เขาได้ยินเรื่องในตอนนั้นจากปากของพวกเขาเพียงบางส่วนก็ถูกขัดขึ้นแล้ว เรื่องในอดีตไม่อยากรื้อฟื้น ที่ผ่านมาตนเองก็คือตัวโง่งมคนหนึ่งโดยแท้!“ซงจิ่งเซิน เหตุใดท่านถึงพูดกับหยวนจื่อเช่นนี้? สาเหตุที่ในอดีตท่านทำเพื่อหยวนจื่อมากมายถึงเพียงนั้น ยังมิใช่เพราะต้องการให้หยวนจื่อมอบโอกาสให้ท่านสักครั้งหรือ?”เจี่ยงเหวินจิ้งสบมองซ่งจิ่งเซิน ภายในสายตาเปี่ยมความรังเกียจ คล้ายกำลังมองสิ่งน่าขยะแขยงบางอย่าง“บัดนี้หยวนจื่อมาแล้ว ท่านก็พูดเถอะว่าตกลงจะต้องทำเช่นไรถึงจะสามารถลบล้างเรื่องที่ผ่านมาได้!”“ทว่าท่านอยากให้หยวนจื่อแต่งกับท่าน นั่นไม่มีวันเป็นไปได้!”พานเหราทางฝั่งหนึ่งพยักหน้า “วันนี้อากาศไม่เลว มิสู้ก็ให้หยวนจื่อไปเที่ยวทะเลสาบเป็นเพื่อนท่าน แต่ของทั้งหมดท่านต้องเตรียมไว้ให้ดี”“ได้ยินมาว่าระยะนี้ร้านขายผ้าของท่านออกแบบพิเศษไม่น้อย งดงามอย่างมาก เชื่อว่าท่านเตรียมไว้ให้หยวนจื่อดีแล้วกระมัง? ยังไม่รีบฉวยโอกาสนี้เอามาส่งให้อีกหรือ?”“พลาดวันนี้ไป ท่านก็ไม่มีโอกาสแล้ว!”ภายในสายตาเคอหยวนจื่อสะท้อนความลำพองใจ ปลายคางเชิดขึ้นเล็กน้อย สะท้อนความเย่อหยิ่งหลายส่วน“เหวินจิ้งและพานเหรามากั
เคอหยวนจื่อสามคนเห็นองครักษ์เหล่านี้ออกมาไล่พวกนาง ไม้กระบองนั้นคล้ายเสี้ยววินาทีต่อมาก็จะตีโดนตัวของพวกนางแล้ว ตกใจทำได้เพียงรีบวิ่งหนีโครม!เจี่ยงเหวินจิ้งไม่ทันระวังล้มลงไป มือหนึ่งจับพานเหราไว้ตลอด นี่ถึงดึงพานเหราให้ล้มลงไปพร้อมกันพานเหราเห็นดังนั้นก็รีบจับเคอหยวนจื่อ ทันใดนั้นทั้งสามคนก็ล้วนล้มอยู่บนพื้น สภาพน่าสงสารอย่างเห็นได้ชัดเคอหยวนจื่อหันหน้ากลับไปอย่างน้อยใจ รอให้ซ่งจิ่งเซินสงสารเข้ามาประคองนางจากนั้น ซ่งจิ่งเซินไม่ทำแม้แต่สนใจ สั่งคนปิดประตูใหญ่ปัง!ชั่วขณะประตูใหญ่สกุลซ่งปิดลง ภายในสายตาเคอหยวนจื่อเปี่ยมความตกตะลึง ไม่อยากจะเชื่อว่าซ่งจิ่งเซินที่เชื่อฟังนางมาโดยตลอดจะทำกับนางเช่นนี้!“หยวนจื่อ งานแต่งระหว่างเจ้าและชวีคั่วจะต้องทำให้คุณชายซ่งรำคาญใจจริงๆ”“ต่อให้เขาชอบเจ้ามาก ก็ไม่มีชายคนใดสามารถยอมปล่อยให้แม่นางที่ตนชอบหมั้นหมายกับชายอื่นได้หรอกนะ”เจี่ยงเหวินจิ้งเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แม้แต่เสียงก็สะท้อนคำตำหนิ หากรู้ตั้งแต่แรก วันนี้นางก็ไม่มาแล้ว!ยังไม่ต้องพูดว่าถูกด่าโดยเสียเปล่า ยังล้มกลิ้งทีหนึ่ง น่ากลัวว่าหัวเข่าแตกไปแล้วพานเหราพยักหน้า “แท้จริงแล
ซ่งเยี่ยนโจวตบบ่าซ่งจิ่งเซิน ให้ความรู้สึกราวกับน้องชายเติบโตขึ้นแล้วในที่สุดก็รู้ความแล้ว!ซ่งจิ่งเซิน “...” จู่ๆ สายตาของพี่ใหญ่ก็ทำให้เขารู้สึกขนลุกชันไปทั่วทั้งสรรพางค์กายซ่งจืออวี้กลับถอนหายใจหนักๆ เฮือกหนึ่ง “จิ่งเซิน หากเจ้าสูญเสียความทรงจำเร็วกว่านี้สักหน่อยคงดีมากนัก ที่ผ่านมาข้าคิดว่ามีใบหน้าเหมือนเจ้าช่างน่าขายหน้าเหลือเกิน”ซ่งจิ่งเซิน “???”“บัดนี้พูดได้สะดวกปาก แต่หากความทรงจำของเจ้าฟื้นคืนกลับมา ยังไปร้องขอความรักจากเคอหยวนจื่อ นั่นไม่ขายหน้ายิ่งกว่าหรือ?”ซ่งจืออวี้สบมองซ่งจิ่งเซินอย่างเห็นใจ เพียงนึกถึงภาพนั้นก็กลัวขึ้นมา นั่นถึงแก่ชีวิตเชียวนะ!“ไม่มีวัน!” ซ่งจิ่งเซินปฏิเสธอย่างไม่ลังเล “ต่อให้ความทรงจำของข้ากลับคืนมา ข้าก็ไม่มีวันทำเช่นนั้น!”ซ่งจืออวี้ไม่เชื่อแม้ครึ่งคำ “ในอดีตข้าก็ไม่เชื่อว่าน้องชายข้าจะโง่งมถึงเพียงนี้ ปรากฏว่าโง่งมมานานหลายปีเชียวล่ะ”ซ่งจิ่งเซินแทบจะอาเจียนตายแล้ว ทั้งๆ ที่เป็นซ่งจืออวี้โง่เขลากว่าเขามาโดยตลอด แต่เรื่องนี้กลับทำให้เขาไม่สามารถตอบโต้ได้ ทำให้เขาโมโหแทบตายแล้ว!ซ่งรั่วเจินสองสามคนเห็นแล้วก็อยากขัน ออกมาทำกรรมก็ต้องชดใช
“เจ้าสาม ข้ารู้แต่ไหนแต่ไรมาเจ้าสนิทสนมกับอวิ๋นเวยที่สุด ระยะก่อนที่ช่วยเซี่ยงเหิงก็เป็นเจ้าขอร้องอยู่ตลอด”“ตอนนั้นพวกเราก็พูดกันดีแล้ว ช่วยเพียงครั้งนี้ ภายภาคหน้าไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรกับสกุลฉิน พวกเราจะไม่สนใจอีก”สีหน้าคุณชายใหญ่สกุลกู้กู้ชิงเหยี่ยนปึ่งชา “หลายปีมานี้ มีเรื่องดีไม่เคยเห็นนางคิดถึงพวกเรา ข้ามปีข้ามเทศกาลก็ไม่เคยมาเยี่ยมเยียนท่านพ่อท่านแม่”“ระยะก่อนร่างกายท่านแม่ไม่แข็งแรง เห็นนางมาถามไถ่สักครึ่งประโยคหรือไม่? บัดนี้เกิดเรื่องแล้ว กลับเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นนางมาหาพวกเราเพื่อขอความช่วยเหลือ!”“บางทีอวิ๋นเวยอาจไม่รู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อแรกยามตัดขาดความสัมพันธ์ก็บอกแล้วว่าห้ามมิให้นางมาอีกครั้ง ไฉนเลยนางจะกล้ามา?” กู้ชิงเจ๋อโต้กลับกู้ชิงซิวยิ้มเย็น “ข้ามปีข้ามเทศกาลไม่กล้า เช่นนั้นเหตุใดตอนนี้ถึงกล้าเล่า?”“เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ หลายปีมานี้เจ้าและอวิ๋นเวยไม่ใช่ไม่ติดต่อกันเลย หากไม่ใช่เพราะมีเจ้าสนับสนุนอยู่ตรงกลาง ไฉนเลยฉินซวงซวงและฉินเซี่ยงเหิงจะขวัญกล้ากำเริบเสิบสานถึงขั้นนี้?”“ข้าจะบอกเจ้าให้ เจ้ามิใช่กำลังช่วยพวกเขา แต่ทำร้ายพวกเขา!”
กู้ชิงเหยี่ยนและกู้ชิงซิวเห็นมารดาไม่ใจอ่อน ทันใดนั้นถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง พวกเขากังวลที่สุดก็คือบิดามารดาจะเปลี่ยนใจบัดนี้พวกเขามีลูกของตนแล้ว ระยะก่อนฉินเซี่ยงเหิงแย่งการแต่งงานของพี่น้องไป ลอบทำอย่างลับๆ ยังไม่ทันแต่งงานก็ลอบสานสัมพันธ์ไปแล้ว หน้าตาของสกุลฉินหมดไปจนสิ้นต่อให้พวกเขาตัดขาดความสัมพันธ์ไปแล้ว แต่ตอนนั้นสายตาทุกคนยามสบมองพวกเขาก็แปลกประหลาดมาก แม้แต่ลูกของตนก็ได้รับเสียงเยาะหยันยิ่งไม่ต้องพูดถึงความโหดเหี้ยมอำมหิตของฉินซวงซวง แย่งชิง ใส่ร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกเรื่องล้วนชวนให้คนชี้หน้าด่า!เทียบกับอวิ๋นเวยแล้ว ทำเรื่องน่าขายหน้าได้มากยิ่งกว่าเสียอีก!“เรื่องนี้ก็ตกลงตามนี้เถอะ ไม่ต้องเข้าไปยุ่ง” ราชครูกู้พูด“ท่านพ่อ อวิ๋นเวยเป็นลูกสาวแท้ๆ ของท่านนะ! ท่านทำเช่นนี้โหดร้ายเกินไปแล้ว!” สีหน้ากู้ชิงเจ๋อตกตะลึงพรึงเพริด ไม่กล้าเชื่อว่าบิดามารดาแท้ๆ ของตนจะเลือดเย็นถึงขั้นนี้ นิ่งดูดายดูลูกสาวของตนไปตาย!ราชครูกู้สบมองเขานิ่งๆ อย่างกล่าวเตือน “หากเจ้าคิดว่าพวกเราทำไม่ถูก มิสู้เจ้าไปคลี่คลายด้วยตนเอง อย่างไรเสียพวกเจ้าก็ล้วนโตแล้ว ต้องการแยกบ้านก็สมควรแล้ว เจ้าแย
หลังฉินซวงซวงได้รู้ว่าตนเองและหลินจือเยว่ล้วนถูกเนรเทศ ก็โมโหแทบสิ้นสติ!“ถือสิทธิ์อะไรทำกับพวกเราเช่นนี้? ซ่งรั่วเจินโหดเหี้ยมโดยแท้ ทั้งๆ ที่นางมิได้เสียหายอะไร แต่กลับจัดการพวกเราถึงตาย!”“จะต้องเป็นนางให้ฉู่อ๋องทำเช่นนี้แน่ นังผู้หญิงใจคอโหดเหี้ยม!”สีหน้าหลินจือเยว่เผือดซีด หมดอาลัยตายอยาก ยามถูกจับมาเขาก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดี เนรเทศ...ก็คือหนึ่งในสิ่งที่คาดการณ์ไว้ทว่าทั้งๆ ที่เดิมทีเขามีอนาคตรุ่งโรจน์ เหตุใดจู่ๆ ก็ตกต่ำถึงขั้นนี้ได้!“นี่ล้วนไม่ใช่เพราะเจ้ารนหาที่หรือ? หากมิใช่เพราะเจ้าสมคบคิดกับพวกเขาใส่ร้ายคน ไฉนเลยจะถูกตัดสินเนรเทศได้?”ฉินซวงซวงร้อนใจแย่แล้วพูดว่า “มาถึงตอนนี้แล้ว ท่านยังตำหนิข้าอีกหรือ? เห็นได้อย่างชัดเจนว่าซ่งรั่วเจินมุ่งร้ายต่อพวกเรา นางต้องการทำลายพวกเราให้สิ้นซาก!”หลินจือเยว่รำคาญใจมาก “หากไม่ใช่เพราะเจ้าทำงานไม่สำเร็จยังต้องเสียเปรียบ ดึงบุตรีจวนอัครเสนาบดีไปจนถึงฝ่าบาท และฮองเฮาเข้าไปเกี่ยวข้อง เรื่องก็คงไม่ร้ายแรงถึงขั้นนี้!”“ที่ผ่านมาข้าเตือนเจ้าไม่ใช่เพียงครั้งเดียว อย่าทำเรื่องเช่นนี้อีก ตกลงเจ้าต้องก่อความวุ่นวายถึงขั้นใดถึงจะพอใจ?”“บั
พริบตาต่อมา ใบหน้าหลินจือเยว่ก็ถูกข่วนจนเป็นรอยเลือดนับไม่ถ้วน ฉินซวงซวงคล้ายเสียสติไปแล้วก็มิปาน ราวกับระบายความอึดอัดคับข้องใจทั้งหมดออกมาหลินจือเยว่โมโห คนมิอาจทนไหวยื่นมือออกไปผลักแรงๆ!โครม!ฉินซวงซวงกระแทกกับซี่กรงของห้องขัง ล้มลงกับพื้นแรงๆ กลับกุมท้องไว้ ร้องตะโกน “เจ็บเหลือเกิน ข้าเจ็บท้องเหลือเกิน!”หลินจือเยว่เห็นดังนั้นก็คิดว่านางแสดงละคร เดิมทีก็ไม่เก็บมาใส่ใจ จนกระทั่งมองเห็นเลือดบนร่างกายท่อนล่างของนางไหลออกมา สีหน้าถึงเปลี่ยนไป“เร็ว รีบตามหมอมาเร็วเข้า!”เดิมทีผู้คุมก็ไม่สนใจสองคนนี้อยู่แล้ว อย่างไรเสียทั้งคู่ก็นับเป็นแขกประจำของคุกที่ผ่านมามีฐานะสูงศักดิ์ บัดนี้กลับดี เข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนหน้านี้พาคนในครอบครัวมาด้วยกัน บัดนี้กลับตกต่ำถึงขั้นถูกเนรเทศมาถึงขั้นนี้แล้วกลับยังไม่ยอมหยุด ทะเลาะกันไม่รู้จักจบสิ้น พวกเขาคร้านจะชายตาแลคราวนี้เห็นคล้ายเกิดเรื่องจริงๆ นี่ถึงตามหมอมา ยังไม่ทันถูกเนเทศ คนก็จะเกิดเรื่องภายในคุก พวกเขาเองก็จะพลอยซวยไปด้วยจากนั้นหมอช่วยจับชีพจรให้ฉินซวงซวง ได้ฟังจากปากว่าหลินจือเยว่ผลักนาง สายตาเปี่ยมความไม่พอใจ“ดีชั่วอย่างไ
หมอทางด้านข้างเหลือบมองหลินจือเยว่แวบหนึ่ง นี่กำลังฝันกลางวันอะไร?นี่ล้วนกลายเป็นนักโทษแล้ว ยังคิดเกาะแม่นางซ่ง คิดว่าฉู่อ๋องเป็นเครื่องประดับหรือ?สีหน้าหลินจือเยว่แข็งค้างไป เร่งอธิบาย “เจ้าพูดเหลวไหลอะไร? ข้าเพียงคำนวณวันที่เจ้าตั้งครรภ์”ถ้อยคำนี้พูดออกมาแล้ว ฉินซวงซวงเข้าใจในทันใด หัวใจพลันหนักอึ้งคืนนั้นนางและเหยาจิ่นเฉิงนับว่าบ้าคลั่งอย่างสุดขีด ช่วงเวลาตั้งครรภ์ตรงกับจุดนี้พอดี แม้แต่นางก็ไม่มั่นใจว่าตกลงเด็กคนนี้เป็นของใครกันแน่ทว่า สีหน้านางกลับมั่นใจหนักแน่น “นี่เป็นลูกของท่าน! ท่านคงไม่ใช่ไม่ยอมรับแม้แต่ลูกของตนหรอกกระมัง?”“เป็นลูกของข้า ข้าย่อมยอมรับ! แต่นั่นต้องแน่ใจก่อนว่าเป็นลูกของข้า!”ใบหน้าหลินจือเยว่เคร่งขรึม ก่อนนี้เขาไม่รู้คาดหวังจะมีลูกของเขาและฉินซวงซวงมากเพียงใด ทว่าเด็กคนนี้กลับเกิดมาได้ไม่ถูกเวลาเท่าใดนักเขาไม่มีอะไรแล้ว คลอดลูกออกมาก็มีเพียงความลำบาก“เขาต้องเป็นลูกของท่านแน่ ไม่มีวันเป็นลูกของคนอื่น!” ฉินซวงซวงกัดฟัน ไม่ว่าใช่หรือไม่ เด็กคนนี้ก็ต้องเป็นลูกของหลินจือเยว่!“รีบหาคนส่งข่าวนี้ไปให้ท่านพ่อท่านแม่ข้า ท่านแม่รู้จะต้องดีใจ คิดหาทางช่
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที