ไป๋จ้าวเหม่ยตื่นสายกว่าทุกวัน สารภาพว่าเมื่อคืนเธอนอนไม่ค่อยหลับเลยด้วยซ้ำ ตอนแรกก็นับแกะอยู่ดี ๆ แต่เผลอแป๊บเดียวจากที่นับแกะ ก็กลายเป็นด่ากราดไอ้หมาบ้าอู๋เหวยไปพันกว่ารอบ รอบที่พันหนึ่งร้อยสิบเอ็ดจึงได้หลับไปในที่สุด
หญิงสาวสะบัดตัวลุกจากที่นอน เธอพับผ้าห่มเอาไว้ปลายเตียง แล้วจึงเดินไปเทน้ำในอุณหภูมิห้องดื่มไปก่อนหนึ่งแก้ว จากนั้นก็ยืดเส้นยืดสาย บิดตัวออกกำลังกายเบา ๆ เหมือนเช่นทุกเช้าราวสักสิบห้านาทีพอได้เหงื่อ ก็ออกไปข้างนอก แต่เมื่อเปิดประตูออกมา ภายในบ้านกลับว่างเปล่า ไร้เงาของสองพ่อลูกอยู่ในนี้ เธอเดินออกไปชะโงกหน้าดูที่ร้านซ่อมรถ ก็ไร้เงาของทั้งคู่เช่นกัน
“ไปไหนกันนะ” หญิงสาวขมวดคิ้วเดินหารอบบ้านไม่เจอ ก็ล้มเลิกความตั้งใจจะหาอีก
“ไปไหนก็ช่าง” ไป๋จ้าวเหม่ยยักไหล่ขึ้น คว้าผ้าเช็ดตัวเดินไปอาบน้ำด้านหลัง อาบน้ำเช้า ๆ จะทำให้ร่างกายตื่นตัวกระปรี้กระเปร่า สมองปลอดโปร่งอีกด้วย แต่หลายคนก็ไม่ชอบอาบน้ำสักเท่าไรนัก ทว่าเธอติดนิสัยต้องอาบน้ำเช้าเย็น เพราะชาติก่อนเธอเป็นครู จะให้ตัวเหม็น ๆ ไปสอนเด็กก็ไม่ได้
อาบน้ำเสร็จ ร่างอวบอ้วนก็ไปทำอาหารเช้ากินง่าย ๆ จากนั้นก็เริ่มลงมือปลูกผัก ให้อาหารไก่ กว่าจะเสร็จก็สายมากแล้ว เธอเดินกลับเข้าไปในห้อง นั่งแก้ขนาดของชุดกระโปรงให้อู๋ชิงซวน เสร็จแล้วก็ปักรูปการ์ตูนมินิมอลน่ารัก ๆ เป็นรูปเด็กผู้หญิงในชุดแม่ครัวกำลังถือเค้กก้อนใหญ่ แล้วมีแมวส้มนอนอยู่บนเค้ก
ลายเส้นพวกนี้เป็นลายเส้นของเธอเอง ไม่ได้ลอกเลียนแบบการ์ตูนยอดฮิตในยุคปัจจุบันมา เพราะหากวันหนึ่งลวดลายที่เธอปักเกิดดังขึ้นมาจะทำยังไง ไม่ใช่หมายความว่าเธอดึงเอาการหยั่งรู้ในอนาคตมาใช้หรอกหรือ
“น้าอวบฉันกลับมาแล้วค่ะ” ไป๋จ้าวเหม่ยพับชุดกระโปรงที่ปักลายเสร็จแล้ว ลงบนแคร่ไม้ไผ่ เงยหน้าขึ้นมองอู๋ชิงซวนที่วิ่งเข้ามาหา
“น้าอวบตัดชุดให้ฉันเสร็จแล้วเหรอคะ” เด็กน้อยมองไปเห็นชุดที่ถูกพับเอาไว้อย่างเรียบร้อย ก็ตื่นเต้นดีใจออกมา
“ใช่เสร็จแล้ว เอาไปสิ” อู๋ชิงซวนรีบรับมาคลี่ออกดู ครั้นเห็นลวดลายปักที่แปลกใหม่ ก็ยิ้มกว้างออกมา
“น้าอวบขอบคุณน้ามาก ๆ เลยค่ะ เด็กน้อยคนนี้น่ารักมากเลย ฉันชอบมาก แต่ทำไมที่นอนแมวถึงได้แปลก ๆ มันสูงมาก แมวจะไม่ตกเหรอคะ”
“ไม่ใช่ที่นอนแมวเสียหน่อย เขาเรียกว่าเค้กจ้ะ เอาไว้วันหลังฉันจะหาวิธีทำให้เธอกินนะ ตอนนี้เธอเอาไปเก็บได้แล้ว” อู๋ชิงซวนผงกหัวรับคำ ก่อนจะวิ่งหายเข้าไปในบ้าน
ครั้นไป๋จ้าวเหม่ยเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าอู๋เหวยมายืนมองเธอกับเด็กน้อยเงียบ ๆ เธอเบ้ปากใส่และสะบัดหน้าเดินหนีออกไป ไม่ว่าสีหน้าโง่ ๆ นั้นจะแฝงไปด้วยความรู้สึกผิด สำนึกผิดอะไรก็ตาม
เธอไม่สนใจทั้งนั้น และใช่ อู๋เหวยได้รับรู้ความจริงจากลูกสาวแล้วว่า แม่เลี้ยงสาวไม่ได้ทำร้ายเธอ รอยช้ำที่ข้อศอกได้มาเพราะเธอกระแทกกรงไก่ ไม่ใช่ถูกตี และที่ตาแดง ๆ เพราะเธอหาว เธอง่วงนอนต่างหาก
“อาเหวย จักรยานฉันล้อมันเบี้ยว นายช่วยดูให้ฉันหน่อย” หลังจากที่ถูกเมินอู๋เหวยก็เดินออกมาเปิดร้านซ่อมรถของตัวเอง ไม่นานก็มีลูกค้าเอารถมาซ่อมไม่หยุด
การทำงานมันก็เพลินจนลืมเวลาไปชั่วขณะ กว่าจะรู้ตัวพระอาทิตย์ก็เคลื่อนตัวไปที่ปลายขอบฟ้าแล้ว กำลังจะปิดร้าน ก็เห็นหญิงสาวร่างเพรียวบางถีบรถเข้ามาจอดเสียก่อน
“พี่เหวยคะ ล้อรถฉันแบนอีกแล้วค่ะ พี่ช่วยเติมลมให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ” ไป๋จ้าวเหม่ยถือผ้าออกมาจากในห้อง ทันได้ยินเสียงหวานที่ดัดจนเล็กของหลิวชิงฮุยดังขึ้นมาเสียก่อน เธอเบ้ปากพูดตามเบา ๆ อย่างหมั่นไส้
“คนอะไรขี่รถยางแบนได้ทุกวัน ขนาดร่างนี้อ้วนตุ๊บ ๆ ยังไม่ขี่รถยางแบนเลย หึ...มารยาของสตรียุค 80 ดูเบาไม่ได้เลย”
“น้าอวบบ่นอะไรคะ อ่าพี่ชิงฮุยมานี่เอง” อู๋ชิงซวนเหลือบสายตาไปมองแม่เลี้ยงที่ตนเองเริ่มจะรู้สึกดีด้วย ก็พลันเป็นห่วงนิด ๆ แม่เลี้ยงคนนี้หึงหวงพ่อเธอเก่งที่สุด และทุกครั้งที่ทั้งคู่มีปากเสียงกัน ก็เพราะว่าเธอหึงพี่สาวชิงฮุย
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
“จะมีหรือไม่มีก็ไม่เกี่ยวกับฉัน” พูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงร้องของหลิวชิงฮุยก็ดังขึ้นมา พร้อมกับร่างกายที่ถลาเข้าไปในอ้อมอกของอู๋เหวย
“ว้าย!...เอ่อขอโทษด้วยค่ะ ฉันสะดุดล้มน่ะ อู๊ย...พี่เหวยเหมือนขาฉันจะพลิก เจ็บมากเลยค่ะ พี่ปั่นจักรยานไปส่งฉันหน่อยได้ไหมคะ นะคะ” สาวงามช้อนสายตาด้วยดวงตาแดงก่ำ ฉ่ำคลอไปด้วยหยาดน้ำตา มีหรือคนบางคนจะไม่ใจอ่อน
ไป๋จ้าวเหม่ยไม่รู้ตัวเลยว่า ตนเองกำลังยืนกอดอกมองละครรักน้ำเน่าของสามีตนเอง และแม่ดอกบัวขาวใต้ตม และข้าง ๆ กันนั้นก็มีเด็กน้อยที่ยืนมองด้วยสายตาแปลกประหลาด เมื่อมือเล็กยื่นมากุมมืออวบ เธอก็พลันรู้สึกตัวขึ้น หญิงสาวยักไหล่ ก่อนจะตบลงที่หลังมือเล็กเบา ๆ สองครั้ง และเดินหนีไปอีกทาง
ไป๋จ้าวเหม่ยเริ่มวอร์มร่างกายตนเอง บิดตัวไปมาอย่างละสิบครั้ง ก่อนจะเอาผ้าขึ้นไปคล้องกับกิ่งต้นไม้ อู๋ชิงซวนเห็นดังนั้นก็กรีดร้องขึ้นมาหนึ่งคำ เด็กหญิงตัวน้อยรีบวิ่งออกไปทางหน้าบ้าน หน้าตาตื่นตระหนก
“พ่อคะ ๆ เร็วเข้า น้าอวบจะฆ่าตัวตายแล้ว หนูคิดว่าเธอกำลังหึงหวงพ่อกับพี่สาวชิงฮุยอยู่นะคะ ทำยังไงดี” อู๋เหวยที่กำลังจูงจักรยานออกไปหน้าบ้าน เขาจะไปส่งหลิวชิงฮุยตามคำขอของหญิงสาว ทว่าพอได้ยินลูกสาวบอกอย่างนั้นก็รีบเตะขาตั้งลง และเดินเร็วเข้าไปในบ้าน
“ไป๋จ้าวเหม่ยเธอจะเรียกร้องความสนใจไปถึงไหน อยากตายก็ไม่ควรทำให้ลูกสาวฉันเห็น” ไป๋จ้าวเหม่ยที่ตอนนี้กำลังโหนตัวอยู่บนผ้า มือหนึ่งดึงผ้าเอาไว้ อีกมือกางไปข้างหน้า ขาทั้งสองชี้ไปด้านหลัง เหมือนกำลังบินอยู่บนอากาศ ได้ยินเสียงคำรามของไอ้หมาบ้า ก็ขมวดคิ้วเหยียดปากมอง
“ปัญญาอ่อน ฉันกำลังโยคะฟลายต่างหาก”
“โยคะฟลายบ้าฟลายบออะไรของเธอ หยุดเรียกร้องความสนใจผิด ๆ ได้แล้ว ไม่มีใครสนใจเธอหรอก”
“สหายไป๋เธออย่าได้คิดมากเลย ฉันกับพี่เหวยไม่ได้มีอะไรอย่างที่เธอคิดหรอกนะ อย่าฆ่าตัวตายเพราะพี่เหวยไม่รักเธอเลยนะ” คำพูดเหมือนจะห้าม เหมือนจะปลอบใจ แต่ทำไมฟังแล้วคล้ายเร่งให้เธอฆ่าตัวตายเร็วขึ้นอีก
แต่ขอโทษที ไม่ได้คิดจะฆ่าตัวตาย คนที่ตายมาแล้วครั้งหนึ่งไม่มีวันอยากตายซ้ำตายซ้อนอีก เธอหวงแหนชีวิตในตอนนี้มาก มีอะไรหลายอย่างที่คนเป็นเท่านั้นที่จะทำได้ และคนตายคงหมดสิทธิ์ที่จะทำเรื่องต่าง ๆ
ไป๋จ้าวเหม่ยเชิดหน้าขึ้นไม่สนใจคนปัญญาอ่อนพวกนี้อีก หญิงสาวขยับตัวเปลี่ยนท่าใหม่ แต่แล้วเสียงกิ่งไม้ก็ลั่นดังกร๊อบ ดวงตาเรียวเบิกขึ้น พร้อมกับร่างอวบอ้วนที่ตกลงมาพร้อมกับกิ่งไม้และผ้ายืด กระแทกพื้นดังปึก!
“โอ๊ย!...สะโพกฉัน” หญิงสาวยกมือขึ้นลูบไปที่สะโพกตนเอง ใบหน้าเบ้เพราะจุก แต่ใบหูก็ได้ยินเสียงกลั้นหัวเราะของหลิวชิงฮุยอยู่ดี
“สวรรค์คงไม่ต้องการให้สหายไป๋ตาย ต่อไปนี้เธอก็อย่าคิดสั้นอีกเลย”
“หึ! ไป๋จ้าวเหม่ย ฉันไม่เคยเห็นใครโง่เง่าเท่าเธอมาก่อน จะฆ่าตัวตายก็เลือกวิธีหน่อยเถอะ และที่สำคัญช่วยดูน้ำหนักตัวเธอด้วย ผูกคอตายไม่ได้แล้วยังทำลายกิ่งไม้บ้านฉันอีก!”
ไป๋จ้าวเหม่ยใช้แขนยันตัวเองขึ้นมาด้วยความทุลักทุเล แต่ก็เห็นเพียงแผ่นหลังแกร่งที่เดินหายออกไป โดยมีหลิวชิงฮุยที่เดินตามไปติด ๆ
“สหายหลิวข้อเท้าเธอหายเจ็บแล้วเหรอ เดินเร็วขนาดนี้” ตอนแรกหลิวชิงฮุยหันมายิ้มเยาะเย้ยด้วยความสะใจ ทว่าพอได้ยินคำพูดของไป๋จ้าวเหม่ย เธอก็สะใจไม่ออกแล้ว
“อาชิงฮุยขาเธอไม่เจ็บแล้วใช่ไหม ผมไม่ไปส่งก็แล้วกัน เธอรีบกลับไปก่อนจะมืดเถอะ ค่าเติมลมผมไม่เก็บหรอก” หลิวชิงฮุยทำท่าจะปฏิเสธ แต่อู๋เหวยก็เดินเข้าไปในบ้านก่อนแล้ว ทำให้เธอได้แต่ยืนกระฟัดกระเฟียด ถลึงตาใส่ไป๋จ้าวเหม่ย ก่อนจะถีบจักรยานออกไป
***********
ตอนที่ 26 สมุนไพรแพงขนาดนี้เลยเหรอไป๋จ้าวเหม่ยเปิดถุงกระดาษหยิบชุดที่หลิวชิงฮุยซื้อมาฝากซวนซวน เมื่อตอนเย็นแม่ดอกบัวขาวใต้ตมพยายามจะชวนเด็กน้อยคุยเล่น ทว่าซวนซวนก็ไม่ได้สนใจเท่าที่ควร เธอเอาเวลาไปคัดแยกพุทราจีนที่เก็บมาจากบนเขา พรุ่งนี้พ่อของเธอจะเอาไปขายให้หลิวชิงฮุยเห็นว่าเด็กน้อยไม่สนใจ จึงได้กลับไปอย่างพ่ายแพ้“ซวนซวนหนูมาดูชุดที่พี่ชิงฮุยซื้อมาฝาก สวยดีนะ ว้าวชุดนี้เหมือนชุดกะลาสีเรือเลย”“อะไรคือกะลาสีเรือคะ” เด็กน้อยละสายตาจากแบบฝึกหัดที่กำลังเขียนอยู่ หันมาเอียงคอถามตอนนี้เด็กน้อยไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับชุดใหม่อีกแล้ว อาจเป็นเพราะแม่เลี้ยงของเธอตัดให้จนครบเจ็ดวัน ไหนจะมีชุดที่เอาไว้ใส่ไปข้างนอก ชุดนอน ชุดใส่เล่น เต็มไปหมด อะไรที่ได้มามากพอก็ทำให้เธอหมดความสนใจ อีกอย่างชุดที่แม่เธอตัดก็สวยกว่าชุดที่วางขายมาก“ก็นี่ยังไงชุดที่มีคอปกข้างหลัง ชอบไหม ว่าไม่ได้หลิวชิงฮุยซื้อของดีมาให้เชียวนะ ผ้านุ่มเชียวใส่สบายตัวเลยละ”“ชอบค่ะ แต่ชอบชุดที่แม่ตัดเย็บให้มากกว่า เหมือนชุดนี้ไง ชุดนอนของหนู พ่อคะพ่อเห็นด้วยหรือเปล่า ชุดนอนที่แม่ทำสวยกว่าอีกเนอะ” อู๋ชิงซวนหมุนตัวหนึ่งรอบ ให้ดูชุดนอนก
ตอนที่ 25 สงสัยไป๋จ้าวเหม่ยพลาดไปแล้ว เธอพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย ลืมไปได้อย่างไรว่าเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว เธอมองท้องฟ้าที่สายฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย“เธอจะให้ฉันเอาสมุนไพรไปขายให้หรือเปล่า แต่เอาไปแบบไม่ตากแห้งมันจะขายได้ไหม ถ้าขายไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เราเก็บเอาไว้ก่อน อบกับไฟก็แห้งเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”“แบบสดมันก็ขายได้ ฉันไม่แน่ใจว่าราคามันจะดีเหมือนแห้งหรือเปล่าน่ะสิ” บอกตรง ๆ เรื่องราคาของ หรือค่าเงินในยุคนี้เธอไม่ค่อยรู้เลยด้วยซ้ำ ดูอย่างที่ว่าทุกอย่างในยุคนี้ ราคาถูก เต้าหู้ก้อนหนึ่งแค่หนึ่งเหมาเท่านั้น ผ้าสวย ๆ หนึ่งพับแค่หนึ่งหยวน แต่!...มันกลับแพงยิ่งกว่าในยุคของเธอเสียอีก อาจเพราะค่าเงินมันไม่เท่ากันกระมัง“จะดีไม่ดียังไงก็ต้องขายไม่ใช่เหรอ เอาไว้หมดหน้าฝน ฉันจะขึ้นไปเก็บสมุนไพรพวกนี้ให้เธอเอง ถึงตอนนั้นเธอก็จะได้เงินเท่าเดิมแล้ว”ไป๋จ้าวเหม่ยพยักหน้าแกน ๆ ยังไงก็ต้องทำตามที่อู๋เหวยบอกนั่นแหละ เพราะนี่ก็สองวันแล้ว หากไม่รีบขายสมุนไพรของเธอก็คงจะเหี่ยวหมดราคาแน่ ๆ เห็ดหลินจือเธอสามารถเก็บเอาไว้ขายทีหลังได้ แต่โสมคนกับโสมซานซีและสมุนไพรอื่น ๆ คงต้องขายออกไป รวมทั้งพุทราแห้งด้ว
ตอนที่ 24 ออกตามหากว่าจะปลอบให้เด็กน้อยหยุดร้องไห้ ร่างอวบ ๆ ของเธอก็หนาวสั่น เธอรีบล้วงเข้าไปในตะกร้าสมุนไพร หยิบกลักไม้ขีดออกมา รวบเศษกิ่งไม้ใบไม้แห้ง ๆ ที่ถูกลมปลิวพัดมากระจุกอยู่ในถ้ำ และจุดไฟให้ความอบอุ่น“ซวนซวนหนูใส่เสื้อทับด้วยหรือเปล่าจ๊ะ”“ใส่ค่ะ”“ดีเลย ตอนนี้หนูถอดเสื้อผ้าออกมาก่อน เหลือเพียงแค่กางเกงชั้นในและเสื้อกล้ามก็พอ เอาออกมาอังไฟให้แห้งก่อน” อู๋ชิงซวนรีบถอดชุดออกมา รวมทั้งถุงเท้ารองเท้าทั้งหมด กางเกงในของเด็กน้อยเป็นทรงสามเหลี่ยม ที่แม่เลี้ยงตัดเย็บให้ และเสื้อกล้ามก็เป็นเสื้อที่ปิดถึงแค่เหนือสะดือ แต่เพราะที่นี่มีเพียงเธอสองคน เด็กหญิงจึงไม่อาย“รอน้าอยู่ตรงนี้แป๊บเดียว น้าจะไปเอากิ่งไม้ ถึงจะเปียกแต่ก็ดีกว่าไม่มีเลย” กำลังจะก้าวขาออกไป ทว่ามือเล็กก็ดึงเอาไว้ก่อน“น้าไปตรงนี้เอง หนูนั่งมองออกไปก็เห็น”“ไม่ใช่น้า” เด็กหญิงทำปากยู่ราวกับเป็ดตัวน้อยแสนงอนอย่างนั้น ไป๋จ้าวเหม่ยหลุดขำออกมา พลางยื่นมือไปบีบปากแหลม ๆ นั่น“เอาละ ๆ แม่ผิดไปแล้ว ต้องโทษที่แม่สมองไม่ดี ทำให้ลืมเสียได้ ซวนซวนน้อยไม่โกรธแม่นะคะลูก”“ไม่โกรธค่ะ แม่รีบไปรีบมานะคะ หนูนั่งผิงไฟตรงนี้ แต่แม่ถอดเส
ตอนที่ 23 ติดถ้ำเปรี้ยง! เสียงสายฟ้าร้องลั่นสั่นสะเทือน สายฝนกระหน่ำลงมาราวกับฟ้าถล่ม หญิงสาวโหนตัวอยู่ที่บนหน้าผา เธอกัดฟันปีนขึ้นไป แต่เพราะน้ำฝนที่สาดลงมาทำให้มือที่เกาะลื่น ร่างอวบร่วงพรืดลงไป มือเล็กรีบจิกเล็บลงที่ซอกหิน จนเล็บหักสิบนิ้วสื่อถึงหัวใจ ทว่าความเจ็บปวดไม่เท่ากับความหวาดกลัว คนตายมาแล้วหนึ่งครั้ง ย่อมไม่อยากตายอีก และที่สำคัญซวนซวนอยู่คนเดียว! ไม่รู้เด็กคนนั้นจะกลัวแค่ไหน ป่านนี้ไม่ใช่ร้องไห้ขี้มูกโป่งไปแล้วเหรอ“ฉันก็ว่าแล้ว โชคดีมันจะมาง่าย ๆ ได้ยังไง ได้โสมได้เห็ด แต่เกือบตกเขา ไม่ได้ฉันจะตายไม่ได้ซวนซวนรออยู่” เธอจะบ่นออกมาไม่ได้ ใบหูแว่วได้ยินเสียงร้องของเด็กน้อย ถึงจะรู้ว่าตอนนี้คงเป็นจิตใจเธอที่ปรุงแต่งไปเอง แต่กระนั้นพอได้คิดว่าเจ้าตัวเล็กนั่นกำลังร้องไห้ เธอก็ยิ่งจิกเล็บเข้าไปในซอกหิน กัดฟันปีนป่ายขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ดีที่ครั้งนี้เธอเลือกลงเขาด้านที่มีหน้าผาบังลม หากลงที่เดิมเธอคงตกตายไปแล้วไป๋จ้าวเหม่ยรีบวิ่งไปแกะเชือกที่มัดกับต้นไม้ใหญ่ จากนั้นก็วิ่งไปหาอู๋ชิงซวนที่ถ้ำหิน ริมฝีปากก็ตะโกนร้องบอกว่า “ซวนซวนน้ามาแล้ว” ไปตลอดทางทางด้านอู๋ชิงซวนหลังจากที่ฝ
ตอนที่ 22 ความคิดของอู๋เหวยวันนี้ก็เหมือนเช่นทุกวัน สองหญิงสาวเดินออกมาส่งชายหนุ่มคนเดียวของบ้านเหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว ทว่าหลายวันมานี้อู๋เหวยมักจะอิดออดไม่ยอมรีบขี่รถออกไปเร็วเหมือนเดิม เช่นเดียวกับตอนนี้ ดูเหมือนว่าตั้งแต่ไป๋จ้าวเหม่ยเข้าโรงพยาบาลก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แม่กับน้องของเธอไม่ได้มาขอเงินอีก แล้วผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้ส่งเงินไปเช่นกัน แปลกเหลือเกิน มีแต่ความแปลกเต็มไปหมด“ซวนซวนพ่อไปทำงานแล้วนะ”“ค่ะ...พ่อขี่รถดี ๆ นะคะ อย่าหักโหมนะหนูกับน้าเป็นห่วง” อู๋ชิงซวนเอ่ยถ้อยคำห่วงใยให้กับพ่อตนเอง หากเป็นเมื่อก่อนเธอก็อยากตามไปด้วย ทว่าเดี๋ยวนี้ เธออยากอยู่เรียนหนังสือ และเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากน้าเหม่ยมากกว่า“ขอบคุณครับ ซวนซวนเป็นเด็กดีอย่าดื้ออย่าซน เชื่อฟังน้าเหม่ยของลูกให้มาก ๆ นะ” สายตาอู๋เหวยเหลือบไปมองคนที่ยืนหมุนคอกระดูกลั่นดังกร๊อบ ๆ ก็ขมวดคิ้วขึ้น ไม่ใช่เพราะเธอออกกำลังกายแปลก ๆ นั่นหรือไงและใช่ไป๋จ้าวเหม่ยยังคงออกกำลังกายท่าแปลก ๆ ของเธอทุกวันเหมือนเดิม ตอนแรกเขาคิดว่าคนอ้วนอย่างเธอจะล้มเลิกกลางคัน แต่สามเดือนที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่า ไป๋จ้าวเหม่ยเอาจริง ทั้งอ
ตอนที่ 21 คนคนหนึ่งจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรออู๋เหวยเอาข้าวของที่ไป๋จ้าวเหม่ยซื้อมาใส่ตะกร้าหน้ารถตัวเอง ที่ใส่ไม่หมดก็ห้อยเอาไว้ เขามองข้าวของที่เต็มรถ ก็พอจะรู้ว่าเธอหมดไปหลายหยวน ชายหนุ่มรู้ว่าหญิงสาวได้เงินมาจากการขายสมุนไพร เพราะหลายวันที่ผ่านมา เขาก็เห็นแล้วว่าเธอวุ่นวายอยู่กับสมุนไพรเหล่านั้น แต่เขาไม่รู้ว่ามันจะขายได้ราคาดีเพียงใด“ซวนซวนหนูมาซ้อนท้ายพ่อดีไหมคะ น้าเหม่ยของลูกจะได้ไม่หนัก”“พ่อคะ!...หนูตัวไม่หนักเสียหน่อยจริงไหมคะน้าเหม่ย”“จริงจ้ะ ซวนซวนของพวกเราหุ่นดีขนาดนี้จะหนักได้ยังไง หนูมาซ้อนท้ายน้าเหมือนเดิมดีกว่า พ่อหนูถือของเต็มรถแล้ว” ไป๋จ้าวเหม่ยเห็นว่าอู๋เหวยรับหน้าที่ขนของแล้ว ดังนั้นเธอจึงรับหน้าที่บรรทุกคนไปเอง ทว่ายังไม่ทันที่เด็กหญิงจะได้ตอบ เสียงรีบร้อนของคนบางคนก็ตะโกนออกมาก่อนที่เจ้าตัวจะมาถึงเสียอีก“ซวนซวนหนูอยากมาซ้อนรถของพี่ชิงฮุยหรือเปล่าจ๊ะ ป้าพี่ส่งจดหมายมาจากเซี่ยงไฮ้ มีเรื่องสนุก ๆ เยอะเลย พี่เล่าให้ฟังดีไหมจ๊ะ” หลิวชิงฮุยเห็นทั้งสามกำลังจะไปอยู่แล้ว เธอก็รีบจูงรถจักรยานตามมา ในใจนึกโมโหตั้งแต่ที่กินอาหารข้างในแล้ว มีเพียงแค่เธอที่ชวนคุย พี่เห