Share

บทที่ 9 ซ่งเฟยหลง

Aвтор: sanvittayam
last update Последнее обновление: 2025-03-04 15:44:08

บทที่ 9 ซ่งเฟยหลง

ซ่งเฟยหลงพยายามที่จะไม่ฟังเสียงแม่ของตัวเอง อีกทั้งในใจก็ไม่ยอมรับความคิดนี้ เขารู้ดีว่าหลินเพ่ยหลันเป็นคนที่พยายามอย่างหนักเพื่อปรับตัวเข้ากับชีวิตในบ้านซ่ง แม้จะมีอุปสรรคแต่เธอก็ยังคงพยายามทำดี และทำงานทุกอย่างที่สามารถทำได้เพราะไม่อยากเป็นภาระให้ใคร นั่นคือเหตุผลที่ต่อให้แม่จะพูดโน้มน้าวมากเท่าไร ชายหนุ่มก็ไม่ยอมหย่า

“ผมว่าแม่เลิกพูดเรื่องนี้เถอะครับ” ซ่งเฟยหลงตอบกลับเพียงสั้น ๆ เหมือนทุกครั้งที่แม่เขาบอกแบบนี้

“หึ ลูกก็เป็นแบบนี้ทุกที ไม่เคยฟังแม่แก่ ๆ คนนี้บ้างเลย” 

นางหยางเจี่ยได้ฟังคำตอบก็พูดออกมาอย่างไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ไหนแต่ไรมาซ่งเฟยหลงก็เป็นเช่นนี้ หากยึดมั่นที่จะทำสิ่งใดแล้วก็จะไม่ยอมละทิ้งเด็ดขาด

แม้ว่าการแต่งงานของทั้งสองคนจะเป็นการแต่งงานที่ซ่งเฟยหลงไม่ได้คิดไว้ก็ตาม แต่ชายหนุ่มก็ยังยืนยันที่จะดูแลหลินเพ่ยหลันอย่างดีที่สุด และนั่นทำให้หญิงสาวรู้สึกถึงความห่วงใยที่เขามีต่อเธอ

เวลานี้แม้จะอยู่ในร่างของหลินเพ่ยหลัน แต่เก็ยังคงไม่ยอมรับเด็ดขาดว่าเขาคือสามีของเธอ เพราะคนที่แต่งงานกับเขาไม่ใช่เธอเสียหน่อย แต่เป็นหลินเพ่ยหลันต่างหากล่ะ

“เพ่ยหลันควรจะพักผ่อนให้มาก จะทำอะไรก็ให้บอกพี่ ทุกอย่างให้พี่จัดการเอง เข้าใจไหม” ซ่งเฟยหลงหันบอกภรรยาเสียงนุ่ม

ชายหนุ่มนั่งอยู่ที่ขอบเตียงมองดูหลินเพ่ยหลันด้วยแววตาที่แสดงถึงความกังวลออกมาอย่างชัดเจน นั่นเพราะรู้ว่าเวลาที่เขาไปทำงาน เธอที่อยู่บ้านจะต้องรับความกดดันจากผู้เป็นแม่สามีมากมายเพียงใด

หญิงสาวพยักหน้าช้า ๆ และในใจก็ค่อย ๆ เริ่มเกิดความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยขึ้นมาเล็กน้อย เธอได้ยินเสียงของซ่งเฟยหลงที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและจริงใจ ทำให้รู้สึกถึงการอยู่ร่วมกันในฐานะคู่สมรส แม้เธอจะยังไม่ยอมรับความเป็นสามีภรรยานี้ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าซ่งเฟยหลงเป็นคนที่มีน้ำใจและห่วงใยในตัวภรรยาตาบอดอย่างมาก

“พี่ไปทำงานก่อนนะ” ซ่งเฟยหลงกล่าวก่อนที่จะออกไปทำงานในช่วงบ่าย ขณะที่นางหยางเจี่ย ก็ยังคงทำท่าทีหงุดหงิดและฮึดฮัดใส่ แต่ในที่สุดก็ยอมเดินกระแทกเท้าออกไปจากห้องโดยดี ทิ้งให้หลินเพ่ยหลันอยู่ในห้องคนเดียว

เมื่อเริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศภายในห้องนั้นสบายขึ้น แม้จะนึกถึงคำบ่นจากแม่สามีอยู่บ้าง แต่เธอก็ไม่สนใจที่จะใส่ใจมากนัก

‘ถ้าไม่เหนื่อยก็บ่นไปเถอะ อย่าคิดว่าฉันคนนี้จะสนใจ’

เมื่อทุกคนออกจากห้องไปแล้ว ความเงียบสงบก็เข้ามาแทนที่ หญิงสาวจึงได้เริ่มตั้งสติและเริ่มคิดถึงอนาคตที่ไม่แน่นอน แต่เธอรู้ว่าในตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุด คือการปรับตัวและมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดีที่สุดในร่างหลินเพ่ยหลัน หญิงตาบอดในยุค 70

ก่อนหน้าที่จะมาเข้าร่างนี้นลินไม่ค่อยคุ้นชินกับโลกในความมืดนี่ แต่เหมือนกับว่าร่างกายนี้คุ้นชินมานาน น่าแปลกตรงที่เพียงแค่ไม่กี่วันเธอก็เดินเหินสะดวก ร่างกายรู้จักวิธีเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว แม้จะมองไม่เห็นก็ตาม ระยะทางระหว่างเตียงถึงประตูห้องที่เธอเคยรู้สึกเป็นอุปสรรค กลับกลายเป็นทางที่คุ้นเคยและสามารถเดินไปถึงได้อย่างง่ายดาย

นอกจากนี้สัมผัสอย่างอื่นของเธอก็เฉียบคมขึ้นอย่างชัดเจน เสียงกระซิบของลมที่พัดผ่านไปมา เสียงของน้ำไหลที่ดังอยู่ใกล้ ๆ เสียงของการเคลื่อนไหวของผู้คนในบ้าน ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเธอสามารถจับทุกการเปลี่ยนแปลงได้ ถึงแม้ว่าสิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยก็ตาม เรื่องการได้กลิ่นยิ่งชัดเจนกว่าเดิมมาก เธอสัมผัสได้แม้กระทั่งกลิ่นของสิ่งของที่อยู่ไกลออกไป แม้ว่าโลกภายนอกจะมืดมิด แต่ภายในจิตใจของเธอกลับมีภาพที่ชัดเจนของสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว

การทำอาหารเช้าง่าย ๆ อย่างนึ่งซาลาเปาหรือการห่อเกี๊ยว ก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับเธอไปแล้ว ในเวลาที่ผ่านมาไม่กี่วันความสามารถในการใช้มือและรู้สึกถึงสัมผัสของเนื้อสัมผัสต่าง ๆ ทำให้เธอสามารถเตรียมอาหารได้อย่างคล่องมือ เธอเรียนรู้ที่จะจับซาลาเปาอย่างเบามือและห่อเกี๊ยวด้วยความชำนาญ โดยไม่จำเป็นต้องมองเห็นสิ่งที่ทำ เธอรู้สึกถึงน้ำหนักรวมถึงลักษณะของแป้งและไส้ที่อยู่ภายใน เพียงแค่รู้สึกก็สามารถปรุงอาหารให้อร่อยได้

ในขณะที่เธอยืนอยู่ที่โต๊ะทำอาหาร เสียงน้ำเดือดในหม้อและกลิ่นหอมของอาหารที่ค่อย ๆ ปล่อยออกมานั้น ทำให้เธอรู้สึกพอใจอย่างบอกไม่ถูก การได้ทำอาหารด้วยตัวเองแม้ว่าจะอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถมองเห็นได้ ก็ทำให้เธอรู้สึกมีชีวิตชีวาและรู้สึกถึงความสำเร็จ ที่อาจไม่เคยรู้สึกมาก่อน นั่นออกจะทำให้รู้สึกภูมิใจมากกว่าเมื่อก่อนเสียด้วยซ้ำ

เวลานี้เธอรู้สึกว่าค่อย ๆ ได้กลายเป็นหลินเพ่ยหลันอย่างสมบูรณ์แล้ว และเริ่มรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าในบ้านนี้ยังมีคนที่เข้าใจและยินดีที่จะช่วยเหลือเธอ แม้ว่าแม่สามีจะรังเกียจที่เธอพิการและชอบพูดจาเหน็บแนมอยู่ตลอด แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่เคยลงไม้ลงมือกับเธอเหมือนอย่างแม่เลี้ยงเลยสักครั้ง

ส่วนพี่สะใภ้และน้องสาวของซ่งเฟยหลงนั้น ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ใจคอคับแคบ บางครั้งยังช่วยเธอจัดการนั่นนี่ด้วยความมีน้ำใจและสงสารในชะตากรรมของเธอ

“เอาล่ะ ในเมื่อสวรรค์อยากให้ฉันมาอยู่ที่นี่ ต่อไปนี้ฉันจะไม่เป็นนลินอีกต่อไปแล้ว แต่ฉันจะเป็นหลินเพ่ยหลันให้ดีที่สุด” หญิงสาวพูดออกมาเบา ๆ คล้ายกับบอกตัวเองและเริ่มทำงานบ้านต่อไปอย่างสบายใจขึ้น

ในเช้าวันหนึ่ง ขณะที่หลินเพ่ยหลันนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารและเตรียมผักสำหรับทำอาหารเช้าอยู่ จ้าวจินเยว่ก็เดินเข้ามาในห้องครัว พลางมองหลินเพ่ยหลันที่กำลังเตรียมผักอยู่ ก่อนจะรู้สึกว่าสงสารหญิงตาบอดคนนี้ที่นั่งทำอาหารอยู่คนเดียว

“เพ่ยหลัน เดี๋ยววันนี้พี่ช่วยทำอาหารเช้านะ” จ้าวจินเยว่ พูดด้วยเสียงสดใส ขณะที่เธอเอาผ้าขนหนูมาเช็ดมือแล้วเดินเข้ามาหาน้องสะใภ้

หลินเพ่ยหลันรู้สึกดีใจที่มีคนช่วยเหลือ แต่ทว่าเธอส่ายหน้าเล็กน้อยเป็นการปฏิเสธ ก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“พี่สะใภ้ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ แม้ฉันจะยังไม่ค่อยชินกับการทำอาหารมากนัก แต่ว่าฉันทำได้ พี่เตรียมตัวไปทำงานเถอะ”

“ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้พี่ก็ไม่ได้มีงานอะไรมากมาย ให้พี่ช่วยก็แล้วกัน จะได้เสร็จเร็ว ๆ” จ้าวจินเยว่เอ่ยบอกพร้อมกับยิ้มให้แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่เห็น ก่อนจะหันไปเรียกน้องสาวของสามีให้มาช่วยด้วยอีกแรง “ชุนเป้ย มานี่เร็ว มาช่วยสะใภ้สามทำอาหารเช้ากัน”

ซ่งชุนเป้ยเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส ก่อนจะถามขึ้น “มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะพี่สะใภ้”

“พอดีว่าพวกเราจะทำซาลาเปาและเกี๊ยวกันน่ะ มาช่วยหน่อยนะ” จ้าวจินเยว่ตอบกลับ จากนั้นสามสาวก็เริ่มทำอาหารเช้าด้วยกัน

หลินเพ่ยหลันยิ้มอย่างอ่อนโยน ในขณะที่พี่สะใภ้ใหญ่กับซ่งชุนเป้ยช่วยกันเตรียมแป้งและไส้ เธอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่เกิดขึ้นในห้องครัวนี้ เสียงหัวเราะและการพูดคุยกันอย่างเป็นกันเองสร้างบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกว่าไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป

“พี่สะใภ้สาม ปกติแล้วตอนอยู่ที่บ้านหลินพี่ทำอาหารบ่อยใช่ไหม นี่ขนาดพี่มองไม่เห็น ยังทำได้คล่องขนาดนี้ ฉันล่ะนับถือพี่จริง ๆ ” ซ่งชุนเป้ยถามขึ้นมาอย่างชวนคุย ขณะที่มือของเธอก็ขยับทำแป้งเกี๊ยวไปด้วย

“จริง ๆ แล้วตอนที่อยู่บ้านหลินน่ะ ฉันต้องทำงานบ้านทุกอย่างรวมทั้งทำอาหารด้วย ก็เลยทำได้โดยไม่ติดขัดอะไร” หลินเพ่ยหลันตอบกลับมาอย่างไม่คิดอะไร และเธออยากให้ทุกคนรู้ว่าเธอไม่ใช่คนไร้ค่า เพียงแค่เพราะเธอตาบอด!!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    ตอนพิเศษ

    ตอนพิเศษ 5 ปีผ่านไปซ่งเจียหยวนกับซ่งเจียอี้ ตอนนี้อายุได้ห้าขวบแล้ว เป็นวัยที่เริ่มกระตือรือร้นและเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น พอที่จะเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก หลินเพ่ยหลันเห็นว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม จึงตัดสินใจชวนลูกชายฝาแฝดทั้งสองคนไปเยี่ยมพ่อที่กองทัพเช้าวันนั้น หลินเพ่ยหลันเตรียมตัวอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างพร้อมสำหรับการเดินทาง จัดเตรียมเสื้อผ้าที่อบอุ่นและอาหารว่างไว้ให้ลูก ๆ พร้อมทั้งเตือนพวกเขาให้ปฏิบัติตัวดี ๆ เมื่อไปถึงที่กองทัพ เป็นสิ่งที่เธอทำเองทั้งหมด ใช่แล้ว เธอเลี้ยงลูกแฝดทั้งสองคนด้วยตัวเอง แม้นายท่านผู้เฒ่าทั้งสองจะเคยส่งพี่เลี้ยงมาให้ แต่เธอก็ปฏิเสธไปเพราะอยากใกล้ชิดกับลูกๆ มากกว่าใคร ๆ “แม่ครับ เราจะได้เจอพ่อเมื่อไหร่ครับ” เสียงใส ๆ ของซ่งเจียหยวนถามด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้เขาอยู่ในชุดทหารที่ลุงๆ ซื้อมาฝาก“เย็นนี้ก็ได้เจอแล้ว พ่อจะต้องดีใจมากแน่ ๆ ที่เห็นพวกเรามาเยี่ยม” หลินเพ่ยหลันตอบพร้อมกับยิ้มให้ลูกชายลูกชายทั้งสองของเธอดีใจกันมาก ที่ได้ยินข่าวว่าจะได้ไปเยี่ยมพ่อที่กองทัพ พวกเขาต่างกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ และไม่สามารถเก็บความตื่นเต้นไว้ได้

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทส่งท้าย  ครอบครัวสมบูรณ์

    บทส่งท้าย ครอบครัวสมบูรณ์หลินตงยืนนิ่งไม่พูดอะไร เขารู้ว่าเขาคงไม่มีทางเลือก เขาต้องทำเพื่อเอาตัวรอดจากการถูกฆ่า“ต้องทำแบบนี้... ถ้าไม่ทำ... ฉันตายแน่ ฉันไม่ผิด” หลินตงพูดขึ้นมาเบา ๆ“ตายก็ยังดีกว่าทำแบบนี้!” นางหลิวอี้ตวาดเสียงดัง ก่อนจะวิ่งไปหยิบมีดที่วางอยู่บนโต๊ะในครัว แล้วตรงเข้ามาหาหลินตง“แกไม่รู้แกทำผิดหรืออย่างไร ลูกสาวตัวเองไม่ใช่ตัวช่วยที่จะเอามาขัดดอก แกตายซะเถอะ” นางหลิวอี้พูดจบก็เอามีดไล่ฟันไปที่สามีหลินตงตกใจและกระโดดหลบอย่างรวดเร็ว “นังบ้า จะฆ่ากันเลยเหรอ หยุด หยุดเดี๋ยวนี้นะ” เขายืนสั่นด้วยความกลัวมีดในมือของภรรยา“แกทำให้ชีวิตของพวกเรามันพังหมดแล้ว พังหมด ไม่เหลืออะไร” นางหลิวอี้ยังคงกราดเกรี้ยว ทั้งที่มีดในมือสั่นไปตามอารมณ์ “แม้แต่กับลูกสาวของตัวเองแกก็ยังทำแบบนี้ได้ นี่แกเป็นพ่อประสาอะไร”“แล้วแกล่ะ ตั้งแต่แต่งกับฉันมา แกเคยช่วยอะไรฉันบ้างไหม มีแต่ใช้เงินไปวัน ๆ ที่เสี่ยวหรงมันต้องเป็นแบนี้ แกก็มีส่วนเหมือนกัน”หลินตงตะโกนสวนกลับ และขยับหลบมีดที่ภรรยาเหวี่ยงมาหาเขาอีกครั้ง “หากเป็นไปได้ ฉันก็จะไม่ทำแบบนี้เลย แต่มันไม่มีทางเลือก”นางหลิวอี้สบถคำหยาบคาย “แกจะหนี

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 64 จากลากันอีกครั้ง

    บทที่ 64 จากลากันอีกครั้งหลินเพ่ยหลันยิ้มบาง ๆ และพยักหน้าเล็กน้อยเธอรู้สึกโล่งใจที่ปัญหาในวันนี้จบลงได้โดยไม่เกิดความรุนแรง เธอหันกลับเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้ซ่งเฟยหลงดูแลเรื่องราวที่เหลือซ่งเฟยหลงมองตามหลังภรรยาของเขาด้วยความรักและความห่วงใย เขารู้ว่าคนท้องไม่ควรเครียด และเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้หลินเพ่ยหลันได้มีความสุขและสบายใจในช่วงเวลานี้เมื่อหลินเพ่ยหลันเข้าไปพักผ่อนในบ้าน ซ่งเฟยหลงก็หันกลับมามองชาวบ้านที่ยังคงยืนอยู่รอบ ๆ เขายิ้มและกล่าวกับพวกเขาอย่างสุภาพ “ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจและสนับสนุนครอบครัวของเรานะครับ ผมขอให้ทุกคนกลับบ้านกันอย่างสงบสุข”ชาวบ้านพยักหน้ารับและเริ่มทยอยกลับบ้าน บรรยากาศที่ตึงเครียดเริ่มกลับมาสู่ความสงบเงียบอีกครั้งหลังจากที่เรื่องวุ่นวายทุกอย่างผ่านพ้น บ้านซ่งก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง ทุกคนในครอบครัวรู้สึกโล่งใจและพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมีความสุข ในช่วงเทศกาลตรุษจีน บ้านซ่งเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความอบอุ่นพวกเขาใช้เวลาร่วมกันอย่างเต็มที่ ทั้งการไปไหว้พระที่วัด เพื่อขอพรให้ปีใหม่นี้เต็มไปด้วยความสุขและความเจริญรุ่งเรือง ทั้งกินอาหารมงคลร่วมกัน แ

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 63 จบปํญหา

    บทที่ 63 จบปํญหาเมื่อหลินตงเอ่ยปากขอเงินจากหลินเพ่ยหลัน แต่หญิงสาวกลับมีท่าทีลังเลไม่ตอบรับในทันที หลินเพ่ยหลันมองไปยังแม่เลี้ยงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล‘กลัวว่าเงินที่ให้ไป พ่อกับน้องของเพ่ยหลันจะไม่ได้ใช้น่ะสิ แม่เลี้ยงคนนี้คงจะยึดไปหมดแน่ ๆ’ เธอยืนคิดอยู่ในใจว่าจะให้ไปดีหรือไม่ นางหลิวอี้เห็นดังนั้นก็โวยวายขึ้นมาทันที“หลินเพ่ยหลัน แกมันคนอกตัญญู พ่อของแกมาขอเงินแค่นี้ก็ไม่ยอมให้เหรอ จะต้องให้พ่อและน้องของแกอดตายก่อนใช่ไหม” น้ำเสียงของนางหลิวอี้เต็มไปด้วยความโกรธและเกรี้ยวกราด เธอพูดเสียงดังเพื่อกดดันอีกฝ่าย“ทุกคนดูสิหลินเพ่ยหลันที่ทุกคนเคยชื่นชมนักหนา พอร่ำรวยแล้วก็ไม่ยอมให้เงินพ่อของตัวเองเลย พ่อของเธอไม่มีเงินจนจะอดตายอยู่แล้ว” นางหลิวอี้พูดเสียงดัง พรัอมกับหันไปมองชาวบ้านที่เริ่มมารวมตัวกันด้วยความสงสัยชาวบ้านบางคนเริ่มซุบซิบและมองไปทางหลินเพ่ยหลันด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป“จริงเหรอ หลินเพ่ยหลันทำอย่างนั้นจริงๆ เหรอ” เสียงพูดคุยเบา ๆ เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆหลินเพ่ยหลันรู้สึกอับอายและเสียใจมากที่ถูกแม่เลี้ยงของตัวเองใส่ร้ายเช่นนี้ เธอจึงพยายามจะอธิบาย “ฉันไม่ได้หมายความว่าอ

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 62 บ้านหลินมาอีกแล้ว

    บทที่ 62 บ้านหลินมาอีกแล้ว“ขอบใจนะอาเฟยที่สานฝันแทนพ่อ แค่นี้พ่อก็ภูมิใจในตัวลูกมากแล้วล่ะ แต่ถ้าหากมันลำบาก ก็อย่าหักโหมเกินไปนักนะ ความก้าวหน้าสำคัญก็จริง แต่ว่าความสุขของตัวเองก็สำคัญเหมือนกันนะลูก” ซ่งตงลี่พูดขึ้นมาอย่างห่วงใย “ครับพ่อ” ซ่งเฟยหลงพยักหน้ารับคำ “แล้วเพ่ยหลันละ เป็นอย่างไรบ้าง อยู่ที่นู่นสบายดีไหม” คราวนี้เป็นนางหยางเจี่ยที่หันมาถามลูกสะใภ้ โดยซ่งตงลี่ก็หันมาเพื่อรอฟังคำตอบด้วยหลินเพ่ยหลันยิ้มให้พ่อแม่ของสามี ก่อนจะเล่าเรื่องของตัวเองบ้าง “ฉันสบายดีค่ะ อยู่ที่บ้านตระกูลจง ฉันได้ช่วยงานคุณตากับคุณลุงที่ห้างสรรพสินค้าของตระกูลด้วย ทุกอย่างก็ราบรื่นดีค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าพวกพี่ก็ไม่ค่อยได้พบกันบ่อยน่ะสิ คนหนึ่งอยู่ชายแดน คนหนึ่งอยู่ปักกิ่ง” ซ่งชุนเป้ยถามขึ้นมาอย่างกังวล เธอเห็นใจพี่ชายกับพี่สะใภ้ไม่น้อยที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน“ใช่แล้ว ช่วงแรก ๆ พี่เฟยหลงฝึกหนักมาก แล้วยังมีภารกิจที่ต้องไปทำนอกกองทัพอีก พวกเราก็เลยไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไร มีพักหลัง ๆ ที่พี่เฟยหลงพอจะว่างได้กลับมาปักกิ่ง และพี่ก็ไปหาพี่เฟยที่เมืองชายแดนบ้าง ตอนนี้คุณตาจัดรถพร้อมคนขับไว้ให้โดยเฉพาะ

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 61 ท้อง 4 เดือนแล้ว

    บทที่ 61 ท้อง 4 เดือนแล้ว“แล้วนี่จะมาอยู่กี่วันล่ะ อยู่นาน ๆ นะ แม่จะทำของอร่อยให้กิน” นางหยางเจี่ยถามขึ้นมา เพราะรู้ว่าถึงอย่างไรลูกชายกับลูกสะใภ้ก็ต้องกลับไปที่ปักกิ่ง แต่ก็อยากให้อยู่ด้วยกันสักหลายวันก่อน“นี่ก็เป็นเวลานานแล้วที่ผมกับเพ่ยหลันไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้าน ตรุษจีนปีที่แล้วที่ไม่ได้กลับมา ก็เพราะว่าผมมีภารกิจที่ชายแดน ครั้งนี้พวกเราจึงตัดสินใจว่าจะพักอยู่ที่บ้านหลายวันหน่อย เพื่อเป็นการชดเชยให้กับครอบครัวครับ” ซ่งเฟยหลงตอบกลับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ดี ๆ จะได้มาด้วยพี่ขายของด้วย เพราะตอนนี้ที่ร้านยุ่งมาก ฮ่า ๆ” ซ่งชุนเหยาพูดขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะอย่างมีความสุข“ที่ร้านยุ่งมากเหรอคะ” หลินเพ่ยหลันขมวดคิ้วถามอย่างแปลกใจ“จะให้ไม่ยุ่งได้อย่างไรล่ะคะพี่สะใภ้ ตอนนี้พี่ใหญ่ขยายร้านค้าไปในเมืองใกล้ ๆ อีกสองสาขา แต่ละวันแค่วิ่งไปเติมสินค้าแต่ละสาขาก็แทบจะไม่มีเวลาแล้ว ยังดีที่ตอนนี้ซื้อรถยนต์แล้วและมีลูกจ้างที่ขยันและซื่อสัตย์ ไม่อย่างนั้นพี่ใหญ่ท่าจะแย่” ซ่งชุนเป้ยเป็นคนตอบคำถามนี้ของพี่สะใภ้ด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม ตอนนี้กิจการของบ้านซ่งเป็นไปได้ดีมาก ซ่งชุนเหยาได้ขยายสาขาร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status