“จะเป็นไปได้อย่างไร?”ไป๋จื่อมู่ยืนตะลึงงันอยู่ที่เดิม ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ“แม่นางซ่งเอ่ยเช่นนี้ คงไม่ใช่เรื่องเท็จแน่ ลองคิดให้ดีเถิด ตลอดหลายปีที่เจ้าพำนักอยู่ร่วมกับไป๋ฮูหยิน เจ้าไม่เคยรู้สึกถึงความผิดแปลกแม้สักนิดเลยหรือ?” ฉู่จวินถิงเอ่ยถามด้วยเสียงหนักแน่นซ่งรั่วเจินหันไปมองชายหนุ่มข้างกายด้วยความประหลาดใจ เรื่องที่น่าตกตะลึงถึงเพียงนี้ เขากลับเชื่อโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยเลยหรือ?ไป๋จื่อมู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความไม่แน่ใจ “แม่นางซ่ง ที่เจ้ากล่าวมาทั้งหมดเป็นความจริงหรือ?”“เรื่องเช่นนี้ข้าไม่กล่าวความเท็จกับท่านหรอก” ซ่งรั่วเจินพยักหน้าอย่างหนักแน่น“ข้าเข้าใจแล้ว” ไป๋จื่อมู่ยิ้มเยาะตนเอง รอยยิ้มที่ปรากฏนั้นแฝงไว้ด้วยความเศร้าสร้อย “แท้จริงแล้ว ข้ารู้ตั้งแต่ยังเยาว์ว่าท่านแม่รักน้องชายทั้งสองมากกว่า ข้าไม่เคยได้รับความใส่ใจเท่าพวกเขา”“ทุกคนล้วนบอกว่าเป็นเพราะข้าเป็นบุตรชายคนโต จำต้องแบกรับหน้าที่ในการสร้างความรุ่งเรืองให้แก่ตระกูล จึงต้องเข้มงวดกับข้าเป็นพิเศษ...”ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยสงสัย แต่ทุกคนรอบตัวต่างยืนกรานว่าความคิดของเขานั้นผิดไปพวกเข
“ท่านอ๋องไม่สงสัยหรือว่าเรื่องนี้เป็นมาอย่างไร?”ซ่งรั่วเจินเห็นฉู่อ๋องยังคงมีสีหน้าปกติราวกับไม่แปลกใจในเรื่องนี้เลย นางจึงรู้สึกแปลกใจไม่น้อย“ก่อนหน้านี้ข้าเคยพบไป๋ฮูหยิน ท่าทีของนางที่มีต่อไป๋จื่อมู่ไม่เหมือนกับมารดาที่รักและเอ็นดูบุตร วันนี้ได้ฟังคำของเจ้า ข้ากลับคิดว่ามันสมเหตุสมผลยิ่งนัก”“ในวังหลวง หากมีสนมคนใดต้องโทษ บุตรของนางจะถูกยกให้ฮองเฮาหรือสนมตำแหน่งสูงเลี้ยงดู”“ครานั้นไป๋ฮูหยินแต่งงานมาได้สามปียังไม่ตั้งครรภ์ ฮูหยินผู้เฒ่าเคยมีความคิดจะให้ใต้เท้าไป๋หย่าขาดเพื่อแต่งภรรยาใหม่ ข้าจึงคิดว่าไป๋จื่อมู่คงเป็นบุตรของอนุภรรยา เพียงแต่เลี้ยงดูในนามไป๋ฮูหยิน”“หลังจากที่ไป๋ฮูหยินตั้งครรภ์เอง นางก็ยิ่งห่างเหินจากไป๋จื่อมู่ไปตามธรรมชาติ”ฉู่จวินถิงดูเหมือนจะเข้าใจทุกสิ่ง เขาเติบโตในวังหลวง เรื่องเช่นนี้เห็นมามากมาย จึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจนักเพียงแต่ที่ตระกูลไป๋ปิดบังเรื่องนี้ก็ยังพอเข้าใจได้ ทว่าการที่ไม่เปิดโอกาสให้ไป๋จื่อมู่ได้พบเจอมารดาแท้ๆ เลยนั้น นับว่าเกินไปแล้วซ่งรั่วเจินถอนหายใจเบาๆ “หากเป็นเพียงอนุภรรยาทั่วไป คงไม่ทิ้งร่องรอยความอาฆาตรุนแรงไว้ที่นี่ จนไม่อาจไปเกิด
หลี่ว์เหวินซิ่วแสร้งทำหน้าเศร้าสลด “หลายวันก่อนหม่อมฉันไม่สบาย เรียกให้เขากลับมา แต่เขาก็ไม่แม้แต่จะสนใจ!”“หม่อมฉันเฝ้าเลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่ กล่อมเกลาเขาให้เป็นคนเก่ง บัดนี้พอมีตำแหน่งขุนนางเขากลับไม่เห็นหัวมารดาคนนี้อีกแล้ว ชะตาชีวิตของข้าช่างน่าเวทนาเสียจริง!”“พี่ใหญ่ ท่านไม่คิดถึงจิตใจท่านแม่บ้างเลยหรือ? ยังไม่รีบยอมรับผิดอีก!”ไป๋จวิ้นอวี่ทำหน้าเคร่งขรึม รีบฉวยโอกาสกล่าวตำหนิ “ข้าอาจจะไม่เก่งเท่าท่าน แต่ข้าเข้าใจดีว่าการเป็นคนนั้นความกตัญญูสำคัญที่สุด!”“กตัญญูหรือ? หากมารดาเมตตา บุตรย่อมกตัญญู ยิ่งไปกว่านั้น ข้าหาใช่บุตรที่ท่านให้กำเนิดไม่ ไยต้องเสแสร้งเช่นนี้ด้วย?”ไป๋จื่อมู่กำจดหมายในมือแน่น ดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าที่เคยสงบนิ่งและอ่อนโยนของเขาในยามนี้กลับแฝงด้วยความโกรธเกรี้ยวหลี่ว์เหวินซิ่วสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เจ้าพูดอะไรน่ะ? ข้าเพียงแค่ตำหนิเจ้าไม่กี่คำ เจ้าก็ถึงขั้นไม่ยอมรับข้าเป็นแม่แล้วหรือ?”“มารดาแท้ๆ ของข้าคืออวี้เยว่หลิง เพราะความเห็นแก่ตัวของท่านนางถึงถูกขังอยู่ในเรือนนี้จนตาย ตอนนี้ท่านยังคิดจะรื้อเรือนที่นางเคยอยู่ทิ้งไปอีก!”“ไป๋ฮูหยิน ข้าขอเตือนท่านสักคำ
“พวกท่านไม่มีบุตร ก็รับอนุภรรยาสักคนก็ได้ เหตุใดต้องทำร้ายนางด้วย?”“หลอกลวงนางไม่พอ ยังขังนางไว้ที่นี่ แย่งชิงบุตรของนาง ทำลายชีวิตของนาง พวกท่านมีสิทธิ์อะไรที่จะทำเช่นนั้น!”ไป๋จื่อมู่ตะโกนด้วยเสียงแหบพร่า เขาแทบไม่เชื่อว่าบิดาที่เขาภาคภูมิใจมาตลอด และมารดาที่เขาเคารพรักจะกลายเป็นคนโหดร้ายเช่นนี้!ส่วนตัวเขาเอง คนที่เคยคิดว่าตนเปี่ยมไปด้วยสติปัญญา คุณชายที่เป็นชื่นชมของทุกคนในเมืองหลวง แท้จริงแล้วกลับเป็นคนโง่เขลาอย่างสิ้นเชิงเขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามารดาผู้ให้กำเนิดเขาต้องทนทุกข์ทรมานเพื่อเขามากมายเช่นนี้ ถึงขนาดที่นางจากไปแล้วหลายปี เขาก็เพิ่งรู้ถึงการมีอยู่ของนาง...เหล่าบ่าวรับใช้ที่อยู่รอบๆ ต่างเบิกตากว้าง นึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยิน แต่ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่มีโอกาสพูดอะไรได้มากนัก เพราะถูกเตือนให้ระวังคำพูดจนบัดนี้ได้รู้ความจริงว่ามารดาของคุณชายใหญ่เป็นผู้อื่น ทุกสิ่งทุกอย่างจึงกระจ่างชัดในตอนนี้เอง!“เจ้าฟังแค่คำลือไม่กี่คำก็ปักใจเชื่อว่าไม่ใช่บุตรข้า เจ้าลูกอกตัญญู ทำให้ข้าผิดหวังยิ่งนัก!”หลี่ว์เหวินซิ่วสีหน้าเขียวคล้ำ “ใครก็ได้ จงนำลูกอกตัญญูคนนี้ไปลงโทษตามกฎตระกูลเสีย!
“ไป๋ฮูหยิน!” ฉู่จวินถิงเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “ในเมื่อท่านมิใช่มารดาแท้ๆ ของจื่อมู่ การที่เขาพูดถึงมารดาผู้ล่วงลับ ท่านก็ไม่มีความจำเป็นต้องพูดแทรก”หลี่ว์เหวินซิ่วที่กำลังจะกล่าวตำหนิไป๋จื่อมู่ต่อ เมื่อถูกฉู่จวินถิงตักเตือนขึ้นมา นางก็สะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจหากเป็นวันอื่น นางคงไม่กล้าพูดมากต่อหน้าฉู่อ๋อง แต่วันนี้เป็นเรื่องภายในของตระกูลไป๋ ต่อให้ฉู่อ๋องจะมีอำนาจสูงส่งเพียงใด ก็ไม่อาจแทรกแซงเรื่องครอบครัวได้“ท่านอ๋อง เรื่องนี้เป็นเรื่องในจวนของพวกเรา…” หลี่ว์เหวินซิ่วเอ่ยอย่างลังเล“ก็เพราะเป็นเรื่องของตระกูลไป๋ ข้าจึงไม่ได้พูดมากกว่านี้ มิเช่นนั้นไป๋ฮูหยินคิดหรือว่าการกระทำที่ไร้มารยาทเช่นนี้จะยังยืนอยู่ที่นี่ได้?”ฉู่จวินถิงกวาดตามองหลี่ว์เหวินซิ่วด้วยสายตาเย็นชา ดวงตาที่เยือกเย็นของเขาแฝงด้วยความเคร่งขรึมและดุดันหลี่ว์เหวินซิ่วถึงกับพูดไม่ออก นางรีบปิดปากเงียบในทันที นึกในใจว่าอำนาจและบารมีของฉู่จวินถิงช่างน่ากลัวเหลือเกิน ไม่รู้ว่าไป๋จื่อมู่ไปทำบุญด้วยอะไร ถึงได้ติดตามรับใช้ฉู่อ๋องเมื่อไป๋โหวเดินเข้ามาใกล้และเห็นจดหมายในมือของไป๋จื่อมู่ รวมถึงสิ่งของในกล่อง เขาก็เริ่มน้
หลี่ว์เหวินซิ่วสังเกตเห็นซ่งรั่วเจินตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่นใด เพียงเพราะรูปลักษณ์ของนางที่โดดเด่นจนยากจะมองข้ามแม้นางจะไม่รู้จักซ่งรั่วเจิน แต่เมื่อเห็นว่าซ่งรั่วเจินอยู่เคียงข้างฉู่อ๋อง ก็พอคาดเดาฐานะของนางได้ไม่ยาก เพียงแค่สตรีที่ใช้ความงามเพื่อรับใช้ผู้คน แต่กลับกล้าสอดมือเข้ามาในเรื่องของตระกูลไป๋เช่นนี้หรือ?“แม่นาง คำพูดของเจ้าหมายความว่าอย่างไร?”“ไป๋ฮูหยิน ท่านรู้ดีว่าตนเองเคยทำอะไรลงไป หากไม่ใช่เพราะคำโกหกและการใส่ร้ายป้ายสีของท่านในตอนนั้น มารดาของคุณชายไป๋ก็คงไม่ต้องตายอย่างทุกข์ทรมานเช่นนี้”หลี่ว์เหวินซิ่วสีหน้าถอดสี “เจ้ารู้อะไรถึงได้พูดจาเหลวไหลเช่นนี้!”ซ่งรั่วเจินไม่สนใจกับความโกรธของหลี่ว์เหวินซิ่ว “ไป๋ฮูหยิน ข้าขอเตือนด้วยความหวังดี หน้าผากท่านดำคล้ำ ดวงตาลึกโบ๋ ช่วงนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการตายของคน ทำให้วิญญาณอาฆาตตามทวงชีวิต”“หากไม่แก้ไขโดยเร็ว ภายในสามวันท่านคงไม่รอด”“ส่วนเรื่องที่ท่านอ้างว่าป่วยเพราะเรือนของคุณชายไป๋ส่งผลร้ายต่อท่านนั้น ล้วนเป็นคำพูดเหลวไหล บาปกรรมที่ท่านก่อขึ้นต่างหากที่ทำให้ท่านต้องรับผลเช่นนี้”“คนตายหรือ?”ทุกคนในที่นั
ไป๋จื่อมู่ขมวดคิ้วแน่น แม่นมสวีเป็นคนที่ปฏิบัติต่อเขาดีมาโดยตลอด การจากไปอย่างกะทันหันของนางทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ เขาจึงพยายามสืบหาความจริงเพียงแต่น่าเสียดายที่ไม่ได้รายละเอียดที่มีประโยชน์อะไร“ก็แค่แม่นมคนหนึ่งเท่านั้น นางอยู่ในเรือนของท่านแม่ ข้าก็แปลกใจที่นางป่วยและตายกะทันหัน แต่เพราะสภาพศพของนางน่ากลัวมากและนางยังทิ้งคำสั่งเสียไว้ก่อนตาย ท่านแม่จึงสั่งให้ทำเช่นนั้น มีอะไรแปลกตรงไหน?”ไป๋จวิ้นอวี่รีบพูดออกมา อยากจะกล่าวหาซ่งรั่วเจินว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋น แต่คำพูดยังไม่จบก็เห็นสายตาเย็นชาของฉู่อ๋อง คำพูดเหล่านั้นก็ถูกกลืนกลับไปทันทีเขาไม่กล้ากล่าวหาแขกคนสำคัญของฉู่อ๋อง มิเช่นนั้นหากทำให้ฉู่อ๋องพิโรธขึ้นมา ผลลัพธ์ที่ตามมาเขาย่อมรับไม่ไหว“พี่ใหญ่ แม้ท่านจะโกรธท่านแม่เพราะเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ควรปั้นเรื่องขึ้นมาเพื่อกล่าวหาท่านแม่นะ!”“ท่านแม่เป็นคนมีเมตตา จู่ๆ ท่านแม่จะไปฆ่าแม่นมสวีทำไม?”ไป๋จวิ้นอวี่ไม่กล้ากล่าวโทษซ่งรั่วเจิน แต่กลับไม่กลัวที่จะต่อกรกับไป๋จื่อมู่ในเมื่อเรื่องชาติกำเนิดของไป๋จื่อมู่ถูกเปิดเผยแล้ว เขาก็อยากทำให้เรื่องบานปลายยิ่งขึ้น เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าจื่อมู่
แม่ลูกคู่นี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่มีโอกาสได้พบกันและพูดคุยกันอย่างจริงจัง คงเป็นเรื่องที่อวี้เยว่หลิงเสียใจที่สุดส่วนการคลี่คลายพลังอาฆาตและส่งอวี้เยว่หลิงไปเกิดใหม่ ค่อยพูดคุยกันหลังจากที่แม่ลูกได้พบกันแล้ว วันนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมนัก“ขอบคุณแม่นางซ่งมาก”ไป๋จื่อมู่รับธูปดอกนั้นด้วยความขอบคุณ ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับลูกชายตระกูลต่ง ซึ่งเล่ากันอย่างน่าอัศจรรย์ แต่ว่าในใจเขายังไม่ปักใจเชื่อเต็มที่ว่าจะเป็นความจริงแต่ในเวลานี้ เมื่อได้ธูปนี้มา ความคาดหวังก็เกิดขึ้นในใจอย่างท่วมท้นหากเขายังมีโอกาสได้พบกับท่านแม่อีกครั้ง นั่นคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด!ไป๋เฉิงหงที่อยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาก็สว่างวาบ รีบถามออกมาทันที “แม่นางซ่ง ข้าขอธูปสักดอกได้หรือไม่?”ซ่งรั่วเจินเหลือบมองไปที่อวี้เยว่หลิง เห็นนางส่ายศีรษะเบาๆ นางจึงตอบว่า “นางไม่อยากพบท่าน”ไป๋เฉิงหงรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของซ่งรั่วเจิน ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ “นางอยู่ที่นี่หรือ? เจ้าเห็นนางได้หรือ?”“เจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินไม่ปฏิเสธดวงตาของไป๋เฉิงหงเริ่มแดงก่ำ “แม่นางซ่ง ข้าขอร้องเถิด ให้ข้าได้พบหน้า
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที