“พ่อคะ พ่อคะ” อู๋ชิงซวนตะโกนเรียกพ่อของเธอดังลั่น น้ำเสียงนั้นฟังดูทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ เสียงเธอดังก่อนที่ตัวเธอจะโผล่มาเสียอีก
“หืม...ดูเหมือนซวนซวนของพ่อจะดีใจนะ อะไรทำให้หนูดีใจได้ขนาดนั้นกันคะลูก”
“ก็นี่อย่างไรล่ะคะ พ่อแอบซื้อมาเหรอคะ ทำไมเมื่อวานไม่เอามาให้หนูนะ ฮื้อ...ลูกอมกระต่ายขาว หนูรักพ่อที่สุดเลยค่ะ ตอนนั้นพี่ชิงฮุยเคยเอามาให้กิน แต่แค่เม็ดเดียวเอง หนูยังจำได้เลย ตอนที่นมละลายในปากมันอร่อยมากแค่ไหน โอ้วนั่นแค่เม็ดเดียว แต่นี่ทั้งถุง ให้ตายเถอะหนูตื่นเต้นไม่ไหวแล้ว”
อู๋ชิงซวนกอดห่อลูกอมยอดฮิตไว้แนบอก ใบหน้าเด็กหญิงแสดงออกถึงความดีใจเป็นอย่างมาก อู๋เหวยยิ้มกว้างออกมา ทว่าในใจกลับเจ็บปวดไปทั้งใจ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้เลยว่าลูกสาวชอบกินอะไร เขาไม่เคยซื้อของพวกนี้ให้ลูกกิน เพราะว่ามันไม่อิ่มท้อง
ของที่เขาซื้อมักจะเป็นขนมโก๋ กินชิ้นเดียวก็อิ่มไปทั้งวัน และไม่ใช่ว่าจะซื้อมาบ่อย ๆ นาน ๆ ครั้งซวนซวนถึงจะได้กิน เพราะเขาไม่มีเงิน ทั้งเงินหยวนทั้งคูปอง ทุกครั้งไป๋จ้าวเหม่ยก็จะบังคับเอาไปจนหมด
“พ่อคะพ่อรู้หรือเปล่า เปลือกห่อมันทำมาจากข้าว เรากินมันได้ด้วยนะคะ นี่ค่ะ ๆ พ่อลองกินดู” เด็กหญิงตัวน้อยหยิบลูกอมออกมาจากห่อ เธอแกะเปลือกออกก่อน แล้วจึงเอาเปลือกลูกอมใส่ปากตนเอง ก่อนจะกินลูกอมสีขาวตามไป จากนั้นก็หยิบอีกอันมาใส่ปากพ่อของตนเอง
“ซวนซวนพ่อขอโทษ พ่อขอโทษ” ลูกอมรสนมที่หวานละมุนลิ้น ละลายเข้าไปถึงกลางใจของคนเป็นพ่อ อู๋เหวยดวงตาแดงก่ำ ย่อตัวอุ้มลูกสาวมากอดเอาไว้
“ขอโทษทำไมคะ พ่อไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย พ่อของซวนซวนดีที่สุด” ยิ่งได้ยินคนเป็นลูกพูดออกมาอย่างนั้น หัวใจของชายหนุ่มก็ทั้งสุขและทุกข์ ทุกข์ที่เขาไม่อาจเป็นพ่อที่ดีได้
ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะผู้หญิงสารเลวคนนั้น หากเธอไม่วางยาเขา หากปู่ไม่สั่งเสียก่อนตาย เขาจะต้องตกอยู่ในห้วงของความทุกข์อย่างนี้หรือ ไม่ใช่ไม่รู้ว่าซวนซวนถูกรังแก แต่เพราะเขาไม่มีทางเลือก
“อาสะใภ้อู๋อยู่หรือเปล่าคะ อาสะใภ้” ก่อนที่อู๋เหวยจะได้พูดอะไรออกมา ก็ได้ยินเสียงเรียกที่ดังขึ้นมาจากทางหน้าบ้าน สองพ่อลูกมองหน้ากัน และเดินออกไปดู ก็เห็นว่าเจียงเจินเจินมาเกาะรั้วตะโกนเรียกใบหน้าแดงก่ำ
“พี่เจินเจินมาหาฉันเหรอ เอ๋ไม่ใช่สิเมื่อกี้พี่ไม่ได้เรียกฉัน ดูเหมือนว่าพี่จะเรียกน้าอ้วน”
“ก็บอกว่าอย่าเรียกอ้วนไง ฉันแค่อวบย่ะ” ไป๋จ้าวเหม่ยเองก็ได้ยินเสียงเรียกอยู่หน้าบ้านเช่นกัน ครั้นเมื่อเดินเข้ามาก็ได้ยินยัยเด็กดื้อเรียกเธอว่า น้าอ้วนอีกแล้ว
อู๋ชิงซวนทำปากจู๋ พลางเอนซบลงที่หัวไหล่ของอู๋เหวย ไป๋จ้าวเหม่ยก็ไม่ได้สนใจเด็กน้อยอีก เพราะอย่างที่บอก เวลาที่พ่อเด็กอยู่บ้าน ซวนซวนก็มักจะเปลี่ยนนิสัยเสมอ แต่เดี๋ยวทำไมวันนี้อีตาขี้เก๊กนี่ถึงไม่ไปทำงานเล่า แปลก!
“เจินเจินมาหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่า หรือย่าสามเรียกฉัน” เจียงเจินเจินเห็นไป๋จ้าวเหม่ยหันมามอง เธอก็บิดชายเสื้อตนเองจนเสื้อยับยู่ยี่ไปหมด ใบหน้าเด็กน้อยแดงก่ำ ทั้งยังไม่กล้าสบตา
ไป๋จ้าวเหม่ยเห็นดังนั้นก็พอจะรู้แล้วว่า เด็กคนนี้มาทำไม แต่กระนั้นเธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา รออีกสักพัก ก็ได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่เจียงเจินเจินจะเอ่ยวาจาตะกุกตะกักออกมา
“เอ่อ...เปล่าค่ะ หนูมาขอบคุณอาสะใภ้ ที่เอ่อ...ที่ซื้อขนมมาฝากหนู ขอบคุณนะคะ หนูชอบมากเลยค่ะ” พูดจบก็โค้งตัวก้มศีรษะลง นิ่งค้างอยู่อย่างนั้น ไป๋จ้าวเหม่ยหัวเราะออกมา พลางเดินไปประคองเด็กน้อย เนื้อตัวเธอทั้งนิ่มทั้งร้อน คงจะเขินอายมากกระมัง
“ฉันยินดีจ้ะ และฉันดีใจที่ได้รับคำขอบคุณจากหนู การที่เราได้รับอะไรจากใคร สิ่งที่ควรทำก็คือการขอบคุณ เจินเจินหนูเก่งมาก กินให้อร่อยนะ เอาไว้ฉันมีโอกาสเข้าเมืองจะซื้อมาฝากอีก”
เจียงเจินเจินได้รับคำชมก็ยิ้มหน้าบาน เด็กน้อยบิดตัวไปมา ก่อนจะวิ่งกลับไปที่บ้านของตนเอง ไป๋จ้าวเหม่ยหัวเราะพลางส่ายหัว เธอหมุนตัวจะเดินกลับเข้าบ้าน แต่เห็นสองพ่อลูกยังยืนขวางอยู่ที่เดิม ก็ยกคิ้วขึ้น
“แล้วเธอล่ะซวนซวน จะขอบคุณฉันหรือเปล่า” อู๋ชิงซวนมองถุงลูกอมกระต่ายขาวที่อยู่ในมือ แน่นอนว่าก่อนหน้านั้นเธอเห็นว่าญาติผู้พี่เจินเจินมีลูกอมเหมือนกันอยู่ในมือ
“น้าอวบซื้อมาฝากฉันเหรอ”
“น้าอวบ?”
“ใช่ ก็น้าไม่ให้เรียกน้าอ้วน ไม่ใช่บอกว่าไม่ได้อ้วนแค่อวบหรอกเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันก็เรียกน้าอวบ” ไป๋จ้าวเหม่ยยกมือขึ้นตบหน้าผากตนเองดังเพียะ เอากับมันสิ ไม่ให้เรียกอ้วน ก็เรียกอวบซะงั้น
“ใช่แล้วลูกอมกระต่ายขาวถุงนี้ แล้วก็ขนมในห้องไม่ใช่พ่อซื้อ เมื่อวานแม่เลี้ยงของลูกซื้อมาจากในเมือง ซวนซวนลูกควรขอบคุณเธอ” อู๋เหวยวางร่างเล็กของลูกสาวลงกับพื้น อู๋ชิงซวนเหลือบสายตาขึ้นมองแม่เลี้ยงตัวอ้วน ก็พลันเกิดความกระอักกระอ่วนขึ้นมา
แต่กระนั้นเด็กหญิงก็รู้ว่า การที่เราได้รับอะไรจากใคร เราควรกล่าวคำขอบคุณ เหมือนเช่นเดียวกับเจียงเจินเจิน ดังนั้นเด็กน้อยจึงทำตามญาติผู้พี่ ก้มหัวลงกล่าวคำขอบคุณออกมา
“อ่า...ขอบคุณน้าอวบที่ซื้อขนมมาให้ฉันค่ะ มันอร่อยมากเลยค่ะ”
“ฉันรับคำขอบคุณของเธอเอาไว้แล้ว เอาไว้เราค่อยไปเลือกซื้อด้วยกัน แต่ตอนนี้เราไปทำกรงไก่กันก่อนดีกว่า”
“ได้ค่ะไปทำกรงไก่กัน” พอได้ยินว่าจะทำกรงไก่ ความนึกคิดต่าง ๆ ของเด็กน้อยก็หายไปหมด มีแต่ความดีใจ
มือเล็กคว้าไปที่มือป้อม ๆ นั้น และลากเข้าไปที่หลังบ้าน ทิ้งให้อู๋เหวยยืนคิ้วขมวดอยู่คนเดียว กำลังจะก้าวตามไป ก็พลันมีรถของเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า เข้ามาต่อหม้อไฟให้เสียก่อน ชายหนุ่มจึงต้องอยู่ต้อนรับเจ้าหน้าที่รัฐตรงนี้
“น้าอวบคอกไก่เราทำแค่นี้จะพอเหรอคะ ถ้ามันโตแล้วจะไม่อึดอัดเหรอ” อู๋ชิงซวนเห็นว่าไป๋จ้าวเหม่ยเอาไม้มาตอกไว้เป็นมุม ติดกับรั้วบ้านด้านหลัง จากนั้นก็เอาตาข่ายมาล้อมปิดเอาไว้ ไม่ให้ลูกไก่มุดรั้วหนีไปข้างนอก
“ไก่มันใช้พื้นที่นิดเดียวในการนอน มันยืนบนแผ่นไม้ หรือนอนในตะกร้าอันนี้ก็หลับได้แล้ว ต่อให้มันโตมันก็ไม่โตเท่าฉันหรอก แค่นี้ก็พอแล้ว ซวนซวนเธอมาจับไม้ตรงนี้ไว้ เดี๋ยวฉันจะทำหลังคาให้มัน”
“ถ้ามีหลังคาลี้จงกับลี้ถิงก็จะไม่ต้องนอนตากน้ำค้าง ฝนตกก็ไม่เปียกอีกด้วย”
“ลี้จง...ลี้ถิง?” ไป๋จ้าวเหม่ยเงยหน้าจากค้อนที่กำลังตอกตะปูลงไปที่หลังคาไม้ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน พลางมองเด็กหญิงตัวน้อยที่ทำหน้าเคลิ้มฝัน
“ใช่ค่ะ ลี้จงกับลี้ถิง หรือน้าอวบจะเรียกว่า เสี่ยวจง เสี่ยวถิงก็ได้นะคะ”
“อ่า...ลี้จงที่แปลว่างามเหลือเกิน ส่วนลี้ถิงที่แปลว่าความงามน่ะหรือ” ได้ยินคำถามของแม่เลี้ยงสาว เด็กน้อยก็ผงกหัวราวไก่จิกข้าวสาร
ไป๋จ้าวเหม่ยกลอกตาขึ้น พลางถอนหายใจออกมา นอกจากจะต้องแก้นิสัยเสีย ๆ ของอู๋ชิงซวนแล้ว ก็ต้องพาเด็กน้อยไปตรวจสายตาอีกด้วย ลูกไก่สีดำ ๆ เทา ๆ มันสวยตรงไหน!
************************
ตอนที่ 26 สมุนไพรแพงขนาดนี้เลยเหรอไป๋จ้าวเหม่ยเปิดถุงกระดาษหยิบชุดที่หลิวชิงฮุยซื้อมาฝากซวนซวน เมื่อตอนเย็นแม่ดอกบัวขาวใต้ตมพยายามจะชวนเด็กน้อยคุยเล่น ทว่าซวนซวนก็ไม่ได้สนใจเท่าที่ควร เธอเอาเวลาไปคัดแยกพุทราจีนที่เก็บมาจากบนเขา พรุ่งนี้พ่อของเธอจะเอาไปขายให้หลิวชิงฮุยเห็นว่าเด็กน้อยไม่สนใจ จึงได้กลับไปอย่างพ่ายแพ้“ซวนซวนหนูมาดูชุดที่พี่ชิงฮุยซื้อมาฝาก สวยดีนะ ว้าวชุดนี้เหมือนชุดกะลาสีเรือเลย”“อะไรคือกะลาสีเรือคะ” เด็กน้อยละสายตาจากแบบฝึกหัดที่กำลังเขียนอยู่ หันมาเอียงคอถามตอนนี้เด็กน้อยไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับชุดใหม่อีกแล้ว อาจเป็นเพราะแม่เลี้ยงของเธอตัดให้จนครบเจ็ดวัน ไหนจะมีชุดที่เอาไว้ใส่ไปข้างนอก ชุดนอน ชุดใส่เล่น เต็มไปหมด อะไรที่ได้มามากพอก็ทำให้เธอหมดความสนใจ อีกอย่างชุดที่แม่เธอตัดก็สวยกว่าชุดที่วางขายมาก“ก็นี่ยังไงชุดที่มีคอปกข้างหลัง ชอบไหม ว่าไม่ได้หลิวชิงฮุยซื้อของดีมาให้เชียวนะ ผ้านุ่มเชียวใส่สบายตัวเลยละ”“ชอบค่ะ แต่ชอบชุดที่แม่ตัดเย็บให้มากกว่า เหมือนชุดนี้ไง ชุดนอนของหนู พ่อคะพ่อเห็นด้วยหรือเปล่า ชุดนอนที่แม่ทำสวยกว่าอีกเนอะ” อู๋ชิงซวนหมุนตัวหนึ่งรอบ ให้ดูชุดนอนก
ตอนที่ 25 สงสัยไป๋จ้าวเหม่ยพลาดไปแล้ว เธอพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย ลืมไปได้อย่างไรว่าเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว เธอมองท้องฟ้าที่สายฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย“เธอจะให้ฉันเอาสมุนไพรไปขายให้หรือเปล่า แต่เอาไปแบบไม่ตากแห้งมันจะขายได้ไหม ถ้าขายไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เราเก็บเอาไว้ก่อน อบกับไฟก็แห้งเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”“แบบสดมันก็ขายได้ ฉันไม่แน่ใจว่าราคามันจะดีเหมือนแห้งหรือเปล่าน่ะสิ” บอกตรง ๆ เรื่องราคาของ หรือค่าเงินในยุคนี้เธอไม่ค่อยรู้เลยด้วยซ้ำ ดูอย่างที่ว่าทุกอย่างในยุคนี้ ราคาถูก เต้าหู้ก้อนหนึ่งแค่หนึ่งเหมาเท่านั้น ผ้าสวย ๆ หนึ่งพับแค่หนึ่งหยวน แต่!...มันกลับแพงยิ่งกว่าในยุคของเธอเสียอีก อาจเพราะค่าเงินมันไม่เท่ากันกระมัง“จะดีไม่ดียังไงก็ต้องขายไม่ใช่เหรอ เอาไว้หมดหน้าฝน ฉันจะขึ้นไปเก็บสมุนไพรพวกนี้ให้เธอเอง ถึงตอนนั้นเธอก็จะได้เงินเท่าเดิมแล้ว”ไป๋จ้าวเหม่ยพยักหน้าแกน ๆ ยังไงก็ต้องทำตามที่อู๋เหวยบอกนั่นแหละ เพราะนี่ก็สองวันแล้ว หากไม่รีบขายสมุนไพรของเธอก็คงจะเหี่ยวหมดราคาแน่ ๆ เห็ดหลินจือเธอสามารถเก็บเอาไว้ขายทีหลังได้ แต่โสมคนกับโสมซานซีและสมุนไพรอื่น ๆ คงต้องขายออกไป รวมทั้งพุทราแห้งด้ว
ตอนที่ 24 ออกตามหากว่าจะปลอบให้เด็กน้อยหยุดร้องไห้ ร่างอวบ ๆ ของเธอก็หนาวสั่น เธอรีบล้วงเข้าไปในตะกร้าสมุนไพร หยิบกลักไม้ขีดออกมา รวบเศษกิ่งไม้ใบไม้แห้ง ๆ ที่ถูกลมปลิวพัดมากระจุกอยู่ในถ้ำ และจุดไฟให้ความอบอุ่น“ซวนซวนหนูใส่เสื้อทับด้วยหรือเปล่าจ๊ะ”“ใส่ค่ะ”“ดีเลย ตอนนี้หนูถอดเสื้อผ้าออกมาก่อน เหลือเพียงแค่กางเกงชั้นในและเสื้อกล้ามก็พอ เอาออกมาอังไฟให้แห้งก่อน” อู๋ชิงซวนรีบถอดชุดออกมา รวมทั้งถุงเท้ารองเท้าทั้งหมด กางเกงในของเด็กน้อยเป็นทรงสามเหลี่ยม ที่แม่เลี้ยงตัดเย็บให้ และเสื้อกล้ามก็เป็นเสื้อที่ปิดถึงแค่เหนือสะดือ แต่เพราะที่นี่มีเพียงเธอสองคน เด็กหญิงจึงไม่อาย“รอน้าอยู่ตรงนี้แป๊บเดียว น้าจะไปเอากิ่งไม้ ถึงจะเปียกแต่ก็ดีกว่าไม่มีเลย” กำลังจะก้าวขาออกไป ทว่ามือเล็กก็ดึงเอาไว้ก่อน“น้าไปตรงนี้เอง หนูนั่งมองออกไปก็เห็น”“ไม่ใช่น้า” เด็กหญิงทำปากยู่ราวกับเป็ดตัวน้อยแสนงอนอย่างนั้น ไป๋จ้าวเหม่ยหลุดขำออกมา พลางยื่นมือไปบีบปากแหลม ๆ นั่น“เอาละ ๆ แม่ผิดไปแล้ว ต้องโทษที่แม่สมองไม่ดี ทำให้ลืมเสียได้ ซวนซวนน้อยไม่โกรธแม่นะคะลูก”“ไม่โกรธค่ะ แม่รีบไปรีบมานะคะ หนูนั่งผิงไฟตรงนี้ แต่แม่ถอดเส
ตอนที่ 23 ติดถ้ำเปรี้ยง! เสียงสายฟ้าร้องลั่นสั่นสะเทือน สายฝนกระหน่ำลงมาราวกับฟ้าถล่ม หญิงสาวโหนตัวอยู่ที่บนหน้าผา เธอกัดฟันปีนขึ้นไป แต่เพราะน้ำฝนที่สาดลงมาทำให้มือที่เกาะลื่น ร่างอวบร่วงพรืดลงไป มือเล็กรีบจิกเล็บลงที่ซอกหิน จนเล็บหักสิบนิ้วสื่อถึงหัวใจ ทว่าความเจ็บปวดไม่เท่ากับความหวาดกลัว คนตายมาแล้วหนึ่งครั้ง ย่อมไม่อยากตายอีก และที่สำคัญซวนซวนอยู่คนเดียว! ไม่รู้เด็กคนนั้นจะกลัวแค่ไหน ป่านนี้ไม่ใช่ร้องไห้ขี้มูกโป่งไปแล้วเหรอ“ฉันก็ว่าแล้ว โชคดีมันจะมาง่าย ๆ ได้ยังไง ได้โสมได้เห็ด แต่เกือบตกเขา ไม่ได้ฉันจะตายไม่ได้ซวนซวนรออยู่” เธอจะบ่นออกมาไม่ได้ ใบหูแว่วได้ยินเสียงร้องของเด็กน้อย ถึงจะรู้ว่าตอนนี้คงเป็นจิตใจเธอที่ปรุงแต่งไปเอง แต่กระนั้นพอได้คิดว่าเจ้าตัวเล็กนั่นกำลังร้องไห้ เธอก็ยิ่งจิกเล็บเข้าไปในซอกหิน กัดฟันปีนป่ายขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ดีที่ครั้งนี้เธอเลือกลงเขาด้านที่มีหน้าผาบังลม หากลงที่เดิมเธอคงตกตายไปแล้วไป๋จ้าวเหม่ยรีบวิ่งไปแกะเชือกที่มัดกับต้นไม้ใหญ่ จากนั้นก็วิ่งไปหาอู๋ชิงซวนที่ถ้ำหิน ริมฝีปากก็ตะโกนร้องบอกว่า “ซวนซวนน้ามาแล้ว” ไปตลอดทางทางด้านอู๋ชิงซวนหลังจากที่ฝ
ตอนที่ 22 ความคิดของอู๋เหวยวันนี้ก็เหมือนเช่นทุกวัน สองหญิงสาวเดินออกมาส่งชายหนุ่มคนเดียวของบ้านเหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว ทว่าหลายวันมานี้อู๋เหวยมักจะอิดออดไม่ยอมรีบขี่รถออกไปเร็วเหมือนเดิม เช่นเดียวกับตอนนี้ ดูเหมือนว่าตั้งแต่ไป๋จ้าวเหม่ยเข้าโรงพยาบาลก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แม่กับน้องของเธอไม่ได้มาขอเงินอีก แล้วผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้ส่งเงินไปเช่นกัน แปลกเหลือเกิน มีแต่ความแปลกเต็มไปหมด“ซวนซวนพ่อไปทำงานแล้วนะ”“ค่ะ...พ่อขี่รถดี ๆ นะคะ อย่าหักโหมนะหนูกับน้าเป็นห่วง” อู๋ชิงซวนเอ่ยถ้อยคำห่วงใยให้กับพ่อตนเอง หากเป็นเมื่อก่อนเธอก็อยากตามไปด้วย ทว่าเดี๋ยวนี้ เธออยากอยู่เรียนหนังสือ และเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากน้าเหม่ยมากกว่า“ขอบคุณครับ ซวนซวนเป็นเด็กดีอย่าดื้ออย่าซน เชื่อฟังน้าเหม่ยของลูกให้มาก ๆ นะ” สายตาอู๋เหวยเหลือบไปมองคนที่ยืนหมุนคอกระดูกลั่นดังกร๊อบ ๆ ก็ขมวดคิ้วขึ้น ไม่ใช่เพราะเธอออกกำลังกายแปลก ๆ นั่นหรือไงและใช่ไป๋จ้าวเหม่ยยังคงออกกำลังกายท่าแปลก ๆ ของเธอทุกวันเหมือนเดิม ตอนแรกเขาคิดว่าคนอ้วนอย่างเธอจะล้มเลิกกลางคัน แต่สามเดือนที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่า ไป๋จ้าวเหม่ยเอาจริง ทั้งอ
ตอนที่ 21 คนคนหนึ่งจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรออู๋เหวยเอาข้าวของที่ไป๋จ้าวเหม่ยซื้อมาใส่ตะกร้าหน้ารถตัวเอง ที่ใส่ไม่หมดก็ห้อยเอาไว้ เขามองข้าวของที่เต็มรถ ก็พอจะรู้ว่าเธอหมดไปหลายหยวน ชายหนุ่มรู้ว่าหญิงสาวได้เงินมาจากการขายสมุนไพร เพราะหลายวันที่ผ่านมา เขาก็เห็นแล้วว่าเธอวุ่นวายอยู่กับสมุนไพรเหล่านั้น แต่เขาไม่รู้ว่ามันจะขายได้ราคาดีเพียงใด“ซวนซวนหนูมาซ้อนท้ายพ่อดีไหมคะ น้าเหม่ยของลูกจะได้ไม่หนัก”“พ่อคะ!...หนูตัวไม่หนักเสียหน่อยจริงไหมคะน้าเหม่ย”“จริงจ้ะ ซวนซวนของพวกเราหุ่นดีขนาดนี้จะหนักได้ยังไง หนูมาซ้อนท้ายน้าเหมือนเดิมดีกว่า พ่อหนูถือของเต็มรถแล้ว” ไป๋จ้าวเหม่ยเห็นว่าอู๋เหวยรับหน้าที่ขนของแล้ว ดังนั้นเธอจึงรับหน้าที่บรรทุกคนไปเอง ทว่ายังไม่ทันที่เด็กหญิงจะได้ตอบ เสียงรีบร้อนของคนบางคนก็ตะโกนออกมาก่อนที่เจ้าตัวจะมาถึงเสียอีก“ซวนซวนหนูอยากมาซ้อนรถของพี่ชิงฮุยหรือเปล่าจ๊ะ ป้าพี่ส่งจดหมายมาจากเซี่ยงไฮ้ มีเรื่องสนุก ๆ เยอะเลย พี่เล่าให้ฟังดีไหมจ๊ะ” หลิวชิงฮุยเห็นทั้งสามกำลังจะไปอยู่แล้ว เธอก็รีบจูงรถจักรยานตามมา ในใจนึกโมโหตั้งแต่ที่กินอาหารข้างในแล้ว มีเพียงแค่เธอที่ชวนคุย พี่เห