Share

มิติของลู่จื้อ

Author: l3oonm@
last update Last Updated: 2025-06-18 05:24:28

“หากพวกเจ้ามีสมุนไพร นำมาขายให้ร้านยาของข้าได้ตลอด” หมอฉีกล่าวบอกทั้งสองคน

“หากข้าได้ของดีเช่นนี้มาอีกจะนึกถึงร้านยาของท่านก่อนแน่นอนเจ้าค่ะ” หมอฉีดูจะพอใจกับคำพูดของลู่จื้อ

“ดีดีดี หากพวกเจ้ามีเรื่องใดที่ข้าช่วยเหลือได้ก็อย่าได้เกรงใจ” นี่แหละคือสิ่งที่ลู่จื้อต้องการ

“ท่านหมอฉีเจ้าคะ ข้าอยากรบกวนให้ท่านไปตรวจดูอาการของบิดาที่หมู่บ้านชุนหนานเจ้าค่ะ” ลู่จื้อแจ้งรายละเอียดอาการบาดเจ็บของบิดาที่ไม่สามารถเดินทางมาที่โรงหมอได้

เมื่อนัดเวลากับหมอฉีที่จะไปตรวจให้บิดาที่หมู่บ้านแล้วลู่จื้อจึงขอตัวกลับ

ลู่เพ่ยที่เก็บตั๋วเงินไว้ในอกก็มีอาการแข็งขาอ่อนแรง ก้าวเดินแทบจะไม่ออก ลู่จื้อจึงพาพี่ชายไปร้านรับฝากเงิน หากพี่ชายนำเงินกลับบ้านในสภาพนี้ได้ถูกโจรปล้นเป็นแน่

แม้จะมีมิติเก็บของได้แล้ว แต่นางก็อยากจะนำเงินบางส่วน ฝากเงินไว้ที่ร้านรับฝากด้วย ด้วยคนอื่นจะได้เห็นว่าครอบครัวนางมาเบิกเงินไปใช้ ไม่ใช่ว่าเงินทั้งหมดที่ได้จากการขายสมุนไพรถูกเก็บไว้ที่เรือน

เงินหนึ่งพันหกร้อยตำลึงทอง นางฝากเพียงสามร้อยตำลึงทองเท่านั้น แล้วส่งให้ลู่เพ่ยถือเงินไว้ซื้อของเพียงหนึ่งร้อยตำลึงเงิน ที่เหลือล้วนอยู่ในมิติของนาง

หลังจากฝากเงินเรียบร้อยแล้วสองพี่น้องซื้อข้าวสาร แป้ง อีกนิดหน่อย แล้วจึงเดินเข้าไปซื้อผ้าเพื่อให้มารดาตัดชุดใหม่ให้

เสื้อผ้าของคนในครอบครัวนั้น สมควรที่จะต้องเปลี่ยนแล้วจริงๆ ลู่จื้อซื้อผ้าพอให้ตัดชุดได้เพียงแค่คนละสองชุดก่อน เพราะวันนี้นางกับพี่ชายยังต้องนั่งเกวียนหมู่บ้านกลับหากเจอกันป้าสะใภ้ใหญ่อีกนางขี้เกียจจะตอบคำถาม

ระหว่างทางที่สองพี่น้องเดินไปขึ้นเกวียน นางได้พบกับนางเกาหงกับจางเยว่เดินออกมาจากโรงเตี๊ยมพร้อมบุรุษวัยสิบเจ็ดสิบแปดหนาว ลู่เพ่ยก็สังเกตเห็นเช่นกัน ตัวเขานั้นถึงกับขมวดคิ้วอย่างสงสัย

บุรุษที่ออกมากับสองแม่ลูกคือบุตรชายของกู้เหลี่ยง นามว่ากู้ซาน ตอนนี้เขาเป็นบัณฑิตอยู่ในสำนักศึกษาเฉินกั๋ว ที่บิดาของลู่จื้อบาดเจ็บในครั้งนี้เพราะได้ช่วยชีวิตกู้เหลี่ยงไว้ตอนเจอเสือเมื่อครั้งเข้าป่าล่าสัตว์ด้วยกัน

กู้เหลี่ยงจึงอยากตอบแทนจางหมินที่ช่วยชีวิตตนจึงได้พูดคุยเรื่องขอหมั้นหมายกู้ซานกับลู่จื้อไว้ แต่บิดาของนางยังไม่ได้รับปาก

ลู่เพ่ยสังเกตน้องสาวว่าน้องสาวจะเสียใจหรือไม่ เพราะลู่จื้อก็ดูจะชอบกู้ซานอยู่บ้างเช่นกัน แต่น้องสาวของตนเพียงปรายตาไปมองเท่านั้นมิได้สนใจอันใดต่อ ลู่เพ่ยจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก

กู้ซานแม้จะรู้เรื่องที่บิดาของตนอยากให้หมั้นหมายกับลู่จื้อแต่ตนนั้นรังเกียจที่ลู่จื้อไม่คู่ควรกับตน ลู่จื้อโดนใช้งานจากบ้านใหญ่เหมือนทาส เนื้อตัวก็ผอมแห้ง มือหยาบกร้าน มีตรงใดที่หน้ามองกัน

ผิดกับจางเยว่ที่ไม่ต้องทำงานใช้ชีวิตไม่ต่างกับคุณหนูในตระกูลใหญ่ๆ พี่ชายของนาง จางหวง ก็ยังเป็นบัณฑิตเช่นเดียวกับกู้ซาน อีกทั้งจางหวงก็สอบผ่านเป็นซิ่วไฉแล้วด้วย กู้ซานจึงอยากจะหมั้นหมายกับจางเยว่มากกว่าที่จะเป็นลู่จื้อ

ตอนนี้ที่ตนอยู่กับนางลู่หงกับจางเยว่เพราะกำลังวางแผนที่จะเปลี่ยนตัวคู่หมั้น โดยไม่ทำให้ชื่อเสียงของตนต้องด่างพร้อย และยังมีจางหวงที่อยู่ด้วยอีกคน

คนทั้งสี่มองสองพี่น้องที่กำลังเดินผ่านอย่างนึกดูแคลน เสื้อผ้าที่ใส่แม้จะสะอาดแต่ก็ปะชุนจนไม่นึกว่าจะมีคนกล้าใส่ออกมาจากเรือน จางเยว่อยากจะเอ่ยวาจาดูถูกแต่ก็โดนพี่ชายของตนส่งสายตาห้ามปรามไว้

สองพี่น้องมิได้สนใจสิ่งใดนอกจากอยากกลับให้ถึงเรือนโดยเร็วเพื่อนำเรื่องที่หมอฉีจะมารักษาบิดาที่เรือนและเรื่องราคาที่ขายโสมได้ไปบอกกล่าวครอบครัว

บนเกวียนสองแม่ลูกบ้านใหญ่ยังคงพูดจาเยาะเย้ยลู่จื้อตลอดจนถึงหมู่บ้าน ยังดีที่เกวียนใช้เวลาเดินทางเพียงหนึ่งเค่อมิเช่นนั้นลู่จื้ออาจจะหมดความอดทนได้

ส่วนข้าวของที่สองพี่น้องซื้อมาไม่ได้มากมายเท่าใด จึงทำให้ทั้งสองแม่ลูกไม่ได้สนใจจะมองนัก

นางจินหรูที่รอคอยบุตรทั้งสองกลับมาอย่างกระวนกระวาย เมื่อเห็นทั้งสองเข้ามาในบ้านนางจึงรีบปิดประตูอย่างแน่นหนาแล้วเดินตามบุตรทั้งสองเข้าไปในห้องของจางหมิน

จางหมินกับจินหรูมองถุงใส่เงินตรงหน้าของตนอย่างเหม่อลอย นางจินหรูถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา ถุงใส่เงินเมื่อหักค่าของที่ลู่จื้อซื้อกลับมาแล้วมีถึงสี่สิบหกตำลึงเงิน กับตั๋วเงินห้าสิบตำลึงเงินอีกหนึ่งใบ และยังมีป้ายไม้ของโรงฝากเงินที่สองพี่น้องฝากไว้สามร้อยตำลึงทอง

“อีกหนึ่งพันสามร้อยตำลึงทองข้าเก็บเข้าไปในมิติแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่อยากเก็บไว้เองหรือไม่” ลู่จื้อเอ่ยถามความเห็นของจินหรู

“ไม่ ไม่ต้อง เจ้าเก็บไว้เองปลอดภัยเสียกว่า” เพียงแค่ได้ลูบคลำเล็กน้อยนางก็พอใจแล้ว

ลู่เพ่ยเล่าให้บิดาฟังว่าท่านหมอฉีจะมาตรวจดูอาการของบิดาในวันพรุ่งนี้ ทำให้นางจินหรูถึงกับคุกเข่าโขกหัวให้กับสวรรค์ที่เมตตาครอบครัวของนาง

มื้อเย็นของบ้านรองจางวันนี้จึงมีแต่เสียงพูดคุย หัวเราะแล้วยังมีกลิ่นเนื้อที่ลอยไปไกลจนบ้านข้างเคียงนึกอิจฉา

หลังจากที่กินมื้อเย็นเรียบร้อยแล้ว ลู่จื้อนางก็เข้าไปพักผ่อนในห้องของนาง

“อืม จะเข้าไปได้หรือไม่” นางครุ่นคิดว่ามิติที่ได้มา จะเป็นเพียงแค่ช่องเก็บของหรือว่าจะเข้าไปอยู่ด้านในได้ด้วย

นาจึงงลองกำหนดจิตไปที่กำไลหยกสีดำบนข้อมือ เพียงครู่เดียว ตัวนางก็เหมือนถูกดูดเข้าไปอีกที่แห่งหนึ่ง

เป็นพื้นที่กว้างมีเพียงกระท่อมหลังน้อยหนึ่งหลัง พื้นที่โดยรอบนอกจากบึงน้ำที่มีดอกบัวแล้วที่เหลือก็เป็นเพียงพื้นที่ว่างเปล่า

ภายในกระท่อมมีห้องนอนเพียงหนึ่งห้อง ห้องโถงด้านหน้า และห้องตำราเท่านั้น ห้องน้ำกับห้องครัวอยู่ด้านหลัง สิ่งของภายในไม่มีสิ่งใดที่พิเศษเหมือนที่นางเคยอ่านตามนิยายเรื่องอื่น

นางเดินสำรวจให้ห้องตำรา ภายในห้องมีตำรามากมายนัก แต่ตำราทุกเล่มที่นางเปิดดูนั้นล้วนว่างเปล่าไม่มีสิ่งใดเขียนไว้ นางยิ่งฉงนใจ แต่มีอยู่เพียงหนึ่งเล่มเท่านั้นที่มีตัวอักษรให้อ่าน หน้าปกเขียนไว้ว่า ฝึกปราณขั้นพื้นฐาน

แคว้นฉีที่นางอยู่นั้นยังไม่ปรากฏบุคคลที่มีพลังปราณ นางจึงไม่เข้าใจว่าทำไมหนังสือเล่มนี้จึงมีอยู่ในห้องตำราได้ นางจึงหยิบหนังสือเล่มนั้นมานั่งอ่านเพื่อทำความเข้าใจ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   อาจารย์ข้าคือซุนหงอคง

    เมื่ออ่านตำราจบแล้วทำให้รู้ว่าไม่ใช่ว่าในแคว้นฉี จะไม่มีผู้ฝึกปราณ แต่คนที่ฝึกนั้นมีน้อยมาก แล้วยังไม่มีผู้ที่เป็นผู้ฝึกตนเพื่อก้าวข้ามสู่ขั้นเป็นเซียน หากนางทำให้ครอบครัวของนางทุกคนเป็นผู้ฝึกตนได้ต่อไปครอบครัวของนางก็ไม่ต้องเกรงกลัวอำนาจของผู้ใดอีกลู่จื้อจึงลองเปิดจุดตันเถียนตามตำรา นางนั่งกำหนดจิตไปที่จุดตันเถียน (อยู่ด้านล่างสะดือลงไปสามนิ้วเรียกตันเถียนล่าง) เมื่อเข้าสู่สมาธิลู่จื้อค้นพบจุดแสงใจกลางตันเถียนก้อนเท่าเมล็ดถั่ว หากใช้ความรู้สึกจับจะเห็นว่าจะมีแสงหลากหลายสีกระจายโดยรอบๆ อีกมาก นางจึงค่อยๆ ดึงแสงเหล่านั้นเข้ามารวมในจุดตันเถียนให้เป็นหนึ่งเดียวจากนั้นนางโคจรเส้นลมปราณเพื่อดึงแสงสีต่างๆ จากจุดตันเถียนระหว่างคิ้ว (เรียกจุดตันเถียนบน) และตรงกลางหัวใจ (เรียกจุดตันเถียนกลาง)ลู่จื้อทำตามวิธีที่ตำราได้บอกไว้ นางนั่งรวบรวมแสงจนเก็บทั้งหมดเข้าจุดตันเถียนได้แล้ว นางจึงออกจากสมาธิก็พบว่าเวลาผ่านมาไม่น้อยแล้วและคิดว่าด้านนอกคงจะเช้าแล้ว ครอบครัวของนางคงจะเป็นห่วงที่นางหายไปที่ใดก็ไม่รู้ ตอนนี้ตัวของนางส่งกลิ่นเหม็นแถมยังมีคราบสีดำเลอะเสื้อผ้าเต็มไปหมด ชุดนี้ของนางคงจะนำมาใส่อีกไ

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   มิติของลู่จื้อ

    “หากพวกเจ้ามีสมุนไพร นำมาขายให้ร้านยาของข้าได้ตลอด” หมอฉีกล่าวบอกทั้งสองคน“หากข้าได้ของดีเช่นนี้มาอีกจะนึกถึงร้านยาของท่านก่อนแน่นอนเจ้าค่ะ” หมอฉีดูจะพอใจกับคำพูดของลู่จื้อ“ดีดีดี หากพวกเจ้ามีเรื่องใดที่ข้าช่วยเหลือได้ก็อย่าได้เกรงใจ” นี่แหละคือสิ่งที่ลู่จื้อต้องการ“ท่านหมอฉีเจ้าคะ ข้าอยากรบกวนให้ท่านไปตรวจดูอาการของบิดาที่หมู่บ้านชุนหนานเจ้าค่ะ” ลู่จื้อแจ้งรายละเอียดอาการบาดเจ็บของบิดาที่ไม่สามารถเดินทางมาที่โรงหมอได้เมื่อนัดเวลากับหมอฉีที่จะไปตรวจให้บิดาที่หมู่บ้านแล้วลู่จื้อจึงขอตัวกลับลู่เพ่ยที่เก็บตั๋วเงินไว้ในอกก็มีอาการแข็งขาอ่อนแรง ก้าวเดินแทบจะไม่ออก ลู่จื้อจึงพาพี่ชายไปร้านรับฝากเงิน หากพี่ชายนำเงินกลับบ้านในสภาพนี้ได้ถูกโจรปล้นเป็นแน่แม้จะมีมิติเก็บของได้แล้ว แต่นางก็อยากจะนำเงินบางส่วน ฝากเงินไว้ที่ร้านรับฝากด้วย ด้วยคนอื่นจะได้เห็นว่าครอบครัวนางมาเบิกเงินไปใช้ ไม่ใช่ว่าเงินทั้งหมดที่ได้จากการขายสมุนไพรถูกเก็บไว้ที่เรือนเงินหนึ่งพันหกร้อยตำลึงทอง นางฝากเพียงสามร้อยตำลึงทองเท่านั้น แล้วส่งให้ลู่เพ่ยถือเงินไว้ซื้อของเพียงหนึ่งร้อยตำลึงเงิน ที่เหลือล้วนอยู่ในมิติของนาง

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   เข้าเมืองขายสมุนไพร

    “จื้อเออร์ เจ้าพูดว่าอย่างไรก่อนที่โสมจะหายไป” จางหมินถามบุตรี“ข้ากำลังเก็บโสมใส่ตะกร้าแล้วพูดว่า ข้านำไปเก็บก่อนนะเจ้าคะ”ลู่จื้อกำลังแสดงท่าทางตอนเก็บโสมให้ทุกคนดู โดยใช้แก้วน้ำที่วางบนโต๊ะของท่านพ่อถือไว้ด้วยแก้วน้ำในมือก็หายไปพอนางพูดว่าเก็บตอนนี้เป็นนางเองที่กระโดดตัวลอย ลู่เพ่ยก็หงายหลังล้มจากเก้าอี้ นางจินหรูก็กระโดดไปจับตัวจางหมินไว้ พอสงบสติอารมณ์กันได้แล้วจึงได้รู้ว่า ลูกสาวของตนมีบางสิ่งผิดปกติ“มันเกิดขึ้นได้อย่างไร” จินหรูพึมพำกับตัวเอง สติของนางล่องลอยไม่อยู่กับตัวแล้ว“จื้อเออร์ แขนของเจ้าไปโดนอะไรมา” จางหมินเห็นข้อมือลู่จื้อมีรอยเลือดที่แห้งแล้วอยู่“เอ่อ... ข้าโดนกิ่งไม้เกี่ยวตอนเข้าไปเก็บไก่ป่าเจ้าค่ะ” ลู่จื้อเพิ่งจะสังเกตเห็นข้อมือของตนมีรอยบาด ทั้งยังมีเลือดที่แห้งกรังแล้วอยู่ด้วย“เอ๊ะ” ตอนนี้นางรู้แล้วว่าของหายไปได้อย่างไรที่ข้อมือปรากฏกำไลวงที่พ่อบ้านให้นางก่อนจะไปอยู่หมู่บ้านชนบท แต่ทำไมไม่มีใครเห็น หรือนางจะเห็นเพียงแค่คนเดียวลู่จื้อลองกำหนดจิต แล้วคิดว่าให้โสมออกมา บนโต๊ะตรงหน้าก็ปรากฏตะกร้าโสมขึ้น“ปะ เป็น ไป ได้ อย่าง ไร” ลู่เพ่ย พูดตะกุกตะกักออกมา“ข้

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   หายไปไหนแล้ว

    สองพี่น้องกินข้าวแล้วพักผ่อนกันก่อน ลู่จื้อ บอกพี่ชายว่าวันนี้ยามเว่ย (13.00-14.59น.) นางจะชวนพี่ชายขึ้นเขาเผื่อมีโชคจะได้มีเงินพาท่านพ่อไปหาหมอเสียที หากช้าเกินไปขาข้างที่บาดเจ็บนางกลัวจะพิการเสียก่อนลู่จื้อนึกถึงนิยายที่นางเคยอ่าน หากขึ้นเขาต้องได้ของดีติดไม้ติดมือกลับบ้านอย่างแน่นอน ลู่เพ่ยกับลู่จื้อสะพายตะกร้าพร้อมมีดพร้าขึ้นหลังออกจากบ้านไปแม้ในใจลู่เพ่ยยังไม่อยากให้น้องสาวทำงานหนักเช่นนี้ แต่เมื่อนึกถึงขาของผู้เป็นบิดา ตัวเขาก็เห็นด้วยกับนางทันทีตีนเขาไม่มีของให้เก็บได้เลย เพราะชาวบ้านส่วนมากก็ขึ้นเขามาเก็บของป่ากัน ลู่จื้อเลยชวนพี่ชายเดินเข้าไปในป่าชั้นกลาง ป่าชั้นกลางนั้นไม่ค่อยมีชาวบ้านเข้ามากันสักเท่าใดนัก เพราะมีหมูป่าหลงเข้ามาหากินอยู่ประจำหากมิใช่พรานป่าก็ไม่มีผู้ใดที่คิดจะเข้า หากถูกมันทำร้ายเข้า มีหวังคงได้ตายมากกว่าจะมีชีวิตรอดแต่ไม่ใช่ลู่จื้อ นางอยากจะเจอหมูป่าสักตัว แต่ตลอดทางเดินมีเพียงเห็ด กับผักป่าเท่านั้น เมื่อเดินไปอีกนิด พุ่มไม้ข้างทางก็สั่นไหว ลู่จื้อเลยหยิบมีดพร้าแล้วขว้างออกไป ลู่เพ่ยที่กำลังเก็บเห็ดเพลินๆ รีบวิ่งมาหาน้องสาว“ท่านพี่ ดูนี่สิ “ลู่จื้อยกไ

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   เอาปลาไปขาย

    หลงจู๊ให้เสี่ยวเอ้อนำไปชั่งปลาหนักทั้งหมดยี่สิบสองชั่ง ได้เงินสี่ร้อยสี่สิบอิแปะ หลงจู๊หานให้มาสี่ร้อยห้าสิบอิแปะ แล้วยังย้ำว่าหากมีอีกให้ทั้งสองนำมาขายได้ตลอดอย่าดูถูกเงิน 450 อิแปะเชียว ค่าแรงในเมืองวันละ 30อิแปะ ข้าวสารชั้นเลวจินละ 25 อิแปะ (1จิน=500กรัม) ข้าวสารชั้นดีจินละ 40 อิแปะ น้ำตาลสารจินละ 40 อิแปะ เกลือจินละ 50 อิแปะ แป้งสาลีจินละ 20 อิแปะสองพี่น้องรับเงินมาก็รีบไปซื้อข้าวสาร แป้ง ทันที เพราะกลัวจะกลับถึงบ้านมืด ลู่จื้อซื้อข้าวชั้นเลวสามจิน ชั้นดีสองจิน น้ำตาล เกลือ อย่างละจิน แป้งสาลีห้าจิน จ่ายไปทั้งสิ้นสามร้อยสี่สิบห้าอิแปะ ลู่เพ่ยถึงกับปาดเหงื่อ น้องสาวใช้เงินเก่งจริงๆลู่จื้อเหลือเงินหนึ่งร้อยห้าอิแปะ จึงซื้อเนื้อหมูกลับบ้าน“เถ้าแก่ เนื้อหมูขายอย่างไรเจ้าคะ”“เนื้อหมูจินละยี่สิบอิแปะ มันหมูจินละสิบห้าอิแปะ เจ้าอยากได้แบบใดเล่า”“ข้าขอเนื้อหมูสองจิน มันหมูสามจิน กระดูกขายเท่าใดเจ้าคะ”“กระดูกสองท่อนนี้ ข้าไม่คิดเจ้าซื้อเยอะค่ายกให้แล้วกัน” กระดูกหมูส่วนมากเถ้าแก่จะเก็บไว้ให้สุนัข หากมีคนขอซื้อก็จะขายถูกๆ เพียงห้าอิแปะเท่านั้นหากลู่จื้อนางรู้ว่านางได้แย่งกระดูกสุนัข

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   เจ้าจับปลาได้อย่างไร

    ลู่เพ่ยห่มผ้าให้ลู่จื้อเสร็จแล้วจึงออกไปช่วยมารดาทำงานต่อ ผ้าห่มก็เอาเศษผ้ามาเย็บต่อกัน มันหนากว่าเสื้อผ้าที่ใส่อยู่นิดหน่อย นิดหน่อยที่หน่อยจริงๆจะด้วยฤทธิ์ยาหรือร่างกายที่อ่อนแอแบบลูกคุณก็ไม่รู้ ทำให้ลู่จื้อหลับไปทันที นางตื่นอีกครั้งก็ยามเว่ย (13.00-14.59น.) แล้วถือว่าเป็นข่าวดีของบ้านรองที่ลู่จื้อฟื้นแล้ว ลู่จื้อที่ตื่นขึ้นมาก็รู้สึกเรี่ยวแรงกลับมาห้าส่วนจึงลุกขึ้นเดินสำรวจบ้านตนเองถึงบ้านจะโทรมแทบจะพังแต่สะอาด รอบบ้านก็ไม่มีหญ้ารก มีแปลงผัก เรียกว่าผักมั้งเพราะมันแคระแกร็นเกินกว่าจะมองได้ออกว่าผักที่ปลูกไว้เรียกว่าอะไรด้านหลังบ้านมีแม่น้ำกว้างสองจั้งได้ (1จั้ง=3.33เมตร) หากเดินเลียบแม่น้ำไปประมาณสองลี้ ก็ถึงภูเขาที่ชาวบ้านหาของป่า ล่าสัตว์กันอย่างน้อยก็ได้ใช้ชีวิตเรียบง่ายอย่างที่เคยฝัน แต่ก่อนที่จะมีชีวิตแบบนั้นมันต้องมีเงินค่ะ ไหนจะซื้อที่ สร้างบ้าน ทำไร่ ทำสวน ค่าเมล็ดผัก พันธุ์ต้นไม้ ทุกอย่างมันต้องใช้เงินลู่จื้อถึงกับกุมขมับ จะหาเงินจากไหน ชีวิตก่อนเงินเต็มบัญชี อยากได้สิ่งใดเพียงแค่โทรสั่งพ่อบ้านทุกอย่างก็เรียบร้อย แต่ตอนนี้ทุนไม่มี ร่างกายก็เหมือนจะละสังขารทุกเมื่อ ใ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status