ปัง!
บานประตูถูกกระชากจนกระแทกเข้ากับผนังห้องจนเกิดเสียงดัง ร่างอวบอั๋นบนเตียงนอนสะดุ้งตื่น พลางกวาดสายตาที่สั่นระริกมองไปรอบ ๆ เสียงรองเท้าหนังกระแทกพื้นเดินเข้ามาหน้าเตียงนอน ใบหน้าหล่อเหลาราวกับพ่อหนุ่มมังกรเทียนเย่า ซีรีส์จีนที่เธอเพิ่งถ่างตาดูจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า ดวงตาเรียวโค้งขึ้นเป็นรูปหัวใจ โรคบ้าดารากำเริบขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
“เทียนเย่า” ริมฝีปากอวบอิ่ม เอ่ยเรียกพร้อมกับดวงตาเปล่งประกายเป็นรูปหัวใจ เทียนเย่าเชียวนะ เสี่ยวโยวของเมีย โอ๊ย!
“ไม่มีเทียนเย่า เส่าเย่าอะไรทั้งนั้น ไป๋จ้าวเหม่ยผู้หญิงสารเลวอย่างเธอนี่มันตายยากเหลือเกินนะ แต่ฉันก็เข้าใจ คนเลวอย่างเธอแม้แต่นรกก็ไม่ต้องการ ดังนั้นท่านจึงได้ถีบส่งดวงวิญญาณชั่ว ๆ ของเธอ ให้ฟื้นกลับมาอีกยังไงล่ะ” แต่แล้วคำพูดที่แสนจะระคายเคืองหู ก็บิดเบือนให้ใบหน้าหล่อราวฟ้าประทานพลันดูแสลงตาลงไปทันที
แน่นอนว่าอู๋เหวยเห็นสายตาที่มองเขาอย่างหลงใหลก็พลันรังเกียจ ผู้หญิงสารเลวคนนี้ชอบมองเขาเช่นนี้มาตลอด บ้าผู้ชาย!
“เป็นบ้าหรือไง อยู่ ๆ ก็มาอวยพรให้ฉันขนาดนี้ นายเป็นโรคทางสมองเหรอ” อยู่ ๆ ก็เปิดประตูห้องเข้ามาด่ากันเฉยเลย คนบ้าที่ไหนหลุดออกมากัน
ไป๋จ้าวเหม่ยขยับตัวเข้าชิดริมเตียง เธอดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงปลายคาง สายตาก็สอดส่องมองหาอาวุธที่พอจะทุบไอ้โจรโรคจิตคนนี้ให้สลบก่อนที่มันจะเข้ามาทำร้ายเธอได้ ต่อให้หล่อฟ้าประทาน แต่เป็นโรคประสาทก็ไม่ไหว
“เธอน่ะสิเป็นโรคทางสมอง ไป๋จ้าวเหม่ยถ้าไม่ตายก็ลุกขึ้นมา กลับบ้านไปได้แล้ว ไม่รู้หรือไงว่านอนโรงพยาบาลหลายคืนมันต้องเสียเงิน ฉันไม่มีเงินมากพอมาจ่ายค่ารักษาให้เธอหรอกนะ หรือว่าเธอหวังว่าจะเขียนจดหมายกลับไปขอเงินที่บ้านเธอได้ หึ! จะได้ถึงสิบหยวนหรือเปล่าล่ะ แต่ฉันคิดว่าแม่กับน้องเธอแทบจะปล่อยให้เธอตายเสียมากกว่า”
“จ่ายให้ฉัน อู๋เหวยนายเหรอ” มือที่กำลังยื่นไปกำเสาน้ำเกลือพลันหยุดลง ใบหน้าอิดโรยเงยขึ้น ก่อนจะเบิกตากว้างมองใบหน้าหล่อเหลาที่แสยะยิ้มราวกับปีศาจจากขุมนรก ไอ้หน้าหล่อนี่ไม่ใช่ว่าเป็นสามีเจ้าของร่างเดิม อู๋เหวยหรอกนะ
“สมองเธอกระทบกระเทือนหรือไง หรือว่าเธอจำฉันไม่ได้!”
คราวนี้อู๋เหวยถึงกับก้มลงหรี่ตามองหญิงสาวบนเตียงอย่างจริงจัง แววตาของคนบนเตียงหดแคบลงเพียงครู่เดียวก่อนจะเบิกขยายขึ้น ราวกับว่าได้รับความสะเทือนใจเป็นอย่างมาก อาการของคนตรงหน้าไม่ได้หลุดรอดจากสายตาของชายหนุ่มแม้แต่น้อย อู๋เหวยมองพลางคิดไปเองว่า ไป๋จ้าวเหม่ยเสียความทรงจำจริงเหรอ เหตุใดจึงเห็นเขาแล้วจำไม่ได้
ทว่าอีกใจก็แย้งขึ้นมาว่า นังหมูตอนตัวนี้นิสัยชั่วช้า ขี้โกหกบางทีเธออาจจะสร้างเรื่องให้เขาใจอ่อน หากเสียความทรงจำจริง แล้วตอนที่เขาเปิดประตูเข้ามา ทำไมเธอถึงได้มองเขาอย่างหลงใหล สายตาเดิมมันเปลี่ยนกันไม่ได้
“ฉันจะไปตามหมอ” อู๋เหวยหมุนตัวเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
ได้ยินเสียงประตูปิดลง หญิงสาวก็ปล่อยมือจากเสาน้ำเกลือ เธอถอนหายใจออกมา ไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะเอาตัวรอดไปได้ยังไง เธอรู้ก็เพียงแค่เรื่องราวคร่าว ๆ จากเสียงในหัว แต่กระนั้นก็ไม่เคยเห็นหน้าของคนที่เจ้าของร่างเดิมพูดถึงเลย หากจะบอกว่าวิญญาณเจ้าของร่างเดิมเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟังก็ผิดแล้ว
ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เล่าอะไรเลย มีแต่พร่ำบ่นให้ฟังว่า อู๋เหวยใจร้ายแค่ไหน เขาไม่เคยรักเธอเลย แต่เธอกลับรักเขาหมดหัวใจ เธออยากให้เขาสำนึก เสียใจที่มองข้ามหัวใจของเธอ บลา ๆ ๆ สองชั่วโมงที่วิญญาณผู้หญิงคนนั้นเอาแต่พร่ำเพ้อถึงความรัก และอีกสามสิบนาที ถึงเล่าเรื่องคนอื่น ๆ เพราะอย่างนั้น ไป๋จ้าวเหม่ยคนนี้ถึงไม่รู้จักใครเลย
“น้าอ้วนเธอกำลังเรียกร้องความสนใจจากพ่อของฉันอยู่ใช่ไหม ไม่มีทางหรอกพ่อฉันไม่รักเธอ เพราะเธอนิสัยชั่วร้ายเกินไป” คำว่าน้าอ้วนปลุกให้ไป๋จ้าวเหม่ยหลุดออกจากภวังค์ความคิดของตนเอง หญิงสาวดึงสายตากลับไปมอง ร่างเล็ก ๆ ที่ยืนกำมือแน่นข้างเตียง
“อู๋ชิงซวน” ยัยเด็กที่กำลังบูลลี่เธออยู่ เป็นอู๋ชิงซวนลูกเลี้ยงของเธอจริงเหรอ แต่แล้วคำตอบของเด็กน้อยก็ทำให้ไป๋จ้าวเหม่ยต้องตกใจอีกครั้ง
“ใช่! ฉันเอง และฉันก็ฟ้องพ่อแล้วด้วย ที่เธอตีฉัน พ่อบอกว่าจะหย่ากับเธอ และไล่เธอออกจากบ้าน คราวนี้เธอไม่มีวันได้เป็นแม่เลี้ยงของฉันอีก” พ่อปากร้าย ลูกสาวก็ปากร้ายไม่แพ้กัน ไป๋จ้าวเหม่ยถอนหายใจออกมา
“หย่ากับฉัน เพียงเพราะฉันตีเธอนี่นะ อู๋ชิงซวนถ้าเธอเป็นเด็กดี เธอจะถูกตีได้อย่างไร เด็กดื้อก็ต้องถูกลงโทษ” เธอพยายามจะพูดสอน แต่ยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งแย่ลง
“นังอ้วนบ้า เธอจะโยนความผิดให้ฉันเหรอ ฉันดื้อตรงไหน เธอนั่นแหละที่ชั่วร้าย ทุกครั้งที่เธอไม่พอใจก็มาตีฉัน บางครั้งฉันแค่นอนหลับก็ถูกตี เธอมันชั่ว เป็นปีศาจแม่มด ฉันเกลียดเธอ ไม่มีวันยอมรับเธอเป็นแม่ ต่อให้เธอตีฉันให้ตายฉันก็ไม่เรียกเธอว่าแม่!”
เด็กหญิงกำมือโก่งคอตะโกนด่า ด่าเสร็จก็วิ่งหนีออกไปจากห้อง
“นี่! อย่าวิ่งเร็วขนาดนั้นสิ เดี๋ยวก็ล้มหรอก” ไป๋จ้าวเหม่ยตะโกนเรียกตามหลัง ทว่าเด็กหญิงก็วิ่งออกไปจนมองไม่ทันแล้ว
หลังจากอู๋ชิงซวนออกไปไม่นาน อู๋เหวยก็เดินมาพร้อมกับคุณหมอ ครั้นเข้ามาถึงก็เริ่มตรวจร่างกายเธออีกครั้ง
“ปวดตรงไหนหรือเปล่าครับ ที่หัวล่ะปวดมากไหม”
“ไม่ปวดค่ะ แค่มึน ๆ เล็กน้อย” คุณหมอหนุ่มดึงหูฟังแพทย์ออกจากหน้าอกของคนไข้ ก่อนจะยกนิ้วขึ้นไปตรงหน้า
“มองตามนิ้วมือหมอนะครับ มองซ้ายครับ มองขวาครับ กลอกตาขึ้น มองต่ำ เอาละเรียบร้อย สมองของคนไข้ตอบสนองคำสั่งปกติดี ไม่มีอาการแทรกซ้อน สายตามองเห็นชัด ดูอาการอีกสักสองวัน ก็กลับบ้านได้แล้วครับ”
“สมองเธอไม่ได้กระทบกระเทือนหรือเป็นบ้าหรอกหรือครับหมอ ทำไมเธอเหมือนจะจำอะไรไม่ได้” อู๋เหวยจ้องคนบนเตียงด้วยสายตาจับผิด ทว่าไป๋จ้าวเหม่ยก็เชิดหน้าขึ้น อยากมองก็มองไปสิ มองไปเลยเธอไม่กลัวหรอก
“เท่าที่หมอตรวจดู สมองไม่มีอาการกระทบกระเทือนนะครับ แต่หากญาติคนไข้ไม่ไว้ใจ สามารถพาเข้าไปตรวจอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลในเมืองได้ ที่นั่นเครื่องมือก็จะทันสมัยครบกว่าโรงพยาบาลเล็ก ๆ ในอำเภออย่างนี้”
“ไม่เป็นไรครับ คุณหมอบอกว่าไม่เป็นอะไรก็ไม่เป็นอะไร เข้าไปตรวจในเมือง บ้านผมไม่มีเงินมากขนาดนั้น แล้วนี่อีกสองวันเธอก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วใช่ไหมครับ”
ไป๋จ้าวเหม่ยนอนฟังอู๋เหวยพูดคุยกับคุณหมอ หึ! บ้านผมไม่มีเงินมากขนาดนั้นเหรอ เกรงว่าต่อให้มีเงินเขาก็ไม่คิดจะพาเธอไปตรวจมากกว่า หากให้เขายอมเสียเงินกับการรักษาเธอ เขาคงยินดีปล่อยให้เธอตายเสียมากกว่า
“ใช่ครับ อาการบาดเจ็บภายในไม่มีแล้ว ยาที่กินเข้าไปก็ล้างท้องออกหมดแล้ว เหลือแค่เพียงรอยช้ำภายนอกเท่านั้น ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”
“ขอบคุณมากครับ” หมอหนุ่มเดินออกไปจากห้องแล้ว อู๋เหวยก็ไม่คิดจะสนใจคนบนเตียงอีก เขาเดินเข้าไปอุ้มลูกสาว เดินมานั่งที่โซฟาปอกเปลือกส้มป้อนเด็กหญิง ไป๋จ้าวเหม่ยมองเห็นความรักใคร่ที่เขามีต่อลูกสาว แล้วก็หลุดยิ้มออกมา ดูเขาเป็นคนละคนกับที่พูดกับเธอเลย ต้องยอมรับว่าผู้ชายคนนี้เป็นพ่อที่ดี
“ซวนซวนหนูรอพ่ออยู่ที่นี่นะ เดี๋ยวเลิกงานพ่อจะเอาอาหารมาให้ วันนี้ที่โรงอาหารมีผัดไข่กับมะเขือเทศด้วย ตอนเย็นพ่อจะตักกลับมาให้หนูดีไหม”
“หนูไม่อยากอยู่ที่นี่ ถ้าพ่อไปแล้วเธอก็จะลุกขึ้นมาตีหนูอีก พ่อคะให้หนูไปทำงานกับพ่อด้วยนะคะ หนูจะนั่งรอเฉย ๆ ไม่ดื้อไม่ซนนะคะพ่อ”
อู๋ชิงซวนกระโดดลงจากตักพ่อของเธอ เด็กน้อยดิ้นลงไปนั่งเหยียดขาที่พื้น ขาอันเล็กสั่นเทาเหวี่ยงไปมาในท่าดิ้นไม่พอใจ คนเป็นพ่อเห็นอย่างนั้นก็ลงไปอุ้มลูกสาวขึ้นมากอดเอาไว้ ไป๋จ้าวเหม่ยขมวดคิ้วมอง วิญญาณครูสาวเริ่มทนไม่ไหว อยากจะลงไปจับมาอบรมสักยก แต่ก็ต้องข่มใจเอาไว้ก่อน
“ที่โรงอาหารคนเยอะมาก เมื่อวานมีเด็กถูกลักพาตัวไป พ่อกลัวว่าตอนที่พ่อทำงาน จะไม่มีเวลาดูหนูน่ะสิ” ครั้นอู๋เหวยพูดจบ เด็กหญิงก็เริ่มดิ้นพร้อมกับส่งเสียงร้องไห้ออกมาอีกครั้ง สีหน้าพ่อของเธอดูลำบากใจเป็นอย่างมาก กำลังจะอ้าปากยอมให้ลูกสาวไปด้วย ทว่าไป๋จ้าวเหม่ยก็เอ่ยปากแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ให้ซวนซวนอยู่ที่นี่แหละ ไม่ต้องตามไปหรอก เลือกเอาระหว่างอยู่กับฉัน เสี่ยงแค่ถูกตีกับตามพ่อเธอไปโรงอาหาร แล้วถูกพวกค้ามนุษย์จับตัวไป แล้วชีวิตนี้ก็จะไม่ได้เจอหน้าพ่อเธออีก เธอจะเลือกอะไรจ๊ะเด็กน้อย”
“เห็นไหมคะ นังอ้วนบอกว่าจะตีหนู” อู๋ชิงซวนซุกหน้าเข้ากับอกเสื้อพ่อของเธอ โผล่ออกมาแค่ลูกตาเล็ก ๆ สีหน้าดูหวาดกลัวแต่ก็แฝงความดื้อรั้น
“ซวนซวนหนูไม่ควรเรียกเธอว่านังอ้วน ถึงอย่างไรผู้หญิงคนนั้นก็อายุมากกว่าหนู พ่อสอนหนูว่าอย่างไรครับ ห้ามพูดจาไม่ดีจำได้ไหม”
“หนูขอโทษค่ะ แต่น้าอ้วนเอ๊ย น้าไป๋บอกว่าจะตีหนู” เด็กน้อยถูกคนเป็นพ่อดุก็หน้าสลดลง ทว่าแววตาที่มองไป๋จ้าวเหม่ยก็ดูไม่ยินยอม เกลียดชังแต่ก็มีความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
“ฉันก็แค่บอกว่าเสี่ยงที่จะถูกตี ไม่ได้บอกว่าฉันจะตีเธอเสียหน่อย อีกอย่างนะเด็กน้อยเธอช่วยดูสภาพฉันด้วย แค่ลุกจากเตียงฉันยังทำไม่ได้เลย จะหาเรื่องไปวิ่งไล่ตีเธอทำไม”
อู๋เหวยคิดตามคำพูดของไป๋จ้าวเหม่ยแล้ว ก็เห็นว่าเป็นจริงอย่างนั้น ร่างกายอ้วน ๆ นั่นคงจะเคลื่อนไหวไม่ได้เร็วมาก อีกอย่างที่นี่โรงพยาบาล ไป๋จ้าวเหม่ยเป็นพวกเสแสร้งเก่ง คงไม่กล้าตีลูกสาวเขาที่นี่
“หนูรอพ่อที่นี่แหละ นั่งอยู่แค่ที่ตรงนี้ อย่าเข้าไปใกล้น้าไป๋ก็แล้วกัน” ไป๋จ้าวเหม่ยโมโหจนต้องแค่นเสียงหัวเราะออกมา ทำเหมือนเธอเป็นสัตว์ป่าดุร้าย ที่เข้าใกล้ไม่ได้ เพราะอาจจะถูกกัด หึ! เธอไม่ว่างขนาดนั้นหรอก
อู๋เหวยมองหน้าลูกสาว และหันไปกำชับคนบนเตียงอีกครั้ง
“อย่าให้ฉันรู้ว่าเธอรังแกซวนซวนอีก ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันใจร้ายหย่าขาดจากเธอ ไป๋จ้าวเหม่ยรู้เอาไว้ด้วยว่า ครั้งนี้ฉันจะไม่ทนอีก” พูดจบก็เดินออกไปจากห้อง
ไป๋จ้าวเหม่ยถอนหายใจออกมา ให้ตายเถอะเจ้าของร่างเดิมทำอะไรเอาไว้กันแน่ สองพ่อลูกถึงได้เกลียดเธอขนาดนี้!
************************
ตอนที่ 26 สมุนไพรแพงขนาดนี้เลยเหรอไป๋จ้าวเหม่ยเปิดถุงกระดาษหยิบชุดที่หลิวชิงฮุยซื้อมาฝากซวนซวน เมื่อตอนเย็นแม่ดอกบัวขาวใต้ตมพยายามจะชวนเด็กน้อยคุยเล่น ทว่าซวนซวนก็ไม่ได้สนใจเท่าที่ควร เธอเอาเวลาไปคัดแยกพุทราจีนที่เก็บมาจากบนเขา พรุ่งนี้พ่อของเธอจะเอาไปขายให้หลิวชิงฮุยเห็นว่าเด็กน้อยไม่สนใจ จึงได้กลับไปอย่างพ่ายแพ้“ซวนซวนหนูมาดูชุดที่พี่ชิงฮุยซื้อมาฝาก สวยดีนะ ว้าวชุดนี้เหมือนชุดกะลาสีเรือเลย”“อะไรคือกะลาสีเรือคะ” เด็กน้อยละสายตาจากแบบฝึกหัดที่กำลังเขียนอยู่ หันมาเอียงคอถามตอนนี้เด็กน้อยไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับชุดใหม่อีกแล้ว อาจเป็นเพราะแม่เลี้ยงของเธอตัดให้จนครบเจ็ดวัน ไหนจะมีชุดที่เอาไว้ใส่ไปข้างนอก ชุดนอน ชุดใส่เล่น เต็มไปหมด อะไรที่ได้มามากพอก็ทำให้เธอหมดความสนใจ อีกอย่างชุดที่แม่เธอตัดก็สวยกว่าชุดที่วางขายมาก“ก็นี่ยังไงชุดที่มีคอปกข้างหลัง ชอบไหม ว่าไม่ได้หลิวชิงฮุยซื้อของดีมาให้เชียวนะ ผ้านุ่มเชียวใส่สบายตัวเลยละ”“ชอบค่ะ แต่ชอบชุดที่แม่ตัดเย็บให้มากกว่า เหมือนชุดนี้ไง ชุดนอนของหนู พ่อคะพ่อเห็นด้วยหรือเปล่า ชุดนอนที่แม่ทำสวยกว่าอีกเนอะ” อู๋ชิงซวนหมุนตัวหนึ่งรอบ ให้ดูชุดนอนก
ตอนที่ 25 สงสัยไป๋จ้าวเหม่ยพลาดไปแล้ว เธอพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย ลืมไปได้อย่างไรว่าเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว เธอมองท้องฟ้าที่สายฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย“เธอจะให้ฉันเอาสมุนไพรไปขายให้หรือเปล่า แต่เอาไปแบบไม่ตากแห้งมันจะขายได้ไหม ถ้าขายไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เราเก็บเอาไว้ก่อน อบกับไฟก็แห้งเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”“แบบสดมันก็ขายได้ ฉันไม่แน่ใจว่าราคามันจะดีเหมือนแห้งหรือเปล่าน่ะสิ” บอกตรง ๆ เรื่องราคาของ หรือค่าเงินในยุคนี้เธอไม่ค่อยรู้เลยด้วยซ้ำ ดูอย่างที่ว่าทุกอย่างในยุคนี้ ราคาถูก เต้าหู้ก้อนหนึ่งแค่หนึ่งเหมาเท่านั้น ผ้าสวย ๆ หนึ่งพับแค่หนึ่งหยวน แต่!...มันกลับแพงยิ่งกว่าในยุคของเธอเสียอีก อาจเพราะค่าเงินมันไม่เท่ากันกระมัง“จะดีไม่ดียังไงก็ต้องขายไม่ใช่เหรอ เอาไว้หมดหน้าฝน ฉันจะขึ้นไปเก็บสมุนไพรพวกนี้ให้เธอเอง ถึงตอนนั้นเธอก็จะได้เงินเท่าเดิมแล้ว”ไป๋จ้าวเหม่ยพยักหน้าแกน ๆ ยังไงก็ต้องทำตามที่อู๋เหวยบอกนั่นแหละ เพราะนี่ก็สองวันแล้ว หากไม่รีบขายสมุนไพรของเธอก็คงจะเหี่ยวหมดราคาแน่ ๆ เห็ดหลินจือเธอสามารถเก็บเอาไว้ขายทีหลังได้ แต่โสมคนกับโสมซานซีและสมุนไพรอื่น ๆ คงต้องขายออกไป รวมทั้งพุทราแห้งด้ว
ตอนที่ 24 ออกตามหากว่าจะปลอบให้เด็กน้อยหยุดร้องไห้ ร่างอวบ ๆ ของเธอก็หนาวสั่น เธอรีบล้วงเข้าไปในตะกร้าสมุนไพร หยิบกลักไม้ขีดออกมา รวบเศษกิ่งไม้ใบไม้แห้ง ๆ ที่ถูกลมปลิวพัดมากระจุกอยู่ในถ้ำ และจุดไฟให้ความอบอุ่น“ซวนซวนหนูใส่เสื้อทับด้วยหรือเปล่าจ๊ะ”“ใส่ค่ะ”“ดีเลย ตอนนี้หนูถอดเสื้อผ้าออกมาก่อน เหลือเพียงแค่กางเกงชั้นในและเสื้อกล้ามก็พอ เอาออกมาอังไฟให้แห้งก่อน” อู๋ชิงซวนรีบถอดชุดออกมา รวมทั้งถุงเท้ารองเท้าทั้งหมด กางเกงในของเด็กน้อยเป็นทรงสามเหลี่ยม ที่แม่เลี้ยงตัดเย็บให้ และเสื้อกล้ามก็เป็นเสื้อที่ปิดถึงแค่เหนือสะดือ แต่เพราะที่นี่มีเพียงเธอสองคน เด็กหญิงจึงไม่อาย“รอน้าอยู่ตรงนี้แป๊บเดียว น้าจะไปเอากิ่งไม้ ถึงจะเปียกแต่ก็ดีกว่าไม่มีเลย” กำลังจะก้าวขาออกไป ทว่ามือเล็กก็ดึงเอาไว้ก่อน“น้าไปตรงนี้เอง หนูนั่งมองออกไปก็เห็น”“ไม่ใช่น้า” เด็กหญิงทำปากยู่ราวกับเป็ดตัวน้อยแสนงอนอย่างนั้น ไป๋จ้าวเหม่ยหลุดขำออกมา พลางยื่นมือไปบีบปากแหลม ๆ นั่น“เอาละ ๆ แม่ผิดไปแล้ว ต้องโทษที่แม่สมองไม่ดี ทำให้ลืมเสียได้ ซวนซวนน้อยไม่โกรธแม่นะคะลูก”“ไม่โกรธค่ะ แม่รีบไปรีบมานะคะ หนูนั่งผิงไฟตรงนี้ แต่แม่ถอดเส
ตอนที่ 23 ติดถ้ำเปรี้ยง! เสียงสายฟ้าร้องลั่นสั่นสะเทือน สายฝนกระหน่ำลงมาราวกับฟ้าถล่ม หญิงสาวโหนตัวอยู่ที่บนหน้าผา เธอกัดฟันปีนขึ้นไป แต่เพราะน้ำฝนที่สาดลงมาทำให้มือที่เกาะลื่น ร่างอวบร่วงพรืดลงไป มือเล็กรีบจิกเล็บลงที่ซอกหิน จนเล็บหักสิบนิ้วสื่อถึงหัวใจ ทว่าความเจ็บปวดไม่เท่ากับความหวาดกลัว คนตายมาแล้วหนึ่งครั้ง ย่อมไม่อยากตายอีก และที่สำคัญซวนซวนอยู่คนเดียว! ไม่รู้เด็กคนนั้นจะกลัวแค่ไหน ป่านนี้ไม่ใช่ร้องไห้ขี้มูกโป่งไปแล้วเหรอ“ฉันก็ว่าแล้ว โชคดีมันจะมาง่าย ๆ ได้ยังไง ได้โสมได้เห็ด แต่เกือบตกเขา ไม่ได้ฉันจะตายไม่ได้ซวนซวนรออยู่” เธอจะบ่นออกมาไม่ได้ ใบหูแว่วได้ยินเสียงร้องของเด็กน้อย ถึงจะรู้ว่าตอนนี้คงเป็นจิตใจเธอที่ปรุงแต่งไปเอง แต่กระนั้นพอได้คิดว่าเจ้าตัวเล็กนั่นกำลังร้องไห้ เธอก็ยิ่งจิกเล็บเข้าไปในซอกหิน กัดฟันปีนป่ายขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ดีที่ครั้งนี้เธอเลือกลงเขาด้านที่มีหน้าผาบังลม หากลงที่เดิมเธอคงตกตายไปแล้วไป๋จ้าวเหม่ยรีบวิ่งไปแกะเชือกที่มัดกับต้นไม้ใหญ่ จากนั้นก็วิ่งไปหาอู๋ชิงซวนที่ถ้ำหิน ริมฝีปากก็ตะโกนร้องบอกว่า “ซวนซวนน้ามาแล้ว” ไปตลอดทางทางด้านอู๋ชิงซวนหลังจากที่ฝ
ตอนที่ 22 ความคิดของอู๋เหวยวันนี้ก็เหมือนเช่นทุกวัน สองหญิงสาวเดินออกมาส่งชายหนุ่มคนเดียวของบ้านเหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว ทว่าหลายวันมานี้อู๋เหวยมักจะอิดออดไม่ยอมรีบขี่รถออกไปเร็วเหมือนเดิม เช่นเดียวกับตอนนี้ ดูเหมือนว่าตั้งแต่ไป๋จ้าวเหม่ยเข้าโรงพยาบาลก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แม่กับน้องของเธอไม่ได้มาขอเงินอีก แล้วผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้ส่งเงินไปเช่นกัน แปลกเหลือเกิน มีแต่ความแปลกเต็มไปหมด“ซวนซวนพ่อไปทำงานแล้วนะ”“ค่ะ...พ่อขี่รถดี ๆ นะคะ อย่าหักโหมนะหนูกับน้าเป็นห่วง” อู๋ชิงซวนเอ่ยถ้อยคำห่วงใยให้กับพ่อตนเอง หากเป็นเมื่อก่อนเธอก็อยากตามไปด้วย ทว่าเดี๋ยวนี้ เธออยากอยู่เรียนหนังสือ และเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากน้าเหม่ยมากกว่า“ขอบคุณครับ ซวนซวนเป็นเด็กดีอย่าดื้ออย่าซน เชื่อฟังน้าเหม่ยของลูกให้มาก ๆ นะ” สายตาอู๋เหวยเหลือบไปมองคนที่ยืนหมุนคอกระดูกลั่นดังกร๊อบ ๆ ก็ขมวดคิ้วขึ้น ไม่ใช่เพราะเธอออกกำลังกายแปลก ๆ นั่นหรือไงและใช่ไป๋จ้าวเหม่ยยังคงออกกำลังกายท่าแปลก ๆ ของเธอทุกวันเหมือนเดิม ตอนแรกเขาคิดว่าคนอ้วนอย่างเธอจะล้มเลิกกลางคัน แต่สามเดือนที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่า ไป๋จ้าวเหม่ยเอาจริง ทั้งอ
ตอนที่ 21 คนคนหนึ่งจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรออู๋เหวยเอาข้าวของที่ไป๋จ้าวเหม่ยซื้อมาใส่ตะกร้าหน้ารถตัวเอง ที่ใส่ไม่หมดก็ห้อยเอาไว้ เขามองข้าวของที่เต็มรถ ก็พอจะรู้ว่าเธอหมดไปหลายหยวน ชายหนุ่มรู้ว่าหญิงสาวได้เงินมาจากการขายสมุนไพร เพราะหลายวันที่ผ่านมา เขาก็เห็นแล้วว่าเธอวุ่นวายอยู่กับสมุนไพรเหล่านั้น แต่เขาไม่รู้ว่ามันจะขายได้ราคาดีเพียงใด“ซวนซวนหนูมาซ้อนท้ายพ่อดีไหมคะ น้าเหม่ยของลูกจะได้ไม่หนัก”“พ่อคะ!...หนูตัวไม่หนักเสียหน่อยจริงไหมคะน้าเหม่ย”“จริงจ้ะ ซวนซวนของพวกเราหุ่นดีขนาดนี้จะหนักได้ยังไง หนูมาซ้อนท้ายน้าเหมือนเดิมดีกว่า พ่อหนูถือของเต็มรถแล้ว” ไป๋จ้าวเหม่ยเห็นว่าอู๋เหวยรับหน้าที่ขนของแล้ว ดังนั้นเธอจึงรับหน้าที่บรรทุกคนไปเอง ทว่ายังไม่ทันที่เด็กหญิงจะได้ตอบ เสียงรีบร้อนของคนบางคนก็ตะโกนออกมาก่อนที่เจ้าตัวจะมาถึงเสียอีก“ซวนซวนหนูอยากมาซ้อนรถของพี่ชิงฮุยหรือเปล่าจ๊ะ ป้าพี่ส่งจดหมายมาจากเซี่ยงไฮ้ มีเรื่องสนุก ๆ เยอะเลย พี่เล่าให้ฟังดีไหมจ๊ะ” หลิวชิงฮุยเห็นทั้งสามกำลังจะไปอยู่แล้ว เธอก็รีบจูงรถจักรยานตามมา ในใจนึกโมโหตั้งแต่ที่กินอาหารข้างในแล้ว มีเพียงแค่เธอที่ชวนคุย พี่เห