ไป๋จ้าวเหม่ยมองชายโง่กับหญิงร่านที่ยืนส่งกันที่หน้าประตูบ้าน สายตาของหลิวชิงฮุยจ้องมองอู๋เหวยราวกับจะกลืนกิน หากกลืนลงท้องได้เจ้าหล่อนก็คงทำไปแล้ว และคนที่ตาไม่บอดก็คงมองเห็น เธอไม่ได้หึงหวง ไหน้ำส้มนางยังปิดสนิทไม่หกออกมาแม้แต่หยดเดียว เหตุผลง่าย ๆ ก็คือข้างในร่างกายนี้เป็นเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่งเท่านั้น ย่อมไม่ได้รู้สึกนึกรักหรือชอบ
ทว่าคำขอของไป๋อ้วน ที่ขอให้เธอทำให้อู๋เหวยหันมามองหันมารักเธอบ้าง ถือว่าตอบแทนกายเนื้อร่างนี้ เท่านี้ก็พอแล้ว ความจริงไป๋จ้าวเหม่ยจะไม่สนใจเลยก็ได้ แต่นั่นเป็นคำขอสุดท้ายของคนตายเชียวนะ อย่างไรก็ถือว่าคำขอสุดท้ายแลกกับร่างกาย ยังไงก็คุ้ม แต่ปัญหาคือเธอจะทำให้ไอ้หมาบ้าหน้าเดียวนั่นรักได้อย่างไร
“น้าอวบ...น้าไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ” อู๋ชิงซวนทำหน้าแหยง ๆ เหลือบตามองไปยังสะโพกอวบที่ถูกคนเป็นเจ้าของยกมือขึ้นลูบไม่หยุด ก็ตกมาแรงขนาดนั้นจะไม่เจ็บได้อย่างไร น้าอวบก็นะ ทำไมชอบประชดชีวิตด้วยวิธีไร้สาระ รู้ทั้งรู้ว่าพ่อไม่ชอบ ก็ยังจะทำอีก ไม่รู้สึกเจ็บบ้างหรือยังไง
“ยังไหวน่ะ ซวนซวนเธออยากกินอะไร เดี๋ยวฉันจะทำให้กิน พ่อเธอซื้อของมาเยอะเลยนี่” โยคะฟลายที่งดงามของเธอ พลันจบสิ้นแล้ว ให้ตายเถอะ คราวหน้าต้องหาที่ยึดดี ๆ กิ่งไม้ผุง่ายเหลือเกิน
“อะไรก็ได้ค่ะ พ่อซื้อของเอาไว้ในห้องครัวน้าอวบไปดูก่อนสิ” ไป๋จ้าวเหม่ยพยักหน้าแกน ๆ
อู๋ชิงซวนเหลือบมองที่สะโพกแม่เลี้ยงอีกครั้ง ครั้นเห็นว่าเธอเดินกดเอวเข้าไปในบ้าน เด็กน้อยก็วิ่งออกไปที่หน้าบ้าน
“พ่อคะ ๆ หนูขอเงินหน่อยค่ะ”
“อ้อ...ได้สิรอสักครู่ เดี๋ยวพ่อไปหยิบให้” แต่ไหนแต่ไรมาลูกสาวก็ไม่เคยคิดจะขอเงินเขาเลยสักครั้ง ในเมื่อวันนี้เด็กน้อยเอ่ยปากขอ ยังไงเขาก็ให้
“ขอบคุณค่ะพ่อ เดี๋ยวหนูกลับมาช่วยเก็บของนะคะ” ได้เงินแล้วก็รีบวิ่งออกไปจากบ้าน อู๋เหวยกอดอกมองตามไป ครั้นเห็นว่าลูกสาวไปทางร้านค้าในหมู่บ้าน ก็เดินกลับมาเก็บของต่อไป
ไป๋จ้าวเหม่ยไม่รู้ว่าสองพ่อลูกกำลังทำอะไรกันอยู่ เพราะว่าตอนนี้เธอก็กำลังนำเต้าหู้ไข่มาชุบแป้ง แล้วก็นำไปทอดให้กรอบเสร็จแล้วก็ตักขึ้นมาพักเอาไว้ เธอนำกระทะใบใหม่มาตั้งนำหมูที่สับจนละเอียดไปผัด ใส่ผักสามสี เติมเครื่องปรุงแล้วจึงใส่เต้าหู้ทอดตามไป
เสร็จอย่างแรกเธอก็ทำน้ำแกงแกะใส่พริกเสฉวนจนออกรสเผ็ด เคี่ยวจนส่งกลิ่นหอม ก็พอดีกับที่สองพ่อลูกเดินตามกันเข้ามาในครัว
“หอมมากเลยค่ะน้า ใกล้เสร็จหรือยังคะ ฉันหิวแล้ว”
“ใกล้แล้ว แต่ก่อนอื่นหนูต้องไปอาบน้ำก่อนนะจ๊ะ วันนี้ออกไปข้างนอกกลับมาก็ทำงานในร้านซ่อมรถ กลิ่นน้ำมัน กลิ่นสนิมติดเต็มตัว ไปอาบน้ำเลย อาบเสร็จก็ได้กินพอดี”
“ได้ค่ะ” เด็กก็คือเด็ก ต่อให้อู๋ชิงซวนจะกลัวไป๋จ้าวเหม่ยแค่ไหน ทว่าเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำดีด้วย เด็กน้อยก็เริ่มจะกล้าเข้าใกล้อย่างไม่รู้ตัว
เช่นเดียวกับตอนนี้ แค่เพียงแม่เลี้ยงตัวอ้วนบอกว่า ให้ไปอาบน้ำ เธอก็ทิ้งคนเป็นพ่อเอาไว้ และวิ่งออกไปนอกบ้านแล้ว ห้องอาบน้ำและห้องส้วมอยู่ที่นอกตัวบ้าน แต่เพราะที่บ้านติดไฟฟ้าแล้ว อู๋ชิงซวนจึงไปคนเดียวได้ เด็กก็ไปแล้ว แต่ทำไมไอ้ผู้ใหญ่บางคนถึงยังไม่ไปอีก
“ไม่ไปอาบน้ำกับลูกล่ะ มารอตรงนี้ก็ยังไม่มีกระดูกให้กินหรอกนะ”
“เธอน่ะสิกินกระดูก” อู๋เหวยถลึงตาใส่ ทว่าไป๋จ้าวเหม่ยก็เบ้ปากยักไหล่และหันกลับมาทำอาหารต่อ กับข้าวสองอย่างแล้ว ยำแตงกวาอีกสักจาน ไม่ต้องเยอะมาก ที่บ้านยังไม่มีเงินมากพอ สมองเล็ก ๆ ของเธอเริ่มวกกลับมาคิดอีกแล้วว่าจะหาเงินยังไง ทว่ายังไม่ทันได้คิดดี เงินหยวนและคูปองก็ถูกยื่นมาตรงหน้า
“อะไร?” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นถาม
อู๋เหวยชักสีหน้าเข้ม พลางถลึงตามองอย่างไม่สบอารมณ์ สงสัยผู้หญิงคนนี้จะบ้าไปแล้วจริง ๆ เมื่อเช้าเขาหนีออกไปซื้อของก่อนก็แล้วไปเถอะ ตอนเขากลับมาเธอก็ไม่ปรี่เข้ามาขอเงิน รอจนกระทั่งตอนนี้ เขายื่นให้ก็ทำหน้างงไปอีก
“เงินเดือนฉันไง หรือเธอจะไม่เอา แต่บอกก่อนนั่นเพราะเธอไม่เอาเองไม่ใช่ฉันไม่ให้ ดังนั้นเธอก็ห้ามมาระบายอารมณ์ที่ซวนซวน”
“ฉันไม่เคย...” ความจริงไป๋จ้าวเหม่ยโมโหมากที่ได้ยินคำพูดพล่อย ๆ ของอู๋เหวย แต่แล้วเธอก็ต้องชะงักหุบปากตนเองลงอย่างรวดเร็ว เธอไม่เคยก็ไม่แน่ว่าไป๋อ้วนอาจจะเคย
“เคยอะไร ทำไมไม่พูดให้จบ”
“เคยอะไรล่ะ นายอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง เอาเงินมาให้ฉันเลย ดูสิเหลือเท่าไรแล้ว” สีหน้าอู๋เหวยพลันเขียวคล้ำขึ้นมาทันที จากตอนแรกที่เขากำลังจะมองผู้หญิงคนนี้ดีขึ้น ว่าในที่สุดเธอก็รู้จักรอ ไม่มาขอเงินเขา ที่ไหนได้ เธอก็ยังเป็นนังอ้วนหน้าเงินเหมือนเดิม
“เอาไป แล้วก็จำเอาไว้ ฉันให้เงินเธอ เธอก็ต้องดูแลลูกฉันดี ๆ”
“โอ๊ยทำไมเหลือแค่นี้อู๋เหวยเงินเดือนนายเจ็ดสิบหยวนไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้เหลือแค่นี้”
“มันจะมากไปแล้วนะไป๋จ้าวเหม่ย เธอแหกตาดูข้าวของที่ฉันซื้อมาก่อนแล้วค่อยพูด ฉันซื้อของกินมาเต็มบ้าน มันจะเหลือเท่าเดิมได้ยังไง หึ! แล้วอย่ามาถามว่าทำไมไม่ให้เธอไปซื้อ เธอก็ลองนึกดูว่าแต่ละเดือนเธอซื้อเศษเนื้อ เศษผัก แป้งขึ้นรามาจากไหน ต่อไปนี้ฉันจะเป็นคนซื้อข้าวของในบ้านเอง เงินที่เหลือเธอก็ค่อยมาเอาไป”
เหมือนนี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาต่อว่าไป๋จ้าวเหม่ยยืดยาวขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ไม่อยากจะด่า ทว่าเมื่อเขาเริ่มต่อว่า เธอก็จะหาไม้มาทุบตีเขา ถ้าเขาสู้ เธอก็จะวิ่งไปนอนร้องอยู่ที่หน้าบ้านย่าสาม ทำให้เขาต้องยอมแพ้ไปตลอด ครั้นเมื่อด่าเสร็จก็ไม่รอให้หญิงสาวได้ทันตั้งตัว เขาก็หมุนตัวเดินออกไปได้เพียงสามก้าว เสียงของไป๋จ้าวเหม่ยก็แทบทำให้เขาเข่าทรุด
“อ้อได้” อ้อได้!...นี่มันคำพูดอะไรกัน ตอบรับง่าย ๆ อย่างนี้เลยหรือ สรุปแล้วผู้หญิงคนนี้ยังเป็นเหมือนเดิม หรือเปลี่ยนไปแล้วกันแน่
อู๋เหวยสะบัดหัวเรียกสติตนเอง จะเหมือนเดิมหรือเปลี่ยนไป ก็ไม่เกี่ยวกับเขา ขอเพียงแค่เธออยู่ไปอย่างสงบ เงินทองเขาก็ให้ได้ แต่อย่าได้รังแกซวนซวนอีก เพราะหากมีอีกครั้ง เขายอมแลกชีวิตกับเธอแน่
“ซวนซวนถูสบู่หรือยัง มาพ่ออาบให้” ห้องอาบน้ำที่บ้านหลังนี้ไม่ได้สร้างมิดชิด มีเพียงแค่ถังน้ำกลางลานแจ้งเท่านั้น ห้องส้วมก็กั้นแค่เพียงสี่ด้าน หลังคาเปิดโล่ง นั่นเพราะเขาไม่มีเงินมากพอจะมาทำบ้านให้ดี ๆ
สองพ่อลูกอาบน้ำด้วยกันจนสะอาดก็เดินกลับเข้ามาในบ้าน โต๊ะอาหารถูกจัดตั้งเตรียมเอาไว้หมดแล้ว สีสันของผัดเต้าหู้สวยงามจนเด็กน้อยปล่อยมือคนเป็นพ่อวิ่งเข้ามานั่ง
“น้าอวบสีสวยน่าทานจังค่ะ มันคืออะไรคะ”
“มันคือผัดเต้าหู้ทอดสามสหาย ที่เรียกว่าสามสหายก็เพราะน้าเอาผักสามสีมาผัดรวมกันยังไงล่ะ ส่วนจานนี้เป็นน้ำแกงแพะกับพริกเสฉวน จานนี้ยำแตงกวากรอบ มากินกันเถอะน้าตักข้าวให้”
ไป๋จ้าวเหม่ยตักข้าวใส่ชามให้กับอู๋เหวย และก็อู๋ชิงซวน จากนั้นก็นั่งคีบอาหารใส่จานเด็กน้อยอย่างเอาใจ อู๋เหวยยื่นตะเกียบไปคีบผัดสามสหายขึ้นมากิน ดวงตาเรียวเบิกขึ้น จากนั้นเขาก็เริ่มคีบไม่หยุด รวมทั้งน้ำแกงแพะและยำแตงกวาอร่อยจนแทบจะกลืนลิ้น แต่เมื่อหันมามองฝั่งตรงข้าม เขาก็เห็นว่าตรงหน้าไป๋จ้าวเหม่ยไม่มีชามข้าว
“เธอไม่กินเหรอ” คราวนี้อู๋ชิงซวนก็สังเกตเห็นบ้างแล้ว
“นั่นน่ะสิ หรือว่าข้าวไม่พอคะ น้ากินของหนูก็ได้” อู๋ชิงซวนมองชามข้าวตนเองอย่างอาลัยอาวรณ์ ก่อนจะกัดฟันตัดใจยื่นไปตรงหน้า
“นี่ค่ะ”
“ซวนซวนของเราช่างมีน้ำใจเหลือเกิน แต่น้าไม่กินหรอกจ้ะ น้ากำลังลดน้ำหนักอยู่ ไม่อยากเป็นน้าอ้วน น้าอวบอีกแล้วน่ะ” สองพ่อลูกมองหน้ากัน แต่กระนั้นในชามก็ถูกแม่เลี้ยงคีบอาหารใส่เข้ามาเพิ่ม เธอจึงก้มลงไปกินเงียบ ๆ ต่อไปจนหมด
********************
ตอนที่ 15 ตอบแทนสำหรับชุดสวย ๆไป๋จ้าวเหม่ยรอจนสองพ่อลูกกินอาหารกันเสร็จแล้ว จึงได้เดินออกจากห้องเพื่อมาเก็บโต๊ะ ตอนแรกเธอก็นั่งช่วยคีบอาหารให้กับซวนซวนนั่นแหละ แต่เพราะเธอไม่ได้กินอาหารด้วย ทั้งคู่จึงดูเกร็ง ๆ เพื่อไม่ให้อาหารที่ตั้งใจทำถูกเมิน หญิงสาวจึงเดินเข้าไปในห้อง“น้าอวบ...เอ่อ...น้าไม่ต้องเก็บหรอก”“ฉันกับซวนซวนจะเก็บกันเอง เธอไปพักเถอะ” ไป๋จ้าวเหม่ยพยักหน้าเดินกลับเข้าไปในห้อง เธอเริ่มปูเสื่อเพื่อออกกำลังกายก่อนนอนอีกรอบ อย่างน้อย ๆ ขอสัก 30 นาทีก็ยังดี ทว่าแค่เพียงเริ่มนอนราบกับพื้น ยกเข่าตั้งชัน ยันสะโพกขึ้น เธอก็ต้องนิ่วหน้าร้องโอดโอยเสียงดัง“ให้ตายเถอะ ร่างอ้วน ๆ ร่างนี้ อ่อนแอเกินไปแล้ว ซี้ด”“เธอยังจะทำท่าประหลาด ๆ นั่นอีกเหรอ” เสียงทุ้มติดรำคาญเอ่ยถาม พร้อมกับกอดอกมองหญิงสาวที่นอนราบอย่างหมดสภาพเพราะเสียงร้องของไป๋จ้าวเหม่ยดังออกไปนอกห้อง สองพ่อลูกจึงรีบวิ่งกลับเข้ามาในห้อง ไม่รู้ว่าครั้งนี้ผู้หญิงคนนั้นจะสร้างเรื่องเรียกร้องความสนใจ หรือว่าจะหมดแรงล้มหัวฟาดไปอีก ก็ใครใช้ให้เธอไม่กินข้าวกัน แต่เมื่อทั้งคู่เข้ามาดู กลับเห็นคนไม่เจียมตัวนอนทำท่าประหลาด ๆ อยู่บนเสื่อเ
ตอนที่ 16 ขึ้นเขาในใจไป๋จ้าวเหม่ยอยากจะขึ้นเขาตั้งแต่วันที่ได้รับยาแก้ฟกช้ำจากอู๋ชิงซวนแล้ว ทว่าเธอดูเบาอาการเจ็บปวดของร่างอ้วน ๆ นี่เกินไป เพราะวันต่อมาสะโพกเธอก็เขียวช้ำ ปวดจนแทบจะกระดิกไม่ได้ แผนการขึ้นเขาจึงพับไปก่อนชั่วคราว รอจนกระทั่งวันนี้ในที่สุดสะโพกเธอก็หายปวดแล้ว หลังจากส่งอู๋เหวยไปทำงานเธอก็ไม่รอช้า รีบจัดอาหารใส่ถุงผ้าที่เธอเย็บเอง และอุ้มเด็กน้อยไปที่บ้านย่าสามทันที“ย่าสามคะฉันขอฝากซวนซวนไว้กับย่าสักครึ่งวันได้ไหมคะ”“น้าจะไปไหนเหรอ ให้ฉันไปด้วยสิ” อู๋ชิงซวนก็ว่าแล้ว ทำไมแม่เลี้ยงของเธอจึงพาเธอมาที่บ้านของทวดสาม ที่แท้ก็พาเธอมาฝากเอาไว้ ความจริงไม่ต้องฝาก เธอรออยู่ที่บ้านก็ได้“ฉันจะขึ้นเขาน่ะ”“ขึ้นเขา?” ไม่ใช่เสียงของอู๋ชิงซวนที่ถาม แต่เป็นคำถามที่ฟังดูคล้ายแปลกใจจากปากของหญิงชรา“อาเหม่ยเธอจะขึ้นไปทำอะไรบนเขากัน มันอันตรายนะ หรือว่าเธออยากได้เนื้อ มาแบ่งเอาจากบ้านย่าก็แล้วกัน ยังไงพี่อาอู่ของพวกเธอก็ขึ้นเขาไปล่าสัตว์มาขายประจำอยู่แล้ว” บ้านตระกูลเจียงมีอาชีพเป็นนายพราน ทุกวันจะต้องขึ้นเขาไปล่าสัตว์มาขาย ที่บ้านย่าสามจึงไม่เคยอดอยากกับการกินเนื้อ“ฉันไม่ได้จะไปล่าสัต
ตอนที่ 1 บทนำแสงสีนวลของหลอดไฟส่องลงมาจากเพดานสีขาว ร่างอวบอั๋นนอนบนเตียงขนาดสามฟุตยกมือขึ้นป้องสายตา ดวงตาหงส์หรี่ลง พร้อมกับความเจ็บปวด แล่นปรี๊ดเข้ามาในก้านสมอง เธอนิ่วหน้าลง“โอ๊ย!...ทำไมปวดหัวแบบนี้นะ” ริมฝีปากบางส่งเสียงครางออกมาเบา ๆ มือเล็กยกไปลูบที่ด้านหลังท้ายทอย แต่เมื่อสัมผัสกับผ้าอะไรบางอย่างที่สาก ๆ มือ หญิงสาวก็พลันลืมตาขึ้น ทว่าภาพที่เห็นในสายตากลับทำให้เธอตกใจยิ่งกว่าเดิม“นี่มัน! ฉันบาดเจ็บได้ยังไงกัน” หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบห้องสี่เหลี่ยมสีขาวหม่น สายน้ำเกลือห้อยระโยงระยางจากเสาต่อเข้าแขนของเธอ พร้อมกับหัวที่ปวดตุ๊บ ๆ บ่งบอกได้อย่างเดียวว่าเธอกำลังบาดเจ็บ แต่ทำไมกัน เธอกำลังนั่งตรวจการบ้านเด็กนักเรียนในห้องพักครูอยู่ไม่ใช่เหรอ อยู่ ๆ มานอนให้น้ำเกลือในโรงพยาบาลได้อย่างไร แต่แล้วเสียงเล็ก ๆ ก็ดังขัดความคิดให้สะดุดลง“คนใจร้าย ทำไมเธอถึงตื่นขึ้นมาอีกล่ะ ไหนพ่อบอกว่าเธอตายไปแล้ว ไม่รู้เหรอว่าทุกคนอยากให้เธอตาย ตื่นขึ้นมาทำไม!” เสียงเด็กน้อยทั้งห้วนและทั้งกระด้างเจือไปด้วยความโมโหดังขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด หญิงสาวบนเตียงหันไปมองช้า ๆ ก็เห็นเข้ากับเด็กหญิงตัวน้อย ที่ใบหน
ตอนที่ 2 คนเลวอย่างเธอแม้แต่นรกก็ไม่ต้องการปัง!บานประตูถูกกระชากจนกระแทกเข้ากับผนังห้องจนเกิดเสียงดัง ร่างอวบอั๋นบนเตียงนอนสะดุ้งตื่น พลางกวาดสายตาที่สั่นระริกมองไปรอบ ๆ เสียงรองเท้าหนังกระแทกพื้นเดินเข้ามาหน้าเตียงนอน ใบหน้าหล่อเหลาราวกับพ่อหนุ่มมังกรเทียนเย่า ซีรีส์จีนที่เธอเพิ่งถ่างตาดูจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า ดวงตาเรียวโค้งขึ้นเป็นรูปหัวใจ โรคบ้าดารากำเริบขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่“เทียนเย่า” ริมฝีปากอวบอิ่ม เอ่ยเรียกพร้อมกับดวงตาเปล่งประกายเป็นรูปหัวใจ เทียนเย่าเชียวนะ เสี่ยวโยวของเมีย โอ๊ย!“ไม่มีเทียนเย่า เส่าเย่าอะไรทั้งนั้น ไป๋จ้าวเหม่ยผู้หญิงสารเลวอย่างเธอนี่มันตายยากเหลือเกินนะ แต่ฉันก็เข้าใจ คนเลวอย่างเธอแม้แต่นรกก็ไม่ต้องการ ดังนั้นท่านจึงได้ถีบส่งดวงวิญญาณชั่ว ๆ ของเธอ ให้ฟื้นกลับมาอีกยังไงล่ะ” แต่แล้วคำพูดที่แสนจะระคายเคืองหู ก็บิดเบือนให้ใบหน้าหล่อราวฟ้าประทานพลันดูแสลงตาลงไปทันทีแน่นอนว่าอู๋เหวยเห็นสายตาที่มองเขาอย่างหลงใหลก็พลันรังเกียจ ผู้หญิงสารเลวคนนี้ชอบมองเขาเช่นนี้มาตลอด บ้าผู้ชาย!“เป็นบ้าหรือไง อยู่ ๆ ก็มาอวยพรให้ฉันขนาดนี้ นายเป็นโรคทางสมองเหรอ
ตอนที่ 3 หรือว่าเธอไม่ปากร้ายหลังจากที่อู๋เหวยออกไปแล้ว ไป๋จ้าวเหม่ยก็นอนก่ายหน้าผากมองเพดานสีขาวออกเหลือง บ่งบอกถึงความเก่าแก่ของโรงพยาบาลแห่งนี้ เธอถอนหายใจออกครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่รู้ป่านนี้ร่างกายของเธอจะถูกเผาหรือถูกฝัง ในยุคที่เธอจากมา ประเทศจีนเริ่มรณรงค์ให้มีการเผาศพกันมากขึ้น อาจเพราะพื้นที่มีจำนวนจำกัด แต่ผู้คนก็ยังไม่ยอมรับกันเท่าไรนัก และเธอเองก็ไม่อยากถูกเผาเช่นกัน“เฮ้อ...เอาเถอะจะเผาหรือฝัง ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับฉันอีกแล้ว ฮื้อ...แต่ฉันอยากกลับบ้าน”“อยากกลับบ้านก็ต้องทน ใครใช้ให้น้าอ้วนวิ่งเข้าชนรถพ่อล่ะ รู้ไหมว่าพ่อต้องเสียเงินให้ลุงเยี่ยซานเจ้าของรถ เพื่อซ่อมรอยบุบที่ชนเธอน่ะ แล้วจะบอกอะไรให้ เงินเดือนนี้ของพ่อคงถูกหักหมด เธออย่ามาร้องขอเงินเชียวล่ะ เพราะที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะเธอน้าอ้วน!” เด็กหญิงตัวน้อยนั่งกอดอก เชิดปลายคางขึ้นสูง ปรายตามองลงมาผ่านปลายจมูก ใบหน้าแสดงความรังเกียจแกมปวดใจออกมาไม่รู้ว่าไป๋จ้าวเหม่ยจะตกใจกับเรื่องไหนก่อนดี ระหว่างคำว่าอ้วน หรือระหว่างคำว่า ที่รถบุบเพราะชนเธอ ให้ตายไม่ว่าจะอะไรก็ไม่ดีทั้งนั้น ให้ตายเถอะเธอทะลุมิติมาอยู่ในยุคบ้าอะไรกั
ตอนที่ 4 บ้านหรือรังขยะวันต่อมาไป๋จ้าวเหม่ยก็ได้ออกจากโรงพยาบาลเสียที แน่นอนว่าคนที่ออกจากโรงพยาบาลเป็นไป๋จ้าวเหม่ยคุณครูประถมโรงเรียนซีหู่จากยุคปัจจุบัน ไม่ใช่ไป๋จ้าวเหม่ยแม่เลี้ยงใจร้าย ที่ตอนนี้ไม่รู้วิญญาณไปอยู่ที่ไหนแล้ว“นี่ไงรถที่น้าอ้วนวิ่งชน ยังเป็นรอยบุบอยู่เลย เขายังไม่ได้ซ่อมหรือคะพ่อ”“ลุงเยี่ยซานของลูกบอกว่าบุบแค่นิดเดียวไม่ต้องซ่อม รอเข้าตรวจสภาพประจำปีค่อยทำน่ะ” ไป๋จ้าวเหม่ยเดินไปที่หน้ารถทรงสี่เหลี่ยม และก็เป็นจริงดังคาด ที่หน้ากระโปรงรถมีรอยยุบหนึ่งรอยอยู่จริง ๆ ไม่รู้ชนตรงไหนของเธอ แขนขาไม่หักแต่รถยุบ พระเจ้า!ร่างอวบอ้วนเดินคอตกกลับขึ้นไปนั่งบนรถ เธอเลือกนั่งที่ด้านหลัง ไม่ได้สนใจสีหน้าของสองพ่อลูกที่มองกันอย่างตกใจ และคาดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่คลั่งรักอู๋เหวยจะไม่ยอมไปนั่งหน้า แสดงตัวตนอวดชาวบ้านเมื่อมีโอกาส กลับปล่อยให้เป็นที่นั่งของอู๋ชิงซวนไปได้ แต่ใครสนสีหน้าหมางงของสองพ่อลูกกันเล่า รอยยุบนั้นทำเอาหัวใจหญิงสาวสะเทือนไปทั้งใจแล้วจริง ๆอู๋เหวยไม่ได้สนใจสีหน้าหมดอาลัยตายอยากของไป๋จ้าวเหม่ยอีก เขาเดินมาเปิดประตูข้างคนขับ อุ้มลูกสาวขึ้นไป ยกมือขยี้ผมเธอเบา ๆ และปิดป
ตอนที่ 5 เลิกเรียกฉันว่าอ้วนเสียงร้องของไป๋จ้าวเหม่ยดังออกไปถึงหน้าบ้าน นี่ยังไม่รวมถึงเสียงลูกไก่ที่ส่งเสียงกันระนาว อู๋ชิงซวนขมวดคิ้วราวกับผู้ใหญ่ตัวน้อย รีบวางประแจไขจักรยานเอาไว้และรีบวิ่งมาที่ในห้อง“เธอ!...เอ่อ...น้าไป๋ เกิดอะไรขึ้นเหรอ” อู๋ชิงซวนเกือบลืมไปแล้วว่า ถ้าหากเธอพูดไม่เพราะ พ่อจะไม่รัก จึงได้รีบยกมือขึ้นตบปากตนเอง และเรียกแม่เลี้ยงว่าน้าไป๋จ้าวเหม่ยเอียงหน้าไปมอง ยังไม่ทันได้ตอบอะไรออกไป เด็กหญิงก็วิ่งมาชะโงกหน้ามองหีบสมบัติอันล้ำค่าที่น้าอ้วนคนนี้หวงนักหวงหนา ก่อนหน้านี้เธออยากรู้มาตลอดว่าแม่เลี้ยงปีศาจแอบซ่อนอะไรเอาไว้บ้าง แน่นอนว่าของที่พ่อเธอซื้อกลับมาไว้ทำอาหารแป้ง ธัญพืช เครื่องปรุงล้วนถูกเก็บเอาไปทั้งหมดครั้งนี้ดีนักถือโอกาสมองสักหน่อยจะได้เอาไปเล่าให้พ่อฟัง ว่าผู้หญิงคนนี้นิสัยแย่แค่ไหน ทว่าเมื่อใบหน้าชะโงกลงไป ดวงตาเรียวก็พลันเบิกขยาย พร้อมกับริมฝีปากที่ยิ้มจนแทบจะถึงใบหู“น้าอ้วน น้าซื้อไข่มาฟักเหรอ ว้าว ๆ พวกเราจะเลี้ยงมันใช่ไหม ดูสิทำไมมันน่ารักขนาดนี้ล่ะ แล้วมันกินอะไรเป็นอาหารเหรอคะ” ไป๋จ้าวเหม่ยเห็นท่าทางดีอกดีใจของเด็กน้อย ก็พูดไม่ออกว่า เธอไม่อยากเ
ตอนที่ 6 ไม่มีใครรับ ก็รับเองตอนเย็นอู๋เหวยกลับมาถึงบ้านพร้อมกับกล่องอาหารเหมือนทุกวัน เขาเดินเข้ามาในบ้าน มองหน้าลูกสาวอันเป็นที่รักก่อนเป็นอันดับแรกเหมือนเช่นทุกวัน แต่วันนี้เขากลับไม่เห็นแม้แต่เงา ในใจชายหนุ่มเริ่มวิตกกังวลกลัวว่าลูกสาวจะถูกแม่เลี้ยงรังแกอีกจะไม่ให้กลัวได้ยังไงเพราะทุกวันที่เขาเลิกงานกลับมา ลูกสาวก็มักจะมารอรับที่หน้าบ้านเสมอ แต่วันนี้กลับไม่มี! ในขณะที่กำลังจะเดินไปตามหาที่หลังบ้านนั้น ก็ได้ยินเสียงเรียกจากนอกรั้วเสียก่อน คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน พลางชะเง้อหน้าไปมอง“พี่เหวยคะ พี่กลับมาหรือยังคะ ฉันเอาจักรยานมาเติมลมน่ะค่ะ”อู๋เหวยถอนหายใจออกมา ตัดใจเดินออกไปที่หน้าบ้านก่อน เพราะได้ยินว่าลูกค้าเอารถมาเติมลม บ้านเล็ก ๆ ของเขาแบ่งส่วนหน้าออกมาทำเป็นร้านซ่อมรถจักรยานเล็ก ๆ คนในหมู่บ้านก็เริ่มมีจักรยานกันหลายคนแล้ว และอีกอย่างพวกทหารที่กองพันสิบเอ็ดก็ชอบเอาจักรยานมาซ่อมที่นี่ อาจเพราะมันอยู่ใกล้กว่าในอำเภอ รายได้ของร้านจึงค่อนข้างที่จะดีมากอยู่ครั้นเมื่ออู๋เหวยออกมาหน้าบ้าน ก็เห็นหญิงสาวในชุดกระโปรงบานสีแดงยาวจนถึงข้อเท้า และเสื้อสีขาวลายดอกไม้สีแดง เส้นผมดัดเป็นลอนยาว
ตอนที่ 16 ขึ้นเขาในใจไป๋จ้าวเหม่ยอยากจะขึ้นเขาตั้งแต่วันที่ได้รับยาแก้ฟกช้ำจากอู๋ชิงซวนแล้ว ทว่าเธอดูเบาอาการเจ็บปวดของร่างอ้วน ๆ นี่เกินไป เพราะวันต่อมาสะโพกเธอก็เขียวช้ำ ปวดจนแทบจะกระดิกไม่ได้ แผนการขึ้นเขาจึงพับไปก่อนชั่วคราว รอจนกระทั่งวันนี้ในที่สุดสะโพกเธอก็หายปวดแล้ว หลังจากส่งอู๋เหวยไปทำงานเธอก็ไม่รอช้า รีบจัดอาหารใส่ถุงผ้าที่เธอเย็บเอง และอุ้มเด็กน้อยไปที่บ้านย่าสามทันที“ย่าสามคะฉันขอฝากซวนซวนไว้กับย่าสักครึ่งวันได้ไหมคะ”“น้าจะไปไหนเหรอ ให้ฉันไปด้วยสิ” อู๋ชิงซวนก็ว่าแล้ว ทำไมแม่เลี้ยงของเธอจึงพาเธอมาที่บ้านของทวดสาม ที่แท้ก็พาเธอมาฝากเอาไว้ ความจริงไม่ต้องฝาก เธอรออยู่ที่บ้านก็ได้“ฉันจะขึ้นเขาน่ะ”“ขึ้นเขา?” ไม่ใช่เสียงของอู๋ชิงซวนที่ถาม แต่เป็นคำถามที่ฟังดูคล้ายแปลกใจจากปากของหญิงชรา“อาเหม่ยเธอจะขึ้นไปทำอะไรบนเขากัน มันอันตรายนะ หรือว่าเธออยากได้เนื้อ มาแบ่งเอาจากบ้านย่าก็แล้วกัน ยังไงพี่อาอู่ของพวกเธอก็ขึ้นเขาไปล่าสัตว์มาขายประจำอยู่แล้ว” บ้านตระกูลเจียงมีอาชีพเป็นนายพราน ทุกวันจะต้องขึ้นเขาไปล่าสัตว์มาขาย ที่บ้านย่าสามจึงไม่เคยอดอยากกับการกินเนื้อ“ฉันไม่ได้จะไปล่าสัต
ตอนที่ 15 ตอบแทนสำหรับชุดสวย ๆไป๋จ้าวเหม่ยรอจนสองพ่อลูกกินอาหารกันเสร็จแล้ว จึงได้เดินออกจากห้องเพื่อมาเก็บโต๊ะ ตอนแรกเธอก็นั่งช่วยคีบอาหารให้กับซวนซวนนั่นแหละ แต่เพราะเธอไม่ได้กินอาหารด้วย ทั้งคู่จึงดูเกร็ง ๆ เพื่อไม่ให้อาหารที่ตั้งใจทำถูกเมิน หญิงสาวจึงเดินเข้าไปในห้อง“น้าอวบ...เอ่อ...น้าไม่ต้องเก็บหรอก”“ฉันกับซวนซวนจะเก็บกันเอง เธอไปพักเถอะ” ไป๋จ้าวเหม่ยพยักหน้าเดินกลับเข้าไปในห้อง เธอเริ่มปูเสื่อเพื่อออกกำลังกายก่อนนอนอีกรอบ อย่างน้อย ๆ ขอสัก 30 นาทีก็ยังดี ทว่าแค่เพียงเริ่มนอนราบกับพื้น ยกเข่าตั้งชัน ยันสะโพกขึ้น เธอก็ต้องนิ่วหน้าร้องโอดโอยเสียงดัง“ให้ตายเถอะ ร่างอ้วน ๆ ร่างนี้ อ่อนแอเกินไปแล้ว ซี้ด”“เธอยังจะทำท่าประหลาด ๆ นั่นอีกเหรอ” เสียงทุ้มติดรำคาญเอ่ยถาม พร้อมกับกอดอกมองหญิงสาวที่นอนราบอย่างหมดสภาพเพราะเสียงร้องของไป๋จ้าวเหม่ยดังออกไปนอกห้อง สองพ่อลูกจึงรีบวิ่งกลับเข้ามาในห้อง ไม่รู้ว่าครั้งนี้ผู้หญิงคนนั้นจะสร้างเรื่องเรียกร้องความสนใจ หรือว่าจะหมดแรงล้มหัวฟาดไปอีก ก็ใครใช้ให้เธอไม่กินข้าวกัน แต่เมื่อทั้งคู่เข้ามาดู กลับเห็นคนไม่เจียมตัวนอนทำท่าประหลาด ๆ อยู่บนเสื่อเ
ตอนที่ 14 คนโง่อย่างอู๋เหวยก็เหมาะกับแม่ดอกบัวเน่าไป๋จ้าวเหม่ยมองชายโง่กับหญิงร่านที่ยืนส่งกันที่หน้าประตูบ้าน สายตาของหลิวชิงฮุยจ้องมองอู๋เหวยราวกับจะกลืนกิน หากกลืนลงท้องได้เจ้าหล่อนก็คงทำไปแล้ว และคนที่ตาไม่บอดก็คงมองเห็น เธอไม่ได้หึงหวง ไหน้ำส้มนางยังปิดสนิทไม่หกออกมาแม้แต่หยดเดียว เหตุผลง่าย ๆ ก็คือข้างในร่างกายนี้เป็นเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่งเท่านั้น ย่อมไม่ได้รู้สึกนึกรักหรือชอบทว่าคำขอของไป๋อ้วน ที่ขอให้เธอทำให้อู๋เหวยหันมามองหันมารักเธอบ้าง ถือว่าตอบแทนกายเนื้อร่างนี้ เท่านี้ก็พอแล้ว ความจริงไป๋จ้าวเหม่ยจะไม่สนใจเลยก็ได้ แต่นั่นเป็นคำขอสุดท้ายของคนตายเชียวนะ อย่างไรก็ถือว่าคำขอสุดท้ายแลกกับร่างกาย ยังไงก็คุ้ม แต่ปัญหาคือเธอจะทำให้ไอ้หมาบ้าหน้าเดียวนั่นรักได้อย่างไร“น้าอวบ...น้าไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ” อู๋ชิงซวนทำหน้าแหยง ๆ เหลือบตามองไปยังสะโพกอวบที่ถูกคนเป็นเจ้าของยกมือขึ้นลูบไม่หยุด ก็ตกมาแรงขนาดนั้นจะไม่เจ็บได้อย่างไร น้าอวบก็นะ ทำไมชอบประชดชีวิตด้วยวิธีไร้สาระ รู้ทั้งรู้ว่าพ่อไม่ชอบ ก็ยังจะทำอีก ไม่รู้สึกเจ็บบ้างหรือยังไง“ยังไหวน่ะ ซวนซวนเธออยากกินอะไร เดี๋ยวฉันจะทำให้กิน
ตอนที่ 13 โยคะฟลาย ไม่ใช่ฆ่าตัวตาย!ไป๋จ้าวเหม่ยตื่นสายกว่าทุกวัน สารภาพว่าเมื่อคืนเธอนอนไม่ค่อยหลับเลยด้วยซ้ำ ตอนแรกก็นับแกะอยู่ดี ๆ แต่เผลอแป๊บเดียวจากที่นับแกะ ก็กลายเป็นด่ากราดไอ้หมาบ้าอู๋เหวยไปพันกว่ารอบ รอบที่พันหนึ่งร้อยสิบเอ็ดจึงได้หลับไปในที่สุดหญิงสาวสะบัดตัวลุกจากที่นอน เธอพับผ้าห่มเอาไว้ปลายเตียง แล้วจึงเดินไปเทน้ำในอุณหภูมิห้องดื่มไปก่อนหนึ่งแก้ว จากนั้นก็ยืดเส้นยืดสาย บิดตัวออกกำลังกายเบา ๆ เหมือนเช่นทุกเช้าราวสักสิบห้านาทีพอได้เหงื่อ ก็ออกไปข้างนอก แต่เมื่อเปิดประตูออกมา ภายในบ้านกลับว่างเปล่า ไร้เงาของสองพ่อลูกอยู่ในนี้ เธอเดินออกไปชะโงกหน้าดูที่ร้านซ่อมรถ ก็ไร้เงาของทั้งคู่เช่นกัน“ไปไหนกันนะ” หญิงสาวขมวดคิ้วเดินหารอบบ้านไม่เจอ ก็ล้มเลิกความตั้งใจจะหาอีก“ไปไหนก็ช่าง” ไป๋จ้าวเหม่ยยักไหล่ขึ้น คว้าผ้าเช็ดตัวเดินไปอาบน้ำด้านหลัง อาบน้ำเช้า ๆ จะทำให้ร่างกายตื่นตัวกระปรี้กระเปร่า สมองปลอดโปร่งอีกด้วย แต่หลายคนก็ไม่ชอบอาบน้ำสักเท่าไรนัก ทว่าเธอติดนิสัยต้องอาบน้ำเช้าเย็น เพราะชาติก่อนเธอเป็นครู จะให้ตัวเหม็น ๆ ไปสอนเด็กก็ไม่ได้อาบน้ำเสร็จ ร่างอวบอ้วนก็ไปทำอาหารเช้ากินง่าย
ตอนที่ 12 หัดเรียนพินอินตั้งแต่มีไฟฟ้าบ้านสกุลอู๋ก็นับว่าสะดวกสบายขึ้น ไม่ต้องหุงข้าวกับเตาถ่าน แต่กระนั้นการทำอาหารก็ยังทำกับเตาไม้ฟืนอยู่ดี รอเธอหาเงินได้สักก้อนจะต้องไปซื้อเตาแก๊สมาใช้ ทีวี ตู้เย็น ก็ต้องซื้อให้หมด เครื่องใช้ไฟฟ้า สำหรับคนที่นี่อาจจะไม่จำเป็น แต่สำหรับเธอจำเป็นเหลือเกิน เธอไม่ชินกับการใช้ชีวิตแบบนี้“น้าอวบนอนหรือยังคะ” ไป๋จ้าวเหม่ยวางชุดกระโปรงที่กำลังตัดเย็บไว้บนโต๊ะ เงยหน้ามองเด็กน้อยที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เกาะประตูไม่ยอมเข้ามาในห้อง เห็นดังนั้นหญิงสาวก็พลันใจอ่อนยวบ กวักมือเรียกให้เข้ามาในห้อง“เข้ามาข้างในสิ ไปยืนทำไมตรงนั้นล่ะ” อู๋ชิงซวนเดินเข้ามานั่งลงตรงข้าม ดวงตาเรียวเล็กแดงช้ำ เหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้ออกมา“อ้าวซวนซวนหนูร้องไห้เหรอ เกิดอะไรขึ้น”“ฮื้อ...ฉันคิดถึงพ่อ เมื่อไรพ่อจะกลับมาสักที ฮื้อ ๆ” โธ่เอ๊ย...เธอก็นึกว่าเรื่องอะไร ที่ไหนได้เด็กน้อยติดพ่อนี่เอง“เมื่อเช้าพ่อเธอก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะกลับดึก วันนี้เป็นวันสิ้นเดือน เขาต้องรอรับเงินเดือน และก็คูปองเสียก่อน แต่ดู ๆ แล้วไม่นานก็น่าจะกลับมาแล้วละ เธอนอนกับฉันในห้องก่อนก็แล้วกัน”“ไม่เอาฉันจะร
ตอนที่ 11 พิลาทิสวันนี้เป็นวันแรกที่บ้านสกุลอู๋มีแสงสว่าง ทว่าหลอดไฟที่ถูกปล่อยทิ้งไว้นาน ไส้ในหลอดไฟก็ไม่ค่อยจะดีแล้ว แสงที่ส่องออกมาไม่สว่างจ้า มันดูขมุกขมัว แต่กระนั้นก็ดีกว่าตะเกียงน้ำมันอยู่มาก“น้าอวบพวกเราต่อไฟให้ลูกไก่ด้วยดีหรือเปล่าคะ”“ไม่ดี...กลางคืนไก่มันนอน มันต้องการความมืด เช่นเดียวกับพวกเรา อีกเดี๋ยวก็ต้องปิดไฟนอนแล้ว”อู๋ชิงซวนถอนหายใจใบหน้าสลดลง เด็กหญิงจำใจต้องพยักหน้าช้า ๆ และเดินออกจากห้องนอนของไป๋จ้าวเหม่ยด้วยความไม่เต็มใจ ในเมื่อบ้านเธอมีไฟแล้ว ทำไมเปิดให้เสี่ยวจงกับเสี่ยวถิงไม่ได้อู๋เหวยเห็นลูกสาวทำหน้าม่อยเพราะไม่ได้เปิดไฟให้ไก่ ก็ไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่ก็ว่าไม่ได้เพราะนี่เป็นสัตว์เลี้ยงตัวแรกของซวนซวน เพราะเมื่อก่อนไป๋จ้าวเหม่ยไม่ยอมให้เด็กน้อยเลี้ยงสัตว์ เพราะเธอบอกว่ามันสิ้นเปลือง ต่อให้เขาหาลูกหมาลูกแมวมาให้ซวนซวน ทว่าหญิงสาวก็เอาไปปล่อยอยู่ดี“ซวนซวนมานอนได้แล้วลูก วันนี้พ่อจะเล่านิทานเรื่องอะไรให้ซวนซวนฟังดีนะ หนูอยากฟังเรื่องอะไรครับ”“เรื่องอะไรก็ได้ค่ะ” ในใจเด็กน้อยตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่นิทานของพ่อเลย แต่เธอกำลังเป็นห่วงลูกไก่สองตัวที่แ
ตอนที่ 10 ตรวจสายตา“พ่อคะ พ่อคะ” อู๋ชิงซวนตะโกนเรียกพ่อของเธอดังลั่น น้ำเสียงนั้นฟังดูทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ เสียงเธอดังก่อนที่ตัวเธอจะโผล่มาเสียอีก“หืม...ดูเหมือนซวนซวนของพ่อจะดีใจนะ อะไรทำให้หนูดีใจได้ขนาดนั้นกันคะลูก”“ก็นี่อย่างไรล่ะคะ พ่อแอบซื้อมาเหรอคะ ทำไมเมื่อวานไม่เอามาให้หนูนะ ฮื้อ...ลูกอมกระต่ายขาว หนูรักพ่อที่สุดเลยค่ะ ตอนนั้นพี่ชิงฮุยเคยเอามาให้กิน แต่แค่เม็ดเดียวเอง หนูยังจำได้เลย ตอนที่นมละลายในปากมันอร่อยมากแค่ไหน โอ้วนั่นแค่เม็ดเดียว แต่นี่ทั้งถุง ให้ตายเถอะหนูตื่นเต้นไม่ไหวแล้ว”อู๋ชิงซวนกอดห่อลูกอมยอดฮิตไว้แนบอก ใบหน้าเด็กหญิงแสดงออกถึงความดีใจเป็นอย่างมาก อู๋เหวยยิ้มกว้างออกมา ทว่าในใจกลับเจ็บปวดไปทั้งใจ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้เลยว่าลูกสาวชอบกินอะไร เขาไม่เคยซื้อของพวกนี้ให้ลูกกิน เพราะว่ามันไม่อิ่มท้องของที่เขาซื้อมักจะเป็นขนมโก๋ กินชิ้นเดียวก็อิ่มไปทั้งวัน และไม่ใช่ว่าจะซื้อมาบ่อย ๆ นาน ๆ ครั้งซวนซวนถึงจะได้กิน เพราะเขาไม่มีเงิน ทั้งเงินหยวนทั้งคูปอง ทุกครั้งไป๋จ้าวเหม่ยก็จะบังคับเอาไปจนหมด“พ่อคะพ่อรู้หรือเปล่า เปลือกห่อมันทำมาจากข้าว เรากินมันได้ด้วยนะคะ นี่ค่ะ
ตอนที่ 9 คิดว่าหนีกลับบ้าน“ทวดสามท่านมาอยู่กับอาสะใภ้อู๋นี่เอง แม่ให้ฉันมาตามทวดกลับไปกินข้าว”“ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้วเหรอ ตายจริงฉันรั้งย่าสามเอาไว้เสียตั้งนาน” หากเจินเจินเรียกทวด เช่นนั้นหญิงชราก็คงเป็นย่าของอู๋เหวยกระมัง“เฮ้อ...วันนี้ได้พูดคุยกับอาเหม่ยย่าก็สบายใจขึ้นมาก ดูเหมือนเจ็บป่วยไปครั้งนี้ อาเหม่ยของพวกเราจะรู้ความขึ้นตั้งเยอะแน่ะ ฮ่า ๆ ดีจริง ๆ วิญญาณน้องชายในปรโลกก็คงวางใจได้แล้ว หลานสะใภ้ที่ตัวเองเลือกเปลี่ยนนิสัย ไม่ถือโทษโกรธคนรุ่นเก่าอีก เอาละ ๆ ย่าสามกลับบ้านก่อน เย็นนี้ก็อย่าลืมมาหุงข้าวที่บ้านล่ะ”“เฮ้อ...เมื่อไรอาสะใภ้อู๋จะไปจ่ายค่าไฟ ไม่รู้หรือไงว่าใช้ไฟบ้านคนอื่นมันน่ารังเกียจ”“เจินเจินหุบปาก!” เด็กหญิงเจินเจินเบ้ปากคว่ำหน้าลง ทว่าสายตาที่เหลือบขึ้นมามองไป๋จ้าวเหม่ยก็ดูไม่เป็นมิตรนัก แต่จะทำอย่างไรได้ ร่างเก่าสร้างเรื่องเอาไว้ขนาดนี้ แม้แต่เด็กน้อยยังเกลียดเธอเลยคิดดูเอาเองเถอะ เฮ้อ...“อย่าว่าเสี่ยวเจินเลยค่ะ เด็กเขาไร้เดียงสาคิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น แต่ย่าสามคะฉันต้องขอบคุณที่ย่าเป็นห่วงฉัน เงินเดือนของอาเหวยเดือนที่แล้ว ฉันยังไม่ได้ส่งให้แม่เลย เดี๋ยววัน
ตอนที่ 8 บุญคุณความแค้น“น้าวันนี้ไม่ใช่บอกว่า เราจะสร้างคอกไก่กันหรอกหรือ” ตั้งแต่ส่งคนเป็นพ่อออกไปทำงาน อู๋ชิงซวนก็กลับมานั่งรออยู่นาน ก็ไม่เห็นว่าแม่เลี้ยงจะออกจากห้อง เธอจึงเปิดประตูเดินเข้าไปมอง ทว่าเมื่อเห็นแล้วก็ต้องขมวดคิ้วไม่พอใจ“น้าผิดนัดฉันเพื่อมานอนอ่านนิตยสารเท่านั้นเองเหรอ” เด็กหญิงยกมือกอดอกเชิดหน้า ทำแก้มป่อง ท่าทางของเธอไม่ได้ดูน่ากลัว แต่กลับดูน่ารักเป็นอย่างมากในสายตาของไป๋จ้าวเหม่ย“ใช่แล้วฉันผิดนัด เพราะฉันไม่พอใจ หนูน้อยฉันไม่ชอบที่เธอทำตัวเหมือนจิ้งจก เปลี่ยนสีไปเปลี่ยนสีมา ความจริงเธอฉลาดเลือกก็ดีแล้ว ทั้งยังอยู่เป็นฉันไม่ว่า แต่สำหรับฉัน การกระทำของเธอมันไม่น่ารัก” ไป๋จ้าวเหม่ยวางนิตยสารในมือลง ขยับตัวมานั่งและชี้นิ้วไปที่เก้าอี้ตรงหน้า“มานั่งคุยกันตรงนี้ก่อน” อู๋ชิงซวนเดินมานั่งอย่างไม่เต็มใจ ทว่าไป๋จ้าวเหม่ยไม่สนใจแม้แต่น้อยความจริงเธอไม่ได้โกรธเด็กน้อยเลย ทว่าเธอแค่ไม่อยากให้เด็กคนนี้โตไปมีนิสัยกลับกลอกอย่างนี้ แต่ลึก ๆ แล้วก็รู้ว่า ที่อู๋ชิงซวนเป็นแบบนี้เพราะเธอ อยู่กับเธอเด็กย่อมไม่กล้าดื้อ แต่เมื่ออยู่กับพ่อของตัวเอง ในใจเด็กรู้ดีว่า พ่อคอยโอ๋ทำอะไรพ่