะฉลาดกว่านี้เสียอีกที่แท้ก็โง่แบบนี้นี่เอง นังผู้หญิงแพศยาบังอาจมาเตะก้านคอคุณชายสามแบบฉัน!"
'ถุย! แม่นายน่ะสิแพศยา!'
เหรินซินก็แค่คิดภายในใจเท่านั้นใครจะไปกล้ายั่วยุอีกฝ่ายให้มันทำร้ายเธอมากขึ้นกันเล่า เธอยังไม่ได้อยากตายเร็วถึงเพียงนั้นต่อให้คิดว่าตอนนี้ตายไปยังจะดีเสียกว่าก็ตามเถอะ เกิดเป็นลูกสาวตำรวจน้ำดีก็ตายเร็วไปชาติหนึ่งนี้พอเกิดมามีสามีทั้งที่ยังไม่ทันเผชิญหน้ามาตลอดครึ่งปีก็ยังจะต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก ไม่รู้ว่า2คนนี้มีเรื่องอะไรกันสุดท้ายความซวยจึงมาตกลงที่เธอแบบนี้ หากไม่เรียกว่าซวยฉิบหายยังจะเรียกว่าอะไรได้อีกเล่า?!
"มานี่เลยนังตัวดี!"
ไอ้น้องสามีคนชั่วมันจิกผมของเธอกระชากจนเหรินซินถึงกับเซถลาลุกตามขึ้นไปตามแรงฉุดกระชากลากถูนั้นอย่างยากจะขัดขืนได้ แต่พอเธอยืนขึ้นยังไม่ทันจะมั่นคงมันก็ต่อยท้องของเธอลงมาหลายหมัดจนหญิงสาวทรุดลงไปนอนตัวงอเป็นกุ้งอยู่บนพื้นอีกครั้ง เหรินซินจุกจนน้ำตาไหลพูดไม่ออกร้องให้คนช่วยยิ่งไม่ไหว จุดจบของเธอลอยอยู่ตรงหน้าแล้วจริง ๆ วันนี้
"ลากมันกลับไปฉันจะข่มขืนมันให้ยับแล้วส่งไปขายที่บ่อนที่จิ้งไห่สักครึ่งปีค่อยส่งซากกลับไปให้ไอ้ลู่เฉินมันดู! ฉันจะทำให้ไอ้ลูกหมาลู่เฉินมันได้รู้ว่าอย่ามาแตะผู้หญิงของฉัน และไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะมายุ่งกับธุรกิจของจ้าวป๋อจิ้งคนนี้!"
เรื่องผู้หญิงนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องแค่ส่วนเดียวเพราะสำหรับจ้าวป๋อจิ้งแล้วคุณหนูเจียงก็แค่ของที่เขายังไม่ได้กินหากว่าเขาได้กินแล้วคนเบื่อง่ายเช่นเขาก็คงไม่รู้สึกอะไรอีก ที่ทำให้จ้าวป๋อจิ้งเป็นเดือดเป็นแค้นอยู่ตอนนี้ก็เพราะเขาเสียหน้าที่สินค้าทั้งยาและเนื้อสดนั้นถูกทางการจับกุมแล้วไหนจะกิจการไนท์คลับ บ่อน ล่าสุดแม้แต่ธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่มันเพิ่งริเริ่มก็ยังก้าวหน้า เรียกว่าไอ้ลูกหมานั่นหยิบจับอะไรก็รุ่งเรืองผิดกับเขาที่มีแต่รุ่งริ่งไปเสียทุกสิ่ง!
แต่ที่จ้าวป๋อจิ้งเจ็บใจที่สุดก็เมื่อ3เดือนก่อนสินค้าล็อตใหญ่ของเขากับน้าชายถูกจับและยึดของกลางไปทั้งหมด เสียหายทั้งเงินและชื่อเสียงไปไม่น้อยพอสืบอยู่พักใหญ่จึงพอจะมีเค้ารางว่าน่าจะเป็นจ้าวลู่เฉินที่ส่งข้อมูลของเขาให้กับคนของทางการได้รู้
จนทางการนั้นสามารถเข้าจับกุมสินค้าของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้หุ้นส่วนหลายคนของเขาไม่พอใจเอามาก ๆ เขาที่คุยฟุ้งเอาไว้ว่าตนเองเป็นลูกนายพลใหญ่ไม่มีคนของทางการกล้าแตะต้องก็พูดอะไรไม่ออกไปเลยในที่ประชุม แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาแค้นจนอยากฆ่ามันได้อย่างไร ทว่าการตายมันง่ายเกินไปเขาจึงมอบของขวัญให้มันด้วยการตายทั้งเป็นของผู้หญิงที่มันซุกซ่อนเอาไว้จึงนับว่าสาสมมากกว่า
ดังนั้นวันนี้หากเขาไม่ได้'เอาคืน'พี่ชายต่างมารดาเช่นจ้าวลู่เฉินด้วยการข่มเหงย่ำยีภรรยาที่มันพยายามซุกซ่อนมานานถึง3ปีจากนั้นก็ส่งไปขายที่ไนต์คลับที่เมืองซีไห่ให้สำเร็จก็อย่ามาเรียกเขาว่าคุณชายสามอีกเลย
โครม!
"อึ๊ก!"
ร่างเล็กถูกจับเหวี่ยงโครมเหรินซินนั้นจุกจนอยากอาเจียนออกมาเมื่อเธอถูกจับโยนกลับมาบนเตียงที่เหม็นอับนั้นอีกครั้ง ฟาโรห์พุ่งตามขึ้นมา เหรินซินพยายามจะส่งสัญญาณให้มันหนีไป หากแต่แมวอ้วนนั้นกลับไม่ยอมหนีไม่พอ มันยังตรงมาขวางหน้าคล้ายจะปกป้อง และพองขนฟูพร้อมจะตะกุยหน้าของใครก็ตามที่จะทำร้ายนางทาสของมัน!
"เอายามาอีก"
จ้าวป๋อจิ้งนั้นหันไปกระดิกนิ้วสั่งลูกน้องของตนให้ผสมยาปลุกเซ็กส์ขึ้นมาอีกแก้ว เหรินซินอยากจะหนีแต่ไม่อาจทำอะไรได้เลยตัวเธอก็เล็กนิดเดียวถูกต่อยมาเต็มแรง ไหนจะถูกตบถูกเตะแล้วยังถูกเหวี่ยงลงมาเต็มที่อีกด้วยขณะนี้แค่หายใจเธอยังทำได้ลำบากเพราะจุกแน่น
"หนี...ไป...เจ้าอ้วน"
พอจะคลายอาการจุกแน่นสิ่งแรกที่เธอพูดออกมาก็คือไล่เจ้าแมวสีส้มตัวอ้อนรีบหนีไป หากแต่มันยังคงยืนจังก้าพองขนแล้วกางกรงเล็บเตรียมพร้อมจะข่วนทุกคนไม่สนว่าเป็นใครซึ่งมันอันตรายมาก คนพวกนี้ชั่วขนาดตบตีผู้หญิงมันคงไม่มีจิตใจเมตตาสัตว์หน้าขนเป็นแน่
"ห่วงตัวเองก่อนเถอะ อาซ้อรองคนสวย แกน่ะ มาจับแมวตัวนี้ออกไป จะฆ่ามันเลยก็ได้"
"ไม่นะ!"
จบสิ้นคำสั่งของจ้าวป๋อจิ้ง หญิงสาวก็กรีดร้องออกมาก่อนจะรวบรวมกำลังทั้งหมดผลักเจ้าฟาโรห์ให้พ้นลงไปจากเตียงซึ่งพอมันตกลงไปทุกคนก็วุ่นวายวิ่งไล่จับ หญิงสาวฉวยโอกาสนั้นวิ่งหนีอีกครั้ง ขณะที่ภายในร่างกายของเธอเริ่มร้อนผ่าว ๆ คาดว่ายาที่ผสมอยู่ในแก้วน้ำที่เธอดื่มไปตั้งแต่แรกเริ่มดังกล่าวคงเริ่มจะออกฤทธิ์แล้วเป็นแน่ มองเข็มฉีดยาในมือของจ้าวป๋อจิ้งสุดท้ายเหรินซินก็ตัดสินใจสู้แค่ตายไม่ยอมถูกฉีดยาเข้าเส้นเลือดโดยเด็ดขาดแค่ที่ดื่มไปเล็กน้อยเธอก็จะแย่แล้ว
"จับมันไว้!"
วิชามวยไทย ยูโด เทควันโด้ ถูกดึงออกมาใช้อย่างเต็มกำลัง เพราะหญิงสาวยอมตายแต่เธอจะไม่ยอมถูกจับให้ดื่มยานรกจนขาดสติแล้วตกเป็นเหยื่อของไอ้คนชั่วเช่นจ้าวป๋อจิ้งเด็ดขาด!
ผลัวะ! ตุ๊บ! ผลัวะ! โครม!
ผู้ชายตัวโตนั้นต่างล้มลงไปคนแล้วคนเล่า เหรินซินยอมเสี่ยง เธอไม่สนใจอีกแล้วว่าจะถูกยิงหรือไม่ ฝ่ายของจ้าวป๋อจิ้งก็ตกใจอยู่พอสมควรที่ได้เห็นว่าพี่สะใภ้คนนี้ไม่ได้อ่อนแอและจัดการง่ายอย่างที่ตนเองคาดการเอาไว้ ตั้งแต่แรกกว่าจะดึงสติกลับมาได้ ร่างของหนึ่งคนกับหนึ่งแมวก็หายลับไปกับสายตาแล้ว จึงตะโกนสั่งให้ลูกน้องรีบตามจับหญิงสาวกลับมาให้ได้
เหรินซินวิ่งออกมาเต็มฝีเท้าตามติดด้วยเจ้าแมวสีส้มนามฟาโรห์ที่วิ่งราวกับมันรู้ความ เธอไม่รู้ว่าตนเองจะรอดออกไปไหม แต่ก็หวังว่าตนเองจะสามารถปกป้องแมวอ้วนไม่ให้ถูกคนชั่วทำร้ายกันได้
ปัง! เฟี้ยว! ปัง! เฟี้ยว!
กระสุนปืนนัดแล้วนัดเล่าพุ่งเฉียดร่างของเหรินซินไป ทำให้หญิงสาวพอจะคาดเดาได้ว่าชีวิตตนเองคงยังมีค่าอยู่บ้างหาไม่แล้วอีกฝ่ายคงยิงให้ถูกร่างเธอได้ไม่ยาก วิ่งไปหญิงสาวก็หันหน้าและเหลียวหลังไปตลอดทางจนเห็นหัวโค้งถนนอยู่ในสายตาเธอก็ไม่ยอมลดความเร็วของฝีเท้าลงแม้แต่น้อยทว่า…
เอี๊ยด!...โครม! ตุ๊บ!
ตอนพิเศษหลังจากค่ำคืนเร่าร้อนผ่านไป ใครจะเชื่อว่าสุดท้ายเหรินซินก็คิดได้ว่าตัวเองจะเขียนออกมาแนวไหน เธอมันพวกถนัดซ่อนปมและหักมุม จะให้เปลี่ยนไปเขียนแนวอิโรติก อย่างไรก็ไม่ใช่แนวของเธอ ในเมื่อถนัดแนวไหนหญิงสาวก็จะไปให้สุดและให้ดี พล็อตนิยายเรื่องใหม่ของเธอคราวนี้จึงไม่ใช่แนวสืบสวนฆาตกรรม แต่เป็นแนวเกิดใหม่มาแก้แค้น ซึ่งในยุคนี้ยังไม่มีนักเขียนแนวนี้ออกมามากนัก พอวางพล็อตและเขียนรายนามตัวละครกับชื่อเมือง เพราะเป็นแนวพีเรียดย้อนยุค สงครามวังหลัง แก้แค้นซ่อนปมและแย่งชิง เรื่องวางผังตัวละครกับผังเมืองจึงสำคัญมาก การมีคู่ชีวิตที่คอยซัปพอร์ตกันนี่มันโคตรจะดีจริง ๆช่วงนี้ข่าวของจ้าวป๋อจิ้งก็มาเข้าหูว่าศาลตัดสินโทษออกมาแล้วว่าอีกฝ่ายต้องจำคุก15ปี โทษของคดีแบบที่จ้าวป๋อจิ้งโดนนี้ตัดสิน15ปีก็ต้องติดจริง15ปีไม่มีลดหย่อน ซึ่งเหรินซินค่อนข้างชอบกฎหมายนี้มาก ๆ ค้ายาเสพติด ค้าชีวิตมนุษย์ จะทำดีลดโทษได้อย่างไรส่วนทางด้านหม่าเจินจูกับจ้าวลู่คังนั้นก็ทำการซื้อคฤหาสน์สกุลจ้าวที่ถูกทางการยึดเป็นของรัฐบาลกลับมาเป็นทรัพย์สินของสกุลหม่าได้แล้ว นับว่าจ้าวลู่คังนั้นไม่ผิดต่อบรรพบุรุษของสกุลจ้าวแล้วทั้งที่คว
ตอนจบเหตุการณ์ต่าง ๆ ผ่านไปแล้ว แต่ไม่ใช่ง่าย เพราะการจับคุมขบวนการค้ายาเสพติดและค้ามนุษย์กับอวัยวะคราวนี้เกี่ยวพันถึงหลายสกุลใหญ่ในหนานจิ้ง ไม่ว่าจะเป็นท่านนายพลจ้าว กับภรรยาคนที่สามของเขา กับนายท่านสกุลซู ยังมีท่านนายพลเจียง เรียกว่าครั้งนี้แทบจะล้างบางผู้มีอำนาจในหนานจิ้งและเยี่ยนจิ่งเลยก็ไม่ผิดสกุลจ้าว สกุลเจียง และสกุลซู ถูกทลายอำนาจจนไม่เหลือ แน่นอนว่า งานนี้ย่อมส่งผลถึงสกุลหม่า และหม่าฉางกรุ๊ป รวมถึงกลุ่มกิจการ หงส์เพลิงกรุ๊ปของคุณชายรองจ้าว แต่เพราะทั้งจ้าวลู่คังกับจ้าวลู่เฉินนั้นเตรียมรับมือกับแรงกระแทกมาสักพักหนึ่งแล้วจึงพอจะรับมือได้ ไหนจะยังมีหม่าเจินจูอยู่เป็นหลักให้กับลูกชายแท้และลูกเลี้ยง จึงไม่ทำให้เกิดเรื่องมากนักทุกคนที่ได้รับผลประทบจากเหตุการณ์คราวนี้ล้วนต้องปรับตัวและใช้เวลา แม้แต่จ้าวลู่เฉินเองก็ต้องยอมรับความจริงว่าบิดาของตนเองทำชั่วทำเลว เมื่อสุดท้ายถูกสอบสวนจากสาเหตุว่าเขาคือลูกชายแท้ ๆ ของท่านนายพลจ้าว สามีของเธอนั้นกลับรับมือได้โดยไม่หวั่นไหว สกุลซู สกุลเจียงถูกยึดทรัพย์ไม่เหลือ สกุลจ้าวเองก็เช่นกัน โชคยังดีที่ช่วง3ปีมานี้จ้าวลู่เฉินนั้นสร้างทรัพย์สินมาด้ว
บทที่ 27ผ่านไปอีก2วัน หม่าเจินจูกับจ้าวลู่คังก็แวะมากินข้าวที่บ้านหลังเล็กของจ้าวลู่เฉินกับเหรินซิน แน่นอนว่าไม่มีใครสงสัยเพราะช่วงหลังมานี้คุณนายใหญ่กับคุณชายใหญ่นั้นมักแวะมากินข้าวกับสองสามีภรรยาคู่นี้ประจำ แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ท่านนายพลจ้าว กับซูเมิ่งจีและคุณนายสามหลินม่านเถียนกลับยิ่งเพิ่มความไม่พอใจแผนการของซูเมิ่งจีที่เสนอผ่านไปทางจ้าวป๋อจิ้งถึงท่านนายพลจ้าวจึงน่าสนใจนัก ท่านนายพลจ้าวตกลงใจให้บุตรชายลงมือได้เลย พร้อมกับชื่นชมและขอบใจจ้าวป๋อจิ้งที่ช่วยคิดแทนเขากำจัดผู้หญิงไม่คู่ควรออกไปให้พ้นหูพ้นตา จ้าวป๋อจิ้งได้ทั้งหน้าได้ทั้งเงินไม่พอคุณนายสามหลินนั้นยิ่งได้ผลพวงในความดีความชอบไปด้วย เรียกว่าแค่กำจัดผู้หญิงตัวคนเดียวเพียงหนึ่งทุกคนต่างได้ผลประโยชน์จะไม่ทำได้อย่างไรและเพราะหากยังคงอยู่ที่บ้านสกุลจ้าวต่อไปคงเป็นที่สงสัย พร้อมกับฝ่ายตรงข้ามคงยากจะลงมือดังนั้นในอีก1อาทิตย์ต่อมาจ้าวลู่เฉินก็พาเหรินซินย้ายออกจากไปอยู่คฤหาสน์ส่วนตัวของพวกเขาตามกำหนดเดิมไม่เปลี่ยนการย้ายกลับไปอยู่คฤหาสน์ส่วนตัวที่นอกเมืองคราวนี้ไม่ใช่เชิญชวนให้จ้าวป๋อจิ้งลงมือเพียงเท่านั้น แต่เป็นการง่ายหากคุณนายใหญ่ห
บทที่ 26สองสามีภรรยานอนคุยกันจนหลับ ไปด้วยความเข้าอกเข้าใจ ในขณะที่คู่บาปคู่กรรมเช่นซูเมิ่งจีกับจ้าวป๋อจิ้งนั้นเพิ่งจะสาสมใจในบทรักเร่าร้อนและรุนแรง“ฉันอยากกำจัดนังเหรินซิน นายเองก็เกลียดมันเหมือนกันใช่ไหม?”ขณะกำลังสวมเสื้อผ้า ซูเมิ่งจีก็เอ่ยความต้องการของตนเองขึ้นมา เพราะสำหรับเธอนั้นทราบดีทีเดียวว่าจ้าวป๋อจิ้งคนนี้ไม่ใช่คนดิบดีอะไร ออกจะขี้อิจฉา พี่ชายทั้ง2คนมากเสียด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายจะมาเล่นสนุกแบบไม่ผูกพันกับเธอได้อย่างไร“ทำไม คนแบบเธอยังต้องการความร่วมมือจากฉันด้วยหรือ?”จ้าวป๋อจิ้งกำลังสูบบุหรี่พ่นควันลอยคละคลุ้ง จนซูเมิ่งจียังสำลัก ทั้งที่ปกติเธอก็สูบเช่นกัน หญิงสาวถึงกับทำหน้าไม่พอใจ จ้าวป๋อจิ้งหัวเราะก่อนจะส่งบุหรี่มวนที่เขาสูบไปเล็กน้อยให้กับซูเมิ่งจีอย่างเอาอกเอาใจ เพราะสำหรับเขาแล้วหลับนอนกับใครก็ยังไม่เคยถึงอกถึงใจเท่ากับซูเมิ่งจีเลยสักคน“นายไม่สนใจจะเอาหน้าจากคุณพ่อหรือไร หากกำจัดนังนั่นไปเสียได้คุณพ่อจะต้องพอใจผลงานนี้ของนายมากแน่นอน”หลังจากสูบเอาควันเข้าปอดแล้วปล่อยออกมาจนสุด ซูเมิ่งจีจึงเริ่มยุยงส่งเสริมคิดจะยืมมือของจ้าวป๋อจิ้งมากำจัดเหรินซิน เพราะหากนั
บทที่ 25ผ่านไปอีกหลายวันจ้าวลู่เฉินก็ยังคงไม่กลับมา แต่ยังดีว่าเขายังมีข่าวผ่านกงเหยียนมาแจ้งให้เธอรู้ว่าตอนนี้เขายังปลอดภัย แต่ความห่วงใยนั้นกลับไม่ได้ลดน้อยลงเลย ช่วงนี้จิตใจของเหรินซินจึงไม่ค่อยสงบเท่าไหร่ เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าการชอบใครสักคนพอเขาไม่อยู่จะทั้งคิดถึงและเป็นห่วงเป็นใยได้มากขนาดนี้ยังดีว่าหลังจากวันนั้นซูเมิ่งจีนั้นไม่ได้มาก่อกวนเธออีก รวมไปทั้งท่านนายพลจ้าว หากแต่เหรินซินเองก็ไม่ได้วางใจพ่อสามี เพราะคนแบบท่านนายพลจ้าว เขาเป็นคนมียศมีศักดิ์คงไม่ยอมเลิกราที่จะขัดขวางเธอกับจ้าวลู่เฉินเป็นแน่ หญิงสาวจึงคอยระวังตัวอยู่เสมอ"เอ...เจ้าอ้วนหายไปไหนเนี่ย?"หลังจากปั่นนิยายจนสายตาอ่อนล้า หญิงสาวจึงคิดจะลุกไปจกพุงเจ้าแมวอ้วนของตนเอง หากแต่กลับหาอีกฝ่ายไม่พบพอมองดูเวลานี่ก็ตี1แล้ว จึงไม่เรียกหาเหอหลิวมี่ให้ออกไปตามหาแมวอ้วนเป็นเพื่อน เหรินซินเปิดประตูหลังบ้าน ก็เห็นปลายหางสีส้ม วิ่งหายไปทางด้านหลังที่เป็นเรือนร้างไม่มีคนพักอาศัย อากาศเดือน12นี้หนาวไม่ธรรมดาคิดว่าอีกไม่นานหิมะคงจะตก เจ้าแมวอ้วนของเธอยังจะแอบหนีไปวิ่งเล่นกลางดึกอีก ไม่เรียวในมือของเหรินซินเริ่มจะสั่นแล้วขณะนี้
บทที่ 24หลังจากที่ตกลงกันแล้วว่าจะย้ายไปอยู่บ้านส่วนตัวของจ้าวลู่เฉิน แต่เพราะช่วงนี้ จ้าวลู่เฉินต้องไปทำงานที่ต่างเมืองกำหนดย้ายจึงยังไม่แน่นอน ดังนั้นช่วงนี้เหรินซินก็ยังคงต้องอาศัยอยู่ที่บ้านของสกุลจ้าวต่อไป จนกว่าจ้าวลู่เฉินนั้นจะเสร็จสิ้นงานในมือของเขาจึงค่อยมาจัดการย้ายที่อยู่ใหม่วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เหรินซินตื่นขึ้นมาด้วยใบหน้าผ่องใสหลังจากทำธุระส่วนตัวแล้วเธอจึงเดินไปที่แปลงผักข้างบ้าน เพราะไม่ได้แวะมาดูเสียหลายวัน นับตั้งแต่กลับมาจากโรงงานที่นอกเมืองคราวนั้นเลยก็ว่าได้ น่าจะเกือบ10วันแล้วกระมัง จึงคิดจะไปดูสักหน่อย"ผักสวยต้นอวบมากเลยนะคะเนี่ย อาซ้อรอง"เหอหลิวมี่เอ่ยขึ้นมาอย่างชื่นชม อาซ้องรองของเธอคนนี้เป็นคนมือเย็นจริง ๆ ปลูกผักอะไรก็งอกงามไปหมด นี่ขนาดอีกฝ่ายเพิ่งมีโอกาสปลูกและดูแลจริงจังหลังจากขาของเหรินซินนั้นหายแท้ ๆ กลับเจริญงอกงามเสียยิ่งกว่าตอนที่เธอกับพรรคพวกช่วยกันปลูกและดูแลเสียอีก"ผักต้นกำลังกินอย่างนั้นวันนี้พวกเราทำของว่างกันดีกว่า"ไม่ได้กินสาคูไส้หมูมานานมากแล้ว พอเห็นผักกาดหอมกับผักสลัดต้นอวบน่ากินเหรินซินจึงคิดอยากจะกินขึ้นมา พอดีกับภายในใจนั้นกังว







