공유

บทที่ 4 ทุบตีจนตาย

last update 최신 업데이트: 2025-02-09 15:26:57

บทที่ 4 ทุบตีจนตาย

แม้หญิงชราออกปากตัดขาดสองพ่อลูกออกจากสกุลอัน แต่มันกลับเป็นเพียงแค่ลมปากเท่านั้น เพราะทุกวันนางจะมารอช่วงชิงของป่าที่หลานชายแสนชังหามาได้จากชายป่าทั้งที่ของป่าพวกนั้นเรือนสกุลอันมิเคยขาดแคลนมันเลยแม้แต่น้อย

วันนี้ก็เช่นเดียวกัน

“เอากระต่ายของข้ามานะ ท่านยายเหตุใดท่านจึงมิห้ามปรามหลางเกอขอรับ เขามาแย่งชิงกระต่ายของข้า” มือน้อยพยายามแย่งชิงกระต่ายผอมแห้งกลับคืนมาหลังจากตนเพิ่งจับมาได้อย่างยากลำบาก เด็กน้อยทวงความยุติธรรมแต่สิ่งตอบแทนกลับล้วนเป็นความเจ็บปวดที่ผู้เป็นยายนั้นตั้งใจมอบให้

“ท่านยายข้าอยากกินเนื้อกระต่ายย่างขอรับ” หลานชายอีกคนเป็นผู้แย่งชิงกระต่ายตัวน้อยมาจากเด็กน้อยผอมซูบ แล้วยังหันไปเอ่ยกับผู้เป็นยายว่าตนนั้นอยากกินสัตว์ป่าตัวนี้ทั้งที่มันมิใช่ของตน

 “เอาสิหลานรัก เดี๋ยวเย็นนี้ให้แม่ของเจ้าทำให้กินดีหรือไม่”

“แต่น้องชายไร้ค่าไม่ให้ข้าขอรับ”

“เพ้ย กับแค่กระต่ายตัวเดียวแค่นี้จะแบ่งให้พี่ชายเจ้ามิได้เชียวหรือ”

“แต่มันคืออาหารของบิดาและข้านะขอรับท่านยาย แล้วจะให้ข้าแบ่งปันให้หลางเกอได้อย่างไรกัน โอ้ย ฮึก ท่านยายข้าเจ็บ”

 “หลานอกตัญญูเจ้ากล้าขัดข้าอย่างนั้นหรือ มานี่ข้าจะตีเจ้าให้ตายเสียวันนี้ อาหลางเอาไม้มาให้ข้า”

เด็กน้อยถูกทุบตีโดยที่บิดาไม่เคยรู้ว่าบุตรชายตัวน้อยนั้นถูกทำอันใดไปบ้าง เพราะยามที่คนเรือนนั้นมามักจะลากเด็กน้อยออกมาให้ห่างจากเรือนหลังซอมซ่อเพื่อที่จะได้ทุบตีได้อย่างถนัดและไม่มีผู้ใดมาขัดขวาง

หากกล่าวว่าเมื่อหลายวันก่อนหญิงชราใจร้ายมากแล้ว

          สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้คงเรียกว่านางมีใจอำมหิตยิ่งกว่าปิศาจร้ายเสียอีก

“หลานเนรคุณ เอาผิงกั๋วมาให้ข้าเดี๋ยวนี้” เสียงก่นด่าพลางแกะมือน้อยออกจากผลผิงกั๋วที่หลานชายกำมันเอาไว้แน่นด้วยความโมโห เพราะอีกฝ่ายขัดขืนนางจึงลงมือผลักไหล่เจ้าตัวจนเด็กน้อยล้มลงไปบนพื้นดิน

          “ฮึก ท่านยายเอาคืนข้ามานะขอรับ นี่มันของท่านพ่อของข้านะ” หลานชังวัยแปดปีอย่าง ‘หยางเทียนหรง’ ไม่ยินยอมจึงเกิดการแย่งชิง แต่แรงอันน้อยนิดของเด็กน้อยมันจะสู้แรงของยายเฒ่าแสนอ้วนท้วมได้อย่างไรกัน

          พลัก ตุบ

          “โอ้ย ฮึก ฮือ คืนผิงกั๋วผลนั้นมาให้เถิดขอรับท่านยาย ฮือ” แม้จะล้มลงจนศีรษะกระแทกหินก้อนใหญ่จนโลหิตไหลลงเข้าดวงตา เด็กน้อยปาดมันออกแล้วพยายามลุกขึ้นเพื่อที่จะยื้อแย่งผิงกั๋วคืนกลับมา

          “เหตุใดข้าต้องคืนในเมื่อมันควรเป็นของอาหลางมิใช่หลานชายที่ข้าเกลียดชังเช่นเจ้า” หญิงชรามิได้ใส่ใจนักว่าหลานชายเสียโลหิตจวนจะสิ้นสติแล้ว นางสนแค่เพียงแย่งชิงของป่าที่อีกฝ่ายหามาได้เท่านั้น

          “แต่ผิงกั๋วผลนั้นข้าเก็บมันมาให้ท่านพ่อไม่ใช่ท่านยายนะขอรับ” เด็กน้อยยังคงไม่ยินยอม และพยายามลุกขึ้นอีกคราด้วยก่อนหน้าขาอ่อนแรงจนล้มลงไป ที่เด็กน้อยต้องการชิงมันคืนมาด้วยมันเป็นอาหารมื้อเย็นของบิดา เจ้าตัวน้อยไม่สามารถมอบมันให้บ้านใหญ่ได้อีกต่อไป

          “แล้วอย่างไร เจ้าอย่าลืมว่า ของป่าทุกอย่างที่พวกเจ้าสองพ่อลูกหามาได้ล้วนแต่เป็นของบ้านใหญ่ทั้งสิ้น อย่าได้คิดเอาเป็นของตนเองลืมไปแล้วหรือ”

“แต่เราแยกเรือนกันแล้วนะขอรับ”

“เพ้ย หลานเนรคุณ ต่อให้เจ้าแยกออกไปไกลแสนไกลเพียงใด ชีวิตของเจ้าสองคนต้องเป็นทาสของสกุลอันไปจนกว่าจะตายเท่านั้น อาหลางเอาไม้มาให้ยายของเจ้า วันนี้น้องชายของเจ้าดื้อรั้นนัก ยายต้องอบรมสักหน่อย” หญิงชราได้ยินหลานชายโต้เถียงกลับมาทุกคำจนทำให้เกิดโทสะขึ้นมา เลยสั่งให้หลานชายคนโปรดไปนำไม้มาเพื่อลงโทษดังที่เคยกระทำ

เพียงแต่ครานี้นางใส่โทสะที่มีมากไป

เลยทำให้เด็กน้อยถูกทุบตีเต็มแรงจนไร้โอกาสในการปัดป้อง 

          “ขอรับท่านยาย” อันซือหลางหลานชายอีกคนของสกุลอันหัวเราะด้วยความชอบใจ แล้ววิ่งไปเอาท่อนไม้ที่วางอยู่ไม่ไกลมาให้ผู้เป็นยายทันที  

          “หากทุบตีข้าแล้ว ท่านยายจะคืนผิงกั๋วมาให้ข้าใช่หรือไม่ขอรับ” เด็กน้อยยอมรับการทุบตีแต่แลกกับการที่ผู้เป็นยายต้องคืนผลผิงกั๋วลูกนั้นคืนกลับมาให้แก่ตนเอง

          “เหตุใดข้าต้องคืนให้เจ้า ในเมื่อผิงกั๋วผลนี้มันเป็นของข้าแล้ว ข้าจะเก็บไว้ให้อาหลางกิน”

            “ไม้มาแล้วขอรับท่านยาย” 

          โจวซือเหยียนรับไม้มาแล้วยื่นผลผิงกั๋วให้หลานชายคนโปรด จากนั้นจึงหันมาทุบตีหลานชังด้วยแรงโทสะทันที โดยไม่ได้ใส่ใจว่าเด็กน้อยจะเจ็บปวดมากเพียงใดกับการกระทำของผู้ที่เรียกตนว่ายาย

          ตุบ ตุบ ตุบ

          “ท่านยายใจร้าย โอ้ย ข้าเจ็บนะขอรับ ฮึก ท่านยาย อย่าทำข้า ฮือ ข้าเจ็บ”

          “ร้องเข้าไป ร้องให้ดังกว่านี้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ผู้ใดใช้ให้พวกเจ้าสองพ่อลูกพรากหลินเอ๋อร์ของข้าไปกัน เจ้ามันสมควรตายตามลูกสาวของข้าไปเจ้าเด็กอัปมงคล” หญิงชราทุบตีพลางก่นด่าไปถึงบิดาของหลานชายคนนี้ที่ทำให้ลูกสาวของตนตาย แต่ตัวมันเองกลับรอดมาได้ แม้จะสูญเสียดวงตาไปก็ตามแต่มันก็ทดแทนความเสียใจของนางไม่ได้

          “ข้าตายตามท่านแม่ไปไม่ได้นะขอรับ ข้าต้องดูแลท่านพ่อ ฮึก ท่านยายพอแล้ว”

          “โอ้ย ฮือ พอแล้วขอรับท่านยาย ข้าเจ็บ ฮึก”

“จงตายไปเสียเถอะ เจ้าเด็กโง่”  

            ยิ่งเด็กน้อยกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดมากเท่าใดหญิงชราก็ยิ่งลงมือหนักขึ้น จนกระทั่งเด็กน้อยแน่นิ่งไม่ไหวติงพร้อมเปล่งเสียงออกมาราวกับไม่ยินยอมต่อชะตาในครานี้

          “ไม่!

          ทันทีที่เด็กน้อยแน่นิ่งไปบุตรสาวคนโต’อันซีเหมย’จึงลองวางมือบริเวณจมูกจนพบว่าหลานชายไร้ลมหายใจเสียแล้ว

          “ท่านแม่อาหรงตายแล้วเจ้าค่ะ”

          “ว่าอย่างไรนะ แค่นี้ถึงกับทนไม่ได้เชียวหรือเจ้าเด็กไร้ค่า กล้าตายหนีข้าได้อย่างไร” หญิงชราทำท่าจะตีลงบนลำตัวอีกครั้งแต่ถูกห้ามเอาไว้ก่อนด้วยเกรงว่าชาวบ้านที่ชอบสอดรู้จะพากันแห่มาดู

           “พอแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ ในเมื่ออาหรงตายจากไปแล้วเราต้องเร่งกำจัดร่างเสียก่อน มิเช่นนั้นเกิดมีคนรู้เราจะเดือดร้อนเอาได้นะเจ้าคะ”

          “อาหลางกลับเรือนไปก่อน เอาผิงกั๋วไปกินให้อิ่มหนำแล้วอย่าได้เอ่ยเรื่องนี้กับผู้ใดเข้าใจหรือไม่” หญิงชราให้หลานชากลับไปเสียก่อนด้วยไม่อยากหลานชายต้องมารับรู้เรื่องนี้แม้อีกฝ่ายจะเห็นนางทุบตีน้องชายตายต่อหน้าก็ตาม

          “ขอรับท่านยาย”  

          “เจ้าแน่ใจหรือว่าอาหรงตายแล้ว” หลังหลานชายหายลับตาไปแล้วหญิงชราจึงเอ่ยถามบุตรสาวคนโตอีกคราเพื่อความแน่ใจ

          “แน่ใจเจ้าค่ะ”

          “หึ น่าเสียดาย บิดาไร้ค่านั่นก็น่าจะตายตามไปด้วยเพื่อชดใช้ให้กับหลินเอ๋อร์ของข้า” ความรุ่งเรืองของสกุลอันได้ตายจากไปผู้ใดเล่าจะทำใจได้ ยิ่งเห็นพวกมันมีชีวิตรอดนางยิ่งชังจนอยากจะสังหารให้ตายหลาย ๆ คราจนกว่าจะสาแก่ใจ

          “ต้องเร่งมือแล้วเจ้าค่ะ ช้ากว่านี้มิได้แล้ว” แม้จะเสียใจที่มารดาเอาแต่พร่ำเพ้อหาน้องสาวที่ตายจาก แต่แล้วอย่างไรในเมื่ออีกฝ่ายตายจากไปแล้วก็เท่ากับยามนี้ตำแหน่งบุตรสาวคนโปรดย่อมตกเป็นของนางแต่เพียงคนเดียว

          ร่างของเด็กน้อยถูกโยนทิ้งกลางป่าลึกหลังพุ่มไม้ที่มีต้นไม้ใหญ่บังสายตาจากชาวบ้านหรือพรานป่าที่เข้ามาหาของป่า พวกนางคาดหวังให้สัตว์ป่ามากัดกินร่างของเด็กน้อยเสียจะได้ไร้หลักฐานสาวมาถึงตนได้ว่าตนนั้นทุบตีอีกฝ่ายจนตายมิใช่ถูกสัตว์ป่ากัดตาย

          “อย่าได้กังวลนักเลยหลานรักของข้า เดี๋ยวข้าจะส่งบิดาของเจ้าตามไปแน่นอน”

          “ไปกันเถอะเจ้าค่ะท่านแม่ เดี๋ยวมีผู้ใดมาเห็นเข้าแล้วเราจะเดือดร้อน”

          หลังทั้งสองเดินจากไปหยางเทียนหรงที่เข้ามาอยู่ในร่างตั้งแต่ถูกอุ้มมาแล้วจึงลืมตาขึ้นมาแต่ยังมิได้ลุกขึ้นแต่อย่างใดด้วยกำลังเจ็บปวดรวดร้าวจากการกระทำของสองคนนั้น

          หนอยยายแก่มหาปะลัยจิตใจอำมหิตมากเกินไปแล้วนะคอยดูเถอะสักวันฉันต้องเอาคืนให้หรงหรงให้ได้

          “โยนมาได้เจ็บนะโว้ย ยายแก่ อึก ปวดหัว”

          “เจ็บไปถึงกระดูกด้านในเลย ใจร้ายเกินไปแล้วนี่หลานชายแท้ ๆ นะ ทำไมถึงได้ทุบตีราวกับไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน”    

          เขาไม่คิดว่าเจ้าของร่างจะถูกทำร้ายหนักมากขนาดนี้

          ในชีวิตที่แล้วของเขานั้นแม้เป็นเพียงเด็กกำพร้าแต่ก็ไม่เคยถูกทำร้ายสารพัดดังเจ้าของร่าง อีกทั้งเขายังมีโอกาสได้เรียนรู้งานอาชีพที่สามารถนำไปใช้ทำมาหากินได้อย่างปลูกผักและทำอาหาร เพราะต้องดิ้นรนให้มีชีวิตรอดมันเลยทำให้เขานั้นมีจิตใจที่หยาบกระด้างเล็กน้อยเพราะต้องสร้างเกราะป้องกันตนเอง

          แต่สุดท้ายสิ่งที่ร่ำเรียนมาก็สูญเปล่าหลังได้รู้ว่าตนเองเป็นโรคร้ายที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน เขาจึงได้แต่นอนรับคีโมทุกวันจนสุดท้ายร่างกายรับไม่ไหวตายในที่สุด

          และตอนนี้เขาได้ชีวิตใหม่แล้ว แม้จะเป็นร่างคนอื่นก็ตามแต่ตอนนี้มันเป็นของเขาเพราะเด็กคนนั้นคงไปเกิดใหม่สักที่แล้วล่ะ

          นับว่าเรามีชะตาต้องกันดังนั้นชีวิตต่อจากนี้ฉันจะดูแลตัวเองและพ่อของเธอให้ดีเธอไม่ต้องห่วงเด็กน้อย

         

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요
댓글 (1)
goodnovel comment avatar
ອິດ ພັນນະວົງ
เขียนบทจะเขียนภาษาอะดีตปะปนกับปัจุบันเพื่อ
댓글 모두 보기

최신 챕터

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 38 ไข่สีดำ

    บทที่ 38 ไข่สีดำ ในระหว่างที่เฝ้ารอให้ไข่เยี่ยวม้าที่ตนเองได้ลงมือพอกถึงเวลาอันสมควรที่จะนำมาขายที่ตลาดได้นั้น หยางเทียนหรงจำต้องลองนำไข่เยี่ยวม้าที่ลุงโจวทำเอาไว้ก่อนหน้ามาให้บรรดาลูกค้าที่มาเลือกซื้อไข่ไก่ที่แผงเป็นประจำได้ลิ้มลองรสชาติก่อนเป็นอันดับแรก เนื่องจากไข่เยี่ยวม้ายังมีความคาวอยู่มากหากนำมาให้กินดิบคงไม่อาจขายให้ผู้ใดได้ ดังนั้นเด็กน้อยจึงทำการแปรรูปเป็นอาหารที่สามารถทำได้ทั่วไป แต่เพิ่มไข่เยี่ยวม้าเป็นตัวชูโรงความอร่อย อาหารที่เด็กน้อยเลือกทำมาในวันนี้นั่นก็คือ โจ๊กหมู แม้จะดูเป็นเพียงอาหารจืดชืดธรรมดาแต่เมื่อหั่นไข่เยี่ยวม้าที่มีรสเค็มวางลงไป ยามที่กินเข้าไปนั้นความเค็มจากไข่เยี่ยวม้าจะทำให้โจ๊กหมูธรรมดากลับมีรสชาติดีขึ้นมาเลยทีเดียว “นี่เจ้าหนู เหตุใดวันนี้จึงมีโจ๊กหมูมาขายด้วยเล่า เจ้าอยากขายอาหารหรือ” เกาซือหรงเห็นเด็กน้อยวางถ้วยดินเผาเรียงกันนับสิบใบแล้วทำการตักโจ๊กหมูใส่ลงถ้วยพวกนั้น ชายหนุ่มจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ข้าต้องการขายไข่เยี่ยวม้าขอรับลุงเกา” “ไข่เยี่ยวม้า? มันคือสิ่งใดกัน” ไข่เยี่ยวม้า

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 37 ไข่เยี่ยวม้า

    บทที่ 37 ไข่เยี่ยวม้า และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึงเมื่อลุงโจวเดินมาพร้อมไข่ห่อขี้เถ้าหลายฟองที่ได้ลงมือหมักไปเมื่อเจ็ดวันก่อน ยามนี้ได้เวลาที่จะได้รู้แล้วว่ามันเหมือนกับที่ตนเคยเห็นหรือไม่ “คุณชายไข่เยี่ยวม้าของข้าน้อยพร้อมที่จะนำไปกินได้แล้วขอรับ” “ไข่เยี่ยวม้า? ไข่ห่อขี้เถ้านี่นะหรือลุงโจว” มือน้อยหยิบไข่ที่อยู่ในไหดินออกมาหนึ่งฟองแล้วพิจารณาอย่างถี่ถ้วนพลางขมวดคิ้ว คล้ายมากจริง ๆ จะใช่หรือไม่กัน “ใช่แล้วขอรับคุณชาย ไข่เยี่ยวม้าเป็นไข่ถนอมอาหารของทางใต้ที่เป็นบ้านเกิดของข้าก่อนที่จะย้ายเข้าไปเป็นพ่อบ้านในจวนของขุนนาง เนื่องจากทางใต้มีหน้าร้อนยาวนานมากกว่าหน้าหนาวนักอีกทั้งยังนิยมเลี้ยงไก่ไข่ส่งออกขายไปยังต่างเมืองรวมถึงเมืองท่าซือหลินด้วย แม้จะส่งออกไปขายแทบทุกวันก็ตาม แต่แม่ไก่กลับออกไข่มากเกินไปจนขายออกไม่ทันและเน่าเสียไปมากมายจนวันหนึ่งมีพ่อค้าจากแดนไกลเดินทางเข้ามาพร้อมไข่เยี่ยวม้าพวกนี้” โจวหลี่หรงวางไหดินลงแล้วหยิบไข่ขึ้นมาพร้อมแกะขี้เถ้าออกจนเหลือถึงแค่เปลือกไข่จากนั้นจึงตอกไข่เบา ๆ จนเปลือกแตกออกเผยให้เห็นเนื

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 36 จัดการป้าซุน

    บทที่ 36 จัดการป้าซุน“ข้าก็ซื้อเหมือนกัน มิเห็นว่ามันเน่าอย่างที่เจ้าว่าเลยสักนิด” “ใช่ ๆ สามีของข้าก็ซื้อไปเมื่อสองวันก่อน แต่ก็ไม่เห็นว่ามันจะเน่าอย่างที่นางหลี่ว่าจริง ๆ” เสียงชาวบ้านหลายคนที่เดินผ่านมาได้ยินเรื่องราวต่างเอ่ยขึ้นเพื่อยืนยันคำพูดของท่านหมอชราจนทำให้ชาวบ้านหลายคนมองสตรีที่นอนร่ำไห้อยู่ที่พื้นด้วยสายตาดูแคลน “เด็กน้อยอุตส่าห์ทำมาหากินด้วยความขยันขันแข็งเพื่อที่จะเลี้ยงดูบิดาที่ดวงตามืดบอด เหตุใดเจ้าถึงสร้างเรื่องราวใส่ความได้กัน ทั้งที่เจ้าก็มีแขน ขา และดวงตาที่สมบูรณ์กว่าแท้ ๆ แม่นาง” หมอชราเอ่ยตำหนิสตรีตรงหน้าพลางส่ายหน้าแล้วเดินกลับไปหยิบหมูทอดและห่อข้าวบนเกวียนจากนั้นจึงขึ้นรถม้ากลับไปยังโรงหมอ โดยปล่อยให้หญิงสาวเอ่ยคร่ำครวญความเจ็บช้ำออกมาอยู่เช่นนั้น ไม่มีผู้ใดเชื่อลมปากของนางอีกต่อไปในทางกลับกันทหารที่คุ้มกันอยู่จวนท่านเจ้าเมืองก็เดินเข้าไปลากตัวนางออกไป ส่วนแผงเช่าก็ถูกริบทุกอย่างจนหมดสิ้น “พวกท่านจะไปรู้อะไร ลองให้เจ้าหนูไปขายของเหมือนกันดูบ้างสิ มันแย่งลูกค้าข้าไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่จะให้ข้าอยู่เฉยได้หรือ เหอะ

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 35 ไข่เน่า

    บทที่ 35 ไข่เน่า สามวันต่อมา หลังจากวันที่สนทนาเรื่องขยายเรือนพ่อบ้านโจวก็ไม่ทำให้ผิดหวังแต่อย่างใด ในทางกลับกันยามนี้ทั้งลุงโจวและลุงโม่ต่างสนทนากันเรื่องการสร้างเรือนได้ถูกคอยิ่งนัก หยางเทียนหรงจึงให้พอบ้านโจวอยู่คุมการสร้างเรือนจนกว่าจะเสร็จสิ้น ส่วนตนเองก็เดินทางออกมาขายไข่ไก่ดังเดิมเพราะหยุดขายไปสองวันแล้ว ขาดรายได้ไปหลายตำลึงทำให้เด็กน้อยต้องออกมาค้าขายให้ได้วันนี้ “คุณชายดูแลตนเองให้ดีนะขอรับ และกลับก่อนยามโหย่วด้วย เข้าใจที่ข้าน้อยบอกหรือไม่คุณชาย” โจวหลี่หรงเอ่ยย้ำอีกคราหลังคุณชายตัวน้อยเริ่มหาวออกมา “ลุงโจวเอ่ยกับข้ามาห้าครั้งแล้ว ข้าไปได้และจะกลับมาก่อนยามโหย่ว” “ข้าเป็นห่วงนี่ขอรับ” “ข้าจะดูแลตนเองให้ดีขอรับ ส่วนลุงโจวก็ดูแลกล่องไม้นั้นให้ดีที่สุดเช่นกันนะขอรับ” “ไม่ต้องกังวลขอรับคุณว” เพราะเห็นว่ามันสายมากแล้วเด็กน้อยจึงเอ่ยร่ำลา “อย่ากังวลนักเลยพ่อบ้านโจวข้าอยู่ทั้งคน จะรีบกำชับให้เจ้าหัวผักกาดรีบกลับเรือนโดยเร็ว” บิดาทำการย้ำเตือนอีกคราว่าเด็กน้อยมิได้ไปเพียงลำพัง พ่อบ้านจะได้คลายค

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 34 ขยายเรือนอีกครั้ง

    บทที่ 34 ขยายเรือนอีกครั้ง วันนี้ก็เป็นอีกวันที่มีไข่ไก่เหลืออยู่นับยี่สิบฟองซึ่งมากกว่าทุกวัน นั่นยิ่งตอกย้ำไปอีกว่ากิจการขายไข่ไก่เริ่มสั่นคลอนเล็กน้อย ยิ่งยามนี้แม่ไก่สาวเริ่มเติบโตเต็มที่ไข่ไก่ที่ออกมาล้วนแต่ขนาดที่ใหญ่จนต้องขึ้นราคามาเป็นฟองละห้าอีแปะ ทำให้สูญเสียลูกค้าไปบ้างแต่ก็ส่วนน้อยเนื่องจากขนาดของมันนั้นใหญ่มากกว่าร้านที่ขายในราคาเดียวกันเสียอีก “คุณชายกลับกันเถิดขอรับ หากรอไปมากกว่านี้เห็นทีจะถึงเรือนหลังตะวันตกดิน มันไม่เป็นผลดีแน่ขอรับ” การเดินทางไปยังหมู่บ้านซีเป่ยหลังตะวันตกดินนั้นมิใช่เรื่องที่ดีเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไม่มีเพื่อนร่วมทางแล้วด้วยมันจะกลายเป็นเป้าโจมตีของพวกโจรป่าที่ชอบดักปล้นชิงคนที่เดินทางเพียงลำพังยามค่ำคืน ฉะนั้นกันไว้ดีกว่า

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 33 พ่อบ้านสกุลหยาง

    บทที่ 33 พ่อบ้านสกุลหยาง อาการของทาสที่หยางเทียนหรงไถ่ตัวออกมานั้นนับว่าสาหัสพอสมควร เพราะบาดแผลมิได้มีเพียงแค่รอยจากแส้เท่านั้น มันยังมีรอยจากการถูกคมดาบเฉือนเนื้อมากมายนับไม่ถ้วน จนไม่คาดคิดเลยว่าทาสผู้นี้จะมีชีวิตรอดได้นานมากเพียงนี้ “ข้าจัดการบาดแผลภายนอกจนหมดแล้ว เหลือเพียงแค่ให้บุรุษผู้นั้นตื่นขึ้นมาดื่มโอสถแก้บอบช้ำภายในเท่านั้น” “ขอบคุณท่านหมอที่ช่วยเหลือท่านลุงผู้นี้เอาไว้นะขอรับ” “ลุงของเจ้าหรือ” “มิใช่ขอรับ เขาเป็นทาสที่ข้าได้ช่วยเหลือเอาไว้เพราะไม่อยากให้คนผู้นี้ถูกพ่อค้าทาสทุบตีจนตาย&

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status