ตอนที่ 4 ผู้ตรวจการคนใหม่
ฟิ้ว ๆ ลมเย็นพัดผ่านร่างบาง นางเดินมาที่ริมสายธารเพื่อตักน้ำให้วัวครั้นนั้นแสงบนท้องฟ้าเหลืองอร่าม เฉินไป๋อิงวางกระถังน้ำลงไว้ที่พื้นสายตาเงยมองไปบนท้องฟ้าหลับตาสุดลมหายใจรับอากาศบริสุทธิ์เต็มปอดอย่างชื่นใจ
“ท่านแม่ขอรับ ท่านแม่” เสียงเล็ก ๆ ของเด็กชายดังขึ้นนางก้มหน้าลงลืมตาจ้องมองไปที่เด็กชายที่เดินตามหลังนางมาติด ๆ
“เฉิงหงมีอันใด”
“ดูสิขอรับ แมลงปอบินเต็มท้องฟ้าเลย ข้าชอบขอรับงดงามและอิสระ”
“นั่นสินะ งดงามจริง ๆ ยามนี้เจ้าเองก็งดงามและอิสระเหมือนแมลงพวกนั้น จริงสิตั้งแต่ข้าเลี้ยงเจ้ามา ข้าไม่เคยถามเจ้าเลย เฉิงหงของข้าเติบโตอยากเป็นอะไรหรือ? อยากเป็นบัณฑิตหรือไม่? เจ้าอยากเติบโตเป็นขุนนางหรือรับราชการมั้ย”
“ไม่ขอรับ ข้าต้องการอยู่กับท่านแม่เลี้ยงไก่เลี้ยงวัว ปลูกผักเพียงเท่านี้ข้าก็มีความสุขแล้วขอรับมิต้องการสิ่งใดเพิ่มเติม” เฉิงหงยิ้มระเรื่อให้มารดาพร้อมเดินนำหน้ากลับเรือนเมื่อดวงอาทิตย์เคลื่อนต่ำลง
1 เดือนต่อมา
เฉิงไป๋อิงเริ่มหาตลาดลงขายผักให้มากกว่าเดิม เพราะตอนนี้ผักที่นางปลูกโตพร้อมที่จะเก็บขาย เถ้าแก่ร้านหมั่นโถวจึงบอกให้นางนำผักไปนั่งขายในตลาด ไม่แน่อาจจะขายได้ดี นางจึงเก็บผักที่โตเต็มวัย ผักของนางงดงามได้ปุ๋ยจากมูลสัตว์ที่นางเลี้ยงเอาไว้ เฉิงหงดีใจรีบเดินตามหลังท่านแม่ไปที่ตลาดมองหาที่ว่างและตั้งผักขาย
เสียงจอแจของชาวบ้านดังขึ้นพากันมองมาที่นาง แรก ๆ ชาวบ้านไม่แม้จะกล้าเดินเข้ามาซื้อเพราะกลัวนางจะแย่งสามี คำยุยงคำด่าทอของท่านป้าที่เอาเรื่องของนางไปซุบซิบนินทาทำให้ทุกคนไม่อยากจะสุงสิงกับนาง ทว่าผักของนางทั้งอวบทั้งใหญ่น่ากิน อีกทั้งนางยังเขียนราคาติดไว้อย่างชัดเจน ราคาไม่แพงแถมยังสดใหม่มีหรือที่ชาวบ้านไม่แห่กันมารุมซื้อ
“แม่นางข้าอยากได้ผักบุ้งนั่น ราคาเท่าไหร่”
“พี่ชายข้าขายไม่แพงเจ้าค่ะ ผักบุ้งราคากำละ 1 อีแปะ ผักอื่น ๆ ก็ราคาเท่ากันเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นข้าเอาผักที่วางอยู่ข้าง ๆ นั่นอีกกำ” เฉิงหงรีบเดินไปหยิบให้แก่ชายที่เข้ามาซื้อเป็นผู้แรก
“ขอบคุณท่านอาที่อุดหนุนข้า ทั้งหมด 2 อีแปะขอรับ” เขารับผักพร้อมยื่นเงินให้แก่เฉิงหงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่สายตาจ้องมองดูผักในมือ ก่อนจะเดินจากไป ลูกค้าคนแรกเดินผ่านไปที่ใดมีแต่ผู้คนเอ่ยถามและพากันมาอุดหนุนทำให้ผักที่เฉินไป๋อิงเก็บมาหมดในไม่ช้า
“ท่านแม่ ผักของเราขายดีจริง ๆ รุ่งเช้าข้าจะรีบเข้าสวนผักเก็บผักให้ได้มากกว่าเดิมนะขอรับเราจะได้ร่ำรวย ๆ”
เด็กชายดวงตาเป็นประกายดีใจที่ขายของในวันแรกหมดตั้งแต่ยังไม่ค่ำ เฉินไป๋อิงเก็บกระบุงเพื่อเดินทางกลับยิ้มระเรื่อตอบกลับบุตรชาย
“นั่นสินะ วันนี้เฉิงหงช่วยแม่เต็มกำลังอยากได้อันใดหรือไม่ แม่จะซื้อให้เจ้าเอง”
“สิ่งที่ข้าอยากได้ไม่ใช่สิ่งของขอรับ ข้าอยากให้ท่านแม่พักผ่อนเร็ว ๆ หลายวันมานี้ข้าเห็นท่านแม่เหน็ดเหนื่อย”
“โธ่ ๆ เฉิงหงเจ้านี่ชางเป็นเด็กฉลาดจริง ๆ เอาเช่นนี้ถึงบ้านเมื่อไหร่แม่มีสิ่งของเป็นสิ่งตอบแทนในการช่วยเหลืองาน” ไป๋เฉิงอิงก้มลงกระวิบข้างหูยิ่งทำให้เด็กชายดวงตากลมโตมากกว่าเดิม
ทั้งสองแม่ลูกเดินทางกลับเรือนระหว่างทางได้ยินเสียงเอะอะโวยวายตะโกนเสียงดังรวมทั้งมีรถม้ากำลังเคลื่อนขบวนมาที่ท้องถนน ชาวบ้านพากันมุงดูด้วยความตื่นเต้น และพูดคุยกันว่าขบวนรถม้านี่คือขบวนรถม้าของท่านผู้ตรวจการประจำหมู่บ้านนี้
“เจ้ารู้หรือไม่? ผู้ตรวจการที่ย้ายเข้ามาใหม่เป็นบุตรของขุนนางร่ำรวยแถมยังเป็นบุรุษรูปงาม หากข้ายังเป็นสตรีแรกแย้ม ข้าจะเข้าหาไม่แน่ข้าอาจจะได้เป็นฮูหยินของท่านผู้ตรวจการก็เป็นได้”
“เจ้านะหรือ? ฮึ ฮึ เจ้าเป็นได้แค่สาวใช้ในจวนผู้ตรวจการเท่านั้นแหละน่า หากเป็นบุตรชายของขุนนางอย่างเจ้าว่าคงไม่เปรยสายตามองชาวบ้านอย่างเราหรอก เลิกฝันกลางวันเสียที” บทสนธนาของสตรีรุ่นใหญ่พูดคุยหัวเราะคิกคักถึงผู้ตรวจการ สตรีวัยออกเรือนต่างพากันออกจากเรือนมายืนมองดูความสง่างามของผู้ตรวจการร่วมทั้งลี่หลินลูกพี่ลูกน้องของเฉินไป๋อิง นางยืมอยู่แถวหน้าถือพัด พัดไปมาสายตาจ้องมองไปในรถม้าที่กำลังเคลื่อนผ่านอย่างช้า ๆ หน้าต่างรถม้าเปิดออกเผยให้เห็นใบหน้าคมคาย ไม่ว่าจะมองไปทางใดช่างไร้ที่ติเสมือนเทพจุติลงมาบนโลก ใจของลี่หลินเต้นแรงระรัว ดวงตาเป็นประกายแวววาวยืนตะลึงอยู่กับที่
“ข้าพบแล้วบุรุษที่จะมาเป็นสามีของข้า ช่างสง่างามเสียจริงแต่ทว่าใบหน้าเหมือนข้าคุ้นชินและเคยพบที่ใดสักแห่ง หรือว่าอาจจะเป็นบุรุษในฝันโชคชะตาให้เราได้มาพบพาน” ลี่หลินยิ้มระรื่นเดินออกจากกลุ่มกลับเรือน รุ่งสางนางจะเข้าไปทักทายทำความรู้จักกับผู้ตรวจการผู้นี้
ต่างจากเฉินไป๋อิงนางมิได้ใส่ใจแม้แต่น้อยว่าผู้ใดมา หรือผู้ใดจะไปในความคิดของนางยามนี้คือพาบุตรชายกลับเรือน เอาอาหารไปให้แม่ไก่ เอาหญ้าให้วัวได้กินค่อยกลับเข้าเรือนทำอาหารแสนอร่อยให้บุตรชายได้กิน โดยไม่ได้ใส่ใจเลยว่าผู้คนกำลังตื่นเต้นกับผู้ตรวจการใหม่เพียงใด
เรื่องการค้าขายผักของเฉินไป๋อิงดังขึ้นหูของเจี่ยนอันหนิง นางตาร้อนผ่าวไม่น่าเชื่อว่าเฉินไป๋อิงจะมีปัญญา นางจึงจะเดินทางไปเห็นด้วยตาตัวเองที่เรือนของเฉินไป๋อิง ระหว่างนั้นลี่หลินมาพอดี
“ท่านแม่จะรีบร้อนไปที่ใดหรือเจ้าคะ ข้ามีเรื่องน่ายินดีมาเล่าสู่ท่านแม่ฟังเจ้าค่ะ”
“เรื่องของเจ้าเอาไว้ก่อนยามนี้ข้าต้องไปให้เห็นด้วยตาตนเอง นังไป๋อิงมันหาปัญญาจากที่ใดมีผักไปขายที่ตลาด แถมยังขายในราคาถูกและผักสวยงาม ข้าไม่เชื่อหรอกว่าผักพวกนั้นนางจะปลูกเองหรือว่าตอนนี้พ่อค้าผักต่างหมู่บ้านมาหลงใหลผัวพันกับนาง ยกผักให้นางมาค้าขายกันนะ!! ง่ายไม่เปลี่ยนจริง ๆ นี่นะหรือบุตรของขุนนาง” เจี่ยนอันหยิงพูดไปโมโหไป เพราะความอิจฉาริษยาต้องการในสิ่งที่ตนเองไม่มีอยากได้ทุกอย่างที่ไม่ใช่ของตนเองเมื่อเห็นเฉินไป๋อิงได้ดีไปกว่าตนนางยิ่งไม่พอใจ
“ท่านแม่ข้าไปด้วยเจ้าค่ะ ตั้งแต่นางออกจากเรือนไปข้าไม่เคยเห็นนางเลย ป่านนี้บุตรของนางคงเติบโตมากแล้วสินะ คงผอมเนื้อหุ้มกระดูกสภาพมอมแมม” บุตรสาวนิสัยไม่ต่างจากมารดาเพราะนางอคติกับไป๋อิงเรื่องหนึ่ง หากครั้งนั้นไป๋อิงไม่โผล่ไปชีวิตของนางอาจจะดีกว่านี้เป็นฮูหยินของบุตรขุนนางไปตั้งนานแล้ว นางจึงกล่าวโทษว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดและคิดว่าไป๋อิงเป็นสตรีร้ายกาจอิจฉาริษยาต้องการแย่งของที่นางอยากได้ ทำให้ลี่หลินเกลียดไป๋อิงเข้ากระดูกดำ
ตอนที่ 16 ข้ารักท่านรุ่งเช้าวันต่อมาจิงหยูลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อเสียงดังเอะอะโวยวายดังกึกก้องในจวน นางรีบสวมเสื้อคุมเดินออกมาดูนอกห้อง ใบหน้าพลันเปลี่ยนสีเมื่อเห็นทหารมากมายจับกุมทุกคนในจวนรวมถึงท่านแม่ของนางยามนี้“เกิดอะไรขึ้นทำไมทหารถึงเต็มจวนเช่นนี้ ท่านอ๋องท่านอ๋องอยู่ที่ใด”“อย่าได้โวยวายและยอมตามพวกเรามาแต่โดยดี ตอนนี้พวกเจ้าคือกบฏจะถูกประหารทันทีเมื่อพาตัวไปถึงคุกหลวง พวกเจ้าค้นให้ทั่วทั้งจวนอย่าให้มีผู้ใดหลงเหลือและหลบหนีไปได้ นี่คือคำสั่งของฮ่องเต้” เสมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน สมองของจิงหยูขาวโพลนขาไม่มีเรี่ยวแรงทรุดลงกับพื้นร่ำไห้อย่างขาดสติ“ไม่จริงข้าไม่เชื่อ ข้าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น ข้าไม่ได้ทำ” นางกรีดร้องออกมาด้วยความเสียใจเพราะนางไม่คิดว่าท่านอ๋องจะก่อกบฏเรื่องนี้นางไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ แต่ทว่าทหารไม่ได้ฟังคำพูดของนางแม้แต่น้อยจับกุมทุกคนไปยังคุกหลวง ทุบตีนางกับมารดาตลอดทาง เมื่อสองเท้าเดินมาถึงหน้าวังหลวงนางแทบช็อกเมื่อเห็นหัวของอ๋องฉีถูกเสียบประจานอยู่หน้าวังเพื่อข่มขวัญไม่ให้คนที่คิดก่อกบฏกล้าที่จะลงมือ หากผู้ใดต่อต้านราชวงศ์และคิดจะยึดครองบัลลังก์ต้องเป็นเช่
ตอนที่ 15 จับกบฏเฟยหงยังไม่ได้กลับเรือนนางยังคงยืนคอยจิงหยูอยู่หน้าเรือน ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงเท้านางวิ่งออกมา เฟยหงกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะเดินออกมาปะทะหน้ากับจิงหยู“อะไรกัน!! ทำไมถึงได้รีบร้อนวิ่งออกมาจากเรือนของแม่ทัพเช่นนี้ หรือว่าท่านแม่ทัพไม่ให้ความช่วยเหลือ ข้าบอกเจ้าแล้วหากอยากได้ความช่วยเหลือให้ไปหาเหล่าขุนนางที่มีหน้าที่รับฟังความเดือดร้อนของเจ้ามิใช่แม่ทัพ”“หยุดเสียที ท่านพี่ทำอย่างนี้กับท่านแม่ได้อย่างไร ท่านแม่ของข้าไปทำอันใดให้หากท่านต้องการแก้แค้นที่ข้าแย่งอ๋องฉีมา ท่านก็มาลงที่ข้าสิ”“จิงหยูเจ้าคิดมากเกินไปแล้ว ข้านะหรือจะโกรธแค้นที่เจ้าแย่งอ๋องฉีไปจากข้า เปล่าเลยข้าดีใจเสียอีกที่เจ้าแต่งไปเป็นพระชายาอ๋องฉีแทนข้า เพราะตอนนี้ข้าได้พบกับคนรักที่ดีความรักที่ดี ส่วนเรื่องของท่านแม่เจ้าข้าไม่ได้ทำอันใดเลย แต่เป็นนางต่างหากที่ทำตัวเอง นางใช้ความรักความไว้ใจที่ท่านพ่อมีให้หักหลังทำร้ายท่านพ่อ แถมยังสวมเขาให้ท่านพ่อพาบุตรไร้สกุลเข้าเรือนและแอบอ้างว่าเป็นบุตรสาวตระกูลหลิวอีก ช่างน่าสมเพชจริง ๆ โชคดีที่ท่านพ่อของข้าตาสว่างและรู้ทันนางเสียก่อน คราแรกข้าก็นึกโกรธเคืองเจ้าที่กล้า
ตอนที่ 14 ไม่มีอารมณ์ฝั่งด้านจิงหยูนางอาบน้ำแต่งกายกำลังเดินทางออกไปหาแม่ทัพเก่อหลางที่เรือนของเขา มีทางการมาขวางทางนางเอาไว้ก่อนเพื่อแจ้งเรื่องที่ท่านแม่ของนางกำลังได้รับโทษอยู่ตอนนี้“ทูลพระชายากระหม่อมนำสารมาจากกรมยุติธรรมเพื่อแจ้งให้พระชายาได้รับทราบพ่ะย่ะค่ะ” จิงหยูคิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย เมื่อนางเปิดอ่านสารที่นำมาให้ร่างกายของนางสั่นเทา โยนสารนั้นทิ้งทันที“ไม่จริง ข้าไม่เชื่อจะเป็นอย่างนี้ได้ยังไง ข้าคือบุตรสาวคนรองของตระกูลหลิวมิใช่บุตรของชาวบ้านชั่วไป เรื่องนี้ข้าว่าต้องมีอะไรผิดแปลกไปแน่ ๆ หรือว่าจะเป็นเพราะท่านพี่เฟยหงที่แค้นข้า เรื่องที่ข้าแย่งท่านอ๋องฉี ข้าจะต้องไม่ให้ท่านแม่ของข้าถูกลงโทษ ข้าจะไปหาท่านแม่ทัพเพื่อขอความช่วยเหลือ หากท่านอ๋องรู้เรื่องนี้เข้าคงคิดว่าข้าเป็นเพียงคนธรรมดาต้องหย่ากับข้าและทิ้งข้าแน่ ๆ ” จิงหยูคิดในใจก่อนที่จะสั่งให้สารถีรีบพาตนเองไปที่เรือนของท่านแม่ทัพโดยเร็วที่สุดไม่นานก็มาถึงเรือนแม่ทัพจูเก่อหลางนางรีบขอพบเขาทันที โดยมีทหารของเขาพาเข้าไปด้านใน“ท่านแม่ทัพยามนี้พระชายาท่านอ๋องฉีหย่งอี้ขอพบขอรับ” เสียงทหารดังมาจากด้านนอก ตอนนี้เก่อหลา
ตอนที่ 13 หึงหวงเรือนแม่ทัพจูเก่อหลาง“ท่านแม่ทัพคุณหนูตระกูลหลิวมาขอเข้าพบขอรับ” เพียงได้ยินว่าเฟยหงมาหาเขารีบว่างสิ่งที่ทำอยู่ทันที“ให้นางเข้ามา”“ข้ามารบกวนเวลาของท่านหรือไม่ ?”“ไม่สักนิดข้ากำลังคิดถึงเจ้าอยู่พอดี เสมือนสวรรค์รู้ความรู้สึกของข้า”“ข้ามาหาท่านเพราะมีเรื่องจะแจ้งต่างหาก วันนี้ข้าเจอกับท่านอ๋องฉี ท่านเตรียมการรับมือจากอ๋องฉีกับองค์ชายต้าหลงหรือยังเจ้าคะ อีกเพียงไม่กี่วันแล้วที่ทางนั้นจะลงมือแถมอ๋องฉียังบอกกับข้าอีกว่าอีกไม่นานชีวิตของเขาจะเปลี่ยนไปและขอให้ข้ากลับไปเป็นพระชายา” ไม่ทันที่เฟยหงจะเอ่ยจบเลือดในร่างกายของเก่อหลางพลุ่งพล่านเมื่อได้ยินว่าอ๋องฉีจะมาพาตัวเฟยหงกลับ เขาคว้าตัวนางมาแนบชิดกอดแนบแน่นจนนางได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นแรงตึกตัก“ไม่มีทางที่ข้าจะปล่อยให้เจ้าไปกับอ๋องฉี คราก่อนข้ายอมเพราะเจ้าต้องการเช่นนั้นแต่ยามนี้ข้าจะฟังหัวใจตนเองต่อให้ข้าต้องยกทัพทำสงครามกับอ๋องฉีเพื่อแย่งชิงเจ้าข้าก็ยอม” เฟงหงยิ้มระรื่นดีใจที่เก่อหลางรักนางมากเพียงนี้ มือเรียวสองข้างยกขึ้นแตะเข้าที่ใบหน้าของเก่อหลางเงยหน้าจ้องมองด้วยสายตาอิ่มเอมไปด้วยความสุข“ผู้ใดบอกท่านว่าข้าจะกล
ตอนที่ 12 กลับมาเป็นพระยาของข้าเถอะนะรุ่งเช้าวันต่อมาอ๋องฉีเดินทางตั้งแต่เช้าสั่งสาวใช้ให้บอกว่าเขามีเรื่องที่จะต้องไปสะสางให้นางพักผ่อนเต็มที่ จิงหยูลืมตาขึ้นมาได้ยินจากปากของสาวใช้ นางยิ้มกว้างออกมาวันนี้นางจะไปหาท่านแม่ทัพที่เรือนของเขา“ในเมื่อข้าพูดจาดี ๆ กับท่านแล้วไม่ได้ผลข้าคงต้องใช้เสน่ห์ที่ข้ามีโปรยให้ท่านหลงใหลเสียแล้ว ไม่ว่าบุรุษใดเพียงแก้อาภรณ์ต่อหน้าร้อยทั้งร้อยคงไม่มีทางหนีพ้นเป็นแน่” นางอารมณ์ดีรีบลุกขึ้นลงแช่น้ำในอ่างที่สาวใช้ในจวนเตรียมไว้ให้ พร้อมโรยด้วยดอกไม้นานาพรรณให้กลิ่นกายมีความหอมฝั่งด้านอ๋องฉี เขาเดินทางกลับจากแม่น้ำขุยอันหลังจากที่พูดคุยหารือกับองค์ชายต้าหลงเสร็จสิ้นจึงเดินทางกลับ ระหว่างทางเห็นเฟยหงกำลังเดินในตลาดพร้อมกับมู่เอ๋อ เขารีบใช้เท้ากระแทกม้าพร้อมดึงเชือกให้ม้าหยุดเคลื่อนไหว ตั้งแต่ที่นางหย่ากับเขานี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบเจอนางคิดถึงคำพูดของจิงหยูนึกโมโหขึ้นมาทันที“ดูสิอยู่ที่จวนกับข้าเหมือนดอกไม้ไร้การรดน้ำเหี่ยวแห้งไร้อารมณ์ แต่นี่หย่ากับข้าไปได้ไม่เท่าไหร่ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้มแถมยังดูเหมือนว่านางดูดีมากกว่าเดิมอีกด้วย หรือว่านางมีควา
ตอนที่ 11 ข้าเต็มใจให้เจ้าหลอก“นี่ก็ยามสองแล้ว ข้าต้องกลับเรือนท่านปล่อยข้าไปพร้อมกับมู่เอ๋อเถิด” “เจ้าไม่ไว้ใจข้าหรือเฟยหง”“จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไรล่ะ ท่านนะไม่เคยทำอะไรให้ข้าเสียใจอยู่แล้วแต่ว่าท่านเมามายแล้วนะเจ้าคะ”“ข้าไม่ได้เมาสุราแต่ตอนนี้ข้าเมาจากมากกว่า” เขากระซิบข้างหูก่อนจะจับมือของนางเดินไปที่ที่เขามักจะไปอยู่บ่อย ๆ ครั้นเมื่อคิดถึงนางเป็นสถานที่ทั้งสองเคยไปกันบ่อย ๆ ถนนโล่งไร้ผู้คนมีเพียงเสียงฝีเท้าของทั้งสองที่กำลังเดินไปที่สวนหลังหมู่บ้าน ที่นั่นมีแสงสว่างไสวงดงาม นานมากแล้วที่เฟยหงไม่ได้มาเยือน เมื่อมาถึงดวงตาของนางเป็นประกายรอยยิ้มเริ่มปรากฏบนใบหน้า ลมยามราตรีพัดโบกไปมาเย็นสบาย“นานแล้วสินะที่ไม่ได้มาที่นี่ ที่นี่ยังคงงดงามเสมอข้าคิดว่าท่านจะลืมมันไปแล้วเสียอีก”“ข้าจะลืมได้อย่างไรกัน ที่นี่คือที่ที่เราสองคนมักจะมาบ่อย ๆ และหลังจากที่เจ้าแต่งเข้าจวนอ๋องฉีข้ามักจะมาที่นี่ร่ำสุรายามที่คิดถึงเจ้า เฟยหงไม่ว่าจะนานเท่าไหร่หัวใจของข้ายังมีเพียงเจ้าเสมอ เจ้าทำเสน่ห์ใส่ข้าหรืออย่างไรกัน”“ข้านะหรือทำเช่นนั้น? แต่ก็ไม่แน่นะเจ้าคะข้าเป็นสตรีดอกบัวขาวหลอกลวงทุกคน ตอนนี้อาจจ