วันนี้เป็นวันแรกที่บ้านสกุลอู๋มีแสงสว่าง ทว่าหลอดไฟที่ถูกปล่อยทิ้งไว้นาน ไส้ในหลอดไฟก็ไม่ค่อยจะดีแล้ว แสงที่ส่องออกมาไม่สว่างจ้า มันดูขมุกขมัว แต่กระนั้นก็ดีกว่าตะเกียงน้ำมันอยู่มาก
“น้าอวบพวกเราต่อไฟให้ลูกไก่ด้วยดีหรือเปล่าคะ”
“ไม่ดี...กลางคืนไก่มันนอน มันต้องการความมืด เช่นเดียวกับพวกเรา อีกเดี๋ยวก็ต้องปิดไฟนอนแล้ว”
อู๋ชิงซวนถอนหายใจใบหน้าสลดลง เด็กหญิงจำใจต้องพยักหน้าช้า ๆ และเดินออกจากห้องนอนของไป๋จ้าวเหม่ยด้วยความไม่เต็มใจ ในเมื่อบ้านเธอมีไฟแล้ว ทำไมเปิดให้เสี่ยวจงกับเสี่ยวถิงไม่ได้
อู๋เหวยเห็นลูกสาวทำหน้าม่อยเพราะไม่ได้เปิดไฟให้ไก่ ก็ไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่ก็ว่าไม่ได้เพราะนี่เป็นสัตว์เลี้ยงตัวแรกของซวนซวน เพราะเมื่อก่อนไป๋จ้าวเหม่ยไม่ยอมให้เด็กน้อยเลี้ยงสัตว์ เพราะเธอบอกว่ามันสิ้นเปลือง ต่อให้เขาหาลูกหมาลูกแมวมาให้ซวนซวน ทว่าหญิงสาวก็เอาไปปล่อยอยู่ดี
“ซวนซวนมานอนได้แล้วลูก วันนี้พ่อจะเล่านิทานเรื่องอะไรให้ซวนซวนฟังดีนะ หนูอยากฟังเรื่องอะไรครับ”
“เรื่องอะไรก็ได้ค่ะ” ในใจเด็กน้อยตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่นิทานของพ่อเลย แต่เธอกำลังเป็นห่วงลูกไก่สองตัวที่แยกตัวออกไปอยู่ข้างนอกนั่นต่างหาก
“ถ้าอย่างนั้นพ่อจะเล่าเรื่องคนโง่เขลามักจะคิดว่าตนเองเฉลียวฉลาดก็แล้วกัน” อู๋เหวยอุ้มเด็กน้อยขึ้นมานอนบนเตียง แล้วจึงเดินไปปิดไฟ ก่อนจะเดินกลับมาที่เตียงถอดรองเท้าขึ้นไปนอนข้าง ๆ รั้งศีรษะมาหนุนที่แขนตนเอง ดึงผ้าขึ้นมาห่ม
“ที่หมู่บ้านผิงอานมีชายคนหนึ่ง เขามีนิสัยหยิ่งผยอง เขามักจะเที่ยวสั่งสอนคนอื่นไปทั่ว บางครั้งเห็นใครทำอะไรก็จะเข้าไปชี้นิ้วสั่ง บอกให้ทำอย่างนั้น ทำอย่างนี้ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่มีความรู้ในเรื่องนั้นเลย เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเพื่อนบ้านต่างก็หัวเราะเยาะว่าเขาเป็นคนโง่เขลา จนวันหนึ่งเขาเห็นเพื่อนบ้านกำลังล่ามวัวเอาไว้กับต้นไม้ เขารีบเดินไปสอนเลยว่า”
อู๋เหวยดัดเสียงให้ทุ้ม แล้วจึงเลียนเสียงของตัวละครออกไป
‘นี่เจ้าไม่รู้หรือว่า วัวถ้าล่ามมันเอาไว้ มันจะไม่ให้นมแก่เจ้า เจ้าต้องปล่อยให้มันเป็นอิสระ’ เด็กเลี้ยงวัวก็ถามว่า
‘ถ้าปล่อยมันจะไม่หนีไปหรือ’ ชายโง่ก็บอกว่า ‘จะยากอะไร เจ้าก็ขึ้นไปนั่งบนหลังมันสิ’ เด็กคนนั้นก็เชื่อฟัง ขึ้นไปนั่งบนหลังวัว แม่วัวเห็นว่าไม่ถูกล่ามเอาไว้ก็ดีใจมาก วิ่งหนีเข้าไปในป่า เด็กที่นั่งบนหลังก็ร้องไห้เสียงดัง ชายคนโง่ก็วิ่งตาม ตะโกนร้องว่า ‘ข้าไม่ได้สอนให้เขาขึ้นไปนั่งบนหลังวัวนะ ข้าไม่ได้สอน’
ต่อมาชาวบ้านช่วยกันจับวัวได้ ก็สืบความจึงรู้ว่าเป็นชายโง่ที่สอนเรื่องผิด ๆ แก่เด็กน้อย ผู้คนรอบตัวโกรธมาก หากพลาดเพียงนิด ชีวิตเด็กผู้นั้นก็หาไม่แล้ว ชาวบ้านต่างประณามที่เขาโง่แล้วไม่เจียมตัว สร้างความอับอายให้แก่ชายผู้นั้นเป็นอย่างมาก จนเขาไม่กล้าออกมาพบปะผู้ใดอีกเลย” เล่าจบอู๋ชิงซวนก็ส่งเสียงฮึดฮัดขึ้นมา
“หึ...ชายคนโง่อวดฉลาดนัก ไม่รู้จริงก็เที่ยวไปสอนคนอื่น แล้วคนที่เชื่อก็โง่กว่าอีก พ่อคิดเหมือนกันหรือเปล่าคะ”
“ใช่แล้ว แล้วซวนซวนรู้ไหมทำอย่างไรเราถึงจะไม่โง่เหมือนสองพี่น้องคู่นั้น”
“ทำอย่างไรคะ” เด็กน้อยเอียงคอถาม
“ไม่ยากเลย ถ้าเราไม่อยากโง่ก็ต้องเรียนหนังสือ เดี๋ยวหนูอายุแปดปีแล้วพ่อจะพาไปสมัครเรียนที่ในอำเภอ แต่ตอนนี้ลูกก็ต้องเขียนอักษรที่พ่อเขียนไว้เป็นแบบอย่าง เข้าใจไหมคะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
ไป๋จ้าวเหม่ยได้ยินเสียงพ่อกับลูกคุยกัน เธอยิ้มออกมา รับรู้ได้ถึงความรักที่อู๋เหวยมีให้กับลูกสาว จะว่าไปก็ไม่แปลกหรอก ในเมื่อสองพ่อลูกต่างก็มีเพียงกันและกัน สกุลจางญาติฝ่ายแม่ของซวนซวน ประกาศตัดขาดกับสกุลอู๋ เพราะว่าอู๋เหวยกับร่างเดิมมีความสัมพันธ์กัน ในวันทำบุญใหญ่ให้จางชิงเหยา ดังนั้นจึงไม่สนใจเด็กน้อยอีก
“เอาละนิทานจบแล้ว เด็กดีของพ่อต้องนอนแล้วค่ะ” อู๋เหวยยกมือขึ้นตบแผ่นหลังเบา ๆ เพียงครู่เดียวก็ได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ เขาจึงหลับตาลงไปบ้าง กำลังจะหลับก็พลันได้ยินเสียงดังจากในห้องเสียก่อน
โครม!
“โอ๊ย!...ให้ตายเถอะ” เสียงกุกกักและเสียงเหมือนอะไรสักอย่างกระแทกพื้น ตามมาด้วยเสียงร้องของไป๋จ้าวเหม่ย
ตอนแรกอู๋เหวยก็ไม่คิดจะสนใจ ทว่านึกถึงขนม ลูกอม และคอกไก่ของซวนซวนแล้ว เขาก็จำใจต้องลุกออกจากเตียงเดินเข้าไปดู แต่เมื่อเข้ามาในห้อง เขาก็ต้องเบิกตาขึ้น
“นะ...นั่นเธอกำลังทำอะไรอยู่” ไป๋จ้าวเหม่ยกำลังอยู่ในท่านอนคว่ำ กางมือจ้วงออกไป ขาทั้งสองข้างเหยียดตรง ทว่าข้างขวายกสูงขึ้นจากพื้น ดูอย่างไรก็ท่าว่ายน้ำ แต่คนปกติที่ไหนจะว่ายน้ำบนบก!
“ธะ...เธอกำลังว่ายน้ำ ไม่ใช่สิ ว่ายบกบนเสื่อ บ้าไปแล้ว หัวเธอกระแทกหินจนสมองกระทบกระเทือนใช่หรือเหล่า หรือว่าเธอจะกลับไปหาหมออีกครั้ง”
“ไม่ไป! ไม่ใช่นายเป็นคนบอกเองหรอกหรือว่า ไม่ให้ฉันตรวจแล้ว เพราะนายไม่มีเงินพาฉันไปหาหมอในเมือง”
“ตะ...แต่เธอกำลังว่ายน้ำ หรือเธออยากว่ายน้ำ ไป๋จ้าวเหม่ยเธอยังดีอยู่หรือเปล่า”
“ฉันดีอยู่ย่ะ และฉันก็ไม่ได้ว่ายน้ำว่ายบกอะไรของนาย ฉันแค่ออกกำลังกายเท่านั้นเอง[1] นายอย่าสนใจเลย ไปนอนเถอะเดี๋ยวฉันปิดไฟเอง” พูดจบก็ลุกขึ้นนั่งบนเสื่อ เธอชันเข่าตั้งฉาก ยื่นแขนสอดไปที่หว่างขาเลื่อนไปจับที่ข้อเท้าเอาไว้ให้แน่น และเอนตัวไปข้างหลัง ไหล่แตะพื้น หัวเข่าแตะหน้าผาก ปลายเท้ายื่นออกไปตรงหน้าชายหนุ่ม[2]
อู๋เหวยขยับถอยหลัง มองท่าทางประหลาด ๆ กำลังจะร้องทัก ก็เห็นร่างอ้วน ๆ ล้มกลิ้งไปด้านข้าง ไป๋จ้าวเหม่ยโอดครวญออกมาหนึ่งคำ แต่ก็ลุกขึ้นมาทำใหม่ เขาอ้าปากมองค้าง ครั้นได้รับสายตาไม่พอใจมองมา ก็รีบกระแทกประตูปิด และเดินไปล้มตัวนอนบนที่นอนเหมือนเดิม
เช้าวันต่อมา ไป๋จ้าวเหม่ยก็ลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าเหมือนเช่นทุกวัน วันนี้อู๋เหวยต้องกลับไปทำงานแล้ว เขาจึงตื่นมานั่งกินอาหาร พร้อมกับมองหญิงสาวด้วยสายตาแปลกประหลาด
ทว่าไป๋จ้าวเหม่ยไม่มีเวลาสนใจหรอก ตอนนี้เธออยากคิดหาวิธีเปลี่ยนนิสัยลูกเลี้ยงก็เท่านั้น และอีกอย่างเธอก็ไม่รู้จะอธิบายให้เขารู้ได้อย่างไร ในยุค 80 นี้ การออกกำลังกายที่เรียกว่าพิลาทิส แบบที่เธอทำ มันยังไม่มี ดังนั้นเธอจึงแสร้งทำเป็นไม่เห็นสายตาประหลาด ๆ ที่มองมาเสีย ไม่รู้ไม่เห็น ก็ไม่ต้องอธิบายให้ยุ่งยาก
“ตอนเย็นพ่อจะเอาอาหารเย็นกลับมาให้ซวนซวนนะ ถ้าหนูเบื่อไปเล่นกับเจินเจินรอพ่อเลิกงานกลับมาจะไปรับ แต่อย่าไปบ้านพี่ชิงฮุยก็พอ”
“ทำไมล่ะคะ” ปกติหลิวชิงฮุยก็มักจะมาพาซวนซวนไปเล่นที่บ้านเป็นประจำ
หลิวชิงฮุยเป็นลูกสาวของหัวหน้าหมู่บ้านหลิว ทว่าบ้านของทั้งคู่อยู่ไกลกันพอสมควร บ้านผู้นำหลิวอยู่ทิศเหนือ ส่วนบ้านสกุลอู๋อยู่ทางทิศตะวันออก
“ป้าพี่ชิงฮุยมาจากเซี่ยงไฮ้ เราไม่ควรไปบ้านเขาในช่วงนี้ เขาต้องการเวลาส่วนตัวน่ะ” ความจริงไม่ว่าญาติสกุลหลิวจะมาหรือไม่มา อู๋เหวยก็ไม่อยากให้ลูกสาวไปยุ่งวุ่นวายมากนัก เพราะไม่อยากให้ชาวบ้านเอาไปนินทากันผิด ๆ
“อ้อ...หนูเข้าใจแล้วค่ะ หนูจะอยู่บ้านกับน้าอวบ”
อู๋เหวยมองไปทางไป๋จ้าวเหม่ย เห็นว่าหญิงสาวมีสีหน้าปกติ ไม่ได้ดูไม่พอใจ ก็ผงกหัวขึ้น และโน้มตัวไปจูบที่หน้าผากลูกสาว ก่อนจะขี่จักรยานออกไปทำงานเหมือนเช่นทุกวัน
[1] พิลาทิสท่าที่ 1 : Swimming
[2] พิลาทิสท่าที่ 2 : Seal
ตอนที่ 12 หัดเรียนพินอินตั้งแต่มีไฟฟ้าบ้านสกุลอู๋ก็นับว่าสะดวกสบายขึ้น ไม่ต้องหุงข้าวกับเตาถ่าน แต่กระนั้นการทำอาหารก็ยังทำกับเตาไม้ฟืนอยู่ดี รอเธอหาเงินได้สักก้อนจะต้องไปซื้อเตาแก๊สมาใช้ ทีวี ตู้เย็น ก็ต้องซื้อให้หมด เครื่องใช้ไฟฟ้า สำหรับคนที่นี่อาจจะไม่จำเป็น แต่สำหรับเธอจำเป็นเหลือเกิน เธอไม่ชินกับการใช้ชีวิตแบบนี้“น้าอวบนอนหรือยังคะ” ไป๋จ้าวเหม่ยวางชุดกระโปรงที่กำลังตัดเย็บไว้บนโต๊ะ เงยหน้ามองเด็กน้อยที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เกาะประตูไม่ยอมเข้ามาในห้อง เห็นดังนั้นหญิงสาวก็พลันใจอ่อนยวบ กวักมือเรียกให้เข้ามาในห้อง“เข้ามาข้างในสิ ไปยืนทำไมตรงนั้นล่ะ” อู๋ชิงซวนเดินเข้ามานั่งลงตรงข้าม ดวงตาเรียวเล็กแดงช้ำ เหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้ออกมา“อ้าวซวนซวนหนูร้องไห้เหรอ เกิดอะไรขึ้น”“ฮื้อ...ฉันคิดถึงพ่อ เมื่อไรพ่อจะกลับมาสักที ฮื้อ ๆ” โธ่เอ๊ย...เธอก็นึกว่าเรื่องอะไร ที่ไหนได้เด็กน้อยติดพ่อนี่เอง“เมื่อเช้าพ่อเธอก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะกลับดึก วันนี้เป็นวันสิ้นเดือน เขาต้องรอรับเงินเดือน และก็คูปองเสียก่อน แต่ดู ๆ แล้วไม่นานก็น่าจะกลับมาแล้วละ เธอนอนกับฉันในห้องก่อนก็แล้วกัน”“ไม่เอาฉันจะร
ตอนที่ 13 โยคะฟลาย ไม่ใช่ฆ่าตัวตาย!ไป๋จ้าวเหม่ยตื่นสายกว่าทุกวัน สารภาพว่าเมื่อคืนเธอนอนไม่ค่อยหลับเลยด้วยซ้ำ ตอนแรกก็นับแกะอยู่ดี ๆ แต่เผลอแป๊บเดียวจากที่นับแกะ ก็กลายเป็นด่ากราดไอ้หมาบ้าอู๋เหวยไปพันกว่ารอบ รอบที่พันหนึ่งร้อยสิบเอ็ดจึงได้หลับไปในที่สุดหญิงสาวสะบัดตัวลุกจากที่นอน เธอพับผ้าห่มเอาไว้ปลายเตียง แล้วจึงเดินไปเทน้ำในอุณหภูมิห้องดื่มไปก่อนหนึ่งแก้ว จากนั้นก็ยืดเส้นยืดสาย บิดตัวออกกำลังกายเบา ๆ เหมือนเช่นทุกเช้าราวสักสิบห้านาทีพอได้เหงื่อ ก็ออกไปข้างนอก แต่เมื่อเปิดประตูออกมา ภายในบ้านกลับว่างเปล่า ไร้เงาของสองพ่อลูกอยู่ในนี้ เธอเดินออกไปชะโงกหน้าดูที่ร้านซ่อมรถ ก็ไร้เงาของทั้งคู่เช่นกัน“ไปไหนกันนะ” หญิงสาวขมวดคิ้วเดินหารอบบ้านไม่เจอ ก็ล้มเลิกความตั้งใจจะหาอีก“ไปไหนก็ช่าง” ไป๋จ้าวเหม่ยยักไหล่ขึ้น คว้าผ้าเช็ดตัวเดินไปอาบน้ำด้านหลัง อาบน้ำเช้า ๆ จะทำให้ร่างกายตื่นตัวกระปรี้กระเปร่า สมองปลอดโปร่งอีกด้วย แต่หลายคนก็ไม่ชอบอาบน้ำสักเท่าไรนัก ทว่าเธอติดนิสัยต้องอาบน้ำเช้าเย็น เพราะชาติก่อนเธอเป็นครู จะให้ตัวเหม็น ๆ ไปสอนเด็กก็ไม่ได้อาบน้ำเสร็จ ร่างอวบอ้วนก็ไปทำอาหารเช้ากินง่าย
ตอนที่ 14 คนโง่อย่างอู๋เหวยก็เหมาะกับแม่ดอกบัวเน่าไป๋จ้าวเหม่ยมองชายโง่กับหญิงร่านที่ยืนส่งกันที่หน้าประตูบ้าน สายตาของหลิวชิงฮุยจ้องมองอู๋เหวยราวกับจะกลืนกิน หากกลืนลงท้องได้เจ้าหล่อนก็คงทำไปแล้ว และคนที่ตาไม่บอดก็คงมองเห็น เธอไม่ได้หึงหวง ไหน้ำส้มนางยังปิดสนิทไม่หกออกมาแม้แต่หยดเดียว เหตุผลง่าย ๆ ก็คือข้างในร่างกายนี้เป็นเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่งเท่านั้น ย่อมไม่ได้รู้สึกนึกรักหรือชอบทว่าคำขอของไป๋อ้วน ที่ขอให้เธอทำให้อู๋เหวยหันมามองหันมารักเธอบ้าง ถือว่าตอบแทนกายเนื้อร่างนี้ เท่านี้ก็พอแล้ว ความจริงไป๋จ้าวเหม่ยจะไม่สนใจเลยก็ได้ แต่นั่นเป็นคำขอสุดท้ายของคนตายเชียวนะ อย่างไรก็ถือว่าคำขอสุดท้ายแลกกับร่างกาย ยังไงก็คุ้ม แต่ปัญหาคือเธอจะทำให้ไอ้หมาบ้าหน้าเดียวนั่นรักได้อย่างไร“น้าอวบ...น้าไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ” อู๋ชิงซวนทำหน้าแหยง ๆ เหลือบตามองไปยังสะโพกอวบที่ถูกคนเป็นเจ้าของยกมือขึ้นลูบไม่หยุด ก็ตกมาแรงขนาดนั้นจะไม่เจ็บได้อย่างไร น้าอวบก็นะ ทำไมชอบประชดชีวิตด้วยวิธีไร้สาระ รู้ทั้งรู้ว่าพ่อไม่ชอบ ก็ยังจะทำอีก ไม่รู้สึกเจ็บบ้างหรือยังไง“ยังไหวน่ะ ซวนซวนเธออยากกินอะไร เดี๋ยวฉันจะทำให้กิน
ตอนที่ 15 ตอบแทนสำหรับชุดสวย ๆไป๋จ้าวเหม่ยรอจนสองพ่อลูกกินอาหารกันเสร็จแล้ว จึงได้เดินออกจากห้องเพื่อมาเก็บโต๊ะ ตอนแรกเธอก็นั่งช่วยคีบอาหารให้กับซวนซวนนั่นแหละ แต่เพราะเธอไม่ได้กินอาหารด้วย ทั้งคู่จึงดูเกร็ง ๆ เพื่อไม่ให้อาหารที่ตั้งใจทำถูกเมิน หญิงสาวจึงเดินเข้าไปในห้อง“น้าอวบ...เอ่อ...น้าไม่ต้องเก็บหรอก”“ฉันกับซวนซวนจะเก็บกันเอง เธอไปพักเถอะ” ไป๋จ้าวเหม่ยพยักหน้าเดินกลับเข้าไปในห้อง เธอเริ่มปูเสื่อเพื่อออกกำลังกายก่อนนอนอีกรอบ อย่างน้อย ๆ ขอสัก 30 นาทีก็ยังดี ทว่าแค่เพียงเริ่มนอนราบกับพื้น ยกเข่าตั้งชัน ยันสะโพกขึ้น เธอก็ต้องนิ่วหน้าร้องโอดโอยเสียงดัง“ให้ตายเถอะ ร่างอ้วน ๆ ร่างนี้ อ่อนแอเกินไปแล้ว ซี้ด”“เธอยังจะทำท่าประหลาด ๆ นั่นอีกเหรอ” เสียงทุ้มติดรำคาญเอ่ยถาม พร้อมกับกอดอกมองหญิงสาวที่นอนราบอย่างหมดสภาพเพราะเสียงร้องของไป๋จ้าวเหม่ยดังออกไปนอกห้อง สองพ่อลูกจึงรีบวิ่งกลับเข้ามาในห้อง ไม่รู้ว่าครั้งนี้ผู้หญิงคนนั้นจะสร้างเรื่องเรียกร้องความสนใจ หรือว่าจะหมดแรงล้มหัวฟาดไปอีก ก็ใครใช้ให้เธอไม่กินข้าวกัน แต่เมื่อทั้งคู่เข้ามาดู กลับเห็นคนไม่เจียมตัวนอนทำท่าประหลาด ๆ อยู่บนเสื่อเ
ตอนที่ 16 ขึ้นเขาในใจไป๋จ้าวเหม่ยอยากจะขึ้นเขาตั้งแต่วันที่ได้รับยาแก้ฟกช้ำจากอู๋ชิงซวนแล้ว ทว่าเธอดูเบาอาการเจ็บปวดของร่างอ้วน ๆ นี่เกินไป เพราะวันต่อมาสะโพกเธอก็เขียวช้ำ ปวดจนแทบจะกระดิกไม่ได้ แผนการขึ้นเขาจึงพับไปก่อนชั่วคราว รอจนกระทั่งวันนี้ในที่สุดสะโพกเธอก็หายปวดแล้ว หลังจากส่งอู๋เหวยไปทำงานเธอก็ไม่รอช้า รีบจัดอาหารใส่ถุงผ้าที่เธอเย็บเอง และอุ้มเด็กน้อยไปที่บ้านย่าสามทันที“ย่าสามคะฉันขอฝากซวนซวนไว้กับย่าสักครึ่งวันได้ไหมคะ”“น้าจะไปไหนเหรอ ให้ฉันไปด้วยสิ” อู๋ชิงซวนก็ว่าแล้ว ทำไมแม่เลี้ยงของเธอจึงพาเธอมาที่บ้านของทวดสาม ที่แท้ก็พาเธอมาฝากเอาไว้ ความจริงไม่ต้องฝาก เธอรออยู่ที่บ้านก็ได้“ฉันจะขึ้นเขาน่ะ”“ขึ้นเขา?” ไม่ใช่เสียงของอู๋ชิงซวนที่ถาม แต่เป็นคำถามที่ฟังดูคล้ายแปลกใจจากปากของหญิงชรา“อาเหม่ยเธอจะขึ้นไปทำอะไรบนเขากัน มันอันตรายนะ หรือว่าเธออยากได้เนื้อ มาแบ่งเอาจากบ้านย่าก็แล้วกัน ยังไงพี่อาอู่ของพวกเธอก็ขึ้นเขาไปล่าสัตว์มาขายประจำอยู่แล้ว” บ้านตระกูลเจียงมีอาชีพเป็นนายพราน ทุกวันจะต้องขึ้นเขาไปล่าสัตว์มาขาย ที่บ้านย่าสามจึงไม่เคยอดอยากกับการกินเนื้อ“ฉันไม่ได้จะไปล่าสัต
ตอนที่ 1 บทนำแสงสีนวลของหลอดไฟส่องลงมาจากเพดานสีขาว ร่างอวบอั๋นนอนบนเตียงขนาดสามฟุตยกมือขึ้นป้องสายตา ดวงตาหงส์หรี่ลง พร้อมกับความเจ็บปวด แล่นปรี๊ดเข้ามาในก้านสมอง เธอนิ่วหน้าลง“โอ๊ย!...ทำไมปวดหัวแบบนี้นะ” ริมฝีปากบางส่งเสียงครางออกมาเบา ๆ มือเล็กยกไปลูบที่ด้านหลังท้ายทอย แต่เมื่อสัมผัสกับผ้าอะไรบางอย่างที่สาก ๆ มือ หญิงสาวก็พลันลืมตาขึ้น ทว่าภาพที่เห็นในสายตากลับทำให้เธอตกใจยิ่งกว่าเดิม“นี่มัน! ฉันบาดเจ็บได้ยังไงกัน” หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบห้องสี่เหลี่ยมสีขาวหม่น สายน้ำเกลือห้อยระโยงระยางจากเสาต่อเข้าแขนของเธอ พร้อมกับหัวที่ปวดตุ๊บ ๆ บ่งบอกได้อย่างเดียวว่าเธอกำลังบาดเจ็บ แต่ทำไมกัน เธอกำลังนั่งตรวจการบ้านเด็กนักเรียนในห้องพักครูอยู่ไม่ใช่เหรอ อยู่ ๆ มานอนให้น้ำเกลือในโรงพยาบาลได้อย่างไร แต่แล้วเสียงเล็ก ๆ ก็ดังขัดความคิดให้สะดุดลง“คนใจร้าย ทำไมเธอถึงตื่นขึ้นมาอีกล่ะ ไหนพ่อบอกว่าเธอตายไปแล้ว ไม่รู้เหรอว่าทุกคนอยากให้เธอตาย ตื่นขึ้นมาทำไม!” เสียงเด็กน้อยทั้งห้วนและทั้งกระด้างเจือไปด้วยความโมโหดังขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด หญิงสาวบนเตียงหันไปมองช้า ๆ ก็เห็นเข้ากับเด็กหญิงตัวน้อย ที่ใบหน
ตอนที่ 2 คนเลวอย่างเธอแม้แต่นรกก็ไม่ต้องการปัง!บานประตูถูกกระชากจนกระแทกเข้ากับผนังห้องจนเกิดเสียงดัง ร่างอวบอั๋นบนเตียงนอนสะดุ้งตื่น พลางกวาดสายตาที่สั่นระริกมองไปรอบ ๆ เสียงรองเท้าหนังกระแทกพื้นเดินเข้ามาหน้าเตียงนอน ใบหน้าหล่อเหลาราวกับพ่อหนุ่มมังกรเทียนเย่า ซีรีส์จีนที่เธอเพิ่งถ่างตาดูจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า ดวงตาเรียวโค้งขึ้นเป็นรูปหัวใจ โรคบ้าดารากำเริบขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่“เทียนเย่า” ริมฝีปากอวบอิ่ม เอ่ยเรียกพร้อมกับดวงตาเปล่งประกายเป็นรูปหัวใจ เทียนเย่าเชียวนะ เสี่ยวโยวของเมีย โอ๊ย!“ไม่มีเทียนเย่า เส่าเย่าอะไรทั้งนั้น ไป๋จ้าวเหม่ยผู้หญิงสารเลวอย่างเธอนี่มันตายยากเหลือเกินนะ แต่ฉันก็เข้าใจ คนเลวอย่างเธอแม้แต่นรกก็ไม่ต้องการ ดังนั้นท่านจึงได้ถีบส่งดวงวิญญาณชั่ว ๆ ของเธอ ให้ฟื้นกลับมาอีกยังไงล่ะ” แต่แล้วคำพูดที่แสนจะระคายเคืองหู ก็บิดเบือนให้ใบหน้าหล่อราวฟ้าประทานพลันดูแสลงตาลงไปทันทีแน่นอนว่าอู๋เหวยเห็นสายตาที่มองเขาอย่างหลงใหลก็พลันรังเกียจ ผู้หญิงสารเลวคนนี้ชอบมองเขาเช่นนี้มาตลอด บ้าผู้ชาย!“เป็นบ้าหรือไง อยู่ ๆ ก็มาอวยพรให้ฉันขนาดนี้ นายเป็นโรคทางสมองเหรอ
ตอนที่ 3 หรือว่าเธอไม่ปากร้ายหลังจากที่อู๋เหวยออกไปแล้ว ไป๋จ้าวเหม่ยก็นอนก่ายหน้าผากมองเพดานสีขาวออกเหลือง บ่งบอกถึงความเก่าแก่ของโรงพยาบาลแห่งนี้ เธอถอนหายใจออกครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่รู้ป่านนี้ร่างกายของเธอจะถูกเผาหรือถูกฝัง ในยุคที่เธอจากมา ประเทศจีนเริ่มรณรงค์ให้มีการเผาศพกันมากขึ้น อาจเพราะพื้นที่มีจำนวนจำกัด แต่ผู้คนก็ยังไม่ยอมรับกันเท่าไรนัก และเธอเองก็ไม่อยากถูกเผาเช่นกัน“เฮ้อ...เอาเถอะจะเผาหรือฝัง ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับฉันอีกแล้ว ฮื้อ...แต่ฉันอยากกลับบ้าน”“อยากกลับบ้านก็ต้องทน ใครใช้ให้น้าอ้วนวิ่งเข้าชนรถพ่อล่ะ รู้ไหมว่าพ่อต้องเสียเงินให้ลุงเยี่ยซานเจ้าของรถ เพื่อซ่อมรอยบุบที่ชนเธอน่ะ แล้วจะบอกอะไรให้ เงินเดือนนี้ของพ่อคงถูกหักหมด เธออย่ามาร้องขอเงินเชียวล่ะ เพราะที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะเธอน้าอ้วน!” เด็กหญิงตัวน้อยนั่งกอดอก เชิดปลายคางขึ้นสูง ปรายตามองลงมาผ่านปลายจมูก ใบหน้าแสดงความรังเกียจแกมปวดใจออกมาไม่รู้ว่าไป๋จ้าวเหม่ยจะตกใจกับเรื่องไหนก่อนดี ระหว่างคำว่าอ้วน หรือระหว่างคำว่า ที่รถบุบเพราะชนเธอ ให้ตายไม่ว่าจะอะไรก็ไม่ดีทั้งนั้น ให้ตายเถอะเธอทะลุมิติมาอยู่ในยุคบ้าอะไรกั
ตอนที่ 16 ขึ้นเขาในใจไป๋จ้าวเหม่ยอยากจะขึ้นเขาตั้งแต่วันที่ได้รับยาแก้ฟกช้ำจากอู๋ชิงซวนแล้ว ทว่าเธอดูเบาอาการเจ็บปวดของร่างอ้วน ๆ นี่เกินไป เพราะวันต่อมาสะโพกเธอก็เขียวช้ำ ปวดจนแทบจะกระดิกไม่ได้ แผนการขึ้นเขาจึงพับไปก่อนชั่วคราว รอจนกระทั่งวันนี้ในที่สุดสะโพกเธอก็หายปวดแล้ว หลังจากส่งอู๋เหวยไปทำงานเธอก็ไม่รอช้า รีบจัดอาหารใส่ถุงผ้าที่เธอเย็บเอง และอุ้มเด็กน้อยไปที่บ้านย่าสามทันที“ย่าสามคะฉันขอฝากซวนซวนไว้กับย่าสักครึ่งวันได้ไหมคะ”“น้าจะไปไหนเหรอ ให้ฉันไปด้วยสิ” อู๋ชิงซวนก็ว่าแล้ว ทำไมแม่เลี้ยงของเธอจึงพาเธอมาที่บ้านของทวดสาม ที่แท้ก็พาเธอมาฝากเอาไว้ ความจริงไม่ต้องฝาก เธอรออยู่ที่บ้านก็ได้“ฉันจะขึ้นเขาน่ะ”“ขึ้นเขา?” ไม่ใช่เสียงของอู๋ชิงซวนที่ถาม แต่เป็นคำถามที่ฟังดูคล้ายแปลกใจจากปากของหญิงชรา“อาเหม่ยเธอจะขึ้นไปทำอะไรบนเขากัน มันอันตรายนะ หรือว่าเธออยากได้เนื้อ มาแบ่งเอาจากบ้านย่าก็แล้วกัน ยังไงพี่อาอู่ของพวกเธอก็ขึ้นเขาไปล่าสัตว์มาขายประจำอยู่แล้ว” บ้านตระกูลเจียงมีอาชีพเป็นนายพราน ทุกวันจะต้องขึ้นเขาไปล่าสัตว์มาขาย ที่บ้านย่าสามจึงไม่เคยอดอยากกับการกินเนื้อ“ฉันไม่ได้จะไปล่าสัต
ตอนที่ 15 ตอบแทนสำหรับชุดสวย ๆไป๋จ้าวเหม่ยรอจนสองพ่อลูกกินอาหารกันเสร็จแล้ว จึงได้เดินออกจากห้องเพื่อมาเก็บโต๊ะ ตอนแรกเธอก็นั่งช่วยคีบอาหารให้กับซวนซวนนั่นแหละ แต่เพราะเธอไม่ได้กินอาหารด้วย ทั้งคู่จึงดูเกร็ง ๆ เพื่อไม่ให้อาหารที่ตั้งใจทำถูกเมิน หญิงสาวจึงเดินเข้าไปในห้อง“น้าอวบ...เอ่อ...น้าไม่ต้องเก็บหรอก”“ฉันกับซวนซวนจะเก็บกันเอง เธอไปพักเถอะ” ไป๋จ้าวเหม่ยพยักหน้าเดินกลับเข้าไปในห้อง เธอเริ่มปูเสื่อเพื่อออกกำลังกายก่อนนอนอีกรอบ อย่างน้อย ๆ ขอสัก 30 นาทีก็ยังดี ทว่าแค่เพียงเริ่มนอนราบกับพื้น ยกเข่าตั้งชัน ยันสะโพกขึ้น เธอก็ต้องนิ่วหน้าร้องโอดโอยเสียงดัง“ให้ตายเถอะ ร่างอ้วน ๆ ร่างนี้ อ่อนแอเกินไปแล้ว ซี้ด”“เธอยังจะทำท่าประหลาด ๆ นั่นอีกเหรอ” เสียงทุ้มติดรำคาญเอ่ยถาม พร้อมกับกอดอกมองหญิงสาวที่นอนราบอย่างหมดสภาพเพราะเสียงร้องของไป๋จ้าวเหม่ยดังออกไปนอกห้อง สองพ่อลูกจึงรีบวิ่งกลับเข้ามาในห้อง ไม่รู้ว่าครั้งนี้ผู้หญิงคนนั้นจะสร้างเรื่องเรียกร้องความสนใจ หรือว่าจะหมดแรงล้มหัวฟาดไปอีก ก็ใครใช้ให้เธอไม่กินข้าวกัน แต่เมื่อทั้งคู่เข้ามาดู กลับเห็นคนไม่เจียมตัวนอนทำท่าประหลาด ๆ อยู่บนเสื่อเ
ตอนที่ 14 คนโง่อย่างอู๋เหวยก็เหมาะกับแม่ดอกบัวเน่าไป๋จ้าวเหม่ยมองชายโง่กับหญิงร่านที่ยืนส่งกันที่หน้าประตูบ้าน สายตาของหลิวชิงฮุยจ้องมองอู๋เหวยราวกับจะกลืนกิน หากกลืนลงท้องได้เจ้าหล่อนก็คงทำไปแล้ว และคนที่ตาไม่บอดก็คงมองเห็น เธอไม่ได้หึงหวง ไหน้ำส้มนางยังปิดสนิทไม่หกออกมาแม้แต่หยดเดียว เหตุผลง่าย ๆ ก็คือข้างในร่างกายนี้เป็นเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่งเท่านั้น ย่อมไม่ได้รู้สึกนึกรักหรือชอบทว่าคำขอของไป๋อ้วน ที่ขอให้เธอทำให้อู๋เหวยหันมามองหันมารักเธอบ้าง ถือว่าตอบแทนกายเนื้อร่างนี้ เท่านี้ก็พอแล้ว ความจริงไป๋จ้าวเหม่ยจะไม่สนใจเลยก็ได้ แต่นั่นเป็นคำขอสุดท้ายของคนตายเชียวนะ อย่างไรก็ถือว่าคำขอสุดท้ายแลกกับร่างกาย ยังไงก็คุ้ม แต่ปัญหาคือเธอจะทำให้ไอ้หมาบ้าหน้าเดียวนั่นรักได้อย่างไร“น้าอวบ...น้าไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ” อู๋ชิงซวนทำหน้าแหยง ๆ เหลือบตามองไปยังสะโพกอวบที่ถูกคนเป็นเจ้าของยกมือขึ้นลูบไม่หยุด ก็ตกมาแรงขนาดนั้นจะไม่เจ็บได้อย่างไร น้าอวบก็นะ ทำไมชอบประชดชีวิตด้วยวิธีไร้สาระ รู้ทั้งรู้ว่าพ่อไม่ชอบ ก็ยังจะทำอีก ไม่รู้สึกเจ็บบ้างหรือยังไง“ยังไหวน่ะ ซวนซวนเธออยากกินอะไร เดี๋ยวฉันจะทำให้กิน
ตอนที่ 13 โยคะฟลาย ไม่ใช่ฆ่าตัวตาย!ไป๋จ้าวเหม่ยตื่นสายกว่าทุกวัน สารภาพว่าเมื่อคืนเธอนอนไม่ค่อยหลับเลยด้วยซ้ำ ตอนแรกก็นับแกะอยู่ดี ๆ แต่เผลอแป๊บเดียวจากที่นับแกะ ก็กลายเป็นด่ากราดไอ้หมาบ้าอู๋เหวยไปพันกว่ารอบ รอบที่พันหนึ่งร้อยสิบเอ็ดจึงได้หลับไปในที่สุดหญิงสาวสะบัดตัวลุกจากที่นอน เธอพับผ้าห่มเอาไว้ปลายเตียง แล้วจึงเดินไปเทน้ำในอุณหภูมิห้องดื่มไปก่อนหนึ่งแก้ว จากนั้นก็ยืดเส้นยืดสาย บิดตัวออกกำลังกายเบา ๆ เหมือนเช่นทุกเช้าราวสักสิบห้านาทีพอได้เหงื่อ ก็ออกไปข้างนอก แต่เมื่อเปิดประตูออกมา ภายในบ้านกลับว่างเปล่า ไร้เงาของสองพ่อลูกอยู่ในนี้ เธอเดินออกไปชะโงกหน้าดูที่ร้านซ่อมรถ ก็ไร้เงาของทั้งคู่เช่นกัน“ไปไหนกันนะ” หญิงสาวขมวดคิ้วเดินหารอบบ้านไม่เจอ ก็ล้มเลิกความตั้งใจจะหาอีก“ไปไหนก็ช่าง” ไป๋จ้าวเหม่ยยักไหล่ขึ้น คว้าผ้าเช็ดตัวเดินไปอาบน้ำด้านหลัง อาบน้ำเช้า ๆ จะทำให้ร่างกายตื่นตัวกระปรี้กระเปร่า สมองปลอดโปร่งอีกด้วย แต่หลายคนก็ไม่ชอบอาบน้ำสักเท่าไรนัก ทว่าเธอติดนิสัยต้องอาบน้ำเช้าเย็น เพราะชาติก่อนเธอเป็นครู จะให้ตัวเหม็น ๆ ไปสอนเด็กก็ไม่ได้อาบน้ำเสร็จ ร่างอวบอ้วนก็ไปทำอาหารเช้ากินง่าย
ตอนที่ 12 หัดเรียนพินอินตั้งแต่มีไฟฟ้าบ้านสกุลอู๋ก็นับว่าสะดวกสบายขึ้น ไม่ต้องหุงข้าวกับเตาถ่าน แต่กระนั้นการทำอาหารก็ยังทำกับเตาไม้ฟืนอยู่ดี รอเธอหาเงินได้สักก้อนจะต้องไปซื้อเตาแก๊สมาใช้ ทีวี ตู้เย็น ก็ต้องซื้อให้หมด เครื่องใช้ไฟฟ้า สำหรับคนที่นี่อาจจะไม่จำเป็น แต่สำหรับเธอจำเป็นเหลือเกิน เธอไม่ชินกับการใช้ชีวิตแบบนี้“น้าอวบนอนหรือยังคะ” ไป๋จ้าวเหม่ยวางชุดกระโปรงที่กำลังตัดเย็บไว้บนโต๊ะ เงยหน้ามองเด็กน้อยที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เกาะประตูไม่ยอมเข้ามาในห้อง เห็นดังนั้นหญิงสาวก็พลันใจอ่อนยวบ กวักมือเรียกให้เข้ามาในห้อง“เข้ามาข้างในสิ ไปยืนทำไมตรงนั้นล่ะ” อู๋ชิงซวนเดินเข้ามานั่งลงตรงข้าม ดวงตาเรียวเล็กแดงช้ำ เหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้ออกมา“อ้าวซวนซวนหนูร้องไห้เหรอ เกิดอะไรขึ้น”“ฮื้อ...ฉันคิดถึงพ่อ เมื่อไรพ่อจะกลับมาสักที ฮื้อ ๆ” โธ่เอ๊ย...เธอก็นึกว่าเรื่องอะไร ที่ไหนได้เด็กน้อยติดพ่อนี่เอง“เมื่อเช้าพ่อเธอก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะกลับดึก วันนี้เป็นวันสิ้นเดือน เขาต้องรอรับเงินเดือน และก็คูปองเสียก่อน แต่ดู ๆ แล้วไม่นานก็น่าจะกลับมาแล้วละ เธอนอนกับฉันในห้องก่อนก็แล้วกัน”“ไม่เอาฉันจะร
ตอนที่ 11 พิลาทิสวันนี้เป็นวันแรกที่บ้านสกุลอู๋มีแสงสว่าง ทว่าหลอดไฟที่ถูกปล่อยทิ้งไว้นาน ไส้ในหลอดไฟก็ไม่ค่อยจะดีแล้ว แสงที่ส่องออกมาไม่สว่างจ้า มันดูขมุกขมัว แต่กระนั้นก็ดีกว่าตะเกียงน้ำมันอยู่มาก“น้าอวบพวกเราต่อไฟให้ลูกไก่ด้วยดีหรือเปล่าคะ”“ไม่ดี...กลางคืนไก่มันนอน มันต้องการความมืด เช่นเดียวกับพวกเรา อีกเดี๋ยวก็ต้องปิดไฟนอนแล้ว”อู๋ชิงซวนถอนหายใจใบหน้าสลดลง เด็กหญิงจำใจต้องพยักหน้าช้า ๆ และเดินออกจากห้องนอนของไป๋จ้าวเหม่ยด้วยความไม่เต็มใจ ในเมื่อบ้านเธอมีไฟแล้ว ทำไมเปิดให้เสี่ยวจงกับเสี่ยวถิงไม่ได้อู๋เหวยเห็นลูกสาวทำหน้าม่อยเพราะไม่ได้เปิดไฟให้ไก่ ก็ไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่ก็ว่าไม่ได้เพราะนี่เป็นสัตว์เลี้ยงตัวแรกของซวนซวน เพราะเมื่อก่อนไป๋จ้าวเหม่ยไม่ยอมให้เด็กน้อยเลี้ยงสัตว์ เพราะเธอบอกว่ามันสิ้นเปลือง ต่อให้เขาหาลูกหมาลูกแมวมาให้ซวนซวน ทว่าหญิงสาวก็เอาไปปล่อยอยู่ดี“ซวนซวนมานอนได้แล้วลูก วันนี้พ่อจะเล่านิทานเรื่องอะไรให้ซวนซวนฟังดีนะ หนูอยากฟังเรื่องอะไรครับ”“เรื่องอะไรก็ได้ค่ะ” ในใจเด็กน้อยตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่นิทานของพ่อเลย แต่เธอกำลังเป็นห่วงลูกไก่สองตัวที่แ
ตอนที่ 10 ตรวจสายตา“พ่อคะ พ่อคะ” อู๋ชิงซวนตะโกนเรียกพ่อของเธอดังลั่น น้ำเสียงนั้นฟังดูทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ เสียงเธอดังก่อนที่ตัวเธอจะโผล่มาเสียอีก“หืม...ดูเหมือนซวนซวนของพ่อจะดีใจนะ อะไรทำให้หนูดีใจได้ขนาดนั้นกันคะลูก”“ก็นี่อย่างไรล่ะคะ พ่อแอบซื้อมาเหรอคะ ทำไมเมื่อวานไม่เอามาให้หนูนะ ฮื้อ...ลูกอมกระต่ายขาว หนูรักพ่อที่สุดเลยค่ะ ตอนนั้นพี่ชิงฮุยเคยเอามาให้กิน แต่แค่เม็ดเดียวเอง หนูยังจำได้เลย ตอนที่นมละลายในปากมันอร่อยมากแค่ไหน โอ้วนั่นแค่เม็ดเดียว แต่นี่ทั้งถุง ให้ตายเถอะหนูตื่นเต้นไม่ไหวแล้ว”อู๋ชิงซวนกอดห่อลูกอมยอดฮิตไว้แนบอก ใบหน้าเด็กหญิงแสดงออกถึงความดีใจเป็นอย่างมาก อู๋เหวยยิ้มกว้างออกมา ทว่าในใจกลับเจ็บปวดไปทั้งใจ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้เลยว่าลูกสาวชอบกินอะไร เขาไม่เคยซื้อของพวกนี้ให้ลูกกิน เพราะว่ามันไม่อิ่มท้องของที่เขาซื้อมักจะเป็นขนมโก๋ กินชิ้นเดียวก็อิ่มไปทั้งวัน และไม่ใช่ว่าจะซื้อมาบ่อย ๆ นาน ๆ ครั้งซวนซวนถึงจะได้กิน เพราะเขาไม่มีเงิน ทั้งเงินหยวนทั้งคูปอง ทุกครั้งไป๋จ้าวเหม่ยก็จะบังคับเอาไปจนหมด“พ่อคะพ่อรู้หรือเปล่า เปลือกห่อมันทำมาจากข้าว เรากินมันได้ด้วยนะคะ นี่ค่ะ
ตอนที่ 9 คิดว่าหนีกลับบ้าน“ทวดสามท่านมาอยู่กับอาสะใภ้อู๋นี่เอง แม่ให้ฉันมาตามทวดกลับไปกินข้าว”“ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้วเหรอ ตายจริงฉันรั้งย่าสามเอาไว้เสียตั้งนาน” หากเจินเจินเรียกทวด เช่นนั้นหญิงชราก็คงเป็นย่าของอู๋เหวยกระมัง“เฮ้อ...วันนี้ได้พูดคุยกับอาเหม่ยย่าก็สบายใจขึ้นมาก ดูเหมือนเจ็บป่วยไปครั้งนี้ อาเหม่ยของพวกเราจะรู้ความขึ้นตั้งเยอะแน่ะ ฮ่า ๆ ดีจริง ๆ วิญญาณน้องชายในปรโลกก็คงวางใจได้แล้ว หลานสะใภ้ที่ตัวเองเลือกเปลี่ยนนิสัย ไม่ถือโทษโกรธคนรุ่นเก่าอีก เอาละ ๆ ย่าสามกลับบ้านก่อน เย็นนี้ก็อย่าลืมมาหุงข้าวที่บ้านล่ะ”“เฮ้อ...เมื่อไรอาสะใภ้อู๋จะไปจ่ายค่าไฟ ไม่รู้หรือไงว่าใช้ไฟบ้านคนอื่นมันน่ารังเกียจ”“เจินเจินหุบปาก!” เด็กหญิงเจินเจินเบ้ปากคว่ำหน้าลง ทว่าสายตาที่เหลือบขึ้นมามองไป๋จ้าวเหม่ยก็ดูไม่เป็นมิตรนัก แต่จะทำอย่างไรได้ ร่างเก่าสร้างเรื่องเอาไว้ขนาดนี้ แม้แต่เด็กน้อยยังเกลียดเธอเลยคิดดูเอาเองเถอะ เฮ้อ...“อย่าว่าเสี่ยวเจินเลยค่ะ เด็กเขาไร้เดียงสาคิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น แต่ย่าสามคะฉันต้องขอบคุณที่ย่าเป็นห่วงฉัน เงินเดือนของอาเหวยเดือนที่แล้ว ฉันยังไม่ได้ส่งให้แม่เลย เดี๋ยววัน
ตอนที่ 8 บุญคุณความแค้น“น้าวันนี้ไม่ใช่บอกว่า เราจะสร้างคอกไก่กันหรอกหรือ” ตั้งแต่ส่งคนเป็นพ่อออกไปทำงาน อู๋ชิงซวนก็กลับมานั่งรออยู่นาน ก็ไม่เห็นว่าแม่เลี้ยงจะออกจากห้อง เธอจึงเปิดประตูเดินเข้าไปมอง ทว่าเมื่อเห็นแล้วก็ต้องขมวดคิ้วไม่พอใจ“น้าผิดนัดฉันเพื่อมานอนอ่านนิตยสารเท่านั้นเองเหรอ” เด็กหญิงยกมือกอดอกเชิดหน้า ทำแก้มป่อง ท่าทางของเธอไม่ได้ดูน่ากลัว แต่กลับดูน่ารักเป็นอย่างมากในสายตาของไป๋จ้าวเหม่ย“ใช่แล้วฉันผิดนัด เพราะฉันไม่พอใจ หนูน้อยฉันไม่ชอบที่เธอทำตัวเหมือนจิ้งจก เปลี่ยนสีไปเปลี่ยนสีมา ความจริงเธอฉลาดเลือกก็ดีแล้ว ทั้งยังอยู่เป็นฉันไม่ว่า แต่สำหรับฉัน การกระทำของเธอมันไม่น่ารัก” ไป๋จ้าวเหม่ยวางนิตยสารในมือลง ขยับตัวมานั่งและชี้นิ้วไปที่เก้าอี้ตรงหน้า“มานั่งคุยกันตรงนี้ก่อน” อู๋ชิงซวนเดินมานั่งอย่างไม่เต็มใจ ทว่าไป๋จ้าวเหม่ยไม่สนใจแม้แต่น้อยความจริงเธอไม่ได้โกรธเด็กน้อยเลย ทว่าเธอแค่ไม่อยากให้เด็กคนนี้โตไปมีนิสัยกลับกลอกอย่างนี้ แต่ลึก ๆ แล้วก็รู้ว่า ที่อู๋ชิงซวนเป็นแบบนี้เพราะเธอ อยู่กับเธอเด็กย่อมไม่กล้าดื้อ แต่เมื่ออยู่กับพ่อของตัวเอง ในใจเด็กรู้ดีว่า พ่อคอยโอ๋ทำอะไรพ่