ใครจะไปคิดว่าจู่ๆ เรื่องราวจะเกิดพลิกผันได้ถึงเพียงนี้?“นี่เป็นเรื่องของข้า เจ้าจะถามไปไย? หากไม่มีเหตุธุระใดเจ้าก็กลับไปเสียเถอะ” ถังเสวี่ยหนิงมีน้ำเสียงเย็นชา ตั้งแต่เกิดเรื่องขายหน้าในจวนเซียงอ๋องเมื่อครานั้น สองวันมานี้นางก็ไม่ได้ออกจากจวนไปพบเจอผู้ใดอีกเลย ด้วยกลัวจะถูกหัวเราะเยาะตอนนี้ที่เถียนเจียวเจียวถ่อมาหาถึงที่เพื่อถามก็เหมือนจะมาซ้ำเติมกันเสียมากกว่าเถียนเจียวเจียวมีความคิดเยาะเย้ยอยู่บ้างในจิตใจ ก่อนหน้านี้ได้รู้ว่าถังเสวี่ยหนิงมีวาสนาที่ดีเช่นนั้นจะบอกว่านางไม่อิจฉาก็จะเป็นการโกหก ทว่าบัดนี้เมื่อหมั้นหมายสมรสถูกยกเลิกไปแล้ว ในฐานะเพื่อนนางก็รู้สึกเห็นใจอยู่เช่นกัน “ข้าย่อมต้องเป็นห่วงเจ้าอยู่แล้วสิ เรื่องที่เกิดในจวนเซียงอ๋องข้าก็ได้ยินมาหมดแล้ว เรื่องถอนหมั้นนี้จะอย่างไรก็คงไม่แคล้วเกี่ยวข้องกับซ่งรั่วเจินเป็นแน่”“ก่อนนี้พวกเราล้วนประเมินนางต่ำจนเกินไป เดิมทีคิดว่าเมื่อนางถูกถอนหมั้นหมายตอนอายุไม่น้อยแล้วจะต้องไร้หนทางสู้รบปรบมือใดได้เป็นแน่ นึกไม่ถึงว่านางจะมากเล่ห์ได้ถึงเพียงนี้!”เถียนเจียวเจียวพูดด้วยสีหน้ารังเกียจเดียดฉันท์ “ข้าได้ยินมาว่าไม่เพียงฉู่อ๋อ
สกุลฉินกัวเยว่หลินมองหญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งปรากฏตัวอยู่นอกเรือนด้วยเรือนคิ้วขมวดมุ่น กลับมาได้แค่เพียงไม่กี่วันแท้ๆ นางก็เผอิญเจอเหอเซียงหนิงไม่รู้ตั้งกี่ครั้งเข้าไปแล้วแต่ไหนแต่ไรนางก็ดูแคลนสตรีเช่นนี้ เรื่องที่ฉินซวงซวงคบชู้สู่ชายก็มากพอให้คนรังเกียจอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหอเซียงหนิงที่ไปเกลือกกลั้วกับพวกขอทาน แค่เห็นบ่อยครั้งเข้าก็รู้สึกสะอิดสะเอียนแล้ว“แม่นางเหอ เห็นแก่ที่เจ้ามีฐานะเป็นสหายของซวงซวง ข้ายอมให้เจ้าอาศัยอยู่ในจวนก็นับว่ายอมให้มากแล้ว แต่เหตุใดเจ้าจึงต้องมาวนเวียนใกล้เรือนของข้าบ่อยนักเล่า?”เรือนคิ้วกัวเยว่หลินขมวดมุ่น ก็ไม่รู้เพราะเหตุใด เพียงนางได้เจอะเจอหน้าเหอเซียงหนิงก็จะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทุกที โดยเฉพาะเมื่อสตรีผู้นี้คล้ายจะกำลังจงใจให้ท่า มิใช่ว่าอยากจะยั่วยวนท่านพี่ของนางหรอกหรือ?เหอเซียงหนิงสะดุ้งโหยง รีบร้อนเอ่ยอธิบาย “ข้า...ข้าก็เพียงผ่านมาแถวนี้โดยบังเอิญเท่านั้น”ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้นางและฉินจื้อหย่วนก็เข้ากันได้ดี นางคิดว่าหากใช้โอกาสนี้ตั้งครรภ์เสียหรือให้เวลานางมากอีกหน่อย ก็คงสามารถทำให้ฉินจื้อหย่วนลุ่มหลงเชื่อฟังจนยอมรับนางเป็นส่วนหนึ่งขอ
เหอเซียงหนิงเองก็คับแค้นใจ แต่บัดนี้ในสถานการณ์ที่นางไร้ซึ่งที่พึ่งใดๆ ก็ทำได้เพียงแต่กัดฟันทน นางกล่าว “ซวงซวง เมื่อสองวันก่อนข้าพบเถียนเจียวเจียว ข้าได้เล่าให้นางฟังตามที่เจ้าสั่งแล้ว ว่าทุกสิ่งที่ข้าต้องเจอล้วนเป็นเพราะฝีมือของซ่งรั่วเจิน”“นางดูจะเห็นอกเห็นใจข้าไม่น้อย ยังบอกอีกว่าจะช่วยบอกถังเสวี่ยหนิงให้ร่วมด้วยช่วยกันคิดหาวิถีทางเอาผิดซ่งรั่วเจินให้จงได้!”ฟังคำแล้ว ใบหน้าของฉินซวงซวงก็ผุดพรายรอยยิ้มออกมา “เป็นเช่นที่ข้าคิดไม่มีผิด หากมีถังเสวี่ยหนิงออกหน้าจัดการ พวกเราก็มิจำเป็นต้องต่อกรกับซ่งรั่วเจินด้วยตนเองแล้ว!”“แต่เรื่องวันนั้นเดิมก็มิมีหลักฐานอื่นใด ต่อให้พวกเรายืนยันว่าเป็นซ่งรั่วเจินก็ทำอะไรนางไม่ได้หรอก!”เหอเซียงหนิงอดกังวลขึ้นมาไม่ได้ หากนางมีวิธีแล้วล่ะก็ นางก็อยากจะทำให้ซ่งรั่วเจินได้ลิ้มรสความทรมานอย่างแสนสาหัสอยู่เช่นกัน!เสียก็แต่ ตั้งแต่วันเกิดเหตุนางก็ถามไถ่เอากับผู้คนบริเวณตรอกหย่งอันแล้ว กระทั่งเหล่าขอทานเรียงรายนางก็ถามมาแล้วทั้งย่าน ทว่าท้ายที่สุดก็ยังไม่ได้เบาะแสใดกลับไปฉินซวงซวงหัวเราะออกมาเบาๆ “ก็ยิ่งง่ายเลยมิใช่หรือ? ไร้หลักฐานเราก็สร้างขึ้นมาอ
ซ่งรั่วเจินได้รู้ว่าอวิ๋นเนี่ยนชูติดตามจางเหวินและอวิ๋นเฉิงเจ๋อออกจากจวนอวิ๋นแล้ว จึงตั้งใจไปเยี่ยมเยียนสักหนึ่งรอบ“รั่วเจิน เหตุใดเจ้านำของมามากมายเพียงนี้เล่า?”อวิ๋นเนี่ยนชูเห็นซ่งรั่วเจินสั่งให้คนนำของเข้ามา สายตาเปี่ยมความตกตะลึงประหลาดใจซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ “พวกเจ้าย้ายออกมาอย่างกะทันหัน จะต้องยังไม่ทันซื้อของมากมายเป็นแน่ อย่างไรเสียบ้านข้าก็ทำการค้า นี่ถึงหยิบของที่น่าจะต้องใช้งานจากภายในร้านมาให้พวกเจ้าเล็กน้อย”“แต่มากมายถึงเพียงนี้ จ่ายไปไม่น้อยกระมัง นี่รับไว้ไม่ได้หรอก” อวิ๋นเนี่ยนชูรีบพูด“เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ผ้าห่ม ชุดชาจิปาถะ ยังมีของกินอีกบางส่วน ไม่ใช่ของราคาแพงอะไร ใช้จ่ายไม่มาก”ซ่งรั่วเจินโบกมือ “ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าท่านป้าถึงขั้นคิดหย่าร้าง ชนิดที่ว่ายังพาพวกเจ้าออกมาแล้ว”“คาดว่าเรือนหลังนี้มิใช่เพิ่งจัดหาตกแต่ง เกรงว่าตระเตรียมไว้พรักพร้อมตั้งนานแล้วกระมัง?”อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้า “ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ท่านแม่จะตัดสินใจเด็ดขาด แม้ว่าเรือนหลังนี้ไม่ใหญ่เท่าจวนอวิ๋น แต่ข้ากลับคิดว่าที่นี่ล้วนดีไปทุกหนแห่ง”“ต่อให้เป็นต้นไม้
“สมน้ำหน้า!” อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้ารังเกียจ “เดิมทีอวิ๋นซีหว่านและแม่ของนางไม่ใช่คนดีอะไร แต่พ่อข้ากลับเอนเอียงเข้าข้างพวกนาง”“หลายปีมานี้ข้าทนมองต่อไปไม่ไหวแล้ว กระนั้นคิดว่าอย่างไรเสียก็เป็นพ่อของข้า ข้าจึงยอมอดกลั้น”“บัดนี้ท่านแม่ตัดสินใจแล้ว ข้าเองก็ไม่อยากกลับไปอีก หาไม่แล้วยังต้องถูกอวิ๋นซีหว่านและอนุอวิ๋นเอาเปรียบ ข้าเห็นสินเดิมของท่านแม่ข้าถูกเติมเข้าไปไม่น้อยแล้ว”“เมื่อหลายวันก่อน ข้าเห็นซีหว่านปักปิ่นปักผมก็รู้สึกคุ้นตามาก มองละเอียดดีแล้วถึงพบว่าเป็นของท่านแม่ข้า น่ากลัวว่าท่านพ่อค้านำไปมอบให้อนุอวิ๋น น่าขยะแขยงจริงๆ!”“บัดนี้ข้าคิดว่าชื่อเสียงท่านพ่อข้าเสื่อมเสียไปแล้วก็ดีเช่นกัน ถือสิทธิ์อะไรท่านแม่ต้องหย่าร้าง ทำให้พวกอนุอวิ๋นได้มีชีวิตที่ดี?”ซ่งรั่วเจินยกมุมปากน้อยๆ “พวกเขาอยากมีชีวิตที่ดี น่ากลัวว่าไม่ง่ายถึงเพียงนั้น”“ใช่หรือไม่ว่าเจ้าทำนายอะไรได้?” อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าแปลกใจ“ความลับสวรรค์ไม่อาจเปิดเผย เจ้ารออย่างสบายใจเถอะ ชีวิตในภายภาคหน้าของพวกเจ้าจะต้องดีกว่าจวนอวิ๋นแน่”ซ่งรั่วเจินกะพริบตา เพียงแค่ความสามารถของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ก็ไม่มีวันปล่อยคนที่รังแ
พิธีล่าสัตว์ของเหล่าเชื้อพระวงศ์ยามซ่งรั่วเจินติดตามพี่ชายของตนไปถึงพิธีล่าสัตว์ ถอนหายใจให้กับแผ่นดินกว้างใหญ่อุดมสมบูรณ์ในยุคสมัยโบราณอย่างอดไม่ได้ พื้นที่ของพิธีล่าสัตว์ใหญ่มากจนน่าแปลกใจขณะเพิ่งเข้าใกล้ ก็ได้ยินเสียงดังอึกทึกครึกครื้นเป็นระลอกๆ คึกคักเป็นอย่างมากเทียบกับงานเลี้ยงในเวลาปกติ พิธีล่าสัตว์ในวันนี้เป็นวันที่คุณหนูคุณชายรวมตัวกันครบที่สุดครั้งหนึ่ง ไม่มีใครยอมพลาดโอกาสอันดีเช่นนี้ ดังนั้นที่สามารถมาได้ก็มาแทบทั้งหมด“มิน่าเล่าวันนี้องค์ชายสองถึงยอมเสี่ยงอันตรายในพิธีล่าสัตว์ ขอบเขตกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ ต้องการฉวยโอกาสลงมือกลับไม่ยาก”สีหน้าซ่งรั่วเจินเข้มขึ้น สายตามองสำรวจทั่วทั้งพิธีล่าสัตว์อย่างไม่รู้ตัว ก่อนหน้านี้ยามอ่านนิยายอธิบายเพียงว่าฉินซวงซวงได้รับโอกาสที่นี่ รู้เพียงว่าอยู่ทางฝั่งตะวันออก ส่วนตำแหน่งนั้นกลับไม่แน่ชัดทว่า สิ่งนี้สำหรับนางแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ปัญหา“เสวี่ยหนิงเจ้าดู ซ่งรั่วเจินมาแล้ว!” เถียนเจียวเจียวเอ่ยเตือนถ้อยคำนี้พูดออกมา สายตาคนไม่น้อยทอดมองรถม้าของสกุลซ่ง หลังได้เห็นคุณชายรูปโฉมหล่อเหลาทั้งสี่ท่านของสกุลซ่งทยอยลงมาแล้ว ดวงต
เถียนเจียวเจียวกำหมัดแน่น สายตาไม่อาจหักใจตกลงบนตัวซ่งอี้อัน ไม่ได้พบหน้าเพียงช่วงเวลาหนึ่ง เขาโดดเด่นเหนือผู้อื่น ยามยืนอยู่ต่อหน้าทุกคนก็ไม่สามารถเมินข้ามได้เดิมทีนางยังอยากผูกสัมพันธ์อันดีกับซ่งรั่วเจิน จะได้เป็นพี่สะใภ้รองของนาง บัดนี้กลับดีนัก หมดโอกาสไปแล้ว!“ปลาเน่าตัวเดียว เหม็นทั้งข้อง!” ถังเสวี่ยหนิงสบถเสียงเย็น “รอพี่ชายนางรู้ว่านางมีจิตใจโหดเหี้ยมดุจอสรพิษมากเพียงใด ก็ไม่ปกป้องนางถึงเพียงนี้แล้ว!”“หลังผ่านวันนี้ไป ชื่อเสียงของซ่งรั่วเจินก็จะเสื่อมเสียไปจนหมด ทุกคนจะได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง!”ใบหน้าเถียนเจียวเจียวเองก็เผยรอยยิ้ม “เจ้าพูดถูกแล้ว ข้าคาดหวังเหลือเกิน!”ซ่งรั่วเจินเดินตามพี่ชายสี่คนไปหาที่นั่ง มีคนเดินทางมายังพิธีล่าสัตว์อย่างไม่ขาดสาย ส่วนองค์หญิงหกที่อยู่ไกลๆ ก็เดินออกจากกระโจมโบกมือทักทายนางด้วยรอยยิ้มนางเองก็โบกมือตอบ ฉู่มู่เหยาเดินออกมาแล้ว“แม่นางซ่ง วันนี้เจ้างดงามเหลือเกิน!”ดวงตาฉู่มู่เหยาทอประกายระยับ เมื่อครู่ยามซ่งรั่วเจินลงมานางก็มองเห็นแล้ว ช่างผิวพรรณขาวใสเนียนละเอียด เสื้อผ้าสีแดงงดงามพลิ้วไหว ชวนให้ผู้คนไม่อาจละสายตาได้“องค์หญ
คนอื่นไม่รู้ ฉู่มู่เหยากลับรู้อุปนิสัยของฉู่เทียนเช่อดีแม้ว่าแต่งงานมีพระชายาแล้ว แต่มีอนุภรรยาหน้าตางดงามภายในจวนไม่น้อย เวลาปกติก็มีคนส่งหญิงงามให้เขาเป็นพิเศษนางอยู่ภายในวัง เพียงแค่เรื่องความเจ้าชู้ของเสด็จพี่รองก็ได้ยินมาไม่น้อย รู้สึกเพียงว่าแม่นางตระกูลใดตกอยู่ในเงื้อมมือของเสด็จพี่รองล้วนอับโชคทั้งสิ้น ตอนนี้เสด็จพี่สามยังไม่มา นางจะต้องปกป้องว่าที่พี่สะใภ้ให้ได้“นางคือสหายที่ดีของข้าซ่งรั่วเจิน” ฉู่มู่เหยาพูดอย่างไม่ใส่ใจหนึ่งประโยค ชี้ไปทางด้านหน้าพลางเอ่ย “เสด็จพี่รอง ท่านดูเสด็จพี่ใหญ่กำลังหาท่านอยู่นะ ท่านรีบไปเร็วเข้าเถอะ!”ยามฉู่เทียนเช่อได้ยินชื่อซ่งรั่วเจิน ดวงตาเผยแววประหลาดใจระยะนี้เขาได้ยินว่าฉู่จวินถิงค่อนข้างใกล้ชิดกับแม่นางท่านหนึ่ง เมืองหลวงเองก็เคยมีข่าวลืออยู่บ้าง แม่นางคนนั้นชื่อว่าซ่งรั่วเจินเดิมทีเขายังคิดว่าน่าขัน น้องชายไม่เข้าใกล้สตรี รักษาเนื้อรักษาตัวอย่างดีคนนี้ของตนเปิดใจในที่สุด สรุปคือชมชอบสตรีถูกถอนหมั้นคนหนึ่ง ช่างเป็นเรื่องน่าขันมากนักคิดไม่ถึง...ซ่งรั่วเจินถึงขั้นเป็นสตรีงามอันดับหนึ่งเช่นนี้?มิน่าเล่าแม้แต่คนที่แต่ไหนแต่ไรมาไม่เ
“เสด็จแม่ไม่ต้องกังวลพระทัย เสด็จพ่อมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ย่อมมีความเห็นของตนพ่ะย่ะค่ะ” ฉู่จวินถิงพูดได้เห็นท่าทางไม่แปลกใจของฉู่จวินถิง ฮองเฮานึกถึงก่อนหน้านี้ยามนางไปห้องทรงพระอักษร มีความคิดอยากขอให้ฝ่าบาทประทานสมรสระหว่างจวินถิงและหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ ท่าทางกริ้วจัดของฝ่าบาทนั้นตอนนั้นนางยังไม่รู้ว่าตกลงเกิดเรื่องใดขึ้น ทว่าบัดนี้คล้ายเข้าใจแล้วน่ากลัวว่าฮ่องเต้สังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เพียงแต่นางมองไม่ออกมาโดยตลอด ชนิดที่ว่ายังชื่นชมงานแต่งนี้อีกด้วยบัดนี้คิดๆ ดูแล้ว นางโง่งมเกินไปจริงๆ........หลังตวนเฟยได้รับเซียนโบตั๋นแล้ว เรื่องแรกที่ทำคือกลับไปบูชาด้วยความจริงใจ“พระสนม สิ่งนี้เป็นจงเฟยมอบให้ฮองเฮา นางจิตใจดีถึงเพียงนี้จริงหรือ? บ่าวกังวลว่านี่คืออุบายเพคะ”แม่นมทางด้านข้างพูดเกลี้ยกล่อมอย่างอดไม่ได้ มักคิดว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดาถึงเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นแต่ไหนแต่ไรมาจงเฟยเป็นคนใจแคบ มีอะไรดีก็ซ่อนไว้ให้ตนเอง ไฉนเลยจะสามารถหักใจยกให้ผู้อื่นได้?“นี่เป็นของที่จงเฟยมอบให้ฮองเฮา นางกล้ามอบให้ หรือยังสามารถวางยาพิษได้อีกกระนั้น?”“หากเกิดเรื่องจริง คนซ
หลังฮองเฮาได้ฟังทั้งหมดแล้ว รู้สึกเย็นสันหลังวาบขึ้นมา สายตาเปี่ยมโทสะ“จงเฟยบังอาจยิ่งนัก! ถึงขั้นวางแผนทำร้ายข้า!”เพียงคิดว่าจงเฟยแลกเปลี่ยนโชคชะตากับนาง ก็รู้สึกว่าไม่เคยพบเจอวิธีการโหดเหี้ยมเช่นนี้มาก่อนอยู่ที่วังหลัง เพื่อแย่งชิงความโปรดปราน มีเล่ห์อุบายมากมายผุดออกมา นางไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่วิธีน่ากลัวถึงเพียงนี้ ยังได้เห็นเป็นครั้งแรก หากไม่ใช่วันนี้จวินถิงและรั่วเจินบังเอิญเข้าวัง น่ากลัวว่านางจะต้องตกหลุมพรางจงเฟยแน่!หากสุดท้ายตกลงสู่ผลลัพธ์เช่นนั้น...นางไม่กล้าคิด!“เมื่อครู่พวกเจ้าน่าจะบอกข้า จะปล่อยให้ตัวหายนะเยี่ยงนางอยู่ในวังหลังได้เช่นไร?”สีหน้าฮองเฮาแข็งทื่อ ในเมื่อมีวิธีเช่นนี้ครั้งแรก ภายภาคหน้าไม่แน่ว่าจะมีมากยิ่งกว่านี้ ไม่ใช่ยุ่งยากมากหรือ!เห็นสถานการณ์แล้ว ซ่งรั่วเจินหันมองฉู่จวินถิงอย่างอดไม่ได้ นางไม่รู้จะอธิบายเรื่องนี้เช่นไร อย่างไรเสียเดิมทีตวนเฟยก็ไม่ใช่คนดีอะไร ก็แค่แผนการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเท่านั้นทว่า นางย่อมไม่สามารถพูดข้อนี้ได้“ปกติตวนเฟยมีความสัมพันธ์ไม่ดีต่อท่าน เรื่องนี้ให้นางไปหาเรื่องจงเฟยก็พอ เหตุใดท่านต้องเข้าไปข
เพียงแต่ ตวนเฟย...นางเลื่อนสายตาไป ได้เห็นใบหน้าประดับยิ้มของตวนเฟย นึกได้ว่านางน่าจะเป็นมารดาขององค์ชายสี่ในหนังสือ องค์ชายสี่เป็นตัวร้าย ตอนที่องค์ชายสี่เรืองอำนาจ ตวนเฟยมีสง่าราศีที่สุด ทว่าบัดนี้ได้รับเซียนโบตั๋นไป หากจงเฟยไม่ยอมหยุด ดูท่าแล้วต่อจากนี้ตวนเฟยและองค์ชายสี่จะต้องพบปัญหาแล้ว....นี่ก็นับเป็นเรื่องดีกระมัง?ต่อมาองค์ชายสี่เหลียงอ๋องทำร้ายคนมากมาย แม้แต่อวิ๋นอ๋องก็ได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้ เดิมทีนางก็อยากหยุดยั้งเรื่องทั้งหมด ย่อมมีความสุขที่ได้เห็นทั้งหมดนี้“พี่น้องหญิงล้วนมาเยี่ยมคารวะแล้ว กลับไปก่อนเถอะ” ฮองเฮาพูดเห็นสถานการณ์แล้ว เหล่าสนมต่างพากันลุกขึ้น ทำความเคารพแล้วถึงจากไปจนกระทั่งทุกคนจากไปแล้ว ฮองเฮาจึงเอ่ยปาก “อยู่ดีๆ เหตุใดถึงให้ข้ายกของให้ตวนเฟยเล่า?”ฉู่จวินถิงมองซ่งรั่วเจินแวบหนึ่งและพูดว่า “นั่นไม่ใช่ของดีอะไร เก็บไว้ภายในตำหนักของเสด็จแม่ย่อมอันตราย ตอนจัดการย่อมเกิดปัญหายุ่งยากพ่ะย่ะค่ะ”“ในเมื่อตวนเฟยดึงดันขอร้องต่อหน้าคนมากถึงเพียงนี้ ย่อมเป็นพยานได้พอดี ไฉนเลยจะไม่พายเรือตามน้ำ ไม่เพียงสามารถทำให้ตวนเฟยจดจำน้ำใจครั้งนี้ไว้ ยังสลัดเผื
ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบาๆ สังเกตเห็นความอิจฉาในเสียงของจงเฟย กลับไม่แปลกใจ อย่างไรเสีย ระยะนี้ก็เกิดเรื่องกับเช่ออ๋องอย่างต่อเนื่อง คนรับชมเรื่องตลกมีไม่น้อย จงเฟยย่อมไม่สบอารมณ์ยามได้เห็นพวกเขา“ก่อนหน้านี้ฮองเฮาใส่ใจต่อเรื่องแต่งงานของฉู่อ๋องมาโดยตลอด บัดนี้ในที่สุดเรื่องงานแต่งของฉู่อ๋องก็ตัดสินแล้ว เชื่อว่าฮองเฮาจะต้องดีใจแน่ สองคนนี้ยืนอยู่ด้วยกันแล้วเป็นคู่สร้างคู่สมจริงๆ!”ตวนเฟยยิ้มพลางชื่นชม ภายในสายตาสะท้อนไอเย็น นึกถึงตอนแรกซ่งหลินยังไม่กลับมา ทุกคนต่างคิดว่าฉู่อ๋องโดนอุบายสาวงามแม้ว่าซ่งรั่วเจินหน้าตางดงาม แต่สกุลซ่งล้วนเสื่อมถอย ซ่งหลินตายในสนามรบ คุณชายใหญ่สกุลซ่งกลายเป็นคนพิการ คุณชายรองสกุลซ่งตาบอด คุณชายสามสกุลซ่งไม่ได้เรื่อง คุณชายสี่ก็เป็นแค่พ่อค้าไม่มีอำนาจ มีเพียงเงิน นอกจากกลายเป็นเนื้อบนเขียงแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไรทว่าบัดนี้ลูกชายของสกุลซ่งล้วนมีความสามารถ แม้แต่ซ่งหลินก็กลับมาแล้ว กอปรกับซ่งฮูหยินเป็นลูกสาวแท้ๆ ของราชครูกู้ บัดนี้สกุลซ่งกลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองหลวงแล้วความเปลี่ยนแปลงนี้ ใครบ้างไม่อยากได้ฮองเฮาได้พบซ่งรั่วเจินอีกครั้ง สีหน้าซับ
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็