ตั้งแต่มีไฟฟ้าบ้านสกุลอู๋ก็นับว่าสะดวกสบายขึ้น ไม่ต้องหุงข้าวกับเตาถ่าน แต่กระนั้นการทำอาหารก็ยังทำกับเตาไม้ฟืนอยู่ดี รอเธอหาเงินได้สักก้อนจะต้องไปซื้อเตาแก๊สมาใช้ ทีวี ตู้เย็น ก็ต้องซื้อให้หมด เครื่องใช้ไฟฟ้า สำหรับคนที่นี่อาจจะไม่จำเป็น แต่สำหรับเธอจำเป็นเหลือเกิน เธอไม่ชินกับการใช้ชีวิตแบบนี้
“น้าอวบนอนหรือยังคะ” ไป๋จ้าวเหม่ยวางชุดกระโปรงที่กำลังตัดเย็บไว้บนโต๊ะ เงยหน้ามองเด็กน้อยที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เกาะประตูไม่ยอมเข้ามาในห้อง เห็นดังนั้นหญิงสาวก็พลันใจอ่อนยวบ กวักมือเรียกให้เข้ามาในห้อง
“เข้ามาข้างในสิ ไปยืนทำไมตรงนั้นล่ะ” อู๋ชิงซวนเดินเข้ามานั่งลงตรงข้าม ดวงตาเรียวเล็กแดงช้ำ เหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้ออกมา
“อ้าวซวนซวนหนูร้องไห้เหรอ เกิดอะไรขึ้น”
“ฮื้อ...ฉันคิดถึงพ่อ เมื่อไรพ่อจะกลับมาสักที ฮื้อ ๆ” โธ่เอ๊ย...เธอก็นึกว่าเรื่องอะไร ที่ไหนได้เด็กน้อยติดพ่อนี่เอง
“เมื่อเช้าพ่อเธอก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะกลับดึก วันนี้เป็นวันสิ้นเดือน เขาต้องรอรับเงินเดือน และก็คูปองเสียก่อน แต่ดู ๆ แล้วไม่นานก็น่าจะกลับมาแล้วละ เธอนอนกับฉันในห้องก่อนก็แล้วกัน”
“ไม่เอาฉันจะรอพ่อ” ริมฝีปากเล็กเบะคว่ำ ตั้งท่าจะร้องไห้อีกรอบ
ไป๋จ้าวเหม่ยรีบดึงมากอดเอาไว้ ยกมือลูบไปที่แผ่นหลังเล็ก ๆ เธอรับรู้ได้ถึงแรงเกร็งตัวของเด็กน้อย พลางทำให้มืออวบเกร็งตาม แต่กระนั้นก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาลูบหลังต่อไป
“โอ๋ ๆ เด็กดีไม่ต้องร้องนะ เดี๋ยวพวกเรารออีกสักพัก ถ้าพ่อเธอยังไม่กลับมา ฉันจะไปยืมจักรยานของทวดสาม พาเธอออกไปตามหาดีไหม” เด็กน้อยพยักหน้าในอ้อมอกของแม่เลี้ยงหงึกหงัก ๆ
“แล้วถ้าตอนนี้เธอยังไม่ง่วง ก็คัดลายมือรอก็แล้วกัน ครั้งก่อนที่ฉันเข้าเมือง ฉันซื้อเครื่องเขียนมาด้วย” ความจริงเครื่องเขียนพวกนี้ไป๋จ้าวเหม่ยก็ตั้งใจจะยกให้ลูกเลี้ยงทั้งหมด แต่เธอเห็นว่าเด็กน้อยยังมีสมุดที่เขียนไม่หมด จึงเก็บเอาไว้ก่อนยังไม่รีบนำออกมาให้
“ขอบคุณค่ะ แต่น้าอวบต้องใช้หรือเปล่า พ่อบอกว่าเราไม่ควรแย่งของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง”
“แน่นอนว่าเราไม่ควรแย่งชิงของคนอื่น แต่ฉันไม่ใช่คนอื่น และอีกอย่างฉันก็ซื้อมาให้เธอ เอาไปเขียนสิ เขียนตามเส้นประนี้นะ” ปกติที่อู๋เหวยให้ลูกสาวเขียน ก็เขียนตามเส้นประเหมือนกัน แต่เขาขีด ๆ ขึ้นมาเอง ไม่เหมือนแบบฝึกหัดสำเร็จอันนี้
อู๋ชิงซวนเห็นแบบฝึกหัดก็ยิ้มกว้างขึ้นมา ลายมือในหนังสือสวยงาม ทั้งยังเป็นระเบียบกว่าที่พ่อของเธอทำให้เสียอีก เด็กน้อยรีบวิ่งออกไปหยิบดินสอ แล้วกลับมานั่งคัดลายมือที่เก้าอี้ในห้อง ไป๋จ้าวเหม่ยเห็นดังนั้น ก็หยิบชุดขึ้นมาเย็บต่อไปเรื่อย ๆ
ทั้งสองต่างก็ใช้เวลากันเงียบ ๆ ลืมไปแล้วว่า อู๋เหวยยังไม่กลับบ้าน แม่เลี้ยงสาวแทงเข็มไปครั้งสุดท้าย ก่อนจะใช้ปากกัดด้ายให้ขาดออกจากชุด
“ซวนซวนหนูมาลองหน่อย ใส่ได้หรือเปล่า ฉันวัดจากชุดเก่าของหนูน่ะ” อู๋ชิงซวนเงยหน้าจากแบบฝึกหัด ครั้นเห็นชุดสีชมพูก็เบิกตาแววตาสั่นไหวขึ้นมา
“ของฉันเหรอคะ น้าอวบตัดชุดให้ฉันเหรอคะ” เอาละเริ่มมีคะขึ้นมาแล้ว ความจริงหากเธอบังคับให้เด็กพูดจาดี ๆ หรือบังคับให้เด็กทำตามที่เธอต้องการก็ได้ แต่หากทำเช่นนั้น เธอจะไม่ได้รับความจริงใจจากเด็กน้อยเลย ปล่อยให้หัวใจเธอเปิดออก และเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเองดีกว่า
“ใช่แล้ว ลองใส่ก่อนถ้าไม่พอดี ฉันจะได้แก้ให้ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้จะปักลายให้ด้วย” อู๋ชิงซวนไม่ได้ยินหรอกว่า น้าอวบของเธอจะปักลายอะไร แต่เธอดีใจเป็นอย่างมาก ในที่สุดเธอก็มีชุดใหม่เหมือนคนอื่นสักที
ปกติแล้วเด็ก ๆ ในหมู่บ้านจะได้เสื้อผ้าทุก ๆ วันปีใหม่ แต่ก็มีบ้านที่รวย ๆ หน่อย พ่อแม่ของพวกเขาก็จะซื้อเสื้อผ้า หรือไม่ก็ตัดชุดให้ได้บ่อย ๆ ทว่าอู๋ชิงซวนไม่ได้ชุดใหม่มาสองปีแล้ว
“หลวมไปสักหน่อย เดี๋ยวแป๊บนะ ฉันขอขีดเอาไว้ก่อน” ไป๋จ้าวเหม่ยหยิบดินสอมาขีดตรงช่วงเอว จากนั้นก็ให้เด็กน้อยถอดออกมา แต่เพราะวันนี้ใช้สายตามากจนเกินไปแล้ว เธอจึงไม่ได้เก็บทรงเพิ่ม แต่พับเอาข้าง ๆ และหันมาสอนหนังสือเด็กน้อยแทน
“คำนี้อ่านว่าอะไรรู้หรือเปล่า” อู๋ชิงซวนส่ายหน้าหวือ
“ฉันอ่านไม่ออกหรอก พ่อบอกว่าให้หัดคัด ๆ เขียน ๆ ไปก่อน เดี๋ยวพ่อว่างแล้วจะสอนสะกดคำ”
“อ่า...ความจริงแล้ว เธอยังไม่จำเป็นต้องหัดคัดเลย เธอเริ่มสะกดพินอินก่อนก็แล้วกัน ตัวหนังสือพวกนี้เอาไว้ก่อน เรามาเริ่มจากตัวเลขก่อน เริ่มจาก 一 yī อี , 二 èr อ้าร์ , 三 sān ซัน, 四 sì ซื่อ”
ไป๋จ้าวเหม่ยจดเทียบตัวเลขลงในกระดาษ ถึงแม้เด็กน้อยจะท่องตัวเลขได้ครบ แต่กระนั้นการอ่านสะกดคำกลับไม่ได้เลย หญิงสาวค่อย ๆ สอนให้เด็กน้อยสะกดไปทีละตัว เมื่อเห็นว่าสะกดคล่องแล้ว ก็หัดให้เริ่มเขียน อู๋ชิงซวนเป็นเด็กหัวไวใช้ได้เลยทีเดียว สอนไม่กี่ครั้งก็เขียนได้แล้ว
ทั้งสองใช้เวลาด้วยกันไปอีกพักใหญ่ ท้องฟ้าข้างนอกมืดมิดไปแล้ว ชาวบ้านก็ปิดไฟเข้านอนกันหมด ต่อให้อู๋ชิงซวนจะถูกการเรียนพินอินทำให้เพลิดเพลิน ทว่าร่างกายเด็กน้อยก็เริ่มเหนื่อยล้า หาวแล้วหาวอีก จนกระทั่งดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ แต่ก็ยังคงฝืนเอาไว้ไม่ยอมหลับ
“ซวนซวน” ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไร อู๋เหวยก็ปรากฏตัวอยู่ที่หน้าห้องนอนของไป๋จ้าวเหม่ยแล้ว เขาก้าวขาเข้าไปหาลูกสาว แต่เมื่อเห็นเด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมาดวงตาแดงช้ำใบหน้าหล่อเหลาก็บึ้งตึงลง
“ไป๋จ้าวเหม่ย ฉันคิดว่าเธอจะดีขึ้นแล้วเสียอีก ที่ไหนได้เธอยังสารเลวเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน จำใส่หัวเอาไว้ อย่ามายุ่งกับลูกสาวฉันอีก” ด่าจบก็อุ้มลูกสาวออกไปจากห้อง เขายกเท้าถีบประตูให้ปิดดังสนั่น
ไป๋จ้าวเหม่ยอ้าปากมองประตูที่ถูกถีบก็พลันโมโหขึ้น ไอ้หมาบ้านั่น ลืมกินยาหรือว่าประจำเดือนมา อยู่ ๆ ก็มาด่าเธอ ให้ตายเถอะ ถ้าไม่อยากให้เธอสอนหนังสือเด็กน้อยก็บอกกันดี ๆ ก็ได้
“ไอ้หมาบ้าเอ๊ย” หญิงสาวโยนสมุดในมือลงบนโต๊ะ เดินกระแทกเท้าไปปิดไฟ แล้วจึงมาล้มตัวลงนอนด้วยความโมโห ไม่ออกกำลังกายมันแล้ววันนี้
ทางด้านอู๋เหวยหลังจากอุ้มลูกสาวออกมา ก็วางคนตัวเล็กลงบนเตียง เขาจับแขนลูกสาวออกมา ครั้นเห็นรอยช้ำเล็ก ๆ ที่ข้อศอก ก็โมโห เขากำมือขึ้นทุบลงไปบนเตียงอย่างแรง
“สวะเอ๊ย ต่อให้ฉันจะหย่ากับเธอไม่ได้ แต่ฉันก็ไม่กลัวที่จะซ้อมเธอสักหนึ่งยกหรอกนะนังหมูปีศาจ” อู๋ชิงซวนสะดุ้งเฮือก แววตาสั่นไหวระคนไปด้วยความหวาดกลัว เด็กน้อยกระเถิบเข้าไปจนชิดมุมเตียง ยกแขนขึ้นกอดหัวเข่าตนเอง
อู๋เหวยเห็นลูกสาวเป็นอย่างนั้น ก็รู้สึกตัวในที่สุด เมื่อก่อนซวนซวนถูกไป๋จ้าวเหม่ยรังแกมาตลอด ได้ยินคำด่าเสียงดัง ก็ทำให้ตกใจกลัวแล้ว และเมื่อก่อนเขาและไป๋จ้าวเหม่ยก็เคยตีกัน ไม่ใช่ว่าเขาจะสารเลวขนาดซ้อมผู้หญิง
แต่ผู้หญิงคนนั้นชอบทำร้ายร่างกายเขาและลูก ทนไม่ไหวเข้า เขาก็แค่ป้องกันตัวเอง ตบคืนไปสักครั้ง วันต่อมาเธอก็ไปแจ้งความเอาตำรวจมาจับเขาแล้ว เท่านั้นยังไม่พอ เธอยังเขียนจดหมายไปฟ้องพ่อแม่เขาที่อำเภอเต๋อชิงอีกด้วย
แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับ การกระทำป่าเถื่อนที่เขาและไป๋จ้าวเหม่ยแสดงต่อกัน ส่งผลกระทบทางจิตใจต่อเด็กน้อยเป็นอย่างมาก และแค่เพียงได้ยินเสียงทะเลาะกัน ซวนซวนก็จะกลัวแล้ว
“ซวนซวนพ่อขอโทษ พ่อขอโทษลูก ไม่เป็นไรนะ เป็นความผิดพ่อเอง คราวหลังพ่อจะเอาหนูไปฝากทวดสามเอาไว้ จะได้ไม่ต้องอยู่กับนัง...เอ่อ...อยู่กับไป๋จ้าวเหม่ยอีก”
อู๋ชิงซวนส่ายหน้า อ้าปากกำลังจะตอบปฏิเสธ ทว่าก็ถูกคนเป็นพ่อกดตัวให้นอนลงไปเสียก่อน อู๋เหวยดึงผ้าห่มมาห่มตัวลูกสาว
“ซวนซวนนอนรอพ่อก่อนนะ เดี๋ยวพ่อไปอาบน้ำก่อนแล้วจะมาเล่านิทานให้ฟัง วันนี้พ่อได้เงินเดือนมาด้วย พรุ่งนี้ปิดร้านสักครึ่งวันเข้าเมืองไปซื้อของกินกันดีกว่าเนาะ รอพ่อแป๊บเดียวนะ”
“พ่อคะ...น้าอวบไม่ได้ทำอะไรหนู”
“ซวนซวนหนูไม่ต้องพูดแล้ว อยู่กับพ่อไม่ต้องกลัว เธอจะไม่ทำร้ายลูก พ่อจะปกป้องลูกเอง”
“แต่พ่อคะ”“เอาละ ๆ หนูไม่ต้องพูดแล้ว พ่อไปอาบน้ำก่อน รีบถีบรถมา เหงื่อออกเหม็นไปทั้งตัวแล้ว”
**************
ตอนที่ 26 สมุนไพรแพงขนาดนี้เลยเหรอไป๋จ้าวเหม่ยเปิดถุงกระดาษหยิบชุดที่หลิวชิงฮุยซื้อมาฝากซวนซวน เมื่อตอนเย็นแม่ดอกบัวขาวใต้ตมพยายามจะชวนเด็กน้อยคุยเล่น ทว่าซวนซวนก็ไม่ได้สนใจเท่าที่ควร เธอเอาเวลาไปคัดแยกพุทราจีนที่เก็บมาจากบนเขา พรุ่งนี้พ่อของเธอจะเอาไปขายให้หลิวชิงฮุยเห็นว่าเด็กน้อยไม่สนใจ จึงได้กลับไปอย่างพ่ายแพ้“ซวนซวนหนูมาดูชุดที่พี่ชิงฮุยซื้อมาฝาก สวยดีนะ ว้าวชุดนี้เหมือนชุดกะลาสีเรือเลย”“อะไรคือกะลาสีเรือคะ” เด็กน้อยละสายตาจากแบบฝึกหัดที่กำลังเขียนอยู่ หันมาเอียงคอถามตอนนี้เด็กน้อยไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับชุดใหม่อีกแล้ว อาจเป็นเพราะแม่เลี้ยงของเธอตัดให้จนครบเจ็ดวัน ไหนจะมีชุดที่เอาไว้ใส่ไปข้างนอก ชุดนอน ชุดใส่เล่น เต็มไปหมด อะไรที่ได้มามากพอก็ทำให้เธอหมดความสนใจ อีกอย่างชุดที่แม่เธอตัดก็สวยกว่าชุดที่วางขายมาก“ก็นี่ยังไงชุดที่มีคอปกข้างหลัง ชอบไหม ว่าไม่ได้หลิวชิงฮุยซื้อของดีมาให้เชียวนะ ผ้านุ่มเชียวใส่สบายตัวเลยละ”“ชอบค่ะ แต่ชอบชุดที่แม่ตัดเย็บให้มากกว่า เหมือนชุดนี้ไง ชุดนอนของหนู พ่อคะพ่อเห็นด้วยหรือเปล่า ชุดนอนที่แม่ทำสวยกว่าอีกเนอะ” อู๋ชิงซวนหมุนตัวหนึ่งรอบ ให้ดูชุดนอนก
ตอนที่ 25 สงสัยไป๋จ้าวเหม่ยพลาดไปแล้ว เธอพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย ลืมไปได้อย่างไรว่าเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว เธอมองท้องฟ้าที่สายฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย“เธอจะให้ฉันเอาสมุนไพรไปขายให้หรือเปล่า แต่เอาไปแบบไม่ตากแห้งมันจะขายได้ไหม ถ้าขายไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เราเก็บเอาไว้ก่อน อบกับไฟก็แห้งเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”“แบบสดมันก็ขายได้ ฉันไม่แน่ใจว่าราคามันจะดีเหมือนแห้งหรือเปล่าน่ะสิ” บอกตรง ๆ เรื่องราคาของ หรือค่าเงินในยุคนี้เธอไม่ค่อยรู้เลยด้วยซ้ำ ดูอย่างที่ว่าทุกอย่างในยุคนี้ ราคาถูก เต้าหู้ก้อนหนึ่งแค่หนึ่งเหมาเท่านั้น ผ้าสวย ๆ หนึ่งพับแค่หนึ่งหยวน แต่!...มันกลับแพงยิ่งกว่าในยุคของเธอเสียอีก อาจเพราะค่าเงินมันไม่เท่ากันกระมัง“จะดีไม่ดียังไงก็ต้องขายไม่ใช่เหรอ เอาไว้หมดหน้าฝน ฉันจะขึ้นไปเก็บสมุนไพรพวกนี้ให้เธอเอง ถึงตอนนั้นเธอก็จะได้เงินเท่าเดิมแล้ว”ไป๋จ้าวเหม่ยพยักหน้าแกน ๆ ยังไงก็ต้องทำตามที่อู๋เหวยบอกนั่นแหละ เพราะนี่ก็สองวันแล้ว หากไม่รีบขายสมุนไพรของเธอก็คงจะเหี่ยวหมดราคาแน่ ๆ เห็ดหลินจือเธอสามารถเก็บเอาไว้ขายทีหลังได้ แต่โสมคนกับโสมซานซีและสมุนไพรอื่น ๆ คงต้องขายออกไป รวมทั้งพุทราแห้งด้ว
ตอนที่ 24 ออกตามหากว่าจะปลอบให้เด็กน้อยหยุดร้องไห้ ร่างอวบ ๆ ของเธอก็หนาวสั่น เธอรีบล้วงเข้าไปในตะกร้าสมุนไพร หยิบกลักไม้ขีดออกมา รวบเศษกิ่งไม้ใบไม้แห้ง ๆ ที่ถูกลมปลิวพัดมากระจุกอยู่ในถ้ำ และจุดไฟให้ความอบอุ่น“ซวนซวนหนูใส่เสื้อทับด้วยหรือเปล่าจ๊ะ”“ใส่ค่ะ”“ดีเลย ตอนนี้หนูถอดเสื้อผ้าออกมาก่อน เหลือเพียงแค่กางเกงชั้นในและเสื้อกล้ามก็พอ เอาออกมาอังไฟให้แห้งก่อน” อู๋ชิงซวนรีบถอดชุดออกมา รวมทั้งถุงเท้ารองเท้าทั้งหมด กางเกงในของเด็กน้อยเป็นทรงสามเหลี่ยม ที่แม่เลี้ยงตัดเย็บให้ และเสื้อกล้ามก็เป็นเสื้อที่ปิดถึงแค่เหนือสะดือ แต่เพราะที่นี่มีเพียงเธอสองคน เด็กหญิงจึงไม่อาย“รอน้าอยู่ตรงนี้แป๊บเดียว น้าจะไปเอากิ่งไม้ ถึงจะเปียกแต่ก็ดีกว่าไม่มีเลย” กำลังจะก้าวขาออกไป ทว่ามือเล็กก็ดึงเอาไว้ก่อน“น้าไปตรงนี้เอง หนูนั่งมองออกไปก็เห็น”“ไม่ใช่น้า” เด็กหญิงทำปากยู่ราวกับเป็ดตัวน้อยแสนงอนอย่างนั้น ไป๋จ้าวเหม่ยหลุดขำออกมา พลางยื่นมือไปบีบปากแหลม ๆ นั่น“เอาละ ๆ แม่ผิดไปแล้ว ต้องโทษที่แม่สมองไม่ดี ทำให้ลืมเสียได้ ซวนซวนน้อยไม่โกรธแม่นะคะลูก”“ไม่โกรธค่ะ แม่รีบไปรีบมานะคะ หนูนั่งผิงไฟตรงนี้ แต่แม่ถอดเส
ตอนที่ 23 ติดถ้ำเปรี้ยง! เสียงสายฟ้าร้องลั่นสั่นสะเทือน สายฝนกระหน่ำลงมาราวกับฟ้าถล่ม หญิงสาวโหนตัวอยู่ที่บนหน้าผา เธอกัดฟันปีนขึ้นไป แต่เพราะน้ำฝนที่สาดลงมาทำให้มือที่เกาะลื่น ร่างอวบร่วงพรืดลงไป มือเล็กรีบจิกเล็บลงที่ซอกหิน จนเล็บหักสิบนิ้วสื่อถึงหัวใจ ทว่าความเจ็บปวดไม่เท่ากับความหวาดกลัว คนตายมาแล้วหนึ่งครั้ง ย่อมไม่อยากตายอีก และที่สำคัญซวนซวนอยู่คนเดียว! ไม่รู้เด็กคนนั้นจะกลัวแค่ไหน ป่านนี้ไม่ใช่ร้องไห้ขี้มูกโป่งไปแล้วเหรอ“ฉันก็ว่าแล้ว โชคดีมันจะมาง่าย ๆ ได้ยังไง ได้โสมได้เห็ด แต่เกือบตกเขา ไม่ได้ฉันจะตายไม่ได้ซวนซวนรออยู่” เธอจะบ่นออกมาไม่ได้ ใบหูแว่วได้ยินเสียงร้องของเด็กน้อย ถึงจะรู้ว่าตอนนี้คงเป็นจิตใจเธอที่ปรุงแต่งไปเอง แต่กระนั้นพอได้คิดว่าเจ้าตัวเล็กนั่นกำลังร้องไห้ เธอก็ยิ่งจิกเล็บเข้าไปในซอกหิน กัดฟันปีนป่ายขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ดีที่ครั้งนี้เธอเลือกลงเขาด้านที่มีหน้าผาบังลม หากลงที่เดิมเธอคงตกตายไปแล้วไป๋จ้าวเหม่ยรีบวิ่งไปแกะเชือกที่มัดกับต้นไม้ใหญ่ จากนั้นก็วิ่งไปหาอู๋ชิงซวนที่ถ้ำหิน ริมฝีปากก็ตะโกนร้องบอกว่า “ซวนซวนน้ามาแล้ว” ไปตลอดทางทางด้านอู๋ชิงซวนหลังจากที่ฝ
ตอนที่ 22 ความคิดของอู๋เหวยวันนี้ก็เหมือนเช่นทุกวัน สองหญิงสาวเดินออกมาส่งชายหนุ่มคนเดียวของบ้านเหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว ทว่าหลายวันมานี้อู๋เหวยมักจะอิดออดไม่ยอมรีบขี่รถออกไปเร็วเหมือนเดิม เช่นเดียวกับตอนนี้ ดูเหมือนว่าตั้งแต่ไป๋จ้าวเหม่ยเข้าโรงพยาบาลก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แม่กับน้องของเธอไม่ได้มาขอเงินอีก แล้วผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้ส่งเงินไปเช่นกัน แปลกเหลือเกิน มีแต่ความแปลกเต็มไปหมด“ซวนซวนพ่อไปทำงานแล้วนะ”“ค่ะ...พ่อขี่รถดี ๆ นะคะ อย่าหักโหมนะหนูกับน้าเป็นห่วง” อู๋ชิงซวนเอ่ยถ้อยคำห่วงใยให้กับพ่อตนเอง หากเป็นเมื่อก่อนเธอก็อยากตามไปด้วย ทว่าเดี๋ยวนี้ เธออยากอยู่เรียนหนังสือ และเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากน้าเหม่ยมากกว่า“ขอบคุณครับ ซวนซวนเป็นเด็กดีอย่าดื้ออย่าซน เชื่อฟังน้าเหม่ยของลูกให้มาก ๆ นะ” สายตาอู๋เหวยเหลือบไปมองคนที่ยืนหมุนคอกระดูกลั่นดังกร๊อบ ๆ ก็ขมวดคิ้วขึ้น ไม่ใช่เพราะเธอออกกำลังกายแปลก ๆ นั่นหรือไงและใช่ไป๋จ้าวเหม่ยยังคงออกกำลังกายท่าแปลก ๆ ของเธอทุกวันเหมือนเดิม ตอนแรกเขาคิดว่าคนอ้วนอย่างเธอจะล้มเลิกกลางคัน แต่สามเดือนที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่า ไป๋จ้าวเหม่ยเอาจริง ทั้งอ
ตอนที่ 21 คนคนหนึ่งจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรออู๋เหวยเอาข้าวของที่ไป๋จ้าวเหม่ยซื้อมาใส่ตะกร้าหน้ารถตัวเอง ที่ใส่ไม่หมดก็ห้อยเอาไว้ เขามองข้าวของที่เต็มรถ ก็พอจะรู้ว่าเธอหมดไปหลายหยวน ชายหนุ่มรู้ว่าหญิงสาวได้เงินมาจากการขายสมุนไพร เพราะหลายวันที่ผ่านมา เขาก็เห็นแล้วว่าเธอวุ่นวายอยู่กับสมุนไพรเหล่านั้น แต่เขาไม่รู้ว่ามันจะขายได้ราคาดีเพียงใด“ซวนซวนหนูมาซ้อนท้ายพ่อดีไหมคะ น้าเหม่ยของลูกจะได้ไม่หนัก”“พ่อคะ!...หนูตัวไม่หนักเสียหน่อยจริงไหมคะน้าเหม่ย”“จริงจ้ะ ซวนซวนของพวกเราหุ่นดีขนาดนี้จะหนักได้ยังไง หนูมาซ้อนท้ายน้าเหมือนเดิมดีกว่า พ่อหนูถือของเต็มรถแล้ว” ไป๋จ้าวเหม่ยเห็นว่าอู๋เหวยรับหน้าที่ขนของแล้ว ดังนั้นเธอจึงรับหน้าที่บรรทุกคนไปเอง ทว่ายังไม่ทันที่เด็กหญิงจะได้ตอบ เสียงรีบร้อนของคนบางคนก็ตะโกนออกมาก่อนที่เจ้าตัวจะมาถึงเสียอีก“ซวนซวนหนูอยากมาซ้อนรถของพี่ชิงฮุยหรือเปล่าจ๊ะ ป้าพี่ส่งจดหมายมาจากเซี่ยงไฮ้ มีเรื่องสนุก ๆ เยอะเลย พี่เล่าให้ฟังดีไหมจ๊ะ” หลิวชิงฮุยเห็นทั้งสามกำลังจะไปอยู่แล้ว เธอก็รีบจูงรถจักรยานตามมา ในใจนึกโมโหตั้งแต่ที่กินอาหารข้างในแล้ว มีเพียงแค่เธอที่ชวนคุย พี่เห