ซ่งปี้อวิ๋นครุ่นคิด ยังประคองเขาที่นอนบนพื้นขึ้นมาลู่หวยอันเห็นซ่งปี้อวิ๋นก็เกิดโทสะ หากไม่ใช่พราะนาง วันนี้ตนเองก็ไม่ต้องถูกโบย!ก็คือดาวหายนะคนหนึ่ง!“โบยสามสิบไม้แล้วหรือ?” ซ่งรั่วเจินยกมุมปาก “เด็กๆ ส่งคุณชายลู่ไปศาลาว่าการซุ่นเทียน จะต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้งหมดให้ใต้เท้าฟังอย่างชัดเจน ขอให้ใต้เท้าตัดสินคดี”“พ่ะย่ะค่ะ พระชายา”องครักษ์สองคนมาหามลู่หวยอันไปบัดนี้ลู่หวยอันเจ็บปวดไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย ไฉนเลยจะมีแรง?ทั้งสองคนสบตากันแวบหนึ่ง ยกลู่หวยอันขึ้นมาได้ก็ไป“ช้าก่อน พวกเจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร?”ซ่งปี้อวิ๋นเห็นภาพนี้ก็โง่งมไป รีบไล่ตามไป ซ่งรั่วเจินอ้างฐานะพระชายากล้าโบยคนสามสิบไม้ ท่านเจ้าเมืองจะต้องมอบความยุติธรรมให้พวกเขาอย่างหนึ่งแน่!“คุณหนู คุณหนูปี้อวิ๋นโง่เขลาเบาปัญญาโดยแท้ อีกฝ่ายพูดว่านางสกปรกต้องการหย่า นางยังไล่ตามไป ในอดีตไม่เคยเห็นท่าทางรังแกง่ายเช่นนี้ของนางเลย!”เฉินเซียงไม่รู้ว่าสมควรพูดอันใดถึงจะดี นางเองก็เคยเห็นท่าทางเย่อหยิ่งโอหังของของซ่งปี้อวิ๋นมาไม่น้อย บัดนี้คล้ายเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เหลือจะเชื่อจริงๆ!“ที่ผ่านมาเพราะท่านลุงท่
ชิงเถิงเห็นท่าทีเช่นนี้ของน้องสาวตน ใจก็พลันกระจ่างขึ้นมา นางรู้จักนิสัยของน้องสาวตนดีเกินไป ดูเหมือนอ่อนโยน ละมุนละไม แต่แท้จริงแล้วเป็นคนหัวแข็ง เรื่องที่ตัดสินใจไปแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ก่อนหน้านี้ที่บิดามารดาจะจัดการหมั้นหมาย นางไม่เคยยินยอม มาโดยตลอด คงเป็นเพราะเฝ้ารอคุณชายผู้นี้อยู่ ในเมื่อตอนนี้เฝ้ารอจนได้พบแล้ว ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่มีทางยอมแพ้ ไป๋จื่อกับเฉินเซียงมองหน้ากัน รู้สึกว่านี่ช่างเป็นวาสนาที่ลิขิตจริง ๆ เพียงแต่บัดนี้เขาตกต่ำกลายเป็นขอทาน ก็ไม่รู้ว่าบิดามารดาของหวงชิงชิงจะยอมรับได้หรือไม่? ซ่งรั่วเจินนับนิ้วคำนวณครู่หนึ่ง ก็พบว่าทั้งสองคนนี้เป็นคู่ฟ้าลิขิต แววตาฉายรอยยิ้มออกมาแวบหนึ่ง อีกอย่างคุณชายที่ตระกูลล่มจมจนกลายเป็นขอทานผู้นี้ หาใช่ผู้มีชะตาต่ำต้อยไม่ ครอบครัวเขามั่งมีตั้งแต่เยาว์วัย แต่ตระกูลล่มจม หลังจากลำบากตรากตรำมามาก กลับยิ่งแข็งแกร่งแน่วแน่ เขาจะได้พบกับผู้เกื้อหนุน จากนั้นจะได้รับความสำเร็จในระดับหนึ่ง นางมองหวงชิงชิง พลางคิดถึงตนเอง บัดนี้คือช่วงพลิกผันแห่งชะตาชีวิตของเขาพอดี ดูท่า...บางทีตัวนางก็
เมื่อเห็นทุกคนแสดงสีหน้าเวทนาออกมา เขาก็รีบเอ่ยขึ้นว่า “ไม่เป็นไรหรอก เรื่องของฟ้าลิขิต ข้าก็แค่ยังหางานมิได้เลย จึง…ค่อนข้างสกปรก” พอเอ่ยถึงคำว่าสกปรก เขาก็กระดากอายอยู่ไม่น้อย “ขอทานแถวนี้มีอยู่ไม่น้อย หากข้าไม่สกปรกบ้าง จะถูกรังแกได้ง่าย ๆ” เฉินเซียงอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ “ก่อนหน้านี้ ข้ายังเคยได้ยินมาจริง ๆ ว่าเขาหน้าตาดี หากไม่ทำให้ตนดูสกปรกเกินงาม ก็จะถูกคนของหอนางโลมจับไปเป็นนักแสดงได้!” ขอทาน “...” ซ่งรั่วเจินกับคนอื่น ๆ พลันเข้าใจขึ้นมาทันที เกรงว่านี่คงเป็นเหตุผลแท้จริง! อย่างไรเสีย ใบหน้าเล็กที่หล่อเหลาใสสะอาดเช่นนี้ ก็มีคนไม่น้อยทีเดียวที่ถูกจริต! “เมื่อครู่นี้เจ้าช่วยข้าไว้ คนมากมายก็ล้วนเห็นทั้งสิ้น ลู่หวยอันยังไปป่าวประกาศเสียจนรู้กันทั่วทั้งเมือง หากข้ามิแต่งกับเจ้า วันหน้า เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดปรารถนาแต่งกับข้าอีกแล้ว” ได้ยินดังนั้น ในแววตาขอทานก็ฉายแววกังวล “เมื่อครู่ข้าเห็นว่าเจ้าว่ายน้ำมิเป็นจริง ๆ กลัวว่าจะเกิดอันตราย จึงกระโจนลงไปช่วยเจ้า ข้ามิได้มีเจตนาจะทำลายชื่อเสียงของเจ้าจริง ๆ” “ข้ารู้” หวงชิงชิงพยักหน้า นางยิ้มแล้วก
ซ่งรั่วเจินหมดความสนใจเรื่องของซ่งปี้อวิ๋นกับลู่หวยอันตั้งนานแล้ว สายตาของนางหยุดอยู่ที่หวงชิงชิง “หากภายหน้าลู่หวยอันกล้ารังควานเจ้าอีก เจ้าก็ถือหยกชิ้นนี้ไปพบข้าที่จวนฉู่อ๋องเถิด” แววตาซ่งรั่วเจินแน่วแน่ ในเมื่อวันนี้นางยื่นมือเข้าช่วย ก็ย่อมจะช่วยจนสุดทาง! คนสามานย์ต่ำช้าเช่นลู่หวยอัน ไม่แน่ว่าหลังจากที่ตัวนางจากไปแล้ว เขาอาจอาศัยอำนาจเล็กน้อยของตระกูลลู่มาข่มขู่หวงชิงชิง เล่ห์เหลี่ยมต่ำช้าเช่นนี้ ในแต่ละวันนางก็เห็นมานักต่อนักแล้ว ชาวบ้านย่อมมิอาจต่อกรกับผู้มีอำนาจ นั่นคือสัจธรรม! หากนางเพียงมาปรากฏตัวในวันนี้ หลังจากนี้ก็ไม่ใส่ใจอีก ไม่แน่ว่าลู่หวยอัน บุรุษผู้นี้จะย้อนคืนสู่นิสัยเดิม ถึงขั้นผูกความแค้นที่ถูกเฆี่ยนตีในวันนี้ไว้กับหวงชิงชิง นี่ไม่เท่ากับว่าไม่เพียงแต่ไม่ได้ช่วยนาง กลับยิ่งทำร้ายนางหรือ? ระหว่างที่กำลังสนทนากันอยู่นั้นเอง ชิงเถิงก็พลันวิ่งเข้ามาอย่างลนลาน “พระชายา” “ชิงเถิง เจ้ามาได้อย่างไร? หรือในจวนเกิดเรื่อง?” แววตาของซ่งรั่วเจินพลันขึงขังเล็กน้อย วันนี้นางมาตระกูลซ่ง นางพามาเพียงไป๋จื่อและเฉินเซียง ชิงเถิงเฝ้าอยู่ที่ในจ
“เหตุใดท่านถึงทำเช่นนี้กับข้าได้!” ซ่งปี้อวิ๋นแผดเสียงแหลม “หากท่านหย่ากับข้า ชีวิตข้าชาตินี้คงพังพินาศแล้ว!” “หากเจ้าแต่งออกไม่ได้ สู้แต่งกับขอทานผู้นี้ อย่างน้อยก็ยังพอมีที่ไป!” ลู่หวยอันกล่าวเย้ยหยัน ซ่งปี้อวิ๋นเหลือบมองขอทานหนึ่งครั้งอย่างไม่รู้ตัว บุรุษที่ทั้งสกปรกและเหม็นเน่า เพิ่งถูกช่วยกลับมาเมื่อครู่ นางรู้สึกทั่วทั่งร่างกายนางล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นสาบ “ข้าไม่...” ทว่า ซ่งปี้อวิ๋นเพิ่งจะเอ่ยปาก เสียงของขอทานกลับดังขึ้นก่อน “ข้าไม่แต่ง!” ครั้นคำนี้หลุดออกมา ทุกคนต่างอึ้งงันไปถ้วนหน้า เห็นดวงตาขอทานผู้นั้นฉายแววรังเกียจ “แม้ข้าจะตกอับเป็นขอทานในยามนี้ แต่ข้าก็หาใช่จะต้องการขยะอะไรก็ได้!” หวงชิงชิงได้ยินคำพูดนี้ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ดูท่าขอทานผู้นี้ยังให้เกียรตินางจริง ๆ อย่างน้อยเมื่อครู่ตอนที่ที่กล่าววาจานั้น ขอทานก็มิได้ปฏิเสธนางตรง ๆ หากถูกปฏิเสธตรง ๆ เหมือนซ่งปี้อวิ๋นเช่นนี้ นั่นถึงจะขายหน้าอย่างถึงที่สุดจริง ๆ! “เจ้าว่าอะไรนะ?” ซ่งปี้อวิ๋นโกรธจนแทบบ้า ขอทานผู้หนึ่งยังกล้าดูแคลนนาง? ความรังเกียจในแววตาของเสิ่นหวยเพิ่มมากขึ้น “เห็นห
“ลู่หวยอันช่างไร้ยางอายจริง ๆ อาศัยเพียงชาติกำเนิดสูงศักดิ์ของตนเอง ถึงได้รังแกราษฎรธรรมดาเช่นเรามิใช่หรือ?” “ก่อนหน้านี้ หากเขากับซ่งปี้อวิ๋นก่อเรื่องเช่นนั้นในโรงเตี๊ยม คงไม่มีทางแต่งงานกับนาง บุรุษสำมะเลเทเมาไร้ยางอายเช่นนี้ ปกติก็เคยพบเห็นอยู่มาก!” บัดนี้มีคนไม่น้อยจำลู่หวยอันกับซ่งปี้อวิ๋นได้แล้ว เรื่องที่ก่อไว้ในโรงเตี๊ยมเมื่อครั้งก่อนใหญ่โตถึงเพียงนั้น ผู้คนส่วนใหญ่ทั่วเมืองหลวงล้วนเคยได้ยินเรื่องขบขันนั้นมาแล้ว บัดนี้เมื่อมีการพูดถึงอีกรอบ แทบทุกคนก็ต่างนึกขึ้นได้ “วุ่นวายกันอยู่ตั้งนาน ที่แท้คนที่ก่อเรื่องเสื่อมเสียในโรงเตี๊ยมเมื่อครานั้น จนพลาดพลั้งทำให้แท้งลูก ก็คือพวกเขาเองหรือ?” “เมื่อก่อนยังมิได้แต่งงาน กลับระเริงรักกันอย่างเร่าร้อนในโรงเตี๊ยม บัดนี้เพิ่งแต่งงานได้ไม่นาน ไยจึงไม่อยากได้แล้วเล่า?” สีหน้าของลู่หวยอันเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงผิดจากปกติ ยิ่งได้สบตากับซ่งรั่วเจินที่อยู่ตรงหน้า เขาก็มิกล้าพูดมากนัก สถานะของพระชายาฉู่อ๋องตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น เขามิกล้าล่วงเกินแม้แต่น้อย เขารู้ว่าซ่งรั่วเจินเป็นญาติผู้พี่ของซ่งปี้อวิ๋น หรือว่าครานี้ม