ไป๋จ้าวเหม่ยมองชายโง่กับหญิงร่านที่ยืนส่งกันที่หน้าประตูบ้าน สายตาของหลิวชิงฮุยจ้องมองอู๋เหวยราวกับจะกลืนกิน หากกลืนลงท้องได้เจ้าหล่อนก็คงทำไปแล้ว และคนที่ตาไม่บอดก็คงมองเห็น เธอไม่ได้หึงหวง ไหน้ำส้มนางยังปิดสนิทไม่หกออกมาแม้แต่หยดเดียว เหตุผลง่าย ๆ ก็คือข้างในร่างกายนี้เป็นเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่งเท่านั้น ย่อมไม่ได้รู้สึกนึกรักหรือชอบ
ทว่าคำขอของไป๋อ้วน ที่ขอให้เธอทำให้อู๋เหวยหันมามองหันมารักเธอบ้าง ถือว่าตอบแทนกายเนื้อร่างนี้ เท่านี้ก็พอแล้ว ความจริงไป๋จ้าวเหม่ยจะไม่สนใจเลยก็ได้ แต่นั่นเป็นคำขอสุดท้ายของคนตายเชียวนะ อย่างไรก็ถือว่าคำขอสุดท้ายแลกกับร่างกาย ยังไงก็คุ้ม แต่ปัญหาคือเธอจะทำให้ไอ้หมาบ้าหน้าเดียวนั่นรักได้อย่างไร
“น้าอวบ...น้าไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ” อู๋ชิงซวนทำหน้าแหยง ๆ เหลือบตามองไปยังสะโพกอวบที่ถูกคนเป็นเจ้าของยกมือขึ้นลูบไม่หยุด ก็ตกมาแรงขนาดนั้นจะไม่เจ็บได้อย่างไร น้าอวบก็นะ ทำไมชอบประชดชีวิตด้วยวิธีไร้สาระ รู้ทั้งรู้ว่าพ่อไม่ชอบ ก็ยังจะทำอีก ไม่รู้สึกเจ็บบ้างหรือยังไง
“ยังไหวน่ะ ซวนซวนเธออยากกินอะไร เดี๋ยวฉันจะทำให้กิน พ่อเธอซื้อของมาเยอะเลยนี่” โยคะฟลายที่งดงามของเธอ พลันจบสิ้นแล้ว ให้ตายเถอะ คราวหน้าต้องหาที่ยึดดี ๆ กิ่งไม้ผุง่ายเหลือเกิน
“อะไรก็ได้ค่ะ พ่อซื้อของเอาไว้ในห้องครัวน้าอวบไปดูก่อนสิ” ไป๋จ้าวเหม่ยพยักหน้าแกน ๆ
อู๋ชิงซวนเหลือบมองที่สะโพกแม่เลี้ยงอีกครั้ง ครั้นเห็นว่าเธอเดินกดเอวเข้าไปในบ้าน เด็กน้อยก็วิ่งออกไปที่หน้าบ้าน
“พ่อคะ ๆ หนูขอเงินหน่อยค่ะ”
“อ้อ...ได้สิรอสักครู่ เดี๋ยวพ่อไปหยิบให้” แต่ไหนแต่ไรมาลูกสาวก็ไม่เคยคิดจะขอเงินเขาเลยสักครั้ง ในเมื่อวันนี้เด็กน้อยเอ่ยปากขอ ยังไงเขาก็ให้
“ขอบคุณค่ะพ่อ เดี๋ยวหนูกลับมาช่วยเก็บของนะคะ” ได้เงินแล้วก็รีบวิ่งออกไปจากบ้าน อู๋เหวยกอดอกมองตามไป ครั้นเห็นว่าลูกสาวไปทางร้านค้าในหมู่บ้าน ก็เดินกลับมาเก็บของต่อไป
ไป๋จ้าวเหม่ยไม่รู้ว่าสองพ่อลูกกำลังทำอะไรกันอยู่ เพราะว่าตอนนี้เธอก็กำลังนำเต้าหู้ไข่มาชุบแป้ง แล้วก็นำไปทอดให้กรอบเสร็จแล้วก็ตักขึ้นมาพักเอาไว้ เธอนำกระทะใบใหม่มาตั้งนำหมูที่สับจนละเอียดไปผัด ใส่ผักสามสี เติมเครื่องปรุงแล้วจึงใส่เต้าหู้ทอดตามไป
เสร็จอย่างแรกเธอก็ทำน้ำแกงแกะใส่พริกเสฉวนจนออกรสเผ็ด เคี่ยวจนส่งกลิ่นหอม ก็พอดีกับที่สองพ่อลูกเดินตามกันเข้ามาในครัว
“หอมมากเลยค่ะน้า ใกล้เสร็จหรือยังคะ ฉันหิวแล้ว”
“ใกล้แล้ว แต่ก่อนอื่นหนูต้องไปอาบน้ำก่อนนะจ๊ะ วันนี้ออกไปข้างนอกกลับมาก็ทำงานในร้านซ่อมรถ กลิ่นน้ำมัน กลิ่นสนิมติดเต็มตัว ไปอาบน้ำเลย อาบเสร็จก็ได้กินพอดี”
“ได้ค่ะ” เด็กก็คือเด็ก ต่อให้อู๋ชิงซวนจะกลัวไป๋จ้าวเหม่ยแค่ไหน ทว่าเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำดีด้วย เด็กน้อยก็เริ่มจะกล้าเข้าใกล้อย่างไม่รู้ตัว
เช่นเดียวกับตอนนี้ แค่เพียงแม่เลี้ยงตัวอ้วนบอกว่า ให้ไปอาบน้ำ เธอก็ทิ้งคนเป็นพ่อเอาไว้ และวิ่งออกไปนอกบ้านแล้ว ห้องอาบน้ำและห้องส้วมอยู่ที่นอกตัวบ้าน แต่เพราะที่บ้านติดไฟฟ้าแล้ว อู๋ชิงซวนจึงไปคนเดียวได้ เด็กก็ไปแล้ว แต่ทำไมไอ้ผู้ใหญ่บางคนถึงยังไม่ไปอีก
“ไม่ไปอาบน้ำกับลูกล่ะ มารอตรงนี้ก็ยังไม่มีกระดูกให้กินหรอกนะ”
“เธอน่ะสิกินกระดูก” อู๋เหวยถลึงตาใส่ ทว่าไป๋จ้าวเหม่ยก็เบ้ปากยักไหล่และหันกลับมาทำอาหารต่อ กับข้าวสองอย่างแล้ว ยำแตงกวาอีกสักจาน ไม่ต้องเยอะมาก ที่บ้านยังไม่มีเงินมากพอ สมองเล็ก ๆ ของเธอเริ่มวกกลับมาคิดอีกแล้วว่าจะหาเงินยังไง ทว่ายังไม่ทันได้คิดดี เงินหยวนและคูปองก็ถูกยื่นมาตรงหน้า
“อะไร?” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นถาม
อู๋เหวยชักสีหน้าเข้ม พลางถลึงตามองอย่างไม่สบอารมณ์ สงสัยผู้หญิงคนนี้จะบ้าไปแล้วจริง ๆ เมื่อเช้าเขาหนีออกไปซื้อของก่อนก็แล้วไปเถอะ ตอนเขากลับมาเธอก็ไม่ปรี่เข้ามาขอเงิน รอจนกระทั่งตอนนี้ เขายื่นให้ก็ทำหน้างงไปอีก
“เงินเดือนฉันไง หรือเธอจะไม่เอา แต่บอกก่อนนั่นเพราะเธอไม่เอาเองไม่ใช่ฉันไม่ให้ ดังนั้นเธอก็ห้ามมาระบายอารมณ์ที่ซวนซวน”
“ฉันไม่เคย...” ความจริงไป๋จ้าวเหม่ยโมโหมากที่ได้ยินคำพูดพล่อย ๆ ของอู๋เหวย แต่แล้วเธอก็ต้องชะงักหุบปากตนเองลงอย่างรวดเร็ว เธอไม่เคยก็ไม่แน่ว่าไป๋อ้วนอาจจะเคย
“เคยอะไร ทำไมไม่พูดให้จบ”
“เคยอะไรล่ะ นายอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง เอาเงินมาให้ฉันเลย ดูสิเหลือเท่าไรแล้ว” สีหน้าอู๋เหวยพลันเขียวคล้ำขึ้นมาทันที จากตอนแรกที่เขากำลังจะมองผู้หญิงคนนี้ดีขึ้น ว่าในที่สุดเธอก็รู้จักรอ ไม่มาขอเงินเขา ที่ไหนได้ เธอก็ยังเป็นนังอ้วนหน้าเงินเหมือนเดิม
“เอาไป แล้วก็จำเอาไว้ ฉันให้เงินเธอ เธอก็ต้องดูแลลูกฉันดี ๆ”
“โอ๊ยทำไมเหลือแค่นี้อู๋เหวยเงินเดือนนายเจ็ดสิบหยวนไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้เหลือแค่นี้”
“มันจะมากไปแล้วนะไป๋จ้าวเหม่ย เธอแหกตาดูข้าวของที่ฉันซื้อมาก่อนแล้วค่อยพูด ฉันซื้อของกินมาเต็มบ้าน มันจะเหลือเท่าเดิมได้ยังไง หึ! แล้วอย่ามาถามว่าทำไมไม่ให้เธอไปซื้อ เธอก็ลองนึกดูว่าแต่ละเดือนเธอซื้อเศษเนื้อ เศษผัก แป้งขึ้นรามาจากไหน ต่อไปนี้ฉันจะเป็นคนซื้อข้าวของในบ้านเอง เงินที่เหลือเธอก็ค่อยมาเอาไป”
เหมือนนี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาต่อว่าไป๋จ้าวเหม่ยยืดยาวขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ไม่อยากจะด่า ทว่าเมื่อเขาเริ่มต่อว่า เธอก็จะหาไม้มาทุบตีเขา ถ้าเขาสู้ เธอก็จะวิ่งไปนอนร้องอยู่ที่หน้าบ้านย่าสาม ทำให้เขาต้องยอมแพ้ไปตลอด ครั้นเมื่อด่าเสร็จก็ไม่รอให้หญิงสาวได้ทันตั้งตัว เขาก็หมุนตัวเดินออกไปได้เพียงสามก้าว เสียงของไป๋จ้าวเหม่ยก็แทบทำให้เขาเข่าทรุด
“อ้อได้” อ้อได้!...นี่มันคำพูดอะไรกัน ตอบรับง่าย ๆ อย่างนี้เลยหรือ สรุปแล้วผู้หญิงคนนี้ยังเป็นเหมือนเดิม หรือเปลี่ยนไปแล้วกันแน่
อู๋เหวยสะบัดหัวเรียกสติตนเอง จะเหมือนเดิมหรือเปลี่ยนไป ก็ไม่เกี่ยวกับเขา ขอเพียงแค่เธออยู่ไปอย่างสงบ เงินทองเขาก็ให้ได้ แต่อย่าได้รังแกซวนซวนอีก เพราะหากมีอีกครั้ง เขายอมแลกชีวิตกับเธอแน่
“ซวนซวนถูสบู่หรือยัง มาพ่ออาบให้” ห้องอาบน้ำที่บ้านหลังนี้ไม่ได้สร้างมิดชิด มีเพียงแค่ถังน้ำกลางลานแจ้งเท่านั้น ห้องส้วมก็กั้นแค่เพียงสี่ด้าน หลังคาเปิดโล่ง นั่นเพราะเขาไม่มีเงินมากพอจะมาทำบ้านให้ดี ๆ
สองพ่อลูกอาบน้ำด้วยกันจนสะอาดก็เดินกลับเข้ามาในบ้าน โต๊ะอาหารถูกจัดตั้งเตรียมเอาไว้หมดแล้ว สีสันของผัดเต้าหู้สวยงามจนเด็กน้อยปล่อยมือคนเป็นพ่อวิ่งเข้ามานั่ง
“น้าอวบสีสวยน่าทานจังค่ะ มันคืออะไรคะ”
“มันคือผัดเต้าหู้ทอดสามสหาย ที่เรียกว่าสามสหายก็เพราะน้าเอาผักสามสีมาผัดรวมกันยังไงล่ะ ส่วนจานนี้เป็นน้ำแกงแพะกับพริกเสฉวน จานนี้ยำแตงกวากรอบ มากินกันเถอะน้าตักข้าวให้”
ไป๋จ้าวเหม่ยตักข้าวใส่ชามให้กับอู๋เหวย และก็อู๋ชิงซวน จากนั้นก็นั่งคีบอาหารใส่จานเด็กน้อยอย่างเอาใจ อู๋เหวยยื่นตะเกียบไปคีบผัดสามสหายขึ้นมากิน ดวงตาเรียวเบิกขึ้น จากนั้นเขาก็เริ่มคีบไม่หยุด รวมทั้งน้ำแกงแพะและยำแตงกวาอร่อยจนแทบจะกลืนลิ้น แต่เมื่อหันมามองฝั่งตรงข้าม เขาก็เห็นว่าตรงหน้าไป๋จ้าวเหม่ยไม่มีชามข้าว
“เธอไม่กินเหรอ” คราวนี้อู๋ชิงซวนก็สังเกตเห็นบ้างแล้ว
“นั่นน่ะสิ หรือว่าข้าวไม่พอคะ น้ากินของหนูก็ได้” อู๋ชิงซวนมองชามข้าวตนเองอย่างอาลัยอาวรณ์ ก่อนจะกัดฟันตัดใจยื่นไปตรงหน้า
“นี่ค่ะ”
“ซวนซวนของเราช่างมีน้ำใจเหลือเกิน แต่น้าไม่กินหรอกจ้ะ น้ากำลังลดน้ำหนักอยู่ ไม่อยากเป็นน้าอ้วน น้าอวบอีกแล้วน่ะ” สองพ่อลูกมองหน้ากัน แต่กระนั้นในชามก็ถูกแม่เลี้ยงคีบอาหารใส่เข้ามาเพิ่ม เธอจึงก้มลงไปกินเงียบ ๆ ต่อไปจนหมด
********************
ตอนที่ 26 สมุนไพรแพงขนาดนี้เลยเหรอไป๋จ้าวเหม่ยเปิดถุงกระดาษหยิบชุดที่หลิวชิงฮุยซื้อมาฝากซวนซวน เมื่อตอนเย็นแม่ดอกบัวขาวใต้ตมพยายามจะชวนเด็กน้อยคุยเล่น ทว่าซวนซวนก็ไม่ได้สนใจเท่าที่ควร เธอเอาเวลาไปคัดแยกพุทราจีนที่เก็บมาจากบนเขา พรุ่งนี้พ่อของเธอจะเอาไปขายให้หลิวชิงฮุยเห็นว่าเด็กน้อยไม่สนใจ จึงได้กลับไปอย่างพ่ายแพ้“ซวนซวนหนูมาดูชุดที่พี่ชิงฮุยซื้อมาฝาก สวยดีนะ ว้าวชุดนี้เหมือนชุดกะลาสีเรือเลย”“อะไรคือกะลาสีเรือคะ” เด็กน้อยละสายตาจากแบบฝึกหัดที่กำลังเขียนอยู่ หันมาเอียงคอถามตอนนี้เด็กน้อยไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับชุดใหม่อีกแล้ว อาจเป็นเพราะแม่เลี้ยงของเธอตัดให้จนครบเจ็ดวัน ไหนจะมีชุดที่เอาไว้ใส่ไปข้างนอก ชุดนอน ชุดใส่เล่น เต็มไปหมด อะไรที่ได้มามากพอก็ทำให้เธอหมดความสนใจ อีกอย่างชุดที่แม่เธอตัดก็สวยกว่าชุดที่วางขายมาก“ก็นี่ยังไงชุดที่มีคอปกข้างหลัง ชอบไหม ว่าไม่ได้หลิวชิงฮุยซื้อของดีมาให้เชียวนะ ผ้านุ่มเชียวใส่สบายตัวเลยละ”“ชอบค่ะ แต่ชอบชุดที่แม่ตัดเย็บให้มากกว่า เหมือนชุดนี้ไง ชุดนอนของหนู พ่อคะพ่อเห็นด้วยหรือเปล่า ชุดนอนที่แม่ทำสวยกว่าอีกเนอะ” อู๋ชิงซวนหมุนตัวหนึ่งรอบ ให้ดูชุดนอนก
ตอนที่ 25 สงสัยไป๋จ้าวเหม่ยพลาดไปแล้ว เธอพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย ลืมไปได้อย่างไรว่าเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว เธอมองท้องฟ้าที่สายฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย“เธอจะให้ฉันเอาสมุนไพรไปขายให้หรือเปล่า แต่เอาไปแบบไม่ตากแห้งมันจะขายได้ไหม ถ้าขายไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เราเก็บเอาไว้ก่อน อบกับไฟก็แห้งเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”“แบบสดมันก็ขายได้ ฉันไม่แน่ใจว่าราคามันจะดีเหมือนแห้งหรือเปล่าน่ะสิ” บอกตรง ๆ เรื่องราคาของ หรือค่าเงินในยุคนี้เธอไม่ค่อยรู้เลยด้วยซ้ำ ดูอย่างที่ว่าทุกอย่างในยุคนี้ ราคาถูก เต้าหู้ก้อนหนึ่งแค่หนึ่งเหมาเท่านั้น ผ้าสวย ๆ หนึ่งพับแค่หนึ่งหยวน แต่!...มันกลับแพงยิ่งกว่าในยุคของเธอเสียอีก อาจเพราะค่าเงินมันไม่เท่ากันกระมัง“จะดีไม่ดียังไงก็ต้องขายไม่ใช่เหรอ เอาไว้หมดหน้าฝน ฉันจะขึ้นไปเก็บสมุนไพรพวกนี้ให้เธอเอง ถึงตอนนั้นเธอก็จะได้เงินเท่าเดิมแล้ว”ไป๋จ้าวเหม่ยพยักหน้าแกน ๆ ยังไงก็ต้องทำตามที่อู๋เหวยบอกนั่นแหละ เพราะนี่ก็สองวันแล้ว หากไม่รีบขายสมุนไพรของเธอก็คงจะเหี่ยวหมดราคาแน่ ๆ เห็ดหลินจือเธอสามารถเก็บเอาไว้ขายทีหลังได้ แต่โสมคนกับโสมซานซีและสมุนไพรอื่น ๆ คงต้องขายออกไป รวมทั้งพุทราแห้งด้ว
ตอนที่ 24 ออกตามหากว่าจะปลอบให้เด็กน้อยหยุดร้องไห้ ร่างอวบ ๆ ของเธอก็หนาวสั่น เธอรีบล้วงเข้าไปในตะกร้าสมุนไพร หยิบกลักไม้ขีดออกมา รวบเศษกิ่งไม้ใบไม้แห้ง ๆ ที่ถูกลมปลิวพัดมากระจุกอยู่ในถ้ำ และจุดไฟให้ความอบอุ่น“ซวนซวนหนูใส่เสื้อทับด้วยหรือเปล่าจ๊ะ”“ใส่ค่ะ”“ดีเลย ตอนนี้หนูถอดเสื้อผ้าออกมาก่อน เหลือเพียงแค่กางเกงชั้นในและเสื้อกล้ามก็พอ เอาออกมาอังไฟให้แห้งก่อน” อู๋ชิงซวนรีบถอดชุดออกมา รวมทั้งถุงเท้ารองเท้าทั้งหมด กางเกงในของเด็กน้อยเป็นทรงสามเหลี่ยม ที่แม่เลี้ยงตัดเย็บให้ และเสื้อกล้ามก็เป็นเสื้อที่ปิดถึงแค่เหนือสะดือ แต่เพราะที่นี่มีเพียงเธอสองคน เด็กหญิงจึงไม่อาย“รอน้าอยู่ตรงนี้แป๊บเดียว น้าจะไปเอากิ่งไม้ ถึงจะเปียกแต่ก็ดีกว่าไม่มีเลย” กำลังจะก้าวขาออกไป ทว่ามือเล็กก็ดึงเอาไว้ก่อน“น้าไปตรงนี้เอง หนูนั่งมองออกไปก็เห็น”“ไม่ใช่น้า” เด็กหญิงทำปากยู่ราวกับเป็ดตัวน้อยแสนงอนอย่างนั้น ไป๋จ้าวเหม่ยหลุดขำออกมา พลางยื่นมือไปบีบปากแหลม ๆ นั่น“เอาละ ๆ แม่ผิดไปแล้ว ต้องโทษที่แม่สมองไม่ดี ทำให้ลืมเสียได้ ซวนซวนน้อยไม่โกรธแม่นะคะลูก”“ไม่โกรธค่ะ แม่รีบไปรีบมานะคะ หนูนั่งผิงไฟตรงนี้ แต่แม่ถอดเส
ตอนที่ 23 ติดถ้ำเปรี้ยง! เสียงสายฟ้าร้องลั่นสั่นสะเทือน สายฝนกระหน่ำลงมาราวกับฟ้าถล่ม หญิงสาวโหนตัวอยู่ที่บนหน้าผา เธอกัดฟันปีนขึ้นไป แต่เพราะน้ำฝนที่สาดลงมาทำให้มือที่เกาะลื่น ร่างอวบร่วงพรืดลงไป มือเล็กรีบจิกเล็บลงที่ซอกหิน จนเล็บหักสิบนิ้วสื่อถึงหัวใจ ทว่าความเจ็บปวดไม่เท่ากับความหวาดกลัว คนตายมาแล้วหนึ่งครั้ง ย่อมไม่อยากตายอีก และที่สำคัญซวนซวนอยู่คนเดียว! ไม่รู้เด็กคนนั้นจะกลัวแค่ไหน ป่านนี้ไม่ใช่ร้องไห้ขี้มูกโป่งไปแล้วเหรอ“ฉันก็ว่าแล้ว โชคดีมันจะมาง่าย ๆ ได้ยังไง ได้โสมได้เห็ด แต่เกือบตกเขา ไม่ได้ฉันจะตายไม่ได้ซวนซวนรออยู่” เธอจะบ่นออกมาไม่ได้ ใบหูแว่วได้ยินเสียงร้องของเด็กน้อย ถึงจะรู้ว่าตอนนี้คงเป็นจิตใจเธอที่ปรุงแต่งไปเอง แต่กระนั้นพอได้คิดว่าเจ้าตัวเล็กนั่นกำลังร้องไห้ เธอก็ยิ่งจิกเล็บเข้าไปในซอกหิน กัดฟันปีนป่ายขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ดีที่ครั้งนี้เธอเลือกลงเขาด้านที่มีหน้าผาบังลม หากลงที่เดิมเธอคงตกตายไปแล้วไป๋จ้าวเหม่ยรีบวิ่งไปแกะเชือกที่มัดกับต้นไม้ใหญ่ จากนั้นก็วิ่งไปหาอู๋ชิงซวนที่ถ้ำหิน ริมฝีปากก็ตะโกนร้องบอกว่า “ซวนซวนน้ามาแล้ว” ไปตลอดทางทางด้านอู๋ชิงซวนหลังจากที่ฝ
ตอนที่ 22 ความคิดของอู๋เหวยวันนี้ก็เหมือนเช่นทุกวัน สองหญิงสาวเดินออกมาส่งชายหนุ่มคนเดียวของบ้านเหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว ทว่าหลายวันมานี้อู๋เหวยมักจะอิดออดไม่ยอมรีบขี่รถออกไปเร็วเหมือนเดิม เช่นเดียวกับตอนนี้ ดูเหมือนว่าตั้งแต่ไป๋จ้าวเหม่ยเข้าโรงพยาบาลก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แม่กับน้องของเธอไม่ได้มาขอเงินอีก แล้วผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้ส่งเงินไปเช่นกัน แปลกเหลือเกิน มีแต่ความแปลกเต็มไปหมด“ซวนซวนพ่อไปทำงานแล้วนะ”“ค่ะ...พ่อขี่รถดี ๆ นะคะ อย่าหักโหมนะหนูกับน้าเป็นห่วง” อู๋ชิงซวนเอ่ยถ้อยคำห่วงใยให้กับพ่อตนเอง หากเป็นเมื่อก่อนเธอก็อยากตามไปด้วย ทว่าเดี๋ยวนี้ เธออยากอยู่เรียนหนังสือ และเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากน้าเหม่ยมากกว่า“ขอบคุณครับ ซวนซวนเป็นเด็กดีอย่าดื้ออย่าซน เชื่อฟังน้าเหม่ยของลูกให้มาก ๆ นะ” สายตาอู๋เหวยเหลือบไปมองคนที่ยืนหมุนคอกระดูกลั่นดังกร๊อบ ๆ ก็ขมวดคิ้วขึ้น ไม่ใช่เพราะเธอออกกำลังกายแปลก ๆ นั่นหรือไงและใช่ไป๋จ้าวเหม่ยยังคงออกกำลังกายท่าแปลก ๆ ของเธอทุกวันเหมือนเดิม ตอนแรกเขาคิดว่าคนอ้วนอย่างเธอจะล้มเลิกกลางคัน แต่สามเดือนที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่า ไป๋จ้าวเหม่ยเอาจริง ทั้งอ
ตอนที่ 21 คนคนหนึ่งจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรออู๋เหวยเอาข้าวของที่ไป๋จ้าวเหม่ยซื้อมาใส่ตะกร้าหน้ารถตัวเอง ที่ใส่ไม่หมดก็ห้อยเอาไว้ เขามองข้าวของที่เต็มรถ ก็พอจะรู้ว่าเธอหมดไปหลายหยวน ชายหนุ่มรู้ว่าหญิงสาวได้เงินมาจากการขายสมุนไพร เพราะหลายวันที่ผ่านมา เขาก็เห็นแล้วว่าเธอวุ่นวายอยู่กับสมุนไพรเหล่านั้น แต่เขาไม่รู้ว่ามันจะขายได้ราคาดีเพียงใด“ซวนซวนหนูมาซ้อนท้ายพ่อดีไหมคะ น้าเหม่ยของลูกจะได้ไม่หนัก”“พ่อคะ!...หนูตัวไม่หนักเสียหน่อยจริงไหมคะน้าเหม่ย”“จริงจ้ะ ซวนซวนของพวกเราหุ่นดีขนาดนี้จะหนักได้ยังไง หนูมาซ้อนท้ายน้าเหมือนเดิมดีกว่า พ่อหนูถือของเต็มรถแล้ว” ไป๋จ้าวเหม่ยเห็นว่าอู๋เหวยรับหน้าที่ขนของแล้ว ดังนั้นเธอจึงรับหน้าที่บรรทุกคนไปเอง ทว่ายังไม่ทันที่เด็กหญิงจะได้ตอบ เสียงรีบร้อนของคนบางคนก็ตะโกนออกมาก่อนที่เจ้าตัวจะมาถึงเสียอีก“ซวนซวนหนูอยากมาซ้อนรถของพี่ชิงฮุยหรือเปล่าจ๊ะ ป้าพี่ส่งจดหมายมาจากเซี่ยงไฮ้ มีเรื่องสนุก ๆ เยอะเลย พี่เล่าให้ฟังดีไหมจ๊ะ” หลิวชิงฮุยเห็นทั้งสามกำลังจะไปอยู่แล้ว เธอก็รีบจูงรถจักรยานตามมา ในใจนึกโมโหตั้งแต่ที่กินอาหารข้างในแล้ว มีเพียงแค่เธอที่ชวนคุย พี่เห