Home / รักโบราณ / ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน / หวังว่าจะจำในสิ่งที่เขียนไว้ได้

Share

หวังว่าจะจำในสิ่งที่เขียนไว้ได้

Author: l3oonm@
last update Last Updated: 2025-06-19 01:33:55

นางยื่นเงินสามร้อยหกสิบห้าตำลึงให้หัวหน้าหมู่บ้าน ให้เกินอีกห้าตำลึงเพื่อเป็นค่าน้ำชาให้ดำเนินเรื่องที่ให้ หัวหน้าหมู่บ้านก็รับมาแต่โดยดี

"ท่านหัวหน้าหมู่บ้านเจ้าคะ ท่านพอจะแนะนำช่างสร้างบ้านให้ข้าด้วยได้หรือไม่" นางจินหรูเอ่ยอย่างเกรงใจ

"ได้ได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ บุตรชายข้า ชุนหยุน ก็เป็นช่างสร้างบ้านอยู่ ข้าจะให้อาหยุนไปคุยกับพวกเจ้าที่บ้านก็แล้วกัน" เมื่อตกลงกันได้เรียบร้อยสองแม่ลูกก็ขอตัวกลับ

สองแม่ลูกที่กำลังเดินกลับบ้านอย่างอารมณ์ดี ต้องมาพบเจอสะใภ้ใหญ่ระหว่างทาง

" นึกว่าใคร สะใภ้รองนี่เอง พวกเจ้าไม่คิดจะมาแสดงความยินดีกับเยว่เออร์เสียหน่อยหรือ" นางยิ้มเย้ยใส่จินหรู

"เช่นนั้นก็ยินดีในวาสนาของเยว่เออร์ด้วยเจ้าค่ะ วันแต่งข้าและท่านพี่ต้องช่วยเพิ่มสินเดิมให้เจ้าสาวอย่างแน่นอน" นางจินหรูมองข้ามสายตาที่เยาะเย้ยของสะใภ้ใหญ่

เมื่อมองสำรวจพี่สะใภ้ดีๆ จึงได้เห็นว่าชีวิตบ้านใหญ่ที่ไม่มีครอบครัวของนางให้คอยรับใช้ คงจะลำบากไม่น้อย เพราะจางเยว่คงไม่ยอมไปซักผ้าริมแม่น้ำหรือจะเข้าครัวทำอาหารอย่างแน่นอน

"โอวโยว อย่างเจ้ากับน้องรองนะหรือจะมีปัญญามาช่วยเยว่เออร์ของข้าเพิ่มสินเดิม แค่ไม่ขนกันมากินในงานก็ถือว่าช่วยข้าได้มากแล้ว" นางเอ่ยถากถางออกมาอย่างไม่ไว้หน้า

ชาวบ้านเริ่มจะหยุดมองอย่างสนุก เพราะข่าวที่บ้านกู้ส่งแม่สื่อมาขอหมั้นหมายเปลี่ยนตัวเจ้าสาวถือเป็นเรื่องสนุกปากของชาวบ้านอยู่แล้ว

"หากท่านพูดถึงเพียงนี้ ครอบครัวข้าคงไม่มีวาสนาได้ไปร่วมยินดีกับหลานสาวแล้ว" นางจินหรูแสร้งก้มหน้าอย่างเสียใจ

นางเกาหงเห็นชาวบ้านเริ่มกระซิบกระซาบต่อว่านางก็นึกโมโห

"หึ เจ้าจะเสแสร้งให้ใครดู อาซานกับเยว่เออร์รักใคร่กันมานานก่อนน้องรองจะทำทีเป็นช่วยพี่เหลี่ยงเสียอีก นังเด็กนั้นจะมาแย่งวาสนาของเยว่เออร์ของข้า แต่แล้วยังไงละ สวรรค์ก็เป็นใจ มิอาจพรากคู่ยวนยางได้" นางเกาหงเชิดหน้ากล่าวหาจางหมินที่วางแผนเข้าช่วยกู้เหลี่ยงเพียงเพื่อต้องการให้บุตรีของตนได้แต่งกับกู้ซาน

"พี่สะใภ้กล่าวเช่นนี้ก็มิถูก สามีข้ามิเคยเอ่ยปากขอให้อาซานต้องตบแต่งกลับจื้อเออร์ แต่เป็นพี่เหลี่ยงเอ่ยปากขอหมั้นหมายกับจื้อเออร์เอง แต่ท่านมิต้องห่วงจื้อเออร์ของข้าไม่แย่งวาสนานี้กับบุตรีท่านอย่างแน่นอน"

นางจินหรูตอกหน้านางเกาหง แถมยังลากครอบครัวกู้ออกมาตบ เรื่องลืมบุญคุณต่อหน้าชาวบ้านอีกด้วย นางเกาหงทำอะไรไม่ได้จึงสะบัดหน้ากลับบ้านไปทันที

เมื่อนางจินหรูกลับถึงบ้านทั้งสี่คนก็นั่งคุยกันถึงเรื่องที่ขอซื้อที่ดินเป็นไปด้วยดี หัวหน้าหมู่บ้านยังให้บุตรชายมาสร้างบ้านให้ด้วย โดยเขาจะหาแรงงานมาเพิ่มอีกหลายคนให้บ้านเสร็จทันหน้าหนาว

นางยังเล่าเรื่องที่เจอนางเกาหงระหว่างทางอีกด้วย

“หึหึ ปล่อยให้พวกเขาจัดการเรื่องนั้นเองเถิด หากพวกเจ้าเจอป้าสะใภ้ใหญ่อีก นางอยากกล่าวเช่นใดก็ปล่อยนางไป”

จางหมินมิได้สนใจคำพูดของพี่สะใภ้ตนนัก เพราะเขารู้ดีว่าพี่สะใภ้ไม่ได้ฉลาดสักเท่าใด หากนางอยากพูดสิ่งใดก็ให้นางพูด สิ่งที่นางพูดล้วนแล้วแต่ไม่เป็นผลดีกับชื่อเสียงของจางหวงและกู้ซานที่เป็นบัณฑิต

“ท่านพ่อ ตอนที่แยกบ้านท่านได้ทำเรื่องตัดขาดหรือไม่เจ้าคะ” ลู่จื้อกลัวว่าท่านลุงใหญ่จะให้ท่านย่ามาหาผลประโยชน์กับบ้านของนาง

“ท่านปู่ของเจ้าทำใจตัดขาดมิได้ เพียงแต่ให้ส่งเงินสองตำลึงกับธัญพืชยี่สิบจินทุกปี เพื่อแสดงความกตัญญู”

เมื่อลู่จื้อเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมานางจินหรูเลยแสดงสีหน้าเป็นกังวล จางหมินก็คิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน เพราะเขารู้ว่าพี่ชายของตนหูเบา และเห็นแก่ตัวเพียงใด

จางหมินจึงให้นางจินหรูหยิบสัญญาแยกบ้านออกมา ครั้งนั้นที่ทำหนังสือแยกบ้านเขาที่กำลังเสียใจจึงไม่ได้สนใจรายละเอียดในหนังสือให้ดี

นางจินหรูส่งสัญญาให้จางหมินอ่านความกังวลที่ทุกคนมีจึงเหมือนได้รับการปลดปล่อย เพราะหนังสือสัญญาจางเสียนระบุอย่างชัดเจนว่าทั้งสองบ้านเมื่อแยกบ้านกันแล้วจะไม่สามารถพึ่งพากันได้อีก ไม่ว่าจะยากจนหรือร่ำรวยทั้งสองบ้านไม่อาจยุ่งเกี่ยวกันอีก

“หึหึ ดียิ่ง ข้าหวังว่าท่านลุงใหญ่จะจำสิ่งที่ตนเขียนลงไปเองได้” ลู่จื้อไม่ได้มีความกังวลกับคนพวกนี้นักหากวุ่นวายกันมากนางก็แค่จัดการสักเล็กน้อย

เมื่อไม่มีเรื่องใดแล้วลู่จื้อจึงชวนลู่เพ่ยไปที่ห้องของนางเพื่อมอบตำราฝึกการหายใจให้ แต่ลู่เพ่ยยังไม่สามารถเปิดจุดตันเถียนของตนได้ ลู่จื้อใคร่ครวญแล้วจึงพาลู่เพ่ยเข้าไปในมิติจิต

“จะ จะ จื้อเออร์ ที่นี่ คะ คือ ที่ใด” ลู่เพ่ยแทบพูดไม่ออก เขามองไปรอบๆ อย่างตื่นตกใจ เมื่อสงบสติได้ก็เริ่มวิ่งสำเร็จไปทั่ว ลู่จื้อส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจใครเป็นพี่ใครเป็นน้องกันแน่

ลู่เพ่ยวิ่งไปสำรวจกระท่อมแล้วจึงได้เห็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ เขาใช้มือรองน้ำขึ้นมาดื่มเพราะวิ่งมาจนเหนื่อยจึงหิวน้ำ เมื่อดื่มเข้าไป ร่างกายก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง แถมร่างกายยังเบา เขาลองดื่มอีกครั้งก็พบว่าน้ำมีรสชาติอร่อยกว่าน้ำที่เขาเคยกิน

ลู่จื้อที่เดินมาถึงเห็นพี่ชายกำลังดื่มน้ำเข้าไปเยอะจึงเอ่ยถาม

“ท่านพี่ ท่านกำลังทำสิ่งใดน้ำมีสิ่งใดผิดปกติหรือ” เพราะตอนนี้พี่ชายของนางยังไม่เลิกรองน้ำขึ้นมาดื่มเลย

“น้ำในบ่อรสชาติดีมากจื้อเออร์” ลู่จื้อจึงเดินเข้าไปใกล้พี่ชาย

“หืออ ตัวท่านเหม็นมาก ไปตกบ่ออาจมมาหรือท่านพี่” ลู่จื้อถอยห่างอย่างรังเกียจ

“ข้าจะไปตกบ่ออาจมที่ใดได้ ข้าเพียงดื่มน้ำจากบ่อนี้” ลู่จื้อเลยเดินเข้าไปรองน้ำดื่มบ้าง

หรือน้ำบ่อนี้เป็นน้ำจิตวิญญาณอย่างที่มีอยู่ในนิยายที่นางเคยอ่าน แต่นางไม่คิดว่าในมิติของนางจะมีของวิเศษแบบนี้ หาจะเป็นที่นางเปิดจุดตันเถียนได้แล้ว สิ่งของในมิติจิตจึงค่อยๆ เริ่มปรากฏออกมา

“ท่านพี่ไปอาบน้ำก่อน คืนนี้พวกเราค่อยเข้ามาฝึก หากสิ่งที่ข้าคิดถูก น้ำบ่อนี้อาจจะช่วยให้ท่านพ่อเดินได้อีกครั้ง”

“เจ้าพูดจริงรึ” ลู่เพ่ยร้องถามออกมาด้วยความยินดี

“ไม่ลองก็ไม่รู้เจ้าค่ะ”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   หวังว่าจะจำในสิ่งที่เขียนไว้ได้

    นางยื่นเงินสามร้อยหกสิบห้าตำลึงให้หัวหน้าหมู่บ้าน ให้เกินอีกห้าตำลึงเพื่อเป็นค่าน้ำชาให้ดำเนินเรื่องที่ให้ หัวหน้าหมู่บ้านก็รับมาแต่โดยดี"ท่านหัวหน้าหมู่บ้านเจ้าคะ ท่านพอจะแนะนำช่างสร้างบ้านให้ข้าด้วยได้หรือไม่" นางจินหรูเอ่ยอย่างเกรงใจ"ได้ได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ บุตรชายข้า ชุนหยุน ก็เป็นช่างสร้างบ้านอยู่ ข้าจะให้อาหยุนไปคุยกับพวกเจ้าที่บ้านก็แล้วกัน" เมื่อตกลงกันได้เรียบร้อยสองแม่ลูกก็ขอตัวกลับสองแม่ลูกที่กำลังเดินกลับบ้านอย่างอารมณ์ดี ต้องมาพบเจอสะใภ้ใหญ่ระหว่างทาง" นึกว่าใคร สะใภ้รองนี่เอง พวกเจ้าไม่คิดจะมาแสดงความยินดีกับเยว่เออร์เสียหน่อยหรือ" นางยิ้มเย้ยใส่จินหรู"เช่นนั้นก็ยินดีในวาสนาของเยว่เออร์ด้วยเจ้าค่ะ วันแต่งข้าและท่านพี่ต้องช่วยเพิ่มสินเดิมให้เจ้าสาวอย่างแน่นอน" นางจินหรูมองข้ามสายตาที่เยาะเย้ยของสะใภ้ใหญ่เมื่อมองสำรวจพี่สะใภ้ดีๆ จึงได้เห็นว่าชีวิตบ้านใหญ่ที่ไม่มีครอบครัวของนางให้คอยรับใช้ คงจะลำบากไม่น้อย เพราะจางเยว่คงไม่ยอมไปซักผ้าริมแม่น้ำหรือจะเข้าครัวทำอาหารอย่างแน่นอน"โอวโยว อย่างเจ้ากับน้องรองนะหรือจะมีปัญญามาช่วยเยว่เออร์ของข้าเพิ่มสินเดิม แค่ไม่ขนกันมากินใน

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   ได้ซื้อที่ดินแล้ว

    สองพี่น้องจึงขอตัวไปอาบน้ำเตรียมเข้านอน ลู่เพ่ยยังคงศึกษาตำราที่ลู่จื้อให้ไว้ทั้งคืน แต่เขายังไม่เข้าใจมากนักลู่จื้อที่แยกตัวออกมาก็เข้าไปในมิติ นางเห็นพื้นที่วางมากมายจึงเริ่มมีความคิดที่จะซื้อเมล็ดผักมาปลูกนางเดินเข้าไปในกระท่อมเพื่อหาตำราที่สามารถอ่านได้ เพราะเมื่อคืนมีตำราเพียงเล่มเดียวที่อ่านได้ ตอนนี้นางเปิดจุดตันเถียนได้แล้วคงจะมีสักเล่มที่นางสามารถอ่านได้นางไล่ดูตำราที่ละเล่มจนไปเจอตำราฝึกวรยุทธ์ ยุคก่อนนางได้ฝึกมวยไทย กังฝู มวยหย่งซุน แต่ตำราเล่มนี้สอนฝึกลมหายใจกับความเร็ว ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับนางลู่จื้อไม่คิดว่าการฝึกลมหายใจจะช่วยได้หลายอย่างขนาดนี้ หลังจากที่อ่านตำราจบนางถึงได้รู้ว่าการฝึกลมหายใจเป็นส่วนสำคัญของการฝึกฝนพลังปราณเมื่อนางลองฝึกตามตำราจึงค้นพบว่า หากนางควบคุมการหายใจได้ก็สามารถควบคุมเส้นปราณในร่างกายได้ เหมือนเป็นการเปิดเส้นปราณในร่างกายให้พร้อมที่จะเริ่มฝึกขั้นต่อไปตอนนี้เส้นปราณของนางนั้นใหญ่ขึ้นมากกว่าเดิม อีกทั้งนางยังสามารถรับรู้เสียงต่างๆ รอบตัวได้ชัดเจนขึ้นแม้กระทั่งเสียงน้ำไหลที่ลำธารนางก็ได้ยินชัดเหมือนนางนั่งอยู่ริมลำธารเลยลู่จื้อนางไม่รู

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   จางเสียนกับกู้เหลี่ยงมาหา

    ลู่จื้อจึงนำตำราออกมาให้ลู่เพ่ยได้ศึกษา ก่อนหน้านี้ลู่เพ่ยเคยได้เขียนอ่านมาบ้างแล้วจากบิดาจึงทำให้สามารถอ่านตำราได้ บิดาของตนเคยได้เข้าเรียนในสำนักศึกษาเช่นท่านลุงใหญ่ แต่ทั้งคู่สอบหลายรอบแล้วไม่ผ่านจึงเลิกเรียนออกมาทำงานแทนท่านใหญ่ลุงจางเสียนได้ดูแลบัญชีให้กับร้านขายผ้าในตัวเมือง โดยส่งเงินให้ท่านย่าใช้ภายในบ้านทุกเดือน บิดาของนางจึงต้องอยู่บ้านทำนา ขึ้นเขาล่าสัตว์แทน นี้คืออีกเหตุผลที่ลุงใหญ่กับป้าสะใภ้ใหญ่มีอำนาจภายในบ้านมากจนท่านปู่ท่านย่าเกรงใจ"น้องสะใภ้อยู่หรือไม่" เสียงตะโกนเรียกหน้าบ้านทำให้ลู่เพ่ยรีบเก็บตำราแล้วออกไปดู เป็นท่านลุงใหญ่ของตนกับกู้เหลี่ยง"ท่านแม่ดูแลท่านพ่ออยู่ขอรับ เชิญท่านลุงกับท่านลุงกู้ด้านในขอรับ" ลู่เพ่ยเปิดทางให้ทั้งสองเข้ามา"ขออภัยข้าไม่อาจลุกออกไปต้อนรับพวกท่านทั้งสองได้" จางหมินเอ่ยปากพูดกับทั้งคู่ ลู่จื้อนำน้ำออกมาต้อนรับแขกแล้วปลีกตัวออกไปอย่างรู้ความตอนนี้ในห้องของจางหมินมีเพียง จางเสียนกับกู้เหลี่ยงเท่านั้น จางเสียนมองน้องชายของด้วยที่นอนเป็นคนพิการอยู่บนเตียง ตัวเขาก็ตอบไม่ได้เช่นกันว่ารู้สึกเช่นใดกับน้องชาย เขาสองพี่น้องมิได้รังเกียจกัน แต่จ

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   อาจารย์ข้าคือซุนหงอคง

    เมื่ออ่านตำราจบแล้วทำให้รู้ว่าไม่ใช่ว่าในแคว้นฉี จะไม่มีผู้ฝึกปราณ แต่คนที่ฝึกนั้นมีน้อยมาก แล้วยังไม่มีผู้ที่เป็นผู้ฝึกตนเพื่อก้าวข้ามสู่ขั้นเป็นเซียน หากนางทำให้ครอบครัวของนางทุกคนเป็นผู้ฝึกตนได้ต่อไปครอบครัวของนางก็ไม่ต้องเกรงกลัวอำนาจของผู้ใดอีกลู่จื้อจึงลองเปิดจุดตันเถียนตามตำรา นางนั่งกำหนดจิตไปที่จุดตันเถียน (อยู่ด้านล่างสะดือลงไปสามนิ้วเรียกตันเถียนล่าง) เมื่อเข้าสู่สมาธิลู่จื้อค้นพบจุดแสงใจกลางตันเถียนก้อนเท่าเมล็ดถั่ว หากใช้ความรู้สึกจับจะเห็นว่าจะมีแสงหลากหลายสีกระจายโดยรอบๆ อีกมาก นางจึงค่อยๆ ดึงแสงเหล่านั้นเข้ามารวมในจุดตันเถียนให้เป็นหนึ่งเดียวจากนั้นนางโคจรเส้นลมปราณเพื่อดึงแสงสีต่างๆ จากจุดตันเถียนระหว่างคิ้ว (เรียกจุดตันเถียนบน) และตรงกลางหัวใจ (เรียกจุดตันเถียนกลาง)ลู่จื้อทำตามวิธีที่ตำราได้บอกไว้ นางนั่งรวบรวมแสงจนเก็บทั้งหมดเข้าจุดตันเถียนได้แล้ว นางจึงออกจากสมาธิก็พบว่าเวลาผ่านมาไม่น้อยแล้วและคิดว่าด้านนอกคงจะเช้าแล้ว ครอบครัวของนางคงจะเป็นห่วงที่นางหายไปที่ใดก็ไม่รู้ ตอนนี้ตัวของนางส่งกลิ่นเหม็นแถมยังมีคราบสีดำเลอะเสื้อผ้าเต็มไปหมด ชุดนี้ของนางคงจะนำมาใส่อีกไ

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   มิติของลู่จื้อ

    “หากพวกเจ้ามีสมุนไพร นำมาขายให้ร้านยาของข้าได้ตลอด” หมอฉีกล่าวบอกทั้งสองคน“หากข้าได้ของดีเช่นนี้มาอีกจะนึกถึงร้านยาของท่านก่อนแน่นอนเจ้าค่ะ” หมอฉีดูจะพอใจกับคำพูดของลู่จื้อ“ดีดีดี หากพวกเจ้ามีเรื่องใดที่ข้าช่วยเหลือได้ก็อย่าได้เกรงใจ” นี่แหละคือสิ่งที่ลู่จื้อต้องการ“ท่านหมอฉีเจ้าคะ ข้าอยากรบกวนให้ท่านไปตรวจดูอาการของบิดาที่หมู่บ้านชุนหนานเจ้าค่ะ” ลู่จื้อแจ้งรายละเอียดอาการบาดเจ็บของบิดาที่ไม่สามารถเดินทางมาที่โรงหมอได้เมื่อนัดเวลากับหมอฉีที่จะไปตรวจให้บิดาที่หมู่บ้านแล้วลู่จื้อจึงขอตัวกลับลู่เพ่ยที่เก็บตั๋วเงินไว้ในอกก็มีอาการแข็งขาอ่อนแรง ก้าวเดินแทบจะไม่ออก ลู่จื้อจึงพาพี่ชายไปร้านรับฝากเงิน หากพี่ชายนำเงินกลับบ้านในสภาพนี้ได้ถูกโจรปล้นเป็นแน่แม้จะมีมิติเก็บของได้แล้ว แต่นางก็อยากจะนำเงินบางส่วน ฝากเงินไว้ที่ร้านรับฝากด้วย ด้วยคนอื่นจะได้เห็นว่าครอบครัวนางมาเบิกเงินไปใช้ ไม่ใช่ว่าเงินทั้งหมดที่ได้จากการขายสมุนไพรถูกเก็บไว้ที่เรือนเงินหนึ่งพันหกร้อยตำลึงทอง นางฝากเพียงสามร้อยตำลึงทองเท่านั้น แล้วส่งให้ลู่เพ่ยถือเงินไว้ซื้อของเพียงหนึ่งร้อยตำลึงเงิน ที่เหลือล้วนอยู่ในมิติของนาง

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   เข้าเมืองขายสมุนไพร

    “จื้อเออร์ เจ้าพูดว่าอย่างไรก่อนที่โสมจะหายไป” จางหมินถามบุตรี“ข้ากำลังเก็บโสมใส่ตะกร้าแล้วพูดว่า ข้านำไปเก็บก่อนนะเจ้าคะ”ลู่จื้อกำลังแสดงท่าทางตอนเก็บโสมให้ทุกคนดู โดยใช้แก้วน้ำที่วางบนโต๊ะของท่านพ่อถือไว้ด้วยแก้วน้ำในมือก็หายไปพอนางพูดว่าเก็บตอนนี้เป็นนางเองที่กระโดดตัวลอย ลู่เพ่ยก็หงายหลังล้มจากเก้าอี้ นางจินหรูก็กระโดดไปจับตัวจางหมินไว้ พอสงบสติอารมณ์กันได้แล้วจึงได้รู้ว่า ลูกสาวของตนมีบางสิ่งผิดปกติ“มันเกิดขึ้นได้อย่างไร” จินหรูพึมพำกับตัวเอง สติของนางล่องลอยไม่อยู่กับตัวแล้ว“จื้อเออร์ แขนของเจ้าไปโดนอะไรมา” จางหมินเห็นข้อมือลู่จื้อมีรอยเลือดที่แห้งแล้วอยู่“เอ่อ... ข้าโดนกิ่งไม้เกี่ยวตอนเข้าไปเก็บไก่ป่าเจ้าค่ะ” ลู่จื้อเพิ่งจะสังเกตเห็นข้อมือของตนมีรอยบาด ทั้งยังมีเลือดที่แห้งกรังแล้วอยู่ด้วย“เอ๊ะ” ตอนนี้นางรู้แล้วว่าของหายไปได้อย่างไรที่ข้อมือปรากฏกำไลวงที่พ่อบ้านให้นางก่อนจะไปอยู่หมู่บ้านชนบท แต่ทำไมไม่มีใครเห็น หรือนางจะเห็นเพียงแค่คนเดียวลู่จื้อลองกำหนดจิต แล้วคิดว่าให้โสมออกมา บนโต๊ะตรงหน้าก็ปรากฏตะกร้าโสมขึ้น“ปะ เป็น ไป ได้ อย่าง ไร” ลู่เพ่ย พูดตะกุกตะกักออกมา“ข้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status