เมิ่งฮูหยินมองสามีของตนอย่างเอือมระอา อุปนิสัยของเขานี้ แต่ไหนแต่ไรมาพูดว่าทำก็ลงมือในทันที ห้ามไว้ไม่อยู่“ดูเถอะเรื่องเล็กเพียงแค่นี้ล้วนทำให้ลูกสาวข้าไม่สบอารมณ์แล้ว ไม่รีบปฏิเสธไป นี่ยังจะรออันใดอีกเล่า?”เห็นสถานการณ์แล้ว เมิ่งฮูหยินคิดว่าก็มีเหตุผลเช่นเดียวกัน ครุ่นคิดแล้วก็พูดว่า “เช่นนั้นก็ได้ พรุ่งนี้ข้าจะเข้าวังสักเที่ยว พูดกับซูเฟยให้ชัดเจน”“ท่านแม่ ไม่ ไม่ต้องรีบถึงเพียงนี้เจ้าค่ะ” เมิ่งชิ่นพูดอย่างเก้อกระดากเมิ่งฮูหยินงุนงงไป “ไม่ต้องรีบหรือ?”เผชิญหน้ากับสายตาแปลกใจสองคู่ เมิ่งชิ่นเก้อกระดากอย่างเห็นได้ชัด พูดว่า “ลูกยังคิดไม่ตก ไม่รู้ว่าหยางอ๋องทำเช่นนี้ ตกลงเพื่อหาโล่ป้องกันอันหนึ่ง หรือว่า...”เพียงเอ่ยถ้อยคำนี้ออกไป ทันใดนั้นเมิ่งฮูหยินเข้าใจหลายส่วน ลอบตกตะลึงภายในใจ“ชิ่นเอ๋อร์ ใช่หรือไม่ว่าเจ้ามีใจให้หยางอ๋อง?”“ปละ...เปล่าเจ้าค่ะ” เมิ่งชิ่นส่ายหน้า “ข้าเพียงคิดว่าท่านและซูเฟยเป็นสหายที่ดีต่อกันมานานหลายปี ปฏิเสธไปเช่นนี้ย่อมไม่ดีเท่าใดนัก...”“นี่มีอันใดไม่ดีกันเล่า? ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าเจ้า!” แม่ทัพเมิ่งพูดอย่างไม่ลังเลเมิ่งฮูหยินผินมองเขาแวบหนึ่งแ
“เสด็จพี่ทั้งสองท่าน พวกท่านช่วยข้าคิดหาทางเถอะพ่ะย่ะค่ะ!”หยางอ๋องชูขึ้นสามนิ้วด้วยท่าทางจริงจังอย่างมาก “ข้าจริงจัง ก่อนหน้านี้สมองคิดนอกลู่นอกทางไปบ้าง ตอนนี้หลังข้าใจเย็นลงก็เข้าใจทั้งหมดแล้ว!”“ข้าและเมิ่งชิ่นไม่ใช่ไม่รู้จักกัน พวกเรารู้จักกันตั้งแต่ยังเยาว์ ไม่ว่าพูดอย่างไร ความรู้สึกนั้นจะต้องดีกว่าหญิงสาวที่ไม่รู้จักคนอื่นมากนัก!”ฉู่อวิ๋นกุยมองหยางอ๋องด้วยความสงสัย “ที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเจ้าชอบคุณหนูสกุลเมิ่ง เจ้าคิดจะหลอกพวกเรากลับไม่ง่ายเพียงนั้น”“อันที่จริงที่ผ่านมาข้าเองก็เคยคิดเช่นนี้มาก่อน ตอนเสด็จแม่เอ่ยถึงเรื่องแต่งงานของข้า ข้าก็เคยคิดมาก่อน แต่นี่ไม่ใช่เพราะบังเอิญองค์หญิงแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์มาหรอกหรือ?”หยางอ๋องโคลงศีรษะ เรื่องนี้เป็นเขาคิดอ่านไม่รอบคอบ แต่หลังผ่านเรื่องนี้ไป เขากลับเข้าใจอย่างแจ่มชัด”“เรื่องนี้...เจ้าจะต้องชัดเจนก่อนว่าคุณหนูสกุลเมิ่งคิดเห็นเช่นไร เจ้าไม่เคยติดต่อกับนางเสียหน่อย จู่ๆ ก็เอ่ยถึงเรื่องแต่งงาน ถูกปฏิเสธก็ถูกต้องตามหลักเหตุผลแล้ว”ฉู่อวิ๋นกุยกลับเข้าใจสถานการณ์ของหยางอ๋อง อย่างไรเสียเมื่อแรกเขาก็ไม่รู้ใจตนเอง ปฏิบัติต
สีหน้าหยางอ๋องเปลี่ยนไป ภายในใจเขาย่อมรู้ดีว่าเกิดเรื่องใดขึ้น แต่เรื่องนี้ตกอยู่ในสายตาผู้อื่นแล้วกลับไม่ใช่เรื่องเล็กยิ่งไปกว่านั้น หากพวกเขาแต่งงานกันจริงๆ น่ากลัวว่าคนอื่นย่อมเอาไปหัวเราะเยาะหยัน นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เขาปรารถนา“ไม่ได้ ข้าจะต้องไปขอความช่วยเหลือจากเสด็จพี่สาม!”เสี่ยวซุ่นเห็นว่าจู่ๆ ท่านอ๋องของตนก็ผุดลุกขึ้นยืน จึงไล่ตามไปอย่างไม่ลังเล สายตากลับสะท้อนความตกตะลึง นี่เร็วเกินไปแล้วหลังซ่งรั่วเจินกลับถึงจวนอ๋อง ก็ได้รู้ว่าฉู่จวินถิงกลับมาแล้วเดิมทีคิดอยากพูดเรื่องนี้กับเขา กลับคิดไม่ถึงเลยว่าหยางอ๋องถึงขั้นอยู่ที่นี่ด้วย ทำให้คนแปลกใจจริงๆ“พระชายา หยางอ๋องมาอย่างกะทันหัน พูดว่ามีเรื่องอยากปรึกษาท่านอ๋อง หลังเข้าห้องหนังสือไป จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ออกมา”“ไม่เพียงแค่นี้ ตอนนี้อวิ๋นอ๋องเองก็มาแล้ว พวกเขารวมตัวกันอยู่ที่นั่น ก็ไม่รู้ว่ากำลังปรึกษากันเรื่องใด” เฉินเซียงพูดซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วงามดุจกิ่งหลิว “ดูท่าแล้วเรื่องในวันนี้ไม่เพียงเมิ่งชิ่นร้อนใจ หยางอ๋องกลับร้อนใจยิ่งกว่า นี่คือมาหาพวกท่านอ๋องเพื่อวางแผนกระนั้น?”อวิ๋นอ๋องเร่งเดินทางมา ทอดสายตามองหยางอ๋องด
หัวใจของหยางอ๋องสะท้านวูบหนึ่ง “ทำไมกันเล่า? ทั้ง ๆ ที่ข้าเป็นคนแรกที่แสดงจุดยืน นางควรทราบดีว่าท่าทีของข้าหนักแน่นเพียงใด ไยจึงยังเล็งข้าอีก?” แต่พอเขานึกถึงเจ้าแปดและคนอื่น ๆ แล้วก็รู้สึกว่าที่อูเยว่เอ๋อร์เลือกเขา จริง ๆ แล้วก็ไม่แปลก เดิมทีเมื่อล่วงรู้ว่าราชวงศ์ฉีเยว่จะส่งองค์หญิงมาแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ เขาก็ได้ยินข่าวแล้ว และรู้ว่าเสด็จพ่อมีใจอยากให้เขาแต่งกับอูเยว่เอ๋อร์ เรื่องนี้สำหรับเขาเองก็เหนือความคาดหมายเช่นกัน อย่างไรเสียก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดจะแต่งงาน ตอนแรกรู้สึกว่าไม่ดี แต่ภายหลังฟังคำเกลี้ยกล่อมของเสด็จแม่ ก็ค่อย ๆ รู้สึกว่าไม่ถึงกับรับไม่ได้ ตอนนี้เขารู้สึกเพียงว่า…นี่มันรับไม่ได้จริง ๆ! “ไม่รู้ว่าเสด็จแม่และเมิ่งฮูหยินคุยกันอย่างไร แม่นางเมิ่งยินดีจะแต่งกับข้าหรือไม่?” ในห้วงความคิดของหยางอ๋องนึกถึงท่าทีของเมิ่งชิ่น นางแตกต่างจากสตรีนางอื่นมาตั้งแต่เด็กแล้ว สตรีนางอื่นปักผ้า นางก็ชอบร่ายรำกระบี่ เมื่อเขาเล่นซุกซน เด็กสาวคนอื่นก็มักจะร้องไห้เป็นประจำ มีเพียงเมิ่งชิ่นที่ไม่เคยร้องไห้ เล่นซนทีไรก็ใจกล้ายิ่งกว่าเขาเสียอีก! ไ
เมิ่งชิ่นชะงักเล็กน้อย เข้าใจได้ว่านางให้ตนไปถามหยางอ๋องให้ชัดเจน เพียงแต่พอคิดว่าตนจะต้องไปหาหยางอ๋อง นางก็รู้สึกกระดากใจอยู่บ้าง นี่จะให้นางเอ่ยปากได้อย่างไร? “หากเจ้าไม่สะดวก ข้าก็สามารถช่วยได้ เจ้าไตร่ตรองดูให้ดี หากต้องการให้ข้าช่วย ส่งคนมาบอกข่าวข้าก็พอ” ซ่งรั่วเจินกล่าว การนัดพบกันตามลำพัง แน่นอนว่าไม่เหมาะสม แต่หากเป็นการรวมตัวเล็ก ๆ ของพวกเขา แล้วบังเอิญเชิญทั้งสองมาด้วย เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เหมาะเจาะลงตัว เมิ่งชิ่นย่อมเข้าใจความหมายของซ่งรั่วเจินเช่นกัน จึงพยักหน้ารัว ๆ “รั่วเจิน เจ้านี่ช่างใส่ใจจริง ๆ!” ซ่งรั่วเจินยิ้มเบา ๆ “นั่นเป็นเรื่องธรรมดา” จนเมื่อเมิ่งชิ่นจากไปแล้ว อวิ๋นเนี่ยนชูก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นว่า “รั่วเจิน เมื่อครู่นี้เหตุใดเจ้าจึงไม่ให้ข้าพูด?” “ข้าว่าสิ่งที่ข้าจะพูดก็หาใช่ไร้เหตุผลไม่ หยางอ๋องแต่งกับองค์หญิงไม่สำเร็จ ตอนนี้ก็คิดจะแต่งกับเมิ่งชิ่น เช่นนี้ไม่เกินไปหน่อยหรือ?” “พวกเรารู้จักเมิ่งชิ่นมานานขนาดนี้ นางเป็นคนนิสัยเช่นไร เจ้ากับข้าก็ล้วนรู้ดี” “แต่ก่อนก็ใช่ว่าจะไม่มีใครมาสู่ขอนาง เพียงแต่เมื่อเอ่ยถ
ได้ยินคำถามของอวิ๋นเนี่ยนชู สีหน้าของเมิ่งชิ่นก็เขินอาย รีบกล่าวอธิบายว่า “ความจริงแล้วข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนที่ข้าได้ยินข่าวนี้ ก็รู้สึกแปลกใจมาก ไม่ว่ายังไงก็ไม่เข้าใจเลยว่า อยู่ดีดีเหตุใดพระชายาซูเฟยจึงพูดถึงเรื่องการแต่งงานนี้ขึ้นมา” “อีกอย่างท่านแม่ก็เพิ่งจะมาบอกข่าวนี้กับข้า แม้แต่หยางอ๋อง ข้ายังไม่รู้เลยว่า รู้เรื่องนี้หรือไม่ อวิ๋นเนี่ยนชูขบคิดพลางกล่าวว่า “น่าจะรู้กระมัง? ไม่เช่นนั้นซูเฟยจะมาหารือกับท่านแม่เจ้าตรง ๆ โดยที่แม้แต่ความในใจของหยางอ๋องก็ยังไม่ได้ถามให้แน่ชัดจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?” “หยางอ๋องต้องรู้แน่นอน” ท่าทีของซ่งรั่วเจินมั่นใจอย่างมาก “ตามที่ข้าคิด หยางอ๋องคงไม่อยากแต่งงานกับอูเยว่เอ๋อร์แล้ว แต่เกรงว่าอูเยว่เอ๋อร์บัดนี้ก็ยังคงอยากเป็นพระชายาหยางอ๋องอยู่” เมิ่งชิ่นสบสายตากับซ่งรั่วเจิน ก่อนจะเข้าใจขึ้นมาในทันที “เจ้าหมายความว่า หยางอ๋องไม่อยากจะแต่งกับอูเยว่เอ๋อร์ แต่ก็กังวลว่า หากอูเยว่เอ๋อร์ไปทูลขอสมรสพระราชทานจากฝ่าบาท เขาก็จะจนปัญญาใช่หรือไม่?” “ดังนั้น เขาจึงอยากแต่งกับข้า เช่นนี้แล้ว เขาก็จะไม่ต้องแต่งกับอูเยว่เอ๋อร์ใช่ห