เมื่อก่อนในสายตากู้หวยซวี่ ฉินเซี่ยงเหิงเป็นหลานชายที่มีความสามารถ แต่ถูกฉินเจิงกับกู้อวิ๋นเวยเลี้ยงดูจนเสียคนทั้งๆ ที่ควรประสบความสำเร็จอย่างงดงาม แต่กลับต้องเสียเวลาไปเพราะเรื่องชู้สาว ทั้งยังทำเรื่องน่าอับอายพรรค์นั้น ช่างน่าเสียดายและน่าแค้นใจนักบัดนี้ หลังจากได้รู้ว่าฉินเซี่ยงเหิงไม่มีความสัมพันธ์อันใดกับตระกูลกู้ของพวกเขาแม้แต่น้อย กระทั่งยังรังแกหลานชายและหลานสาวของเขาอีกก็ไม่มีความเสียดายอีกแล้ว เหลือเพียงความคับแค้นใจเท่านั้นอยากหาตากับลุงก็ควรไปหาคนตระกูลหลิ่วต่างหากเล่า!“เจ้ามาทำไม?” กู้ชิงเหยี่ยนถามด้วยสีหน้าเย็นชา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่แยแสหลังได้รู้ความจริง เขายิ่งรังเกียจกู้อวิ๋นเวยจนถึงที่สุด จนทำให้แค่เห็นฉินเซี่ยงเหิงก็แค้นใจจนอยากอัดสักยกเป็นการระบายโทสะแทนน้องสาวของตนเองฉินเซี่ยงเหิงสัมผัสได้ถึงความเย็นชาของกู้ชิงเหยี่ยน แต่ไม่ได้รู้สึกว่ามีอันใดไม่ถูกต้องอย่างไรเสียหลายปีมานี้กู้อวิ๋นเวยก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับตระกูลกู้ ทำให้เขากับซวงซวงรู้เพียงว่ามีญาติตระกูลกู้อยู่ แต่ไปมาหาสู่กันน้อยครั้งยิ่งแต่เขารู้สึกว่าถึงที่สุดแล้วตระกูลกู้เพียงแต่มีปัญหากับมาร
ป้ายทองละเว้นโทษตายนี้เป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดในจวน ทั้งยังเป็นเกียรติยศของทั้งตระกูลกู้ที่ผ่านมา บิดาดูแลอย่างเข้มงวดกวดขัน ตอนนี้กลับถูกขโมยไปเนี่ยนะ?“ท่านพ่อ นี่ไม่ถูกต้องนะขอรับ หากเป็นเมื่อก่อนที่หลิ่วอวิ๋นเวยยังอยู่ที่บ้านก็แล้วไปเถอะ ตอนนี้นางออกเรือนไปหลายปีแล้ว ในจวนยังเคยมีการปรับปรุงมาก่อน”“พวกเราไม่เคยเปิดโอกาสให้นางได้ไปเรือนพักของพวกท่าน แล้วจะแอบขโมยป้ายทองละเว้นโทษตายไปได้อย่างไร?”กู้ชิงเหยี่ยนสงบสติเยือกเย็นลง เรื่องนี้เพียงใคร่ครวญโดยละเอียดก็สามารถค้นพบว่าปัญหาอยู่ตรงไหน“เรื่องนี้เกรงว่าคงมีคนลอบช่วยเหลือ มิฉะนั้นลำพังนางคนเดียว จะเข้ามาในจวนก็ยังยาก”กู้ชิงซิวมีสีหน้าดำคล้ำ ชั่วขณะนี้ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววรังเกียจเดียดฉันท์ แม้จะไม่ได้กลับไป แต่แค่ฟังก็เดาได้ไม่ยากว่าเป็นใครทั่วทั้งตระกูลกู้ มีเพียงกู้ชิงเจ๋อเท่านั้นครั้นวาจานั้นดังขึ้น คนทั้งหลายบนรถม้าต่างก็เงียบไปพร้อมกับโทสะจากความผิดหวังในตัวกู้ชิงเจ๋อหลายวันนี้ขับไล่กู้ชิงเจ๋อออกไป เดิมคิดว่าเขาจะสามารถทบทวนตัวเอง ใครเลยจะคาดคิดว่าเขาจะทำเรื่องโง่บัดซบเช่นนี้ลงไปได้?ฉินเซี่ยงเหิงได้ยินบทสนทนาของคน
กู้ชิงเจ๋อรู้ว่าวันนี้ทุกคนในจวนไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนตระกูลซ่ง เขาไม่สนใจจึงไม่ได้ไปด้วยแต่ตอนนี้งานเลี้ยงเลิกราแล้ว เรื่องภายในตระกูลกู้ของพวกเขา ตระกูลซ่งมายุ่งอะไรด้วย?ซ่งรั่วเจินมองกู้ชิงเจ๋อที่เดินออกมา ถึงก่อนนี้จะไม่เคยพบกันมาก่อน แต่นางรู้ว่าตระกูลกู้มีพี่น้องผู้ชายสามคน กู้อวิ๋นเวยอยู่อันดับที่สี่คนตรงหน้าค่อนข้างคล้ายคลึงกับพวกกู้ชิงเหยี่ยน คิดว่าคงเป็นลูกคนที่สามของตระกูลกู้...กู้ชิงเจ๋อแต่นางรู้ว่ากู้ชิงเจ๋อค่อนข้างสนิทสนมกับกู้อวิ๋นเวย พูดให้ถูกต้องก็คงเป็นเพราะว่าเขาค่อนข้างโง่จึงกลายเป็นหมากให้กู้อวิ๋นเวยหลอกใช้“เจ้าสาม ข้าถามหน่อยเถอะ เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่ากู้อวิ๋นเวยทำอะไรลงไป?”สายตากู้หวยซวี่จับจ้องกู้ชิงเจ๋อ น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความกดดันแม้ไม่แสดงความเดือดดาล บรรยากาศรอบกายลดต่ำลงจนถึงจุดเยือกแข็งทุกคนกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว พี่น้องตระกูลซ่งเพิ่งจะเคยเห็นท่าทางพิโรธเดือดดาลของราชครูกู้เป็นครั้งแรก อย่างไรเสียตอนอยู่ในจวนตระกูลซ่งก่อนหน้านี้ เขามีสีหน้าอบอุ่นเป็นกันเองตลอดเวลากู้ชิงเจ๋อหัวใจกระตุกวูบ หดคอลงโดยไม่รู้ตัว ไม่มีแก่ใจไปสนว่าคนตระกูลซ่งมาเพราะเหต
ขอแค่เป็นคนล้วนรู้ว่าการกระทำครั้งนี้ของกู้อวิ๋นเวยนั้นผิดมหันต์ กู้ชิงเจ๋อยังลอบให้ความช่วยเหลือ กระทั่งเรื่องแดงออกมาแล้วก็ยังคิดว่าราชครูกู้ทำผิดต่อลูกชายหญิงอย่างพวกตนลุงสามผู้นี้...ยังคงแล้วไปเถอะกู้ชิงซิวทนดูกู้ชิงเจ๋อโง่เขลาเช่นนี้ต่อไปไม่ไหวจริงๆ คนที่ทำผิดคือเขาชัดๆ แต่เขากลับคิดว่าตัวเองเป็นคนโชคร้ายที่สุดในปฐพี“เจ้าถามว่าทำไม? นั่นเพราะเจ้าไม่เคยรู้ว่าตอนนั้นหลิ่วอวิ๋นเวยทำเรื่องเลวร้ายแค่ไหนลงไปน่ะสิ!”“เพราะนางไม่ใช่คนตระกูลกู้ของพวกเราด้วยซ้ำ!”เมื่อวาจานั้นดังขึ้น กู้ชิงเจ๋อก็นิ่งอึ้งอยู่กับที่ “หมายความว่าอย่างไร?”“หรูเยียนต่างหากที่เป็นสายเลือดตระกูลกู้ของพวกเรา กู้อวิ๋นเวยเป็นคนตระกูลหลิ่ว ตอนนั้นฮูหยินผู้เฒ่าหลิ่วจงใจสลับตัวเด็กเพราะลอบคิดร้ายต่อพวกเรา”“หลายปีมานี้ พวกเราเลี้ยงดูทะนุถนอมกู้อวิ๋นเวยอย่างดี เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลายปีนี้ตระกูลหลิ่วรังแกทารุณน้องสาวแท้ๆ ของพวกเราอย่างไรบ้าง!”“นางไม่เคยปฏิบัติกับพวกเราอย่างจริงใจ แต่หลอกใช้พวกเรามาโดยตลอด กระทั่งยังไปนับญาติกับตระกูลหลิ่วนานแล้ว หลังจากนั้นยังหันมาเรียกร้องจากพวกเรา เรียกร้องจากน้องสาวอย่างกำเร
ซ่งอี้อันจ้องมองฉินเซี่ยงเหิงอย่างเย็นชา หลังจากวันประกาศผลการสอบ พวกเขาก็ไม่ได้เจอกันอีกเลยบัดนี้ได้เจอหน้ากันอีกครั้ง มิตรภาพในฐานะสหายร่วมสำนักสูญสลายไปหมดแล้ว กลายเป็นคู่แค้นโดยสมบูรณ์“เดิมนั้นฉินซวงซวงถูกคุมขังที่ศาลาว่าการซุ่นเทียน แต่สองวันก่อนเริ่มการเนรเทศไปแล้ว”“นางกำลังตั้งครรภ์ ตามธรรมเนียมปฏิบัติจะยังไม่ตรงไปยังถิ่นทุรกันดารในทันที แต่รอจนคลอดเด็กก่อนค่อยไป”หลังรู้ว่าฉินซวงซวงตั้งครรภ์ ซ่งอี้อันก็เจาะจงสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตัวหายนะเช่นนี้เก็บไว้ก็มีแต่ปัญหา ทว่าธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับสตรีมีครรภ์ล้วนทำเช่นนี้ คงได้แต่พูดว่าฉินซวงซวงโชคดี“ค่ายเหนือใต้ออกตกสี่แห่งของเมืองหลวงล้วนเป็นไปได้ทั้งหมด ในเมื่อวันนี้กู้อวิ๋นเวยขโมยป้ายทองละเว้นโทษตายไปได้แล้วคิดว่าฉินซวงซวงจะต้องยังไม่จากไปแน่ พวกเราไปยังสถานที่สี่แห่งนี้จะต้องหาเจอแน่นอน!”กู้ชิงเหยี่ยนได้ยินคำพูดของซ่งอี้อันแล้วก็ผงกศีรษะน้อยๆ ดวงตาทอแววชื่นชม“สี่ทิศทางแบบนี้ พวกเราได้แต่แยกย้ายกันไปแล้ว” กู้ชิงเหยี่ยนย่นคิ้ว อันที่จริงเรื่องนี้มีคนรู้น้อยเท่าไรก็ยิ่งดี แต่ยามนี้ไม่อาจสนใจยิบย่อยขนาดนั้นแล้วซ่งรั่
เจ้าหน้าที่ไม่เคยเห็นป้ายทองละเว้นโทษตายมาก่อน แต่เขารู้ว่าตระกูลกู้มีป้ายทองละเว้นโทษตาย กู้อวิ๋นเวยยังเป็นคนตระกูลกู้ ดังนั้นป้ายทองนี้เป็นไปได้มากว่าคงเป็นของจริง แต่เรื่องใหญ่ขนาดนี้ย่อมต้องรอจนใต้เท้ามาเสียก่อนเมื่อจ้าวจือเต๋อจ้าวเมืองซุ่นเทียนมาถึง พวกกู้หวยซวี่ก็มาถึงพร้อมกันพอดี“ใต้เท้ากู้ ท่านจะใช้ป้ายทองละเว้นโทษตายไยไม่บอกกันก่อนเล่า ดูซิเรื่องนี้วุ่นวายไปหมด...”จ้าวเมืองซุ่นเทียนมีสีหน้าอ่อนใจ น้ำเสียงยังแฝงความไม่พอใจที่ยากจะปิดบังวันนี้ตระกูลซ่งจัดงานมงคล เขาซึ่งเป็นเจ้าเมืองซุ่นเทียนกลับยุ่งจนหัวหมุน เริ่มจากครอบครัวใต้เท้าหลิ่วถูกส่งมายังศาลาว่าการซุ่นเทียน เปิดโปงคดีสลับตัวคุณหนูตัวจริงตัวปลอมที่ฮูหยินผู้เฒ่าหลิ่วแอบสลับตัวเด็กในตอนนั้นเมื่อครู่ยังเป็นฝานซืออิ๋งที่ลักลอบเข้าไปในจวนตระกูลซ่งกลางดึกหมายวางยา แต่กลับถูกคนจับได้คาหนังคาเขาเขายังไม่ทันได้พิจารณาคดี ตระกูลกู้พลันนำป้ายทองละเว้นโทษตายออกมาช่วยคนเสียนี่ฉินซวงซวงผู้นี้เข้าคุกมาไม่ใช่แค่วันสองวันแล้ว ถ้ามีความตั้งใจเช่นนี้จริง หลายวันก่อนก็สามารถมาได้ ไยต้องรอจนถึงยามนี้ด้วยชั่วพริบตาที่กู้หวยซวี
ทว่า เมื่อกู้อวิ๋นเวยกล่าววาจานั้นจบก็มีเสียงฝีเท้าเร่งร้อนดังมาจากข้างนอก“ใครก็ได้ จับตัวเจ้าโจรขวัญกล้าเทียมฟ้าผู้นี้ ถึงกับกล้าขโมยป้ายทองละเว้นโทษตายเชียวรึ!” จ้าวจือเต๋อตวาดเสียงเข้มความได้ใจบนใบหน้ากู้อวิ๋นเวยพลันหยุดชะงัก นางเห็นเจ้าหน้าที่รุดเข้ามาจับกุมนางไว้อย่างรวดเร็วโดยไม่เปิดโอกาสให้พูด สีหน้าพลันฉายแววตกตะลึง “พวกเจ้ามาจับข้าทำไม?”“จับเจ้าก็เพราะเจ้าเป็นโจรอย่างไรเล่า!”สีหน้าจ้าวจือเต๋อเข้มงวดอย่างถึงที่สุด วันนี้คนตระกูลหลิ่วถูกจับส่งมาที่ศาลาว่าการซุ่นเทียนก่อน เขาจึงรู้เรื่องสลับตัวเด็กในตอนนั้นแล้วยามนี้ยังได้รู้ว่ากู้อวิ๋นเวยขโมยป้ายทองละเว้นโทษตายมาอย่างขวัญกล้าเทียมฟ้า ราชครูกู้มาแจ้งความด้วยตนเอง เรื่องนี้จำเป็นต้องจัดการให้ดี“ข้า ข้าไม่ใช่โจร พวกเจ้าเข้าใจผิดแล้ว!”กู้อวิ๋นเวยรีบร้อนอธิบาย สีหน้าไม่ได้ลนลานจนเกินไป “ข้าเป็นลูกสาวของราชครูกู้ ตระกูลกู้มีป้ายทองละเว้นโทษตายที่อดีตฮ่องเต้พระราชทานให้ ข้าจึงนำป้ายทองละเว้นโทษตายของที่บ้านมา”“ผู้ใดบอกว่านี่เป็นป้ายทองละเว้นโทษตายของบ้านเจ้า?”กู้หวยซวี่เดินเข้ามาอย่างช้าๆ กู้ชิงเหยี่ยนกับกู้ชิงซิวตา
กู้หวยซวี่เห็นความเปลี่ยนแปลงของสีหน้ากู้อวิ๋นเวยชัดเต็มสองตา ฉับพลันนั้นก็เข้าใจแล้ว“เจ้ารู้แต่แรกแล้วว่าเจ้าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพวกข้า ใช่หรือไม่?”“ไม่ ข้าเปล่านะ” กู้อวิ๋นเวยส่ายหน้า ทั้งยังเสแสร้งทำเป็นจริงใจไร้เดียงสา “ท่านพ่อ ข้าเป็นลูกสาวของพวกท่านชัดๆ ไม่มีความสัมพันธ์อันใดกับตระกูลหลิ่ว!”“หลิ่วอวิ๋นเวย ถึงตอนนี้เจ้ายังจะเสแสร้ง แต่ละครปาหี่แบบนี้พวกข้าดูออกตั้งนานแล้ว”กู้ชิงซิวแสยะยิ้มเย็นชา ครั้นใคร่ครวญโดยละเอียด ละครปาหี่ไม่ได้เรื่องพรรค์นี้พวกเขาควรดูออกตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว แต่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าอีกฝ่ายไม่ใช่สายเลือดตระกูลกู้ดังนั้นต่อให้พวกเขารู้ว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการเสแสร้งแสดงของนาง แต่จนใจที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดจึงได้แต่อดทนอดกลั้นเอาไว้แต่ยามนี้ ในที่สุดก็ไม่ต้องทนแล้ว“เสแสร้งเป็นไร้เดียงสาโดยไม่ละอายใจมาได้หลายปี ทั้งยังมาเรียกร้องทุกอย่างที่เจ้าต้องการอย่างไม่สะทกสะท้าน”“หลิ่วอวิ๋นเวย เจ้ากับพ่อแม่เจ้าเป็นพวกตะเภาเดียวกันเสียจริงๆ”ในสายตากู้ชิงเหยี่ยนมีเพียงความรังเกียจเดียดฉันท์ ก่อนหน้านี้ไม่เข้าใจว่าเหตุใดกู้อวิ๋นเวยจึงมีนิสัยไม่เหมือ
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที