Share

บทที่ 3 สูญเสีย

last update Terakhir Diperbarui: 2025-02-09 15:26:47

บทที่ 3 สูญเสีย

หยางเทียนหรงในร่างเด็กน้อยยังคงนอนแผ่ที่พื้นดินใต้ต้นไม้ใหญ่อยู่เช่นนั้นเพราะยังคงระบมจากบาดแผลที่ถูกทุบตีจากหญิงชราที่เป็นยายของเจ้าของร่าง คนเป็นป้าก็ไม่คิดที่จะห้ามปรามแต่กลับเป็นผู้นำร่างมาทิ้งให้สัตว์ป่ากัดกินซากเพื่อทำลายหลักฐาน

สารเลวนัก

คนเหล่านี้ไม่ควรได้รับการอภัยไม่ว่าจะสำนึกหรือไม่ก็ตาม

ยิ่งความทรงจำสุดแสนจะเจ็บปวดของเจ้าของร่างที่ตนเพียงแค่หลับตายมันก็ประดังประเดเข้ามายิ่งกว่าสายธารไหลเชี่ยว มันยิ่งทำให้ตนรู้ว่าเด็กน้อยตรงหน้าผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาได้อย่างยากลำบากซึ่งเกิดจากการกระทำของผู้เป็นยาย

ในวันที่แสงจันทราถูกรัตติกาลกลืนกินจนมืดมิดไปทั่วทั้งหมู่บ้านซีเป่ย คนในหมู่บ้านต่างกำลังหลับใหลอยู่ในเรือนกันอย่างมีความสุขยกเว้นคนในเรือนสกุลหยางที่กำลังเตรียมตัวเดินทางออกจากหมู่บ้านเพื่อไปงานเลี้ยงของจวนขุนนางที่อยู่เมืองหลวง   

          “เจ้ามัวแต่รีรออะไรอยู่เหมยเอ๋อร์ รถม้าของจวนใต้เท้าหลี่ออกมารอที่หน้าหมู่บ้านแล้วไปแต่งกายให้งดงามเร็วเข้า” โจวซือเหยียนเอ่ยเร่งเร้าบุตรสาวที่ยังคงอยู่ในอาภรณ์เปรอะเปื้อนไร้ความงดงามทั้งที่มันได้เวลาออกเดินทางแล้ว แต่อีกฝ่ายยังคงยืนนิ่งจนหญิงชราร้อนใจ    

“ข้าไม่ไปเจ้าค่ะท่านแม่ อาหรงกำลังนอนซมด้วยพิษไข้ เชิญพวกท่านไปงานเลี้ยงที่จวนใต้เท้าหลี่ได้เลยเจ้าค่ะไม่ต้องรอข้า” หญิงสาวเอ่ยปฏิเสธคำสั่งของมารดาหลังบุตรชายตัวน้อยถูกพิษไข้เล่นงาน อีกทั้งนางรู้ดีว่ามารดาต้องการสิ่งใด ฉะนั้นนางก็จะไม่ให้หญิงชราได้สมดังหวัง

 “ก็ให้สามีของเจ้าดูแลไปเสียสิ งานเลี้ยงครานี้สำคัญกว่าการดูแลบุตรชายแสนอ่อนแอของเจ้าเสียอีก เจ้าคิดเนรคุณต่อข้าหรือ” หญิงชราโพล่งออกมาอย่างมีโทสะหลังจากได้ยินการโต้กลับของบุตรสาวที่นางหมายมั่นปั้นมือว่าจะให้พาสกุลอันสุขสบาย แต่บุตรสาวกลับตอบแทนด้วยการเลือกคนไร้ค่ามาทำสามี และมันคงจะจัดการได้ง่ายดายยิ่งขึ้นหากไม่มีหลานชังที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงบิดาของมันเกิดขึ้นมาเสียก่อน

“อาหรงมิได้อ่อนแอ หากไม่เป็นเพราะอาหลางผลักจนตกลำธารแสนเย็นเหยียบเมื่อตอนเข้าตรู่ บุตรชายของข้าคงไม่ต้องนอนซมเพราะพิษไข้เช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ”

เพี๊ยะ

"เจ้ากล้าใส่ความอาหลางของข้าหรือน้องสาว" อันซีเหมยตวัดหลังมือลงใบหน้านวลของน้องสาวโดยไม่ยั้งมือด้วยมีโทสะในใจที่อีกฝ่ายกล่าวหาบุตรชายของตน

“พี่สาว นี่ท่านตบข้าหรือ”

“เจ้ามันสมควรตายเสียด้วยซ้ำที่กล้ากล่าวหาบุตรชายของข้า”

“แล้วข้าพูดผิดหรือ”

“อันซีหลินนี่เจ้า!”  

“แค่ก แค่ก ท่านป้าอย่าทำท่านแม่ของข้า อึก” เด็กน้อยฝืนตัวเดินออกมาจากห้องหลังได้ยินเสียงทะเลาะเบาะแว้งเสียงดัง จนได้มาเห็นกับตาว่าท่านป้าลงมือทุบตีมารดาของตน เจ้าตัวไม่รอช้าที่จะเข้ามาขวางเอาไว้ก่อนที่ฝ่ามือจะตวัดลงมาอีกครา

 “พอเสียที ในเมื่อไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป แต่อย่าหวังว่าคราหน้าเจ้าจะรอด” หญิงชราไม่ฝืนบังคับบุตรสาวอีกต่อไปเพราะเห็นใบหน้านางมีรอยช้ำที่มุมปาก ใต้เท้าหลี่เห็นเข้าคงไม่พอใจนัก เช่นนั้นวันนี้คงต้องรับหน้าไปก่อน

หลังจากที่ทุกคนออกไปมารดาจึงทรุดตัวลงแล้วโอบกอดบุตรชายตัวน้อยเอาไว้ หยาดน้ำตาหลั่งรินด้วยความเจ็บปวดที่ไม่สามารถกางปีกบินหนีออกจากมารดาไปได้เพียงเพราะอีกฝ่ายข่มขู่ว่าจะปลิดชีพตนเองหากนางกล้าออกจากเรือนแห่งนี้ไป

สามีจึงต้องแต่งเข้าสกุลอันของนาง แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้สกุลอันแต่อย่างใดเพียงเพราะมารดารังเกียจที่อีกฝ่ายเป็นแค่พรานป่ายากจนคนหนึ่ง บุตรชายที่เกิดมาก็ไม่ได้ใช้สกุลอันของนางเช่นเดียวกัน

มารดานางเกลียดชังใบหน้าที่คล้ายกับสามีจนแยกแทบไม่ออก 

"ท่านแม่เจ็บหรือไม่ขอรับ อย่าร่ำไห้เลยนะขอรับ" มือน้อยลูบใบหน้าของมารดาด้วยความแผ่วเบา

ครืด

“ภรรยานี่เจ้าร่ำไห้หรือ เกิดอะไรขึ้น ใบหน้าของเจ้า” หยางเสวี่ยหรงที่เพิ่งกลับลงมาจากการล่าสัตว์ถึงกับทิ้งหมูป่าลงพื้นเมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาของภรรยา

“ท่านป้าทุบตีมารดาขอรับท่านพ่อ”

“ว่าอย่างไรนะ นี่นางกล้าตีเจ้าหรือ”

“ช่างมันเถิดเจ้าค่ะ ว่าแต่ท่านพี่หิวหรือไม่เจ้าคะ ข้าทำอาหารเอาไว้แล้ว มากินกันเถิด” อันซีหลินเบี่ยงเบนความสนใจราวกับไม่อยากนึกถึงมัน

“แต่ว่า”

“ข้าไม่เป็นไร”

เพล้ง

“เสียงอะไรน่ะ เจ้ากับอาหรงเข้าไปหลบอยู่ในห้องก่อน อย่าออกมาหากข้าไม่เรียกเข้าใจหรือไม่” หยางเสวี่ยหรงเอ่ยกำชับทั้งสองก่อนที่จะคว้ามีดสั้นที่ใช้ล่าสัตว์ของตนออกมาแล้วเดินตรงไปยังเสียงดังกล่าว   

ผ่านไปหนึ่งเค่อ

นอกจากบิดาจะไม่กลับมาแล้วเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจากด้านนอกก็ดังเข้ามาถึงในห้องจนมารดาอดทนรอไม่ได้

          “ท่านแม่จะไปที่ใดขอรับ” เด็กน้อยร้องเรียกเมื่อเห็นว่ามารดากำลังจะเปิดประตูออกไป

          “ข้าจะไปช่วยบิดาของเจ้า ตอนนี้คงกำลังลำบากอยู่เป็นแน่” อันซีหลินเอ่ยขึ้นพลางกระชับอาภรณ์ให้รัดกุมและยังนำมีดพกออกไปด้วย

          “อยู่ในนี้ห้ามส่งเสียงนะอาหรง ไม่ว่าเจ้าจะได้ยินเสียงอะไรก็ตามอย่าได้ออกมาจนกว่าข้าจะบอกให้ออกมาเข้าใจหรือไม่” ประโยคเดียวกับบิดาถูกเอ่ยให้เด็กน้อยฟังอีกคราก่อนที่มารดาจะออกไป

          “แต่ท่านแม่ข้ากลัว”

          “อย่าได้หวาดกลัวไปเลย ข้าจะกลับมาแน่นอนบุตรข้า”

          นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่มารดาเอ่ยกับเด็กน้อยก่อนที่จะออกไปช่วยเหลือบิดาด้านนอกและไม่กลับมาอีกเลย แต่สิ่งที่ทำให้หยางเทียนหรงถึงกับหมดสติไปนั่นเป็นเพราะว่า

          “หยุดมือเดี๋ยวนี้นะเจ้าโจรชั่ว อย่าทำอะไรสามีของข้า” มืดสั้นถูกหันไปทางโจรชั่วที่กำลังทุบตีสามีของนางจนโลหิตสาดกระเซ็น อันซีหลินไม่รอช้าพุ่งตัวเข้าไปช่วยสามีจนสุดชีวิต

          ฉัวะ! ฉึก! ดาบเล่มยาวตวัดเข้ากลางอกของหญิงสาวแล้วยังซ้ำลงโดยการแทงเข้ากลางท้องจนนางกระอักโลหิตออกมา

          “อึก แค่ก แค่ก”

          ตุบ

          “ท่านแม่!!!”

          มารดาถูกโจรชั่วอีกคนตวัดดาบใส่โดยไร้ความปราณีจนทำให้นางตายจากไปทันทีไม่ทันได้ร่ำลาแม้แต่น้อย เด็กน้อยกรีดร้องออกมาด้วยความขวัญเสียแล้วสิ้นสติไปทันที

          ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในคืนเดียวหมู่บ้านซีเป่ยถูกโจรภูเขาคร่าชีวิตไปไม่น้อย ไร้ทางการเข้าเหลียวแลด้วยตัวหัวหน้าหมู่บ้านกลับไม่ได้อยู่ในคืนเกิดเหตุ อีกทั้งยังไม่ใส่ใจความเป็นอยู่ของชาวบ้านเลยสักนิด

          แม้จะทำการร้องเรียนแต่จดหมายเหล่านั้นกลับถูกทำลายก่อนถึงมือเจ้าเมืองเสียทุกครั้ง นั่นจึงทำให้ชาวบ้านที่เหลือทำการหลีกหนีไม่ข้องเกี่ยวกับสกุลอันหากไม่มีเหตุจำเป็น     

“หลินเอ๋อร์ลูกแม่ ฮือ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้” หญิงชรากอดร่างไร้วิญญาณของบุตรสาวคนเล็กพลางร่ำไห้จนชาวบ้านเรือนข้างเคียงมองมาด้วยความสงสารแต่บางคนกลับสาแก่ใจ

“ขออภัยด้วยท่านแม่ที่ปกป้องหลินเอ๋อร์ไว้ไม่ได้” หยางเสวี่ยหรงนั่งคุกเข่าแล้วกล่าวขอโทษที่ตนไม่สามารถปกป้องภรรยาของตนจากโจรภูเขาเอาไว้ได้ ทำให้ภรรยานั้นถูกสังหารจนตาย ส่วนตนเองก็ถูกทำร้ายจนดวงตาจนสูญเสียการมองเห็นไปทั้งสองข้าง

พลัก

หญิงชราผลักร่างหนาที่นั่งคุกเข่าหน้าตนเองจนล้มลง แล้วเดินไปเหยียบหน้าอกยันเอาไว้ไม่ให้มีโอกาสลุกขึ้นมา

“ขอโทษแล้วบุตรสาวของข้าจะกลับมาอย่างนั้นหรือเจ้าโง่ ข้าไม่น่าให้ลูกข้าแต่งกับบุรุษที่มีแต่ตัวเช่นเจ้าเลย ไม่น่าเลยจริง ๆ ฮือ หากแต่งให้นายท่านหลี่ไปก็คงไม่ต้องพบเจอเรื่องราวเช่นนี้”  

“อึก ปล่อยข้าเถอะขอรับท่านแม่” หยางเสวี่ยหรงพยายามยกเท้าของหญิงชราออกแต่มันก็ไร้ผล เพราะตนเองนั้นทั้งไร้เรี่ยวแรงและมองไม่เห็นสิ่งใดยามนี้จึงทำได้แค่ไม่ให้เจ้าของฝ่าเท้ากดลงมาอีกก็เพียงพอ

“ท่านยายอย่าทำท่านพ่อขอรับ ข้าขอร้อง” มือน้อยพยายามดึงรั้งขาของผู้เป็นยายออกมา ด้วยความรำคาญหญิงชราทำการสะบัดขาออกทำให้ร่างของเด็กน้อยกระเด็นล้มลงจนก้นจ้ำเบ้า

ตุบ

“ออกไปจากเรือนของข้าทั้งเจ้าและลูกของเจ้า ต่อไปนี้ไม่ต้องมานับญาติกัน อาเหมยเอาข้าวของทั้งหมดที่มีของอดีตลูกเขยของข้ามาให้พวกเขาเร็วเข้า” ยิ่งพิศมองใบหน้าของหลานชายนางยิ่งชิงชังนัก หากใบหน้าละม้ายคล้ายบุตรสาวนางบ้าง บางครานางอาจจะเมตตาหลานชายคนนี้บ้างก็ได้

“ได้เจ้าค่ะท่านแม่”

รอไม่นานข้าวของทุกอย่างที่มีเพียงน้อยนิดก็ถูกพี่สาวของภรรยานำมาโยนกองบนตัวของบุรุษที่นอนกองที่พื้นดิน แม้จะมองไม่เห็นแต่หยางเสวี่ยหรงรู้สึกถึงบางอย่างกระทบเข้าที่กายเนื้อแม้จะไม่รุนแรงแต่หากถูกหลายครามันก็สามารถสร้างความเจ็บปวดได้เช่นกัน

“ท่านแม่”

“ไม่ต้องมาเรียกข้าว่าท่านแม่ ข้ามิใช่มารดาของเจ้านับตั้งแต่หลินเอ๋อร์ตาย ออกไปจากเรือนข้าได้แล้วที่นี่ไม่ต้องการคนไร้ค่าอย่างพวกเจ้าอีกต่อไป”

สองบิดาและบุตรชายถูกขับไล่ออกจากเรือนสกุลอัน โดยที่มีเพียงแค่อาภรณ์เท่านั้นที่พี่สาวของภรรยาโยนมาให้ หยางเสวี่ยหรงมองไม่เห็นทำให้บุตรชายเป็นคนเก็บของที่ป้าของตนโยนลงบนตัวบิดาใส่ตะกร้าใบน้อยขึ้นหลังของตน จากนั้นจึงคว้าแขนของบิดาเดินออกมาทันที

“เราจะไปอยู่ที่ใดหรือขอรับท่านพ่อ” หลังจากเดินออกมาไกลมากแล้ว หรงหรงตัวน้อยจึงเอ่ยถามผู้เป็นบิดา เพราะตนเองยังไม่เคยไปที่ใดเลยนอกจากวิ่งเล่นอยู่เรือนสกุลอัน

“กลับบ้านเดิมของข้า ในเมื่อท่านยายของเจ้าไม่ต้องการเราสองพ่อลูกแล้วก็กลับไปอยู่บ้านเดิมของข้าที่อยู่ท้ายหมู่บ้านกันเถิด” แม้จะเสียใจที่ไม่ได้นำร่างของผู้เป็นภรรยามาจัดการด้วยตนเองก็ตาม แต่หยางเสวี่ยหรงก็ต้องเข้มแข็งเพราะตนยังมีเจ้าก้อนแป้งตัวน้อยรออยู่ตั้งหนึ่งคน

“แต่ท่านแม่”

“แม่ของเจ้าจะยังอยู่ในนี้เสมอ”

“ข้าเข้าใจแล้วขอรับท่านพ่อ”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 38 ไข่สีดำ

    บทที่ 38 ไข่สีดำ ในระหว่างที่เฝ้ารอให้ไข่เยี่ยวม้าที่ตนเองได้ลงมือพอกถึงเวลาอันสมควรที่จะนำมาขายที่ตลาดได้นั้น หยางเทียนหรงจำต้องลองนำไข่เยี่ยวม้าที่ลุงโจวทำเอาไว้ก่อนหน้ามาให้บรรดาลูกค้าที่มาเลือกซื้อไข่ไก่ที่แผงเป็นประจำได้ลิ้มลองรสชาติก่อนเป็นอันดับแรก เนื่องจากไข่เยี่ยวม้ายังมีความคาวอยู่มากหากนำมาให้กินดิบคงไม่อาจขายให้ผู้ใดได้ ดังนั้นเด็กน้อยจึงทำการแปรรูปเป็นอาหารที่สามารถทำได้ทั่วไป แต่เพิ่มไข่เยี่ยวม้าเป็นตัวชูโรงความอร่อย อาหารที่เด็กน้อยเลือกทำมาในวันนี้นั่นก็คือ โจ๊กหมู แม้จะดูเป็นเพียงอาหารจืดชืดธรรมดาแต่เมื่อหั่นไข่เยี่ยวม้าที่มีรสเค็มวางลงไป ยามที่กินเข้าไปนั้นความเค็มจากไข่เยี่ยวม้าจะทำให้โจ๊กหมูธรรมดากลับมีรสชาติดีขึ้นมาเลยทีเดียว “นี่เจ้าหนู เหตุใดวันนี้จึงมีโจ๊กหมูมาขายด้วยเล่า เจ้าอยากขายอาหารหรือ” เกาซือหรงเห็นเด็กน้อยวางถ้วยดินเผาเรียงกันนับสิบใบแล้วทำการตักโจ๊กหมูใส่ลงถ้วยพวกนั้น ชายหนุ่มจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ข้าต้องการขายไข่เยี่ยวม้าขอรับลุงเกา” “ไข่เยี่ยวม้า? มันคือสิ่งใดกัน” ไข่เยี่ยวม้า

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 37 ไข่เยี่ยวม้า

    บทที่ 37 ไข่เยี่ยวม้า และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึงเมื่อลุงโจวเดินมาพร้อมไข่ห่อขี้เถ้าหลายฟองที่ได้ลงมือหมักไปเมื่อเจ็ดวันก่อน ยามนี้ได้เวลาที่จะได้รู้แล้วว่ามันเหมือนกับที่ตนเคยเห็นหรือไม่ “คุณชายไข่เยี่ยวม้าของข้าน้อยพร้อมที่จะนำไปกินได้แล้วขอรับ” “ไข่เยี่ยวม้า? ไข่ห่อขี้เถ้านี่นะหรือลุงโจว” มือน้อยหยิบไข่ที่อยู่ในไหดินออกมาหนึ่งฟองแล้วพิจารณาอย่างถี่ถ้วนพลางขมวดคิ้ว คล้ายมากจริง ๆ จะใช่หรือไม่กัน “ใช่แล้วขอรับคุณชาย ไข่เยี่ยวม้าเป็นไข่ถนอมอาหารของทางใต้ที่เป็นบ้านเกิดของข้าก่อนที่จะย้ายเข้าไปเป็นพ่อบ้านในจวนของขุนนาง เนื่องจากทางใต้มีหน้าร้อนยาวนานมากกว่าหน้าหนาวนักอีกทั้งยังนิยมเลี้ยงไก่ไข่ส่งออกขายไปยังต่างเมืองรวมถึงเมืองท่าซือหลินด้วย แม้จะส่งออกไปขายแทบทุกวันก็ตาม แต่แม่ไก่กลับออกไข่มากเกินไปจนขายออกไม่ทันและเน่าเสียไปมากมายจนวันหนึ่งมีพ่อค้าจากแดนไกลเดินทางเข้ามาพร้อมไข่เยี่ยวม้าพวกนี้” โจวหลี่หรงวางไหดินลงแล้วหยิบไข่ขึ้นมาพร้อมแกะขี้เถ้าออกจนเหลือถึงแค่เปลือกไข่จากนั้นจึงตอกไข่เบา ๆ จนเปลือกแตกออกเผยให้เห็นเนื

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 36 จัดการป้าซุน

    บทที่ 36 จัดการป้าซุน“ข้าก็ซื้อเหมือนกัน มิเห็นว่ามันเน่าอย่างที่เจ้าว่าเลยสักนิด” “ใช่ ๆ สามีของข้าก็ซื้อไปเมื่อสองวันก่อน แต่ก็ไม่เห็นว่ามันจะเน่าอย่างที่นางหลี่ว่าจริง ๆ” เสียงชาวบ้านหลายคนที่เดินผ่านมาได้ยินเรื่องราวต่างเอ่ยขึ้นเพื่อยืนยันคำพูดของท่านหมอชราจนทำให้ชาวบ้านหลายคนมองสตรีที่นอนร่ำไห้อยู่ที่พื้นด้วยสายตาดูแคลน “เด็กน้อยอุตส่าห์ทำมาหากินด้วยความขยันขันแข็งเพื่อที่จะเลี้ยงดูบิดาที่ดวงตามืดบอด เหตุใดเจ้าถึงสร้างเรื่องราวใส่ความได้กัน ทั้งที่เจ้าก็มีแขน ขา และดวงตาที่สมบูรณ์กว่าแท้ ๆ แม่นาง” หมอชราเอ่ยตำหนิสตรีตรงหน้าพลางส่ายหน้าแล้วเดินกลับไปหยิบหมูทอดและห่อข้าวบนเกวียนจากนั้นจึงขึ้นรถม้ากลับไปยังโรงหมอ โดยปล่อยให้หญิงสาวเอ่ยคร่ำครวญความเจ็บช้ำออกมาอยู่เช่นนั้น ไม่มีผู้ใดเชื่อลมปากของนางอีกต่อไปในทางกลับกันทหารที่คุ้มกันอยู่จวนท่านเจ้าเมืองก็เดินเข้าไปลากตัวนางออกไป ส่วนแผงเช่าก็ถูกริบทุกอย่างจนหมดสิ้น “พวกท่านจะไปรู้อะไร ลองให้เจ้าหนูไปขายของเหมือนกันดูบ้างสิ มันแย่งลูกค้าข้าไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่จะให้ข้าอยู่เฉยได้หรือ เหอะ

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 35 ไข่เน่า

    บทที่ 35 ไข่เน่า สามวันต่อมา หลังจากวันที่สนทนาเรื่องขยายเรือนพ่อบ้านโจวก็ไม่ทำให้ผิดหวังแต่อย่างใด ในทางกลับกันยามนี้ทั้งลุงโจวและลุงโม่ต่างสนทนากันเรื่องการสร้างเรือนได้ถูกคอยิ่งนัก หยางเทียนหรงจึงให้พอบ้านโจวอยู่คุมการสร้างเรือนจนกว่าจะเสร็จสิ้น ส่วนตนเองก็เดินทางออกมาขายไข่ไก่ดังเดิมเพราะหยุดขายไปสองวันแล้ว ขาดรายได้ไปหลายตำลึงทำให้เด็กน้อยต้องออกมาค้าขายให้ได้วันนี้ “คุณชายดูแลตนเองให้ดีนะขอรับ และกลับก่อนยามโหย่วด้วย เข้าใจที่ข้าน้อยบอกหรือไม่คุณชาย” โจวหลี่หรงเอ่ยย้ำอีกคราหลังคุณชายตัวน้อยเริ่มหาวออกมา “ลุงโจวเอ่ยกับข้ามาห้าครั้งแล้ว ข้าไปได้และจะกลับมาก่อนยามโหย่ว” “ข้าเป็นห่วงนี่ขอรับ” “ข้าจะดูแลตนเองให้ดีขอรับ ส่วนลุงโจวก็ดูแลกล่องไม้นั้นให้ดีที่สุดเช่นกันนะขอรับ” “ไม่ต้องกังวลขอรับคุณว” เพราะเห็นว่ามันสายมากแล้วเด็กน้อยจึงเอ่ยร่ำลา “อย่ากังวลนักเลยพ่อบ้านโจวข้าอยู่ทั้งคน จะรีบกำชับให้เจ้าหัวผักกาดรีบกลับเรือนโดยเร็ว” บิดาทำการย้ำเตือนอีกคราว่าเด็กน้อยมิได้ไปเพียงลำพัง พ่อบ้านจะได้คลายค

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 34 ขยายเรือนอีกครั้ง

    บทที่ 34 ขยายเรือนอีกครั้ง วันนี้ก็เป็นอีกวันที่มีไข่ไก่เหลืออยู่นับยี่สิบฟองซึ่งมากกว่าทุกวัน นั่นยิ่งตอกย้ำไปอีกว่ากิจการขายไข่ไก่เริ่มสั่นคลอนเล็กน้อย ยิ่งยามนี้แม่ไก่สาวเริ่มเติบโตเต็มที่ไข่ไก่ที่ออกมาล้วนแต่ขนาดที่ใหญ่จนต้องขึ้นราคามาเป็นฟองละห้าอีแปะ ทำให้สูญเสียลูกค้าไปบ้างแต่ก็ส่วนน้อยเนื่องจากขนาดของมันนั้นใหญ่มากกว่าร้านที่ขายในราคาเดียวกันเสียอีก “คุณชายกลับกันเถิดขอรับ หากรอไปมากกว่านี้เห็นทีจะถึงเรือนหลังตะวันตกดิน มันไม่เป็นผลดีแน่ขอรับ” การเดินทางไปยังหมู่บ้านซีเป่ยหลังตะวันตกดินนั้นมิใช่เรื่องที่ดีเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไม่มีเพื่อนร่วมทางแล้วด้วยมันจะกลายเป็นเป้าโจมตีของพวกโจรป่าที่ชอบดักปล้นชิงคนที่เดินทางเพียงลำพังยามค่ำคืน ฉะนั้นกันไว้ดีกว่า

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 33 พ่อบ้านสกุลหยาง

    บทที่ 33 พ่อบ้านสกุลหยาง อาการของทาสที่หยางเทียนหรงไถ่ตัวออกมานั้นนับว่าสาหัสพอสมควร เพราะบาดแผลมิได้มีเพียงแค่รอยจากแส้เท่านั้น มันยังมีรอยจากการถูกคมดาบเฉือนเนื้อมากมายนับไม่ถ้วน จนไม่คาดคิดเลยว่าทาสผู้นี้จะมีชีวิตรอดได้นานมากเพียงนี้ “ข้าจัดการบาดแผลภายนอกจนหมดแล้ว เหลือเพียงแค่ให้บุรุษผู้นั้นตื่นขึ้นมาดื่มโอสถแก้บอบช้ำภายในเท่านั้น” “ขอบคุณท่านหมอที่ช่วยเหลือท่านลุงผู้นี้เอาไว้นะขอรับ” “ลุงของเจ้าหรือ” “มิใช่ขอรับ เขาเป็นทาสที่ข้าได้ช่วยเหลือเอาไว้เพราะไม่อยากให้คนผู้นี้ถูกพ่อค้าทาสทุบตีจนตาย&

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status