วันนี้เป็นวันแรกที่บ้านสกุลอู๋มีแสงสว่าง ทว่าหลอดไฟที่ถูกปล่อยทิ้งไว้นาน ไส้ในหลอดไฟก็ไม่ค่อยจะดีแล้ว แสงที่ส่องออกมาไม่สว่างจ้า มันดูขมุกขมัว แต่กระนั้นก็ดีกว่าตะเกียงน้ำมันอยู่มาก
“น้าอวบพวกเราต่อไฟให้ลูกไก่ด้วยดีหรือเปล่าคะ”
“ไม่ดี...กลางคืนไก่มันนอน มันต้องการความมืด เช่นเดียวกับพวกเรา อีกเดี๋ยวก็ต้องปิดไฟนอนแล้ว”
อู๋ชิงซวนถอนหายใจใบหน้าสลดลง เด็กหญิงจำใจต้องพยักหน้าช้า ๆ และเดินออกจากห้องนอนของไป๋จ้าวเหม่ยด้วยความไม่เต็มใจ ในเมื่อบ้านเธอมีไฟแล้ว ทำไมเปิดให้เสี่ยวจงกับเสี่ยวถิงไม่ได้
อู๋เหวยเห็นลูกสาวทำหน้าม่อยเพราะไม่ได้เปิดไฟให้ไก่ ก็ไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่ก็ว่าไม่ได้เพราะนี่เป็นสัตว์เลี้ยงตัวแรกของซวนซวน เพราะเมื่อก่อนไป๋จ้าวเหม่ยไม่ยอมให้เด็กน้อยเลี้ยงสัตว์ เพราะเธอบอกว่ามันสิ้นเปลือง ต่อให้เขาหาลูกหมาลูกแมวมาให้ซวนซวน ทว่าหญิงสาวก็เอาไปปล่อยอยู่ดี
“ซวนซวนมานอนได้แล้วลูก วันนี้พ่อจะเล่านิทานเรื่องอะไรให้ซวนซวนฟังดีนะ หนูอยากฟังเรื่องอะไรครับ”
“เรื่องอะไรก็ได้ค่ะ” ในใจเด็กน้อยตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่นิทานของพ่อเลย แต่เธอกำลังเป็นห่วงลูกไก่สองตัวที่แยกตัวออกไปอยู่ข้างนอกนั่นต่างหาก
“ถ้าอย่างนั้นพ่อจะเล่าเรื่องคนโง่เขลามักจะคิดว่าตนเองเฉลียวฉลาดก็แล้วกัน” อู๋เหวยอุ้มเด็กน้อยขึ้นมานอนบนเตียง แล้วจึงเดินไปปิดไฟ ก่อนจะเดินกลับมาที่เตียงถอดรองเท้าขึ้นไปนอนข้าง ๆ รั้งศีรษะมาหนุนที่แขนตนเอง ดึงผ้าขึ้นมาห่ม
“ที่หมู่บ้านผิงอานมีชายคนหนึ่ง เขามีนิสัยหยิ่งผยอง เขามักจะเที่ยวสั่งสอนคนอื่นไปทั่ว บางครั้งเห็นใครทำอะไรก็จะเข้าไปชี้นิ้วสั่ง บอกให้ทำอย่างนั้น ทำอย่างนี้ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่มีความรู้ในเรื่องนั้นเลย เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเพื่อนบ้านต่างก็หัวเราะเยาะว่าเขาเป็นคนโง่เขลา จนวันหนึ่งเขาเห็นเพื่อนบ้านกำลังล่ามวัวเอาไว้กับต้นไม้ เขารีบเดินไปสอนเลยว่า”
อู๋เหวยดัดเสียงให้ทุ้ม แล้วจึงเลียนเสียงของตัวละครออกไป
‘นี่เจ้าไม่รู้หรือว่า วัวถ้าล่ามมันเอาไว้ มันจะไม่ให้นมแก่เจ้า เจ้าต้องปล่อยให้มันเป็นอิสระ’ เด็กเลี้ยงวัวก็ถามว่า
‘ถ้าปล่อยมันจะไม่หนีไปหรือ’ ชายโง่ก็บอกว่า ‘จะยากอะไร เจ้าก็ขึ้นไปนั่งบนหลังมันสิ’ เด็กคนนั้นก็เชื่อฟัง ขึ้นไปนั่งบนหลังวัว แม่วัวเห็นว่าไม่ถูกล่ามเอาไว้ก็ดีใจมาก วิ่งหนีเข้าไปในป่า เด็กที่นั่งบนหลังก็ร้องไห้เสียงดัง ชายคนโง่ก็วิ่งตาม ตะโกนร้องว่า ‘ข้าไม่ได้สอนให้เขาขึ้นไปนั่งบนหลังวัวนะ ข้าไม่ได้สอน’
ต่อมาชาวบ้านช่วยกันจับวัวได้ ก็สืบความจึงรู้ว่าเป็นชายโง่ที่สอนเรื่องผิด ๆ แก่เด็กน้อย ผู้คนรอบตัวโกรธมาก หากพลาดเพียงนิด ชีวิตเด็กผู้นั้นก็หาไม่แล้ว ชาวบ้านต่างประณามที่เขาโง่แล้วไม่เจียมตัว สร้างความอับอายให้แก่ชายผู้นั้นเป็นอย่างมาก จนเขาไม่กล้าออกมาพบปะผู้ใดอีกเลย” เล่าจบอู๋ชิงซวนก็ส่งเสียงฮึดฮัดขึ้นมา
“หึ...ชายคนโง่อวดฉลาดนัก ไม่รู้จริงก็เที่ยวไปสอนคนอื่น แล้วคนที่เชื่อก็โง่กว่าอีก พ่อคิดเหมือนกันหรือเปล่าคะ”
“ใช่แล้ว แล้วซวนซวนรู้ไหมทำอย่างไรเราถึงจะไม่โง่เหมือนสองพี่น้องคู่นั้น”
“ทำอย่างไรคะ” เด็กน้อยเอียงคอถาม
“ไม่ยากเลย ถ้าเราไม่อยากโง่ก็ต้องเรียนหนังสือ เดี๋ยวหนูอายุแปดปีแล้วพ่อจะพาไปสมัครเรียนที่ในอำเภอ แต่ตอนนี้ลูกก็ต้องเขียนอักษรที่พ่อเขียนไว้เป็นแบบอย่าง เข้าใจไหมคะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
ไป๋จ้าวเหม่ยได้ยินเสียงพ่อกับลูกคุยกัน เธอยิ้มออกมา รับรู้ได้ถึงความรักที่อู๋เหวยมีให้กับลูกสาว จะว่าไปก็ไม่แปลกหรอก ในเมื่อสองพ่อลูกต่างก็มีเพียงกันและกัน สกุลจางญาติฝ่ายแม่ของซวนซวน ประกาศตัดขาดกับสกุลอู๋ เพราะว่าอู๋เหวยกับร่างเดิมมีความสัมพันธ์กัน ในวันทำบุญใหญ่ให้จางชิงเหยา ดังนั้นจึงไม่สนใจเด็กน้อยอีก
“เอาละนิทานจบแล้ว เด็กดีของพ่อต้องนอนแล้วค่ะ” อู๋เหวยยกมือขึ้นตบแผ่นหลังเบา ๆ เพียงครู่เดียวก็ได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ เขาจึงหลับตาลงไปบ้าง กำลังจะหลับก็พลันได้ยินเสียงดังจากในห้องเสียก่อน
โครม!
“โอ๊ย!...ให้ตายเถอะ” เสียงกุกกักและเสียงเหมือนอะไรสักอย่างกระแทกพื้น ตามมาด้วยเสียงร้องของไป๋จ้าวเหม่ย
ตอนแรกอู๋เหวยก็ไม่คิดจะสนใจ ทว่านึกถึงขนม ลูกอม และคอกไก่ของซวนซวนแล้ว เขาก็จำใจต้องลุกออกจากเตียงเดินเข้าไปดู แต่เมื่อเข้ามาในห้อง เขาก็ต้องเบิกตาขึ้น
“นะ...นั่นเธอกำลังทำอะไรอยู่” ไป๋จ้าวเหม่ยกำลังอยู่ในท่านอนคว่ำ กางมือจ้วงออกไป ขาทั้งสองข้างเหยียดตรง ทว่าข้างขวายกสูงขึ้นจากพื้น ดูอย่างไรก็ท่าว่ายน้ำ แต่คนปกติที่ไหนจะว่ายน้ำบนบก!
“ธะ...เธอกำลังว่ายน้ำ ไม่ใช่สิ ว่ายบกบนเสื่อ บ้าไปแล้ว หัวเธอกระแทกหินจนสมองกระทบกระเทือนใช่หรือเหล่า หรือว่าเธอจะกลับไปหาหมออีกครั้ง”
“ไม่ไป! ไม่ใช่นายเป็นคนบอกเองหรอกหรือว่า ไม่ให้ฉันตรวจแล้ว เพราะนายไม่มีเงินพาฉันไปหาหมอในเมือง”
“ตะ...แต่เธอกำลังว่ายน้ำ หรือเธออยากว่ายน้ำ ไป๋จ้าวเหม่ยเธอยังดีอยู่หรือเปล่า”
“ฉันดีอยู่ย่ะ และฉันก็ไม่ได้ว่ายน้ำว่ายบกอะไรของนาย ฉันแค่ออกกำลังกายเท่านั้นเอง[1] นายอย่าสนใจเลย ไปนอนเถอะเดี๋ยวฉันปิดไฟเอง” พูดจบก็ลุกขึ้นนั่งบนเสื่อ เธอชันเข่าตั้งฉาก ยื่นแขนสอดไปที่หว่างขาเลื่อนไปจับที่ข้อเท้าเอาไว้ให้แน่น และเอนตัวไปข้างหลัง ไหล่แตะพื้น หัวเข่าแตะหน้าผาก ปลายเท้ายื่นออกไปตรงหน้าชายหนุ่ม[2]
อู๋เหวยขยับถอยหลัง มองท่าทางประหลาด ๆ กำลังจะร้องทัก ก็เห็นร่างอ้วน ๆ ล้มกลิ้งไปด้านข้าง ไป๋จ้าวเหม่ยโอดครวญออกมาหนึ่งคำ แต่ก็ลุกขึ้นมาทำใหม่ เขาอ้าปากมองค้าง ครั้นได้รับสายตาไม่พอใจมองมา ก็รีบกระแทกประตูปิด และเดินไปล้มตัวนอนบนที่นอนเหมือนเดิม
เช้าวันต่อมา ไป๋จ้าวเหม่ยก็ลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าเหมือนเช่นทุกวัน วันนี้อู๋เหวยต้องกลับไปทำงานแล้ว เขาจึงตื่นมานั่งกินอาหาร พร้อมกับมองหญิงสาวด้วยสายตาแปลกประหลาด
ทว่าไป๋จ้าวเหม่ยไม่มีเวลาสนใจหรอก ตอนนี้เธออยากคิดหาวิธีเปลี่ยนนิสัยลูกเลี้ยงก็เท่านั้น และอีกอย่างเธอก็ไม่รู้จะอธิบายให้เขารู้ได้อย่างไร ในยุค 80 นี้ การออกกำลังกายที่เรียกว่าพิลาทิส แบบที่เธอทำ มันยังไม่มี ดังนั้นเธอจึงแสร้งทำเป็นไม่เห็นสายตาประหลาด ๆ ที่มองมาเสีย ไม่รู้ไม่เห็น ก็ไม่ต้องอธิบายให้ยุ่งยาก
“ตอนเย็นพ่อจะเอาอาหารเย็นกลับมาให้ซวนซวนนะ ถ้าหนูเบื่อไปเล่นกับเจินเจินรอพ่อเลิกงานกลับมาจะไปรับ แต่อย่าไปบ้านพี่ชิงฮุยก็พอ”
“ทำไมล่ะคะ” ปกติหลิวชิงฮุยก็มักจะมาพาซวนซวนไปเล่นที่บ้านเป็นประจำ
หลิวชิงฮุยเป็นลูกสาวของหัวหน้าหมู่บ้านหลิว ทว่าบ้านของทั้งคู่อยู่ไกลกันพอสมควร บ้านผู้นำหลิวอยู่ทิศเหนือ ส่วนบ้านสกุลอู๋อยู่ทางทิศตะวันออก
“ป้าพี่ชิงฮุยมาจากเซี่ยงไฮ้ เราไม่ควรไปบ้านเขาในช่วงนี้ เขาต้องการเวลาส่วนตัวน่ะ” ความจริงไม่ว่าญาติสกุลหลิวจะมาหรือไม่มา อู๋เหวยก็ไม่อยากให้ลูกสาวไปยุ่งวุ่นวายมากนัก เพราะไม่อยากให้ชาวบ้านเอาไปนินทากันผิด ๆ
“อ้อ...หนูเข้าใจแล้วค่ะ หนูจะอยู่บ้านกับน้าอวบ”
อู๋เหวยมองไปทางไป๋จ้าวเหม่ย เห็นว่าหญิงสาวมีสีหน้าปกติ ไม่ได้ดูไม่พอใจ ก็ผงกหัวขึ้น และโน้มตัวไปจูบที่หน้าผากลูกสาว ก่อนจะขี่จักรยานออกไปทำงานเหมือนเช่นทุกวัน
[1] พิลาทิสท่าที่ 1 : Swimming
[2] พิลาทิสท่าที่ 2 : Seal
ตอนที่ 26 สมุนไพรแพงขนาดนี้เลยเหรอไป๋จ้าวเหม่ยเปิดถุงกระดาษหยิบชุดที่หลิวชิงฮุยซื้อมาฝากซวนซวน เมื่อตอนเย็นแม่ดอกบัวขาวใต้ตมพยายามจะชวนเด็กน้อยคุยเล่น ทว่าซวนซวนก็ไม่ได้สนใจเท่าที่ควร เธอเอาเวลาไปคัดแยกพุทราจีนที่เก็บมาจากบนเขา พรุ่งนี้พ่อของเธอจะเอาไปขายให้หลิวชิงฮุยเห็นว่าเด็กน้อยไม่สนใจ จึงได้กลับไปอย่างพ่ายแพ้“ซวนซวนหนูมาดูชุดที่พี่ชิงฮุยซื้อมาฝาก สวยดีนะ ว้าวชุดนี้เหมือนชุดกะลาสีเรือเลย”“อะไรคือกะลาสีเรือคะ” เด็กน้อยละสายตาจากแบบฝึกหัดที่กำลังเขียนอยู่ หันมาเอียงคอถามตอนนี้เด็กน้อยไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับชุดใหม่อีกแล้ว อาจเป็นเพราะแม่เลี้ยงของเธอตัดให้จนครบเจ็ดวัน ไหนจะมีชุดที่เอาไว้ใส่ไปข้างนอก ชุดนอน ชุดใส่เล่น เต็มไปหมด อะไรที่ได้มามากพอก็ทำให้เธอหมดความสนใจ อีกอย่างชุดที่แม่เธอตัดก็สวยกว่าชุดที่วางขายมาก“ก็นี่ยังไงชุดที่มีคอปกข้างหลัง ชอบไหม ว่าไม่ได้หลิวชิงฮุยซื้อของดีมาให้เชียวนะ ผ้านุ่มเชียวใส่สบายตัวเลยละ”“ชอบค่ะ แต่ชอบชุดที่แม่ตัดเย็บให้มากกว่า เหมือนชุดนี้ไง ชุดนอนของหนู พ่อคะพ่อเห็นด้วยหรือเปล่า ชุดนอนที่แม่ทำสวยกว่าอีกเนอะ” อู๋ชิงซวนหมุนตัวหนึ่งรอบ ให้ดูชุดนอนก
ตอนที่ 25 สงสัยไป๋จ้าวเหม่ยพลาดไปแล้ว เธอพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย ลืมไปได้อย่างไรว่าเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว เธอมองท้องฟ้าที่สายฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย“เธอจะให้ฉันเอาสมุนไพรไปขายให้หรือเปล่า แต่เอาไปแบบไม่ตากแห้งมันจะขายได้ไหม ถ้าขายไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เราเก็บเอาไว้ก่อน อบกับไฟก็แห้งเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”“แบบสดมันก็ขายได้ ฉันไม่แน่ใจว่าราคามันจะดีเหมือนแห้งหรือเปล่าน่ะสิ” บอกตรง ๆ เรื่องราคาของ หรือค่าเงินในยุคนี้เธอไม่ค่อยรู้เลยด้วยซ้ำ ดูอย่างที่ว่าทุกอย่างในยุคนี้ ราคาถูก เต้าหู้ก้อนหนึ่งแค่หนึ่งเหมาเท่านั้น ผ้าสวย ๆ หนึ่งพับแค่หนึ่งหยวน แต่!...มันกลับแพงยิ่งกว่าในยุคของเธอเสียอีก อาจเพราะค่าเงินมันไม่เท่ากันกระมัง“จะดีไม่ดียังไงก็ต้องขายไม่ใช่เหรอ เอาไว้หมดหน้าฝน ฉันจะขึ้นไปเก็บสมุนไพรพวกนี้ให้เธอเอง ถึงตอนนั้นเธอก็จะได้เงินเท่าเดิมแล้ว”ไป๋จ้าวเหม่ยพยักหน้าแกน ๆ ยังไงก็ต้องทำตามที่อู๋เหวยบอกนั่นแหละ เพราะนี่ก็สองวันแล้ว หากไม่รีบขายสมุนไพรของเธอก็คงจะเหี่ยวหมดราคาแน่ ๆ เห็ดหลินจือเธอสามารถเก็บเอาไว้ขายทีหลังได้ แต่โสมคนกับโสมซานซีและสมุนไพรอื่น ๆ คงต้องขายออกไป รวมทั้งพุทราแห้งด้ว
ตอนที่ 24 ออกตามหากว่าจะปลอบให้เด็กน้อยหยุดร้องไห้ ร่างอวบ ๆ ของเธอก็หนาวสั่น เธอรีบล้วงเข้าไปในตะกร้าสมุนไพร หยิบกลักไม้ขีดออกมา รวบเศษกิ่งไม้ใบไม้แห้ง ๆ ที่ถูกลมปลิวพัดมากระจุกอยู่ในถ้ำ และจุดไฟให้ความอบอุ่น“ซวนซวนหนูใส่เสื้อทับด้วยหรือเปล่าจ๊ะ”“ใส่ค่ะ”“ดีเลย ตอนนี้หนูถอดเสื้อผ้าออกมาก่อน เหลือเพียงแค่กางเกงชั้นในและเสื้อกล้ามก็พอ เอาออกมาอังไฟให้แห้งก่อน” อู๋ชิงซวนรีบถอดชุดออกมา รวมทั้งถุงเท้ารองเท้าทั้งหมด กางเกงในของเด็กน้อยเป็นทรงสามเหลี่ยม ที่แม่เลี้ยงตัดเย็บให้ และเสื้อกล้ามก็เป็นเสื้อที่ปิดถึงแค่เหนือสะดือ แต่เพราะที่นี่มีเพียงเธอสองคน เด็กหญิงจึงไม่อาย“รอน้าอยู่ตรงนี้แป๊บเดียว น้าจะไปเอากิ่งไม้ ถึงจะเปียกแต่ก็ดีกว่าไม่มีเลย” กำลังจะก้าวขาออกไป ทว่ามือเล็กก็ดึงเอาไว้ก่อน“น้าไปตรงนี้เอง หนูนั่งมองออกไปก็เห็น”“ไม่ใช่น้า” เด็กหญิงทำปากยู่ราวกับเป็ดตัวน้อยแสนงอนอย่างนั้น ไป๋จ้าวเหม่ยหลุดขำออกมา พลางยื่นมือไปบีบปากแหลม ๆ นั่น“เอาละ ๆ แม่ผิดไปแล้ว ต้องโทษที่แม่สมองไม่ดี ทำให้ลืมเสียได้ ซวนซวนน้อยไม่โกรธแม่นะคะลูก”“ไม่โกรธค่ะ แม่รีบไปรีบมานะคะ หนูนั่งผิงไฟตรงนี้ แต่แม่ถอดเส
ตอนที่ 23 ติดถ้ำเปรี้ยง! เสียงสายฟ้าร้องลั่นสั่นสะเทือน สายฝนกระหน่ำลงมาราวกับฟ้าถล่ม หญิงสาวโหนตัวอยู่ที่บนหน้าผา เธอกัดฟันปีนขึ้นไป แต่เพราะน้ำฝนที่สาดลงมาทำให้มือที่เกาะลื่น ร่างอวบร่วงพรืดลงไป มือเล็กรีบจิกเล็บลงที่ซอกหิน จนเล็บหักสิบนิ้วสื่อถึงหัวใจ ทว่าความเจ็บปวดไม่เท่ากับความหวาดกลัว คนตายมาแล้วหนึ่งครั้ง ย่อมไม่อยากตายอีก และที่สำคัญซวนซวนอยู่คนเดียว! ไม่รู้เด็กคนนั้นจะกลัวแค่ไหน ป่านนี้ไม่ใช่ร้องไห้ขี้มูกโป่งไปแล้วเหรอ“ฉันก็ว่าแล้ว โชคดีมันจะมาง่าย ๆ ได้ยังไง ได้โสมได้เห็ด แต่เกือบตกเขา ไม่ได้ฉันจะตายไม่ได้ซวนซวนรออยู่” เธอจะบ่นออกมาไม่ได้ ใบหูแว่วได้ยินเสียงร้องของเด็กน้อย ถึงจะรู้ว่าตอนนี้คงเป็นจิตใจเธอที่ปรุงแต่งไปเอง แต่กระนั้นพอได้คิดว่าเจ้าตัวเล็กนั่นกำลังร้องไห้ เธอก็ยิ่งจิกเล็บเข้าไปในซอกหิน กัดฟันปีนป่ายขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ดีที่ครั้งนี้เธอเลือกลงเขาด้านที่มีหน้าผาบังลม หากลงที่เดิมเธอคงตกตายไปแล้วไป๋จ้าวเหม่ยรีบวิ่งไปแกะเชือกที่มัดกับต้นไม้ใหญ่ จากนั้นก็วิ่งไปหาอู๋ชิงซวนที่ถ้ำหิน ริมฝีปากก็ตะโกนร้องบอกว่า “ซวนซวนน้ามาแล้ว” ไปตลอดทางทางด้านอู๋ชิงซวนหลังจากที่ฝ
ตอนที่ 22 ความคิดของอู๋เหวยวันนี้ก็เหมือนเช่นทุกวัน สองหญิงสาวเดินออกมาส่งชายหนุ่มคนเดียวของบ้านเหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว ทว่าหลายวันมานี้อู๋เหวยมักจะอิดออดไม่ยอมรีบขี่รถออกไปเร็วเหมือนเดิม เช่นเดียวกับตอนนี้ ดูเหมือนว่าตั้งแต่ไป๋จ้าวเหม่ยเข้าโรงพยาบาลก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แม่กับน้องของเธอไม่ได้มาขอเงินอีก แล้วผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้ส่งเงินไปเช่นกัน แปลกเหลือเกิน มีแต่ความแปลกเต็มไปหมด“ซวนซวนพ่อไปทำงานแล้วนะ”“ค่ะ...พ่อขี่รถดี ๆ นะคะ อย่าหักโหมนะหนูกับน้าเป็นห่วง” อู๋ชิงซวนเอ่ยถ้อยคำห่วงใยให้กับพ่อตนเอง หากเป็นเมื่อก่อนเธอก็อยากตามไปด้วย ทว่าเดี๋ยวนี้ เธออยากอยู่เรียนหนังสือ และเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากน้าเหม่ยมากกว่า“ขอบคุณครับ ซวนซวนเป็นเด็กดีอย่าดื้ออย่าซน เชื่อฟังน้าเหม่ยของลูกให้มาก ๆ นะ” สายตาอู๋เหวยเหลือบไปมองคนที่ยืนหมุนคอกระดูกลั่นดังกร๊อบ ๆ ก็ขมวดคิ้วขึ้น ไม่ใช่เพราะเธอออกกำลังกายแปลก ๆ นั่นหรือไงและใช่ไป๋จ้าวเหม่ยยังคงออกกำลังกายท่าแปลก ๆ ของเธอทุกวันเหมือนเดิม ตอนแรกเขาคิดว่าคนอ้วนอย่างเธอจะล้มเลิกกลางคัน แต่สามเดือนที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่า ไป๋จ้าวเหม่ยเอาจริง ทั้งอ
ตอนที่ 21 คนคนหนึ่งจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรออู๋เหวยเอาข้าวของที่ไป๋จ้าวเหม่ยซื้อมาใส่ตะกร้าหน้ารถตัวเอง ที่ใส่ไม่หมดก็ห้อยเอาไว้ เขามองข้าวของที่เต็มรถ ก็พอจะรู้ว่าเธอหมดไปหลายหยวน ชายหนุ่มรู้ว่าหญิงสาวได้เงินมาจากการขายสมุนไพร เพราะหลายวันที่ผ่านมา เขาก็เห็นแล้วว่าเธอวุ่นวายอยู่กับสมุนไพรเหล่านั้น แต่เขาไม่รู้ว่ามันจะขายได้ราคาดีเพียงใด“ซวนซวนหนูมาซ้อนท้ายพ่อดีไหมคะ น้าเหม่ยของลูกจะได้ไม่หนัก”“พ่อคะ!...หนูตัวไม่หนักเสียหน่อยจริงไหมคะน้าเหม่ย”“จริงจ้ะ ซวนซวนของพวกเราหุ่นดีขนาดนี้จะหนักได้ยังไง หนูมาซ้อนท้ายน้าเหมือนเดิมดีกว่า พ่อหนูถือของเต็มรถแล้ว” ไป๋จ้าวเหม่ยเห็นว่าอู๋เหวยรับหน้าที่ขนของแล้ว ดังนั้นเธอจึงรับหน้าที่บรรทุกคนไปเอง ทว่ายังไม่ทันที่เด็กหญิงจะได้ตอบ เสียงรีบร้อนของคนบางคนก็ตะโกนออกมาก่อนที่เจ้าตัวจะมาถึงเสียอีก“ซวนซวนหนูอยากมาซ้อนรถของพี่ชิงฮุยหรือเปล่าจ๊ะ ป้าพี่ส่งจดหมายมาจากเซี่ยงไฮ้ มีเรื่องสนุก ๆ เยอะเลย พี่เล่าให้ฟังดีไหมจ๊ะ” หลิวชิงฮุยเห็นทั้งสามกำลังจะไปอยู่แล้ว เธอก็รีบจูงรถจักรยานตามมา ในใจนึกโมโหตั้งแต่ที่กินอาหารข้างในแล้ว มีเพียงแค่เธอที่ชวนคุย พี่เห