공유

เข้าเมืองขายสมุนไพร

작가: l3oonm@
last update 최신 업데이트: 2025-06-17 03:40:55

“จื้อเออร์ เจ้าพูดว่าอย่างไรก่อนที่โสมจะหายไป” จางหมินถามบุตรี

“ข้ากำลังเก็บโสมใส่ตะกร้าแล้วพูดว่า ข้านำไปเก็บก่อนนะเจ้าคะ”

ลู่จื้อกำลังแสดงท่าทางตอนเก็บโสมให้ทุกคนดู โดยใช้แก้วน้ำที่วางบนโต๊ะของท่านพ่อถือไว้ด้วย

แก้วน้ำในมือก็หายไปพอนางพูดว่าเก็บ

ตอนนี้เป็นนางเองที่กระโดดตัวลอย ลู่เพ่ยก็หงายหลังล้มจากเก้าอี้ นางจินหรูก็กระโดดไปจับตัวจางหมินไว้ พอสงบสติอารมณ์กันได้แล้วจึงได้รู้ว่า ลูกสาวของตนมีบางสิ่งผิดปกติ

“มันเกิดขึ้นได้อย่างไร” จินหรูพึมพำกับตัวเอง สติของนางล่องลอยไม่อยู่กับตัวแล้ว

“จื้อเออร์ แขนของเจ้าไปโดนอะไรมา” จางหมินเห็นข้อมือลู่จื้อมีรอยเลือดที่แห้งแล้วอยู่

“เอ่อ... ข้าโดนกิ่งไม้เกี่ยวตอนเข้าไปเก็บไก่ป่าเจ้าค่ะ” ลู่จื้อเพิ่งจะสังเกตเห็นข้อมือของตนมีรอยบาด ทั้งยังมีเลือดที่แห้งกรังแล้วอยู่ด้วย

“เอ๊ะ” ตอนนี้นางรู้แล้วว่าของหายไปได้อย่างไร

ที่ข้อมือปรากฏกำไลวงที่พ่อบ้านให้นางก่อนจะไปอยู่หมู่บ้านชนบท แต่ทำไมไม่มีใครเห็น หรือนางจะเห็นเพียงแค่คนเดียว

ลู่จื้อลองกำหนดจิต แล้วคิดว่าให้โสมออกมา บนโต๊ะตรงหน้าก็ปรากฏตะกร้าโสมขึ้น

“ปะ เป็น ไป ได้ อย่าง ไร” ลู่เพ่ย พูดตะกุกตะกักออกมา

“ข้าคิดว่า ข้าได้สิ่งนี้มาตอนที่ข้าหลับไปสามวันเจ้าค่ะ ตอนนั้นข้านึกว่าตนเองตายแล้ว วิญญาณลอยออกไปในที่ไกลแสนไกล ที่นั่นแตกต่างจากที่นี่ยิ่งนัก มีบ้านเรือนหลังใหญ่โต สูงเทียมฟ้า มีสิ่งที่เรียกว่ารถ วิ่งได้เร็วกว่ารถม้า บนฟ้ายังมีนกยักษ์คนที่นั่นเรียกว่าเครื่องบน ใช้เดินทางไปต่างแคว้นได้เร็วยิ่งนัก” นางหยุดพูดแล้วยกน้ำขึ้นดื่ม

ลู่จื้อยอมเล่าเรื่องชีวิตในโลกก่อนของนางให้ฟังเล็กน้อย ด้วยคิดว่าตอนนี้พวกเขาคือคนในครอบครัวของนาง อย่างไรสักวันก็ต้องรู้อยู่ดี

ทุกคนต่างรอให้นางพูดต่อ นางจินหรูน้ำตาไหลหลังจากที่บุตรีพูดถึงวิญญาณนางออกจากร่าง จางหมินก็กัดฟันแน่นข่มความโมโหที่บุตรีโดนบ้านใหญ่รังแก ลู่เพ่ยลูบหัวน้องสาว เขาคิดว่าตัวเขาช่างไม่ได้เรื่องปล่อยให้น้องของตนเกือบตาย

“ข้าเรียนรู้เรื่องราวมากมายของคนที่นั่น สิ่งของแปลกใหม่ที่ข้าไม่เคยได้เห็น ข้าบังเอิญได้รับกำไลว่าหนึ่งวงเป็นหยกสีดำเนื้อดี”

“เพียงแต่ไม่มีใครมองเห็น แล้วข้าก็ลืมเรื่องนี้ไปแล้วไม่คิดว่ามันจะติดตัวข้ากลับมาด้วยเจ้าค่ะ” ลู่จื้อยกข้อมือของตนให้ทุกคนดู แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นคือรอยแผลที่นางได้รับตอนจับไก่

“เรื่องนี้ห้ามพูดให้ใครฟังเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นลู่จื้อจะได้รับอันตราย” จางหมินสั่งทุกคน ทั้งสามพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน

จากนั้นทั้งสี่คนจึงหันมาสนใจตะกร้าโสมที่อยู่ด้านหน้า จางหมินที่เคยเข้าอำเภอไปขายสัตว์ป่ามาบ้างก็แนะนำให้บุตรของตนนำโสมไปขายให้ร้านยาฮุ่ยชิว (เมตตา) เป็นร้านที่ให้ราคายุติธรรมที่สุดในเมืองแล้ว

ลู่จื้อคิดว่าจะนำโสมร้อยปีสองหัว กับสามร้อยปีหนึ่งหัว ไปขายก่อนเงินที่ได้คงพอให้รักษาบิดากับสร้างบ้าน นางเป็นกังวลเรื่องบ้านยิ่งนัก หากวันใดมีพายุเข้าทั้งสี่ชีวิตคงไม่มีที่ซุกหัวนอนแน่

สองพี่น้องตื่นนอนยามเหมา (05.00-06.59) เมื่อกินข้าวเรียบร้อยก็รีบไปรอขึ้นเกวียนหน้าหมู่บ้าน เกวียนจะวิ่งเข้าเมืองสองรอบต่อวัน ใช้เวลาเพียงหนึ่งเค่อก็ถึง

ค่าเกวียนคนละหนึ่งอิแปะ ชาวบ้านส่วนมากจะเดินเท้าไปเพราะใช้เวลาครึ่งชั่วยามก็ถึง หากมีกำลังเงินก็นั่งเกวียน ลู่จื้อเริ่มมีเงินแล้วนางย่อมต้องนั่งเกวียน

ลู่เพ่ยจ่ายเงินค่าเกวียนเสร็จก็พาน้องสาวขึ้นไปนั่ง

“โอวโยว นึกว่าใคร เจ้าสองคนพี่น้องมีเหรียญทองแดงจ่ายค่าเกวียนหรือ” คิดว่าใครป้าสะใภ้ใหญ่ที่รักนี้เอง

“ท่านแม่ข้าไม่อยากนั่งใกล้มันเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวชุดใหม่ของข้าสกปรกหมด” ลู่จื้อเดินเข้าไปนั่งติดจางเยว่ จนนางต้องเขยิบตัวออกห่าง

“เจ้า” จางเยว่ที่กำลังจะอ้าปากด่าทอก็โดนนางเกาหงมารดาของตนห้ามไว้

“เยว่เออร์เจ้าอย่าได้โมโหไปเลย วันนี้เป็นวันดีของเจ้า” สองแม่ลูกสบตากันอย่างมีความหมาย จางเยว่หันมามองลู่จื้อแล้วยิ้มเยาะ

ลู่จื้อไม่สนใจสองแม่ลูกนั่นอยู่แล้ว ไม่นานเกวียนก็จอดลงที่หน้าประตูเมือง สองพี่น้องไม่สนใจแม่ลูกคู่นั้นอีก ทั้งสองรีบเดินไปร้านยาฮุ่ยชิวทันที

ร้านยาฮุ่ยชิวเป็นร้านยาขนาดกลาง ด้านหน้าขายยา ด้านหลังมีหมอตรวจรักษา มีชาวบ้านเข้ามาซื้อยาขายสมุนไพรตลอดเวลา จึงทำให้มั่นใจได้ว่า ที่นี่ให้ราคายุติธรรมจริง

“ไม่ทราบว่ามาซื้อยาหรือมาขายสมุนไพรขอรับ” เสี่ยวเอ้อหน้าร้านต้อนรับสองพี่น้องอย่างดี ไม่แสดงท่าทางรังเกียจให้เห็น

“มาขายสมุนไพรเจ้าค่ะ แต่ข้าขอบอกไว้ก่อนว่าท่านคงไม่อยากให้ข้านำออกมาตอนนี้แน่นอน”

เสี่ยวเอ้อที่ทำงานมานานเมื่อได้ฟังลู่จื้อพูดเขาก็เข้าใจได้ในทันที พี่น้องคู่นี้ต้องนำสมุนไพรหายากมาขายแน่นอน

“เชิญท่านทั้งสองด้านในก่อนขอรับ ข้าน้อยจะเรียกผู้ประเมินมาตรวจดู” เสี่ยวเอ้อเดินหายไปในห้องด้านหลังแล้วออกมาพร้อมกับชายชรา

“เจ้าสองคนนำสิ่งใดมาขาย เอาออกมาให้ข้าตรวจดูได้เลย ข้าหมอฉีเจ้าของโรงหมอและร้านยาฮุ่ยชิว” ลู่จื้อสะกิดลู่เพ่ยให้หยิบโสมทั้งสามหัวออกมา

“ข้าน้อยคารวะท่านหมอฉี ข้าจางลู่เพ่ย และน้องสาวจางลู่จื้อขอรับ”

ลู่เพ่ยวางห่อผ้าที่เก่าจนแทบจะเหมือนผ้าเช็ดพื้นลงบนโต๊ะ เขาค่อยๆ เปิดออกเพราะกลัวจะทำให้รากโสมหลุดออกมา

“นะ นี่ พวกเจ้าช่างโชคดีจริงๆ นานมากแล้วที่เมืองเฉียงไห่ไม่มีชาวบ้านนำโสมมาขาย” หมอฉีใช้สองมือค่อยๆ หยิบโสมหัวใหญ่ที่สุดขึ้นมาดู

“โสมสามร้อยปี สมบูรณ์มาก พวกเจ้าขุดมาได้ดีจริงๆ ไม่เสียหายเลย” หมอฉีลูบเคราอย่างพอใจ เขามองพิจารณาสองพี่น้องจาง ทั้งคู่ต้องมีคนใดแน่นอนที่มีความรู้เรื่องสมุนไพร เพราะสามารถเก็บได้อย่างถูกวิธี

“โสมร้อยปี สองหัวข้าให้หัวละสามร้อยตำลึงทอง โสมสามร้อยปี หนึ่งหัวมีทั้งดอกครบข้าให้ หนึ่งพันตำลึงทอง พวกเจ้าพอใจหรือไม่”

“พอใจเจ้าค่ะ” หมอฉีสั่งให้หลงจู๊นำตั๋วเงินและเงินตำลึงมาให้สองพี่น้อง

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   เข้าเมืองขายสมุนไพร

    “จื้อเออร์ เจ้าพูดว่าอย่างไรก่อนที่โสมจะหายไป” จางหมินถามบุตรี“ข้ากำลังเก็บโสมใส่ตะกร้าแล้วพูดว่า ข้านำไปเก็บก่อนนะเจ้าคะ”ลู่จื้อกำลังแสดงท่าทางตอนเก็บโสมให้ทุกคนดู โดยใช้แก้วน้ำที่วางบนโต๊ะของท่านพ่อถือไว้ด้วยแก้วน้ำในมือก็หายไปพอนางพูดว่าเก็บตอนนี้เป็นนางเองที่กระโดดตัวลอย ลู่เพ่ยก็หงายหลังล้มจากเก้าอี้ นางจินหรูก็กระโดดไปจับตัวจางหมินไว้ พอสงบสติอารมณ์กันได้แล้วจึงได้รู้ว่า ลูกสาวของตนมีบางสิ่งผิดปกติ“มันเกิดขึ้นได้อย่างไร” จินหรูพึมพำกับตัวเอง สติของนางล่องลอยไม่อยู่กับตัวแล้ว“จื้อเออร์ แขนของเจ้าไปโดนอะไรมา” จางหมินเห็นข้อมือลู่จื้อมีรอยเลือดที่แห้งแล้วอยู่“เอ่อ... ข้าโดนกิ่งไม้เกี่ยวตอนเข้าไปเก็บไก่ป่าเจ้าค่ะ” ลู่จื้อเพิ่งจะสังเกตเห็นข้อมือของตนมีรอยบาด ทั้งยังมีเลือดที่แห้งกรังแล้วอยู่ด้วย“เอ๊ะ” ตอนนี้นางรู้แล้วว่าของหายไปได้อย่างไรที่ข้อมือปรากฏกำไลวงที่พ่อบ้านให้นางก่อนจะไปอยู่หมู่บ้านชนบท แต่ทำไมไม่มีใครเห็น หรือนางจะเห็นเพียงแค่คนเดียวลู่จื้อลองกำหนดจิต แล้วคิดว่าให้โสมออกมา บนโต๊ะตรงหน้าก็ปรากฏตะกร้าโสมขึ้น“ปะ เป็น ไป ได้ อย่าง ไร” ลู่เพ่ย พูดตะกุกตะกักออกมา“ข้

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   หายไปไหนแล้ว

    สองพี่น้องกินข้าวแล้วพักผ่อนกันก่อน ลู่จื้อ บอกพี่ชายว่าวันนี้ยามเว่ย (13.00-14.59น.) นางจะชวนพี่ชายขึ้นเขาเผื่อมีโชคจะได้มีเงินพาท่านพ่อไปหาหมอเสียที หากช้าเกินไปขาข้างที่บาดเจ็บนางกลัวจะพิการเสียก่อนลู่จื้อนึกถึงนิยายที่นางเคยอ่าน หากขึ้นเขาต้องได้ของดีติดไม้ติดมือกลับบ้านอย่างแน่นอน ลู่เพ่ยกับลู่จื้อสะพายตะกร้าพร้อมมีดพร้าขึ้นหลังออกจากบ้านไปแม้ในใจลู่เพ่ยยังไม่อยากให้น้องสาวทำงานหนักเช่นนี้ แต่เมื่อนึกถึงขาของผู้เป็นบิดา ตัวเขาก็เห็นด้วยกับนางทันทีตีนเขาไม่มีของให้เก็บได้เลย เพราะชาวบ้านส่วนมากก็ขึ้นเขามาเก็บของป่ากัน ลู่จื้อเลยชวนพี่ชายเดินเข้าไปในป่าชั้นกลาง ป่าชั้นกลางนั้นไม่ค่อยมีชาวบ้านเข้ามากันสักเท่าใดนัก เพราะมีหมูป่าหลงเข้ามาหากินอยู่ประจำหากมิใช่พรานป่าก็ไม่มีผู้ใดที่คิดจะเข้า หากถูกมันทำร้ายเข้า มีหวังคงได้ตายมากกว่าจะมีชีวิตรอดแต่ไม่ใช่ลู่จื้อ นางอยากจะเจอหมูป่าสักตัว แต่ตลอดทางเดินมีเพียงเห็ด กับผักป่าเท่านั้น เมื่อเดินไปอีกนิด พุ่มไม้ข้างทางก็สั่นไหว ลู่จื้อเลยหยิบมีดพร้าแล้วขว้างออกไป ลู่เพ่ยที่กำลังเก็บเห็ดเพลินๆ รีบวิ่งมาหาน้องสาว“ท่านพี่ ดูนี่สิ “ลู่จื้อยกไ

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   เอาปลาไปขาย

    หลงจู๊ให้เสี่ยวเอ้อนำไปชั่งปลาหนักทั้งหมดยี่สิบสองชั่ง ได้เงินสี่ร้อยสี่สิบอิแปะ หลงจู๊หานให้มาสี่ร้อยห้าสิบอิแปะ แล้วยังย้ำว่าหากมีอีกให้ทั้งสองนำมาขายได้ตลอดอย่าดูถูกเงิน 450 อิแปะเชียว ค่าแรงในเมืองวันละ 30อิแปะ ข้าวสารชั้นเลวจินละ 25 อิแปะ (1จิน=500กรัม) ข้าวสารชั้นดีจินละ 40 อิแปะ น้ำตาลสารจินละ 40 อิแปะ เกลือจินละ 50 อิแปะ แป้งสาลีจินละ 20 อิแปะสองพี่น้องรับเงินมาก็รีบไปซื้อข้าวสาร แป้ง ทันที เพราะกลัวจะกลับถึงบ้านมืด ลู่จื้อซื้อข้าวชั้นเลวสามจิน ชั้นดีสองจิน น้ำตาล เกลือ อย่างละจิน แป้งสาลีห้าจิน จ่ายไปทั้งสิ้นสามร้อยสี่สิบห้าอิแปะ ลู่เพ่ยถึงกับปาดเหงื่อ น้องสาวใช้เงินเก่งจริงๆลู่จื้อเหลือเงินหนึ่งร้อยห้าอิแปะ จึงซื้อเนื้อหมูกลับบ้าน“เถ้าแก่ เนื้อหมูขายอย่างไรเจ้าคะ”“เนื้อหมูจินละยี่สิบอิแปะ มันหมูจินละสิบห้าอิแปะ เจ้าอยากได้แบบใดเล่า”“ข้าขอเนื้อหมูสองจิน มันหมูสามจิน กระดูกขายเท่าใดเจ้าคะ”“กระดูกสองท่อนนี้ ข้าไม่คิดเจ้าซื้อเยอะค่ายกให้แล้วกัน” กระดูกหมูส่วนมากเถ้าแก่จะเก็บไว้ให้สุนัข หากมีคนขอซื้อก็จะขายถูกๆ เพียงห้าอิแปะเท่านั้นหากลู่จื้อนางรู้ว่านางได้แย่งกระดูกสุนัข

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   เจ้าจับปลาได้อย่างไร

    ลู่เพ่ยห่มผ้าให้ลู่จื้อเสร็จแล้วจึงออกไปช่วยมารดาทำงานต่อ ผ้าห่มก็เอาเศษผ้ามาเย็บต่อกัน มันหนากว่าเสื้อผ้าที่ใส่อยู่นิดหน่อย นิดหน่อยที่หน่อยจริงๆจะด้วยฤทธิ์ยาหรือร่างกายที่อ่อนแอแบบลูกคุณก็ไม่รู้ ทำให้ลู่จื้อหลับไปทันที นางตื่นอีกครั้งก็ยามเว่ย (13.00-14.59น.) แล้วถือว่าเป็นข่าวดีของบ้านรองที่ลู่จื้อฟื้นแล้ว ลู่จื้อที่ตื่นขึ้นมาก็รู้สึกเรี่ยวแรงกลับมาห้าส่วนจึงลุกขึ้นเดินสำรวจบ้านตนเองถึงบ้านจะโทรมแทบจะพังแต่สะอาด รอบบ้านก็ไม่มีหญ้ารก มีแปลงผัก เรียกว่าผักมั้งเพราะมันแคระแกร็นเกินกว่าจะมองได้ออกว่าผักที่ปลูกไว้เรียกว่าอะไรด้านหลังบ้านมีแม่น้ำกว้างสองจั้งได้ (1จั้ง=3.33เมตร) หากเดินเลียบแม่น้ำไปประมาณสองลี้ ก็ถึงภูเขาที่ชาวบ้านหาของป่า ล่าสัตว์กันอย่างน้อยก็ได้ใช้ชีวิตเรียบง่ายอย่างที่เคยฝัน แต่ก่อนที่จะมีชีวิตแบบนั้นมันต้องมีเงินค่ะ ไหนจะซื้อที่ สร้างบ้าน ทำไร่ ทำสวน ค่าเมล็ดผัก พันธุ์ต้นไม้ ทุกอย่างมันต้องใช้เงินลู่จื้อถึงกับกุมขมับ จะหาเงินจากไหน ชีวิตก่อนเงินเต็มบัญชี อยากได้สิ่งใดเพียงแค่โทรสั่งพ่อบ้านทุกอย่างก็เรียบร้อย แต่ตอนนี้ทุนไม่มี ร่างกายก็เหมือนจะละสังขารทุกเมื่อ ใ

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   มีชีวิตอีกครั้ง

    “จื้อเออร์ ตื่นเถิดลูก ลูกนอนนานเกินไปแล้ว แม่จะขาดใจแล้วลูก ฮืออ”ใคร ใครเป็นแม่ ใครเป็นลูกใคร ลู่จื้องงไปหมด ถ้าหากตอนนี้เธออยู่โรงพยาบาลแล้วแม่มาจากไหน เธอเป็นเด็กกำพร้า แม่บุญธรรมเสียไปตั้งนานแล้ว แล้วนี่แม่ไหนเธอไม่ได้อยู่ในบ้านเด็กกำพร้า ทั้งยังไม่ใช่บ้านที่อยู่กับพ่อบุญธรรมอีกด้วย ลู่จื้อสับสนจนหัวแทบจะระเบิด ร่างกายก็ปวดร้าวจนอยากจะกรีดร้องออกมา เธออยากตะโกนถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่“ท่านแม่ ท่านกินข้าวเสียหน่อย หากท่านเป็นอันใดน้องเล็กจะต้องเสียใจเป็นแน่”เสียงของเด็กหนุ่มที่ พูดขึ้นมา ยิ่งทำให้ลู่จื้อมึนงงจับต้นชนปลายไม่ถูกน้องเล็กใคร ฉันเหรอ ฉันมีพี่ชายด้วยเหรอ นี่มันเรื่องบ้าอะไร ใครแอบอ้างเป็นญาติฉัน แล้วพูดจาแปลกๆ ทำไม หรือมีกองถ่ายที่โรงพยาบาลลู่จื้อพยายามลืมตา แต่มันลืมไม่ขึ้น เธออยากจะส่งสัญญาณให้พวกเขารู้ว่าเธอรับรู้แล้วยังไม่ตาย แต่เธอทำอะไรไม่ได้เลยระหว่างนั้นความทรงจำของทรงเดิมก็ทะลักเข้ามาในสมองจนเธอแทบจะอยากหมดสติไปอีกรอบ เพราะมันปวดหัวแทบจะระเบิดออกมา เมื่อสงบสติแล้วประมวลผลจึงรู้ว่าทำไมร่างเดิมถึงได้อาการหนักจนวิญญาณหลุดออกไปแล้วเป็นเธอที่เข้ามาแทนจา

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   ถ้าต้องตาย ก็ตายให้หมด

    ลู่จื้อ อาศัยอยู่ในไต้หวัน เธอเป็นเจ้าของกาสิโนขนาดใหญ่ ที่ส่งต่อมาจากพ่อบุญธรรมที่รับเธอมาเลี้ยงจากบ้านเด็กกำพร้า แม้ไม่ได้ให้ความรักอย่างที่คนในครอบครัวมอบให้ แต่ความรู้ เงินทองพ่อบุญธรรมก็ให้เธออย่างเต็มเปี่ยมหลังจากที่พ่อบุญธรรมเธอโดนลอบสังหารกิจการทั้งหมดจึงตกเป็นของเธอ เธอมีลูกน้องนับพันคนที่ต้องดูแล เบื้องหลังของกาสิโนไม่ได้มีแต่สิ่งบันเทิงใจแบบฉากหน้าที่เห็น การแกร่งแย่งช่วงชิงทางธุรกิจทำให้เธอต้องระวังตัวอย่างมาก เธอใช้ชีวิตหวาดระแวงอย่างอยู่ทุกวันยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว บรรดาญาติพี่น้องของบิดาต่างก็หาโอกาสลอบสังหารเธออยู่ทุกวี่วัน แม้จะรอดพ้นมาได้ในทุกครั้งแต่โชคคงไม่ได้ดีเช่นนี้ทุกวันเธอตัดสินใจแบ่งมรดกทั้งหมดให้ญาติพี่น้องของพ่อบุญธรรม ถึงคนพวกนั้นจะถนัดใช้เงินมากกว่าบริหารเธอก็ไม่สนแล้ว เธออยากออกไปใช้ชีวิตที่เรียบง่าย แบบที่เธอฝัน ตลอดชีวิตของเธอโดนฝึกให้ดูแลกิจการ แม้กระทั่งฝึกให้ฆ่าคนก็ต้องทำพ่อบุญธรรมได้เขียนพินัยกรรมยกกิจการให้กับลู่จื้อและพี่น้องของตน แต่จะยกให้ก็ต่อเมื่อลู่ จื้อเลือกทางเดินชีวิตใหม่ที่จะไม่สานต่อกิจการแล้วลู่จื้อ เบื่อชีวิตที่ต้องคอยระวังหลังตลอดจึง

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status