Share

บทที่3

last update Last Updated: 2025-11-08 10:47:00

บทที่ 3

เหรินซินวิ่งสับเท้าเต็มกำลังคาดไม่ถึงว่าพอเลี้ยวพ้นหัวโค้งมาได้ตนเองก็ต้องเผชิญหน้าเข้ากับขบวนรถยนต์หรูหราหลายคันเข้าอย่างจัง ถึงรถคันหน้าจะเบรกแล้วก็ยังชนร่างเล็กจนกระเด็นตกลงไปในทุ่งนายังดีว่าเป็นทุ่งนามีน้ำและดินโคลนเพราะเพิ่งเข้าสู่ฤดูเพาะปลูกของเมืองหนานจิ้งที่พอจะรองรับร่างของเธอเอาไว้ได้อยู่บ้าง แต่หญิงสาวก็ยังบาดเจ็บสาหัสอยู่ดี แรงกระแทกนั้นรุนแรงมากจนเธอปลิวพอตกลงพื้นเลยทำเอาเหรินซินนั้นจุกแน่นและมึนงงไปหมดไม่อาจขยับได้แม้แต่ปลายนิ้วเธอนอนจมขี้โคลนแน่นิ่งไปเลยครู่หนึ่ง ต่อให้ภายในใจของหญิงสาวนั้นคิดอยากลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีต่อไปแค่ไหนก็เกรงว่าจะทำไม่ได้อีกต่อไปเสียแล้ว

"…!"

คนตัวเล็กนอนกลอกตามองท้องฟ้าไปมาครู่เดียวใครจะคิดว่าเจ้าฟาโรห์แมวอ้วนนั้นจะกระโดดตามเธอลงมาด้วยเพราะปกติแมวจะไม่ชอบน้ำและเธอเลี้ยงแมวส้มตัวนี้มากับมือถึง6เดือนจะไม่รู้ได้อย่างไรว่ามันไม่ใช่แค่ไม่ชอบน้ำแต่ถึงขั้นเกลียดเลยทีเดียว พอเห็นมันกระโดดตามติดลงมาเหรินซินจึงยิ่งกว่าแปลกใจเจ้าฟาโรห์นั้นมันตรงเข้ามาดม ๆ ตามใบหน้าของเธอเวลาที่ทะเลาะตบตีกันมาถึง6เดือนใครจะคิดว่าความผูกพันระหว่างคนกับแมวจะมีมากถึงขนาดนี้อาการจุกแน่นยังไม่ทุเลาดังนั้นเหรินซินจึงยังคงนอนนิ่งไม่ขยับเพราะแม้แต่ลมหายใจหญิงสาวนั้นยังหายใจออกมาไม่สะดวกจะขยับปากเอ่ยกับแมวย่อมไม่ต้องคิดเลยว่าจะทำได้

ซึ่งคาดว่าเจ้าฟาโรห์เองมันก็คงรับรู้ว่านางทาสของมันแค่บาดเจ็บแต่ไม่ถึงแก่ชีวิตเจ้าแมวส้มจึงเดินวนเวียนเฝ้าอยู่ข้างกายของหญิงสาว เหรินซินหลับตาพยายามใช้ความรู้สึกตรวจสอบดูว่าตนเองนั้นบาดเจ็บที่ตรงไหนบ้าง ศีรษะปวดหนึบแต่ความรู้สึกอุ่น ๆ กับเหนียวเหนอะหนะของ ของเหลวที่คาดว่าเป็นโลหิตไหลซึมออกมา มากกว่าจะเป็นแค่น้ำผสมโคลนตมในท้องทุ่งนาแห่งนี้จึงเดาได้ว่าศีรษะของเธอคงแตกแล้วหนึ่ง จากนั้นก็เป็นความรู้สึกเริ่มปวดร้าวภายในกระดูกของขาข้างขวาที่ถูกกันชนหน้ารถชนเข้าอย่างจังคิดไม่ออกเลยว่าหากไม่ตกลงมาในบ่อโคลนนี้ตนเองจะบาดเจ็บหนักเพียงใดนอกจะหัวแตกและขาข้างขวาหักยังจะมีส่วนใดของร่างกายแตกหักอีกบ้างหรือไม่เหรินซินยังค้นหาไม่พบเนื่องจากชาหนึบไปหมดทั้งร่างแล้วนั่นเอง

ขณะเดียวกันด้านคนบนรถนั้นก็แตกตื่นตกใจไม่น้อย หากแต่จ้าวลู่เฉินนั้นได้สติก่อนใครเขาจึงพุ่งกายลงมาพร้อมปืนพกที่ปลดเซฟพร้อมยิงตามติดด้วย กงเหยียน เฉียงเว่ย ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่คนของจ้าวป๋อจิ้งนั้นวิ่งไล่กวดตามหลังของเหรินซินมาติด ๆ ตามมาทันพอดี เช่นกันแต่เมื่อพวกมันแลเห็นขบวนรถและคนก็พากันเบรกเท้าจนตัวโก่งยิ่งมองจนชัดเจนแล้วได้เห็นว่าเป็นพญายมแห่งเมืองหนานจิ้งเช่นคุณชายรองจ้าวลู่เฉินนั้นโผล่มาให้เห็นตัวเป็น ๆ อยู่ตรงหน้าพร้อมกำลังคนของแก๊งหงส์เพลิงเกินครึ่งร้อยเช่นนี้พวกมันจึงต่างพากันหันหลังกลับวิ่งหนีหางจุกก้นหวนคืนไปหาผู้เป็นนายของตนเองทันที

เห็นดังนั้นจ้าวลู่เฉินที่เปิดประตูรถออกมายืนอยู่ด้านนอกจึงรู้ได้ในทันทีว่าผู้หญิงที่ถูกรถของตนเองชนนั้นเธอคือใคร นั่นเองที่ชายหนุ่มจึงร้อนใจแทบเป็นบ้ารีบกระโดดลงไปในท้องทุ่งนาไม่สนใจว่าตนเองจะเปื้อนขี้ดินขี้โคลนอะไรทั้งนั้น!

"กงเหยียน เฉียงเว่ย เอาคนตามไปจับป๋อจิ้งมาให้ฉันให้ได้ จางจงเตรียมหันหัวรถกลับออกไป ทำอย่างไรก็ได้ให้ฉันสามารถพาอาซ้อรองของแกไปโรงพยาบาลได้เร็วที่สุด!"

หลังจากหันไปสั่งการให้คนของตนเองเข้าไป'เก็บกวาด'และจับตัวของจ้าวป๋อจิ้งมาให้เขาแล้ว จ้าวลู่เฉินจึงกระโดดลงไปในทุ่งนาที่มีต้นข้าวที่สูงเพียงหัวเข่าของเขาในขณะที่มือก็เก็บปืนไปด้วย ภาพแรกที่ปรากฏแก่สายตาของชายหนุ่มก็คือร่างเล็กจมอยู่ในน้ำผสมดินโคลนโผล่ขึ้นมาเพียงใบหน้าดวงตาคู่โตสีน้ำตาลอ่อนสะท้อนกับแสงดวงอาทิตย์มองมาทางเขาพอดีทำให้ต่างคนก็ต่างหยุดชะงักและนิ่งงันกันไปครู่หนึ่ง

"เหรินซิน?"

ถามออกไปเพราะสภาพของอีกฝ่ายไม่ปกติจ้าวลู่เฉินแน่นอนเห็นภาพถ่ายของภรรยาตามกฎหมายแทบจะทุกเดือนตามรายงานมีหรือจะจำน้องสาวของผู้มีพระคุณไม่ได้เพียงแต่อีกฝ่ายบัดนี้จมอยู่ในดินโคลนกลางท้องทุ่งนาแบบนี้ใครจะไปจำอีกฝ่ายได้ต่อให้เป็นบิดามารดา หรือพี่ชายของเหรินซินที่ล่วงลับไปแล้วนั้นมาเห็นในยามนี้ก็คงจะไม่แน่ใจเช่นกันว่านี่ใช่เหรินซินหรือไม่

"คุณคือ? ..."

เหรินซินนั้นไม่กล้าขยับร่างกายตนเองก็จริงแต่เธอนั้นยังขยับปากถามอีกฝ่ายออกไปได้อยู่ เนื่องจากยังไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายคือใคร เขาอาจเป็นคนขับรถคันที่ชนเธอแต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายไม่ได้เป็นพวกเดียวกันกับไอ้คนที่ไล่กวดจะจับเธอกลับไปข่มขืนและนำไปขายทอดตลาดได้อย่างไร แต่ผู้ชายคนนี้ออกจะประหลาดสักหน่อยตรงที่คล้าย ไม่คล้ายสิคาดว่าเขาคงลุกมาจากเตียงนอนแล้วพุ่งมาเลยแน่นอนดูได้จากทรงผมที่ยังยุ่งเหยิง กับกางเกงแพรสีน้ำเงินเข้มและเสื้อคลุมที่ดูแล้วภายในไม่ได้สวมเสื้ออยู่เนื่องจากเธอมองเห็นหน้าอกของอีกฝ่ายได้เต็มตาขณะนี้

"ฉันคือพี่ลู่เฉิน เป็นสามีของเธอไง จำไม่ได้แล้วหรือ?"

จ้าวลู่เฉินก็คิดว่าตนเองก็ไม่นับว่าหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่หรือธรรมดาเกินไปจนทำให้คนที่เคยพบเห็นนั้นจดจำไม่ได้โดยเฉพาะคนที่เป็นภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมายของตนเองจะจดจำเขาไม่ได้?!

"เอ่อ..." ถึงจะพอมีความทรงจำสีจางเกี่ยวกับรูปร่างและหน้าตาของสามีตีทะเบียนอยู่บ้างแต่สถานการณ์ตอนนี้มันไม่ชวนให้เธอจดจำเขาได้จริง ๆ

"ช่างเถอะ เอาเป็นว่าฉันอาจจะไม่ใช่สามีที่ดีมาให้เธอเห็นหน้าบ่อย ๆ แต่อย่างไรฉันก็คือสามีเธอแน่นอน ไม่ทำร้ายแต่ฉันมาช่วยเธอจริง ๆ"

จ้าวลู่เฉินรีบตัดบทเพราะไม่ใช่เวลาที่จะมามัวสืบประวัติหรือทบทวนความหลัง เพราะอีกฝ่ายดูเหมือนจะบาดเจ็บไม่น้อยเลยทีเดียว

"เอ่อ ค่ะพี่ลู่เฉิน" เหรินซินเองก็ไม่มีแรงมากพอที่จะมาท้าวความหลังอะไรเหมือนกัน

"เธอบาดเจ็บตรงไหนอีกนอกจากหัวแตก"

จ้าวลู่เฉินตัดทุกอารมณ์หงุดหงิดออกไปที่ภรรยาจดจำตนเองไม่ได้ออกไป แล้วสอบถามถึงอาการบาดเจ็บของหญิงสาวแทน เพราะชายหนุ่มสังเกตได้ว่าเหรินซินนั้นไม่ขยับส่วนใดของร่างกายนอกจากปากและดวงตาเท่านั้น ทั้งที่เขามายืนอยู่ตรงนี้ได้ครู่หนึ่งแล้วแท้ ๆ จากสายตาเธอนั้นไม่ไว้ใจเขาแน่นอนหากแต่กลับนอนนิ่งไม่ไหวติงไม่ลุกขึ้นวิ่งหนีก็ออกจะแปลกอยู่มากจริง ๆ

“ขาของฉันค่ะ ขาข้างขวาน่าจะหักค่ะ ส่วนอื่นยังไม่แน่ใจ ฉันรู้สึกปวดร้าวและมึนศีรษะกับหายใจไม่สะดวกไม่แน่ใจว่าซี่โครงจะหักด้วยไหมฉันเลยไม่กล้าขยับค่ะ”

จ้าวลู่เฉินเร่งรุดลงไปตรวจดูที่ขาทั้งสองข้างของเหรินซินทันทีเพราะเขานั้นพอจะมีความรู้ด้านการแพทย์เบื้องต้นอยู่บ้างเนื่องจากสมัยยังรับราชการทหารนั้นต้องเรียนรู้เอาไว้ ชายหนุ่มไม่ต้องตรวจเช็กอะไรมากนักเนื่องจากขาข้างขวาหักผิดรูปไม่พอกระดูกยังแทงทะลุเนื้อออกมาอีกด้วยทำเอาชายหนุ่มต้องเหลือบสายตาขึ้นไปมองหน้าของหญิงสาวเสียมิได้ แต่พอเห็นว่าเธอยังคงนิ่งอยู่จึงเดาเอาว่าเธอยังมีอาการชาหนึบอยู่มากเลยยังไม่ทันรู้สึกถึงความเจ็บปวดได้มากเท่าที่ควรจึงคาดว่าอีกฝ่ายย่อมนึกไม่ถึงเป็นแน่ว่าตนเองบาดเจ็บอาการหนักเพียงใด

"คุณชายรองครับ รถพร้อมแล้วครับ"

เสียงจางจงดังอยู่ด้านบน จ้าวลู่เฉินจึงตัดสินใจจะอุ้มร่างคนบาดเจ็บขึ้นไปด้านบนก่อน เพราะขณะนี้เลือดของหญิงสาวออกมามากแล้ว มากจนน้ำผสมโคลนเริ่มเปลี่ยนสี

"เจ็บหน่อยนะฉันต้องอุ้มเธอขึ้นไปบนถนนก่อนถึงจะเห็นว่าบาดเจ็บหนักแค่ไหน ไม่ต้องกลัวนะ ฉันพอมีความรู้ด้านการแพทย์อยู่บ้าง เคลื่อนย้ายผู้ป่วยแบบเธอได้"

แน่นอนว่าประโยคแรก ๆ เขาโกหกเธอ ไม่อยากให้หญิงสาวตกใจกับสภาพของตนเอง แต่ประโยคหลังเขาพูดความจริงเพราะเขาเป็นทหารอยู่หลายปีผ่านภาพบาดเจ็บมาไม่น้อย ใครจะคิดว่านั้นตนเองต้องมาพบกับภาพของน้องสาวผู้มีพระคุณเลือดท่วมกายไม่พอกระดูกยังแทงออกมานอกเนื้อจากฝีมือของน้องชายตนเองทำให้ชายหนุ่มโมโหคิดภาพหักกระดูกของจ้าวป๋อจิ้งออย่างไรให้มันเจ็บปวดมากกว่าที่เหรินซินได้รับออกมาเป็นสิบวิธี!

"เอาน้ำมาจางจง แกด้วยไปช่วยกันเอาน้ำสะอาดมาล้างตัวอาซ้อก่อน"

พอจ้าวลู่เฉินก้าวขาขึ้นมาบนถนนได้ก็รีบร้องสั่ง จางจงกับลูกน้องอีกหลายคนให้นำน้ำสะอาดมาล้างขี้โคลนออกจากร่างกายของเหรินซินป้องกันการติดเชื้อเอาไว้ก่อน ยิ่งมีแผลเปิดชายหนุ่มยิ่งกังวล

"พี่ลู่เฉินคะ"

ขณะที่จ้าวลู่เฉินและคนของเขากำลังร้อนใจเป็นห่วงเป็นใยคนบาดเจ็บที่พอขึ้นมายืนอยู่บนถนนเช่นนี้สภาพของเหรินซินนั้นบาดเจ็บเรียกว่าสาหัสอยู่นั้นคนบาดเจ็บก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเบาหวิว

"หือ?"

จ้าวลู่เฉินขานรับในลำคอเสียงอ่อนโยนโดยที่เขาเองก็ยังไม่รู้ตัว ชายหนุ่มทรุดกายลงนั่งยอง ๆ ในอ้อมแขนนั้นยังคงอุ้มร่างน้อยของหญิงสาวผู้บาดเจ็บเอาไว้ด้วยท่าทางทะนุถนอมอย่างยิ่ง

"แมวค่ะ พี่ลู่เฉินช่วยเอาแมวสีส้มตัวนั้นไปด้วยนะ...คะ"

ทุกคนกำลังเป็นห่วงและตกใจกับอาการบาดเจ็บของเธอแต่เหรินซินที่สติกำลังจะขาดหายไปนั้นกลับห่วงใยเจ้าฟาโรห์เพราะสำหรับเธอนั้นยังมีใครอีกหลายคนแต่กับแมวเช่นฟาโรห์นั้นนับจากวันที่เธอเก็บมันมาจากข้างถังขยะในวันนั้นเมื่อ6เดือนก่อนเจ้าแมวสีส้มตัวนั้นมันก็ไม่มีใครอีกแล้ว ซึ่งพอบอกจุดประสงค์ของตนเองเสร็จหญิงสาวก็หมดสติไปเลยทันทีทำเอาจ้าวลู่เฉินยิ่งแตกตื่น

"เหรินซิน! เหรินซิน เอาน้ำมาเร็วเข้า"

จ้าวลู่เฉินทั้งตกใจที่หญิงสาวหมดสติแต่อีกส่วนหนึ่งของความรู้สึกก็คือแปลกใจว่าเหตุใดตัวเองกำลังจะหมดสติแทนที่จะห่วงตนเองแต่หญิงสาวดันไปห่วงแมวอ้วนสีส้มที่ตั้งแต่ในท้องทุ่งนามันก็ติดตามไม่ห่างแต่ก็เป็นแค่ชั่วขณะเดียวที่เขารู้สึกแปลกใจเพราะความกังวลว่าเหรินซินจะเป็นอันตรายถึงชีวิตจึงรีบให้คนของตนเอาน้ำสะอาดมาเทราดไปตามร่างกายของหญิงสาว โดยที่เขาใช้มือลูบไล้ล้างคราบขี้โคลนออกจากร่างกายของคนหมดสติถึงไม่หมดแต่อย่างน้อยก็ให้สะอาดเท่าที่จะทำได้ก็ยังดี

"เอาละ ไปโรงพยาบาลกันเถอะ"

หลังจากล้างจนเห็นผิวเนื้อแท้ของหญิงสาวแล้วว่ามีบาดแผลกี่แห่งจ้าวลู่เฉินจึงออกคำสั่งให้จางจงไปประจำที่คนขับโดยมีลูกน้องอีกคนไปเปิดประตูรถตอนหลังให้กับเขา พอเขาเข้าไปนั่งพร้อมกับมีร่างหมดสติของเหรินซินอยู่ในอ้อมแขน ใครจะคาดคิดเจ้าแมวอ้วนสีส้มที่แทบมองไม่เห็นสีจริงของมันแล้วเนื่องจากมันเองก็เปื้อนขี้โคลนเช่นกันจะวิ่งปรู๊ดตามขึ้นมาด้วย

"มันคือแมวที่อาซ้อรองเก็บมาเลี้ยงเมื่อ6เดือนก่อนครับคุณชายรอง"

จางจงบอกมาจากตำแหน่งที่นั่งคนขับ จ้าวลู่เฉินจึงพยักหน้าให้คนสนิทปิดประตูรถแล้วให้จางจงรีบออกรถโดยเร็ว ในใจของชายหนุ่มร้อนรนจนยากจะอธิบายรู้สึกผิดจนไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้วจริง ๆ เพราะก่อนที่เหรินเซียวจะจากไปเขารับปากอีกฝ่ายเสียดิบดีว่าจะดูแลปกป้องเหรินซินให้ดีไปตลอดชีวิต แต่นี่ผ่านมาเพียง3ปีเขาก็ปล่อยให้เธอต้องมาเจอกับเหตุการณ์ร้ายเช่นนี้

"พี่เหรินเซียวผมขอโทษ"

ชายหนุ่มพึมพำออกมาอย่างคนที่มีอารมณ์กดดันเต็มที่ เหลียวมองบาดแผลที่กระดูกโผล่ออกมาซึ่งกำลังมีเลือดไหลออกมากมายจนผิวขาว ๆ ของเหรินซินซีดเซียวลงเรื่อย ๆ หัวใจของชายหนุ่มก็ยิ่งเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าที่ตนเองบาดเจ็บเสียเองตอนนี้ชายหนุ่มหวาดกลัวเหลือเกิน หวาดกลัวว่าเธอจะไม่อยู่ให้เขาได้ดูแลอีกแล้ว

"เร็วอีกจางจง!"

เวลากว่า1ชั่วโมงจึงเห็นทางเข้าโรงพยาบาล เลือดบนเบาะรถคันหรูก็มากเสียจนคนเคยเป็นอดีตทหารคนหนึ่งถึงกับหน้าเสียไปหมด พอส่งร่างคนบาดเจ็บเข้าไปอยู่ในมือของหมอและพยาบาลในห้องฉุกเฉินแล้วจ้าวลู่เฉินก็ทรุดลงนั่งลงบนเก้าอี้ม้านั่งสำหรับญาติของคนป่วยอยู่ด้านหน้าห้องฉุกเฉิน สองมือที่เต็มไปด้วยเลือดและดินโคลนนั้นยกขึ้นกุมศีรษะชายหนุ่มหวาดกลัวเหลือเกินว่าเหรินซินจะทนพิษของบาดแผลไม่ไหวเพราะสภาพบาดเจ็บภายนอกดูหนักหนาขนาดนี้แล้วภายในของหญิงสาวจะหนักเพียงใด

"คุณชายรองครับ เอายังไงกับแมวของอาซ้อรองดีครับ"

จางจงที่อายุน้อยที่สุดในแก๊งหงส์เพลิงหรือสงห์เพลิงกรุ๊ปของจ้าวลู่เฉินจนชายหนุ่มมอบหมายหน้าที่ขับรถให้แทนที่จะไปเสี่ยงตายด้านอื่นอุ้มเจ้าแมวอ้วนมอมแมมเข้ามายืนสงบเสงี่ยมอยู่ข้างเก้าอี้ที่คุณชายรองจ้าวนั่งกุมศีรษะอยู่ เสื้อคลุมหลุดลุ่ยไม่เหลือความหล่อเหล่าของคุณชายรองจ้าวที่สาว ๆ ครึ่งเมืองหนานจิ้งหมายปองเลยสักนิด

"พามันกลับไปที่บ้านส่วนตัวของฉันที่อยู่นอกเมือง อาบน้ำและหาอาหารให้มันกินให้ดี ระหว่างอาซ้อของแกยังป่วยอยู่ก็รับหน้าที่ดูแลมันให้ฉันด้วย"

ดูแล้วเจ้าแมวอ้วนตัวนี้มันก็รักเหรินซินมาก ซึ่งตัวเหรินซินเองก็คงผูกพันกับแมวตัวนี้มากขนาดจะหมดสติเธอยังฝากฝังมันเอาไว้กับเขาดังนั้นขณะที่ยังไม่รู้ว่าเจ้าของ ของแมวอ้วนนั้นจะปลอดภัยหรือไม่เขาต้องให้คนดูแลมันให้ดี

"แล้วคุณชาย..."

จางจงเห็นสภาพของจ้าวลู่เฉินที่เขาเคารพรักดังกับพี่ชายแท้ ๆ ก็อดจะเป็นห่วงและอยากให้อีกฝ่ายกลับไปอาบน้ำให้สดชื่นก็ยังดีไม่ใช่มานั่งจมปลักอยู่ในสภาพเปื้อนดินเปื้อนโคลนตั้งแต่หัวจรดเท้าเช่นนี้

"แกกลับไปเถอะ ฉันจะอยู่รอฟังอาการของอาซ้อรองของแกอยู่ตรงนี้ อ้อแกช่วยติดต่อกงเหยียนให้มาพบฉันด้วย เผื่อมีเอกสารอะไรสำคัญของอาซ้อรองของแกที่ต้องนำมาให้ทางโรงพยาบาลอีก"

"ครับ"

"เหมียว"

ฟาโรห์ร้องประท้วงขึ้นมาเมื่อเห็นว่าตนเองกำลังจะถูกพาไปไกลจากนางทาสของมัน

"ไปกับอาจงก่อน เหรินซินป่วยอยู่ต้องรักษาตัวอยู่ที่นี่แกเข้าใจไหมเจ้าเหมียวอ้วน"

จ้าวลู่เฉินเองไม่เคยคิดว่าตนเองจะต้องมาพูดคุยเจรจากับสัตว์หน้าขนเช่นนี้แต่พอนึกถึงสายตาห่วงใยของคนในห้องฉุกเฉินชายหนุ่มก็จำยอมต้องเอ่ยปากออกไป

"เหมียว!"

ฟาโรห์กางกรงเล็บข่วนจางจงแล้วกระโดดลงไปอยู่บนพื้นท่าทางหูตั้งหางฟูดูก็รู้ว่ามันไม่ยอมจากไปจากตรงนี้แน่นอน จางจงเองก็ไม่กล้าที่จะต่อกรกับแมวแปลกหน้าถึงเขาจะชอบพวกสัตว์ขนฟูนุ่มนิ่มทุกชนิดเพียงใดก็ตาม

"เอาเถอะ ในเมื่อแกไม่อยากไปก็อยู่กันแบบนี้นี่แหละ แต่หากว่าแม่ของแกปลอดภัยแล้วแกต้องกลับไปอาบน้ำพร้อมกับฉันนะเจ้าก้อนขี้โคลน"

"..."

จางจงอึ้งเพราะคิดไม่ถึงว่าตนเองจะมีวาสนาได้เห็นคุณชายรองจ้าวที่ตลอด3ปีที่ผ่านมานี้ทุกคนที่รู้จักเขาต่างตั้งสมญานามว่าพญายมแห่งหนานจิ้งนั้นจะก้มลงไปเจรจากับสัตว์สี่เท้าตัวเล็ก ๆ ขนนุ่มเช่นแมวหนึ่งตัวไม่พอหลังจากพูดคุยจบอีกฝ่ายจะจับเจ้าแมวอ้วนมอมแมมขึ้นมาวางบนตักแล้วนั่งรออย่างสงบเช่นนี้...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้แสนชังยุค80    ตอนพิเศษ

    ตอนพิเศษหลังจากค่ำคืนเร่าร้อนผ่านไป ใครจะเชื่อว่าสุดท้ายเหรินซินก็คิดได้ว่าตัวเองจะเขียนออกมาแนวไหน เธอมันพวกถนัดซ่อนปมและหักมุม จะให้เปลี่ยนไปเขียนแนวอิโรติก อย่างไรก็ไม่ใช่แนวของเธอ ในเมื่อถนัดแนวไหนหญิงสาวก็จะไปให้สุดและให้ดี พล็อตนิยายเรื่องใหม่ของเธอคราวนี้จึงไม่ใช่แนวสืบสวนฆาตกรรม แต่เป็นแนวเกิดใหม่มาแก้แค้น ซึ่งในยุคนี้ยังไม่มีนักเขียนแนวนี้ออกมามากนัก พอวางพล็อตและเขียนรายนามตัวละครกับชื่อเมือง เพราะเป็นแนวพีเรียดย้อนยุค สงครามวังหลัง แก้แค้นซ่อนปมและแย่งชิง เรื่องวางผังตัวละครกับผังเมืองจึงสำคัญมาก การมีคู่ชีวิตที่คอยซัปพอร์ตกันนี่มันโคตรจะดีจริง ๆช่วงนี้ข่าวของจ้าวป๋อจิ้งก็มาเข้าหูว่าศาลตัดสินโทษออกมาแล้วว่าอีกฝ่ายต้องจำคุก15ปี โทษของคดีแบบที่จ้าวป๋อจิ้งโดนนี้ตัดสิน15ปีก็ต้องติดจริง15ปีไม่มีลดหย่อน ซึ่งเหรินซินค่อนข้างชอบกฎหมายนี้มาก ๆ ค้ายาเสพติด ค้าชีวิตมนุษย์ จะทำดีลดโทษได้อย่างไรส่วนทางด้านหม่าเจินจูกับจ้าวลู่คังนั้นก็ทำการซื้อคฤหาสน์สกุลจ้าวที่ถูกทางการยึดเป็นของรัฐบาลกลับมาเป็นทรัพย์สินของสกุลหม่าได้แล้ว นับว่าจ้าวลู่คังนั้นไม่ผิดต่อบรรพบุรุษของสกุลจ้าวแล้วทั้งที่คว

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้แสนชังยุค80    ตอนจบ

    ตอนจบเหตุการณ์ต่าง ๆ ผ่านไปแล้ว แต่ไม่ใช่ง่าย เพราะการจับคุมขบวนการค้ายาเสพติดและค้ามนุษย์กับอวัยวะคราวนี้เกี่ยวพันถึงหลายสกุลใหญ่ในหนานจิ้ง ไม่ว่าจะเป็นท่านนายพลจ้าว กับภรรยาคนที่สามของเขา กับนายท่านสกุลซู ยังมีท่านนายพลเจียง เรียกว่าครั้งนี้แทบจะล้างบางผู้มีอำนาจในหนานจิ้งและเยี่ยนจิ่งเลยก็ไม่ผิดสกุลจ้าว สกุลเจียง และสกุลซู ถูกทลายอำนาจจนไม่เหลือ แน่นอนว่า งานนี้ย่อมส่งผลถึงสกุลหม่า และหม่าฉางกรุ๊ป รวมถึงกลุ่มกิจการ หงส์เพลิงกรุ๊ปของคุณชายรองจ้าว แต่เพราะทั้งจ้าวลู่คังกับจ้าวลู่เฉินนั้นเตรียมรับมือกับแรงกระแทกมาสักพักหนึ่งแล้วจึงพอจะรับมือได้ ไหนจะยังมีหม่าเจินจูอยู่เป็นหลักให้กับลูกชายแท้และลูกเลี้ยง จึงไม่ทำให้เกิดเรื่องมากนักทุกคนที่ได้รับผลประทบจากเหตุการณ์คราวนี้ล้วนต้องปรับตัวและใช้เวลา แม้แต่จ้าวลู่เฉินเองก็ต้องยอมรับความจริงว่าบิดาของตนเองทำชั่วทำเลว เมื่อสุดท้ายถูกสอบสวนจากสาเหตุว่าเขาคือลูกชายแท้ ๆ ของท่านนายพลจ้าว สามีของเธอนั้นกลับรับมือได้โดยไม่หวั่นไหว สกุลซู สกุลเจียงถูกยึดทรัพย์ไม่เหลือ สกุลจ้าวเองก็เช่นกัน โชคยังดีที่ช่วง3ปีมานี้จ้าวลู่เฉินนั้นสร้างทรัพย์สินมาด้ว

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้แสนชังยุค80    บทที่27

    บทที่ 27ผ่านไปอีก2วัน หม่าเจินจูกับจ้าวลู่คังก็แวะมากินข้าวที่บ้านหลังเล็กของจ้าวลู่เฉินกับเหรินซิน แน่นอนว่าไม่มีใครสงสัยเพราะช่วงหลังมานี้คุณนายใหญ่กับคุณชายใหญ่นั้นมักแวะมากินข้าวกับสองสามีภรรยาคู่นี้ประจำ แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ท่านนายพลจ้าว กับซูเมิ่งจีและคุณนายสามหลินม่านเถียนกลับยิ่งเพิ่มความไม่พอใจแผนการของซูเมิ่งจีที่เสนอผ่านไปทางจ้าวป๋อจิ้งถึงท่านนายพลจ้าวจึงน่าสนใจนัก ท่านนายพลจ้าวตกลงใจให้บุตรชายลงมือได้เลย พร้อมกับชื่นชมและขอบใจจ้าวป๋อจิ้งที่ช่วยคิดแทนเขากำจัดผู้หญิงไม่คู่ควรออกไปให้พ้นหูพ้นตา จ้าวป๋อจิ้งได้ทั้งหน้าได้ทั้งเงินไม่พอคุณนายสามหลินนั้นยิ่งได้ผลพวงในความดีความชอบไปด้วย เรียกว่าแค่กำจัดผู้หญิงตัวคนเดียวเพียงหนึ่งทุกคนต่างได้ผลประโยชน์จะไม่ทำได้อย่างไรและเพราะหากยังคงอยู่ที่บ้านสกุลจ้าวต่อไปคงเป็นที่สงสัย พร้อมกับฝ่ายตรงข้ามคงยากจะลงมือดังนั้นในอีก1อาทิตย์ต่อมาจ้าวลู่เฉินก็พาเหรินซินย้ายออกจากไปอยู่คฤหาสน์ส่วนตัวของพวกเขาตามกำหนดเดิมไม่เปลี่ยนการย้ายกลับไปอยู่คฤหาสน์ส่วนตัวที่นอกเมืองคราวนี้ไม่ใช่เชิญชวนให้จ้าวป๋อจิ้งลงมือเพียงเท่านั้น แต่เป็นการง่ายหากคุณนายใหญ่ห

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้แสนชังยุค80    บทที่26

    บทที่ 26สองสามีภรรยานอนคุยกันจนหลับ ไปด้วยความเข้าอกเข้าใจ ในขณะที่คู่บาปคู่กรรมเช่นซูเมิ่งจีกับจ้าวป๋อจิ้งนั้นเพิ่งจะสาสมใจในบทรักเร่าร้อนและรุนแรง“ฉันอยากกำจัดนังเหรินซิน นายเองก็เกลียดมันเหมือนกันใช่ไหม?”ขณะกำลังสวมเสื้อผ้า ซูเมิ่งจีก็เอ่ยความต้องการของตนเองขึ้นมา เพราะสำหรับเธอนั้นทราบดีทีเดียวว่าจ้าวป๋อจิ้งคนนี้ไม่ใช่คนดิบดีอะไร ออกจะขี้อิจฉา พี่ชายทั้ง2คนมากเสียด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายจะมาเล่นสนุกแบบไม่ผูกพันกับเธอได้อย่างไร“ทำไม คนแบบเธอยังต้องการความร่วมมือจากฉันด้วยหรือ?”จ้าวป๋อจิ้งกำลังสูบบุหรี่พ่นควันลอยคละคลุ้ง จนซูเมิ่งจียังสำลัก ทั้งที่ปกติเธอก็สูบเช่นกัน หญิงสาวถึงกับทำหน้าไม่พอใจ จ้าวป๋อจิ้งหัวเราะก่อนจะส่งบุหรี่มวนที่เขาสูบไปเล็กน้อยให้กับซูเมิ่งจีอย่างเอาอกเอาใจ เพราะสำหรับเขาแล้วหลับนอนกับใครก็ยังไม่เคยถึงอกถึงใจเท่ากับซูเมิ่งจีเลยสักคน“นายไม่สนใจจะเอาหน้าจากคุณพ่อหรือไร หากกำจัดนังนั่นไปเสียได้คุณพ่อจะต้องพอใจผลงานนี้ของนายมากแน่นอน”หลังจากสูบเอาควันเข้าปอดแล้วปล่อยออกมาจนสุด ซูเมิ่งจีจึงเริ่มยุยงส่งเสริมคิดจะยืมมือของจ้าวป๋อจิ้งมากำจัดเหรินซิน เพราะหากนั

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้แสนชังยุค80    บทที่25

    บทที่ 25ผ่านไปอีกหลายวันจ้าวลู่เฉินก็ยังคงไม่กลับมา แต่ยังดีว่าเขายังมีข่าวผ่านกงเหยียนมาแจ้งให้เธอรู้ว่าตอนนี้เขายังปลอดภัย แต่ความห่วงใยนั้นกลับไม่ได้ลดน้อยลงเลย ช่วงนี้จิตใจของเหรินซินจึงไม่ค่อยสงบเท่าไหร่ เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าการชอบใครสักคนพอเขาไม่อยู่จะทั้งคิดถึงและเป็นห่วงเป็นใยได้มากขนาดนี้ยังดีว่าหลังจากวันนั้นซูเมิ่งจีนั้นไม่ได้มาก่อกวนเธออีก รวมไปทั้งท่านนายพลจ้าว หากแต่เหรินซินเองก็ไม่ได้วางใจพ่อสามี เพราะคนแบบท่านนายพลจ้าว เขาเป็นคนมียศมีศักดิ์คงไม่ยอมเลิกราที่จะขัดขวางเธอกับจ้าวลู่เฉินเป็นแน่ หญิงสาวจึงคอยระวังตัวอยู่เสมอ"เอ...เจ้าอ้วนหายไปไหนเนี่ย?"หลังจากปั่นนิยายจนสายตาอ่อนล้า หญิงสาวจึงคิดจะลุกไปจกพุงเจ้าแมวอ้วนของตนเอง หากแต่กลับหาอีกฝ่ายไม่พบพอมองดูเวลานี่ก็ตี1แล้ว จึงไม่เรียกหาเหอหลิวมี่ให้ออกไปตามหาแมวอ้วนเป็นเพื่อน เหรินซินเปิดประตูหลังบ้าน ก็เห็นปลายหางสีส้ม วิ่งหายไปทางด้านหลังที่เป็นเรือนร้างไม่มีคนพักอาศัย อากาศเดือน12นี้หนาวไม่ธรรมดาคิดว่าอีกไม่นานหิมะคงจะตก เจ้าแมวอ้วนของเธอยังจะแอบหนีไปวิ่งเล่นกลางดึกอีก ไม่เรียวในมือของเหรินซินเริ่มจะสั่นแล้วขณะนี้

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้แสนชังยุค80    บทที่24

    บทที่ 24หลังจากที่ตกลงกันแล้วว่าจะย้ายไปอยู่บ้านส่วนตัวของจ้าวลู่เฉิน แต่เพราะช่วงนี้ จ้าวลู่เฉินต้องไปทำงานที่ต่างเมืองกำหนดย้ายจึงยังไม่แน่นอน ดังนั้นช่วงนี้เหรินซินก็ยังคงต้องอาศัยอยู่ที่บ้านของสกุลจ้าวต่อไป จนกว่าจ้าวลู่เฉินนั้นจะเสร็จสิ้นงานในมือของเขาจึงค่อยมาจัดการย้ายที่อยู่ใหม่วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เหรินซินตื่นขึ้นมาด้วยใบหน้าผ่องใสหลังจากทำธุระส่วนตัวแล้วเธอจึงเดินไปที่แปลงผักข้างบ้าน เพราะไม่ได้แวะมาดูเสียหลายวัน นับตั้งแต่กลับมาจากโรงงานที่นอกเมืองคราวนั้นเลยก็ว่าได้ น่าจะเกือบ10วันแล้วกระมัง จึงคิดจะไปดูสักหน่อย"ผักสวยต้นอวบมากเลยนะคะเนี่ย อาซ้อรอง"เหอหลิวมี่เอ่ยขึ้นมาอย่างชื่นชม อาซ้องรองของเธอคนนี้เป็นคนมือเย็นจริง ๆ ปลูกผักอะไรก็งอกงามไปหมด นี่ขนาดอีกฝ่ายเพิ่งมีโอกาสปลูกและดูแลจริงจังหลังจากขาของเหรินซินนั้นหายแท้ ๆ กลับเจริญงอกงามเสียยิ่งกว่าตอนที่เธอกับพรรคพวกช่วยกันปลูกและดูแลเสียอีก"ผักต้นกำลังกินอย่างนั้นวันนี้พวกเราทำของว่างกันดีกว่า"ไม่ได้กินสาคูไส้หมูมานานมากแล้ว พอเห็นผักกาดหอมกับผักสลัดต้นอวบน่ากินเหรินซินจึงคิดอยากจะกินขึ้นมา พอดีกับภายในใจนั้นกังว

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status