Mag-log in“เขาบอกข้าว่าเพราะมีไทเฮาทรงดูแล ชูเสวี่ยไปอยู่กับข้าย่อมมีชีวิตที่ดีกว่า ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับเหวินเช่อ”“พวกท่านวางใจได้ ไม่ว่าอย่างไรชูเสวี่ยก็ยังสกุลเซียว ต่อให้ชูเสวี่ยติดตามข้าไป นางจะไม่ลืมฐานะของตน ข้าจะพานางกลับมาเยี่ยมที่นี่บ่อย ๆ”สีหน้าเซียวเหวินยวนเปลี่ยนไป “ข้า...เหวินเช่อไม่เคยพูดเช่นนี้กับเจ้า!”“พี่ใหญ่ นี่เป็นคำพูดที่เหวินเช่อพูดกับข้า ท่านย่อมไม่รู้ ข้าทั้งรักและซื่อสัตย์ต่อเขา วันนี้เขาจากไปแล้ว ท่านคิดหรือว่าข้าจะกุเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาหลอกพวกท่านอย่างนั้นหรือ?”“ข้าแต่งเข้ามาเป็นสะใภ้ตระกูลเซียวหลายปี ทุกคนล้วนรู้อุปนิสัยใจคอข้าดี ไม่เคยทำเรื่องเสื่อมเสียต่อสกุลเซียว พี่ใหญ่จะปรักปรำข้าเช่นนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ” เซี่ยจือหลานเอ่ยคำพูดนั้นทำให้เซียวเหวินยวนสำลัก สีหน้าแดงก่ำ ภายในใจเขารู้ดีว่าตนไม่เคยพูดเช่นนี้มาก่อนเซี่ยจือหลานเป็นสตรีว่าง่ายมาโดยตลอด คิดไม่ถึงเลยว่าบัดนี้ถึงขั้นพูดจาเหลวไหล แต่ตนกลับไม่อาจโต้แย้งได้“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น เพียงแต่คิดว่าเหวินเช่อคงพูดตามปากพาไป มิได้จริงจัง”“ชูเสวี่ยเป็นคนตระกูลเซียว พวกเราไม่ใช่ว่านา
เมื่อคิดถึงความจริงใจตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่กลับพบว่าตั้งแต่เริ่มจนจบอีกฝ่ายเพียงแค่หลอกใช้ตนมาตลอดในช่วงเวลาสั้น ๆ ภาพความทรงจำในอดีตวนกลับเข้ามาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่นางจะตกใจเมื่อได้เห็นความจริงว่าที่ผ่านมาแทบไม่มีความจริงใจอยู่ในนั้นเลยสิ่งที่นางเคยเข้าใจว่าเซียวเหวินเช่อเป็นคนดี รักครอบครัว บัดนี้กลับกลายเป็นหลักฐานชัดเจนว่าเขากับหลูเฟยนั้นสมคบคิดกันมานานแล้วมันช่างน่าขันเหลือเกิน!นางคล้ายตัวโง่งมคนหนึ่งมาโดยตลอด“ก่อนหน้านี้เป็นเพราะข้าโง่เขลา ทั้งที่สามีข้าได้ตายจากไปแล้ว แต่ข้ากลับยังติดอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความฝัน คิดไปเองว่าเขายังอยู่เคียงข้าง”“วันนี้หลังจากผ่านเรื่องนี้ไป ข้าเองก็เข้าใจแล้ว ดังนั้นข้าจึงอยากไปจากสกุลเซียว” เซี่ยจือหลานกล่าวอย่างหนักแน่นคำพูดนั้นทำให้สีหน้าทุกคนในตระกูลเซียวเปลี่ยนไปในทันใด“จือหลาน เจ้าอย่าเป็นเช่นนี้เลย เหวินเช่อตายจากพวกเราก็ล้วนเสียใจอย่างมาก แต่อย่างไรเสียเจ้าก็ยังเป็นคนในครอบครัวเดียวกับพวกเรา…”ฮูหยินผู้เฒ่าเซียวเห็นว่าเซี่ยจือหลานตัดสินใจจะไปจริง ๆ ก็ร้อนใจขึ้นมา พยายามรั้งไว้ พร้อมทั้งส่งสัญญาณทางสายตาไปยังเซียวเหวินยวนแล
อีกด้านหนึ่งฮูหยินผู้เฒ่าเซียวเห็นว่าบริเวณเรือนของเซี่ยจือหลานถูกคนจากวังหลวงล้อมไว้ แม้จะอยากสอดส่องข่าวสักเพียงใดก็ทำไม่ได้ รู้สึกร้อนใจขึ้นมาอย่างสุดระงับ“พวกเจ้าเองก็เหลือเกินจริง ๆ เรื่องบานปลายถึงเพียงนี้ ยังไปกดดันจนเซี่ยจือหลานคิดสั้นได้อีก!”“ท่านนั้นในวังดีต่อนางมากเพียงใด พวกเจ้าก็ใช่ว่าจะไม่รู้ ก่อนหน้านี้ข้าก็เตือนแล้วว่าให้ระวังขอบเขต ตอนนี้ดีแล้ว ฮองเฮาและพระชายารัชทายาทมาด้วยตนเอง น่ากลัวว่าเรื่องนี้คงไม่จบง่าย ๆ แล้ว!”เซียวเหวินยวนขมวดคิ้วมองหลูเฟยอย่างไม่สบอารมณ์ “จือหลานสะเทือนใจอย่างมาก ช่วงนี้ย่อมหวั่นไหวเป็นธรรมดา เจ้าควรยอมนางสักหน่อย เหตุใดต้องซ้ำเติมจนนางคิดสั้น”“ตอนนี้ดีแล้ว นางสะเทือนใจจนจะชนกำแพง บัดนี้ฮองเฮามาหนุนหลังด้วยตนเอง นี่ยุ่งยากมากขึ้นแล้วไม่ใช่หรือ?”หลูเฟยเบ้ปาก ภายในใจรู้ดีว่าเรื่องครั้งนี้ตนเองเป็นฝ่ายก่อเรื่องไม่น้อย ได้แต่พูดว่า“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่านางจะวู่วามถึงเพียงนั้น? ท่านเป็นสามีของข้า แต่นางยังตอแยท่าน หากข่าวลือแพร่ไป จะไม่ทำให้ชื่อเสียงของสกุลเซียวเสื่อมเสียหรอกหรือ?”“ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยคิดว่านางจะหน้าด้านถึงเพียงน
สายตาของฮองเฮาเลื่อนไปหยุดที่ซ่งรั่วเจิน นางเคยคิดมาก่อนว่าเด็กคนนี้ที่เคยถอนหมั้น คงไม่คู่ควรกับจวินถิง แต่ตอนนี้เมื่อเห็นนางเล่าถึงอดีตอย่างเปิดเผย ราวกับไม่เห็นสิ่งนั้นเป็นความอับอาย ไม่หลบเลี่ยงแม้แต่น้อย กลับยิ่งทำให้มองนางสูงขึ้นอีกขั้น“หากตอนนั้นข้าไม่ได้มีสินเดิมมากมายเช่นนั้น…”เซี่ยจือหลานเอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ ตอนออกเรือน นอกจากสินเดิมที่ครอบครัวจัดเตรียมให้แล้ว ไทเฮายังประทานเพิ่มให้อีกมากมายตอนนั้นทั้งเมืองหลวงต่างตะลึงกับสินเดิมมากมายของนาง เพียงพอให้นางจะอยู่อย่างสุขสบายไปทั้งชีวิตตอนนั้นนางเองก็คิดว่าตนเองมีสง่าราศีเป็นพิเศษ เป็นคุณหนูผู้โดดเด่นที่สุดในบรรดาสตรีสูงศักดิ์เพียงแต่นางคิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้วตนเองจะลงเอยเช่นนี้...“หากเจ้าไม่มีสินเดิมมากมายเพียงนั้นล่ะก็ บางทีเขาอาจไม่คิดแต่งกับเจ้าด้วยซ้ำ ผู้คนชอบพูดนักว่าหญิงสาวต่างดิ้นรนปีนขึ้นสู่กิ่งสูง ปีนป่ายขึ้นไปโดยไม่สนใจอะไร โดยไม่รู้เลยว่าบุรุษต่างหากที่แลกทุกอย่างเพื่อสิ่งตอบแทนที่สูงกว่า”“เขาแต่งกับเจ้า ไม่เพียงอยู่ดีกินดีได้อย่างไร้กังวล ยังมีไทเฮาเป็นที่พึ่ง ย่อมสามารถเหยียบย่างสู่เส้นทางอำนาจได
“หากข้าออกไปเช่นนี้ จะทำให้สามีปวดใจ”ซ่งรั่วเจินขมวดคิ้ว “แม่สามีเจ้าเป็นคนพูดหรือ?”“ไม่ใช่แค่ท่านแม่ ตอนนี้พี่ชายสามีเองก็พูดแบบนี้ เขายังบอกอีกว่าก่อนตายเหวินเช่อฝากให้เขาดูแลพวกเรา เขาจะดูแลข้าและชูเสวี่ยให้เป็นอย่างดี”กล่าวตบ ซ่งรั่วเจินกับฮองเฮาก็กลั้นหัวเราะไว้แทบไม่อยู่นี่มันได้ทั้งขึ้นทั้งล่องชัดๆ!แม้ว่าสลับตัวเปลี่ยนฐานะแล้ว ได้ครอบครองพี่สะใภ้ แต่ก็ยังไม่อยากให้ฮูหยินของตนกับลูกจากไปแผนที่ได้กำไรถึงเพียงนี้ พวกเขาช่างหน้าหนาเหลือเกิน!“ตอนเจ้าแต่งงาน สินเดิมคงไม่น้อยใช่หรือไม่? เจ้าแต่งงานมาหลายปี พวกเขาเคยใช้สินเดิมของเจ้าหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามเซี่ยจือหลานชะงักไป ก่อนพยักหน้า “ใช่แล้ว”“นี่ก็ถูกแล้ว พวกเขาไม่ให้เจ้าจากไป ก็เพราะสินเดิมของเจ้านั่นเอง”ซ่งรั่วเจินกล่าวด้วยสายตาแจ่มชัด “ชนิดที่ว่า...ที่ผ่านมาสามีเจ้าดีต่อเจ้าดีเสมอมา ก็อาจเพราะเหตุนี้”ฮูหยินตนดุจถุงเงิน อยู่ภายในเรือน พวกเขาไม่เพียงได้รับเงินมากมาย ยังมีไทเฮาสนับสนุน มีเพียงคนโง่ถึงจะไม่ดีต่อเซี่ยจือหลานทว่าเขาอยากได้ลูกชาย กอปรกับสมคบคิดกับพี่สะใภ้ได้แล้ว ก็เลยคิดเรื่องดีที่ได้รับทั้
ความรักทำนองนี้ แต่ไรมาเจ้าตัวมักมองไม่ออก แต่ผู้รับชมอยู่วงนอกกลับเห็นอย่างชัดเจนแม้ฮองเฮาไม่รู้ว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นกับสกุลเซียว แต่ในฐานะบุรุษคนหนึ่ง สามารถทอดทิ้งภรรยาและลูกได้ ไม่ว่าที่ผ่านมาจะเคยแสดงว่าดีเพียงใด ก็พิสูจน์แล้วว่าภายในใจเขาไม่เคยมีเซี่ยจือหลานอยู่เลยหากมี เขาย่อมไม่มีวันทำเรื่องชั่วร้ายเช่นนี้อย่างเด็ดขาด“จือหลาน ความรักที่จริงใจมักจะเป็นสิ่งที่ผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนล้วนหวังจะได้ความรักที่ยืนยาว แต่เหตุที่ต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภาวนาต่อพระโพธิสัตว์ เพราะทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่า ความรักที่แท้จริงนั้นแสวงหายาก เจ้าว่าใช่หรือไม่?”เซี่ยจือหลานชะงัก ราวกับเริ่มเข้าใจความนัยของฮองเฮาแล้ว“ตอนนี้เจ้าก็อายุไม่น้อยแล้ว ข้าจะให้เจ้าลืมความผูกพันตลอดหลายปี ย่อมยากจะทำในทันทีเลยได้”“แต่เจ้าลองคิดดู เจ้ายังมีลูกอยู่”“เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ นับว่าเจ้าได้ผ่านความตายมาแล้วครั้งหนึ่ง เรื่องที่เคยคิดไม่ตกทั้งหลาย ตอนนี้เจ้าควรคิดให้ตกได้แล้ว”“คนเราเกิดมาทั้งที ตนเองมีความสุขถึงจะสำคัญที่สุด ในเมื่อสามีเจ้าทอดทิ้งไปแล้ว เหตุใดเจ้าต้องหวังให้เขากลับมาด้วยเ







