ฉู่เทียนเช่อชะงักไปเล็กน้อย การเดินทางครั้งนี้ของเขาไม่ต่างอะไรกับการมาเสียเที่ยว สภาพการณ์ของหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ในตอนนี้ทำให้เขาเกิดความเคลือบแคลงใจ อีกทั้งยังไม่กล้าแต่งนางกลับไปโดยบุ่มบ่าม ถ้าเกิดผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือสกุลหลิงจริง ๆ นั่นก็หมายความว่าเขาตัดหนทางของตนมิใช่หรือ? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่หัวใจของหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ผู้นี้ล้วนอยู่ที่ฉู่จวินถิงเลย การที่นางแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งต่อหน้าเขาเช่นนั้น ราวกับมิได้เห็นเขาอยู่ในสายตา เช่นนี้ย่อมทำให้เขาไม่พอใจ! “ครานี้ปัญหาอุทกภัยร้ายแรงยิ่งนัก ตัวข้ากังวลว่าพวกเจ้าทั้งหลายจะมีกำลังคนไม่เพียงพอ…” “เช่ออ๋องวางพระทัยเถิด พวกกระหม่อมสามารถช่วยได้แน่นอน” ซ่งหลินกล่าวพลางยิ้ม ฉีอู่ หร่วนเฉิงและคนอื่น ๆ ต่างพยักหน้ารัว ๆ พวกเขาแต่ละคนล้วนสามารถยกและหามได้ การช่วยเหลือราษฎรย่อมไม่มีปัญหาแน่นอน ฉู่เทียนเช่อ “...” เดิมทีหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ตั้งใจจะอยู่ต่อ แต่ถูกฉู่จวินถิงพูดดักทางด้วยประโยคเดียว “เรือได้จัดเตรียมไว้ให้พวกเจ้าแล้ว พี่น้องสกุลหลิงควรรีบไปทำพิธีฝังศพเสียเถิด พวกเจ้ากลับไปพร้อมกัน จะได้มีคำชี้แจง
ยามราตรีค่อย ๆ คืบคลานเข้ามา ซ่งรั่วเจินมองชาวเมืองไห่เทียนที่ในที่สุดก็อิ่มท้องและสงบใจขึ้นบ้าง เพราะการแจกจ่ายโจ๊ก “ไป๋จื่อ ฉู่อ๋องไปที่ใดแล้ว?” นัยต์ตาใสของซ่งรั่วเจินแฝงไปด้วยความสงสัย ก่อนหน้านี้นางเห็นฉู่อ๋องตั้งใจออกไปข้างนอกครั้งหนึ่ง หลังจากกลับมา นางก็ไม่ได้เห็นเขาอีกเลย หรือว่าเมืองไห่เทียนเกิดปัญหาอะไรอีกงั้นหรือ? “คุณหนู วันนี้ฉู่อ๋องตั้งใจซื้อเหล้า จะไปหาราชครูกู้และแม่ทัพซ่งเพื่อดื่มเหล้าด้วยกันเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินชะงักเล็กน้อย “ท่านตาและบิดาของข้า?” ไป๋จื่อพยักหน้า “แม่ทัพซ่งเพิ่งรู้ว่าราชครูกู้คือพ่อตาของเขา ได้ยินมาว่าเดิมทีคืนนี้จะไปหาราชครูกู้เพื่อดื่มเหล้าอยู่แล้ว ประจวบเหมาะกับที่ฉู่อ๋องซื้อเหล้ากลับมาพอดี ตอนนี้คงอยู่ในเรือนของราชครูกู้แล้วเจ้าค่ะ” “คุณหนู ท่านจะไปดูหรือไม่เจ้าคะ?” ชิงเถิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย จะว่าไปแล้วก็ช่างบังเอิญจริง ๆ ตอนนี้ทุกคนล้วนรู้ว่าราชครูกู้คือพ่อตาของแม่ทัพซ่ง หากท่านอ๋องสามารถอยู่กินกับคุณหนูซ่งได้ แม่ทัพซ่งก็จะกลายเป็นพ่อตาของท่านอ๋องเชียวนะ! ซ่งหลินเมื่อเห็นฉู่จวินถิงมาถึงก็รู้สึกตกใจ “ฉู่อ๋
สีหน้าซ่งหลินเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา ก่อนหน้านี้มองหลินจือเยว่พลาดไป แม้พูดว่าบัดนี้ได้เห็นเจินเอ๋อร์แล้วคล้ายไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ แต่เขาเข้าใจ จะต้องเสียใจเป็นเวลานานมากแน่บัดนี้คนที่ต้องการสู่ขอนางยังเป็นฉู่อ๋องอีกด้วย ราชวงศ์ในสายตาผู้อื่นคือหรูหราสูงศักดิ์ แต่พวกเขากลับรู้ดีว่านั่นไม่ต่างจากถ้ำเสือสระมังกรทว่า เขารู้คุณสมบัติของฉู่อ๋องดี ยิ่งไปกว่านั้นสองวันนี้มองผ่านสีหน้าของลูกสาวบ้านตน เขาก็รู้ว่าภายในใจของลูกสาวมีฉู่อ๋องอยู่“เชิญแม่ทัพซ่งพูดเถอะ”“ก่อนหน้านี้เจินเอ๋อร์เคยถอนหมั้นมาก่อน คาดว่าท่านอ๋องเองก็เข้าใจดีว่าเรื่องพรรค์นี้สำหรับคนธรรมดาไม่นับเป็นอะไร แต่ภายในเมืองหลวงย่อมไม่สามารถหลีกเลี่ยงคำวิจารณ์ไปได้”“ท่านอ๋องท่านมีฐานะสูงศักดิ์ ฮองเฮายังให้ความสำคัญต่อชื่อเสียงและฐานะที่สุดอีกด้วย ด่านนี้ผ่านไปได้ยากยิ่ง”“อันที่จริงกระหม่อมมองดูแล้ว ท่านอ๋องสมควรเลือกแม่นางอายุที่เหมาะสมเพื่อแต่งงาน นี่ถึงจะมั่นคงที่สุด”ซ่งหลินเผยสีหน้าจริงจัง เขาอยู่ในราชสำนักมานานหลายปี ย่อมรู้เรื่องในวังหลังดีมากฮองเฮาให้ความสำคัญต่อเรื่องเหล่านี้ที่สุด ฉู่อ๋องยังเป็นลูกชา
“อิงตามที่กระหม่อมรู้ ในช่วงเวลาอันใกล้นี้ฮองเฮามีเจตนาจับคู่ท่านและคุณหนูสกุลหลิง ก่อนหน้านี้ยังจงใจทำให้เจินเอ๋อร์ลำบากอีกด้วย อยากให้นางได้พบอุปสรรคและยอมถอยไปเอง”ซ่งหลินนึกถึงเรื่องเหล่านี้ที่ได้รู้ผ่านปากของลูกชายขึ้นได้ รู้สึกไม่สบอารมณ์ภายในใจอย่างสุดระงับเจินเอ๋อร์เป็นดั่งหัวใจของเขา เป็นแก้วตาดวงใจตั้งแต่เด็ก ในสายตาของเขาเจินเอ๋อร์ล้วนดีไปหมดทุกอย่างเรื่องถอนหมั้น เป็นความผิดของพวกเขาที่เป็นบิดามารดาที่มองคนผิดไป โชคดีเจินเอ๋อร์มีความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยว หันหัวม้าก่อนตกหน้าผาได้ทัน ทว่าฮองเฮากลับใช้เรื่องนี้มาสร้างความลำบากให้เจินเอ๋อร์ เขาก็ยากจะสงบอารมณ์พลุ่งพล่านนี้ลงได้“ฉู่อ๋อง กระหม่อมรู้ความสามารถอันโดดเด่นของท่าน ไม่มีใครในราชสำนักไม่รู้ กระหม่อมเองก็ชื่นชมอย่างมาก”“แต่นับตั้งแต่โบราณจนถึงตอนนี้ ปัญหาแม่สามีลูกสะใภ้เป็นปัญหาแก้ได้ยาก ต่อให้ชมชอบมาก่อน แต่ยามได้อยู่ด้วยกันก็ยังมีความขัดแย้ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฮองเฮาที่เดิมทีก็ไม่ชอบเจินเอ๋อร์อยู่แล้ว นี่จะขัดแย้งกันมากยิ่งขึ้น”“กระหม่อมมีเจินเอ๋อร์เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว หวังว่าชาตินี้นางจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบส
พ่อตาสร้างความลำบากให้ลูกเขย นี่เป็นเรื่องปกติอย่างมาก ทว่าท่านพ่อให้ฉู่อ๋องทิ้งตำแหน่งฮ่องเต้ นี่ไม่โอหังเกินไปหน่อยหรือ?ข่าวนี้เล่าลือออกไป บิดาตนมีศีรษะให้ตัดมากน้อยเพียงใดกันเล่า!สำคัญที่สุดคือ...เหตุใดฉู่อ๋องถึงตอบตกลง?“น้องหญิงห้า เมื่อครู่ข้าไม่ได้ดื่มเหล้านี่นา เหตุใดเกิดภาพหลอนได้เล่า?” ซ่งจืออวี้เผยสีหน้าว้าวุ่นซ่งรั่วเจินเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าฉู่จวินถิงจะตัดสินใจเช่นนี้แท้จริงแล้วฮองเฮาไม่ชอบฐานะของนาง นางรู้ตั้งแต่แรกแล้ว อีกทั้งยังไม่คิดเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ภายในราชวงศ์ นับตั้งแต่ฉู่จวินถิงสารภาพรักนางก็ปฏิเสธไปแล้วเพียงแต่ต่อมาฉู่จวินถิงค่อยๆ ดีต่อนาง นางเองก็เห็นอยู่ภายในสายตา นางไม่อยากทิ้งเขาเพียงเพราะฮองเฮา นี่ถึงปล่อยให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เดินมาถึงขั้นนี้อันที่จริงพูดไปแล้ว นางคิดง่ายมากความรักเรื่องพรรค์นี้ เข้ากันได้ก็มา เข้ากันไม่ได้ก็จากไป ภายในใจฉู่จวินถิงมีนาง ภายในใจนางก็มีฉู่จวินถิง นั่นก็ไม่จำเป็นต้องทำให้ตนเองต้องทุกข์ใจหากวันหนึ่งความรักถูกเรื่องเหล่านี้ทำให้จืดจางลง นั่นก็แยกจากกันไป นางไม่มีวันปล่อยให้พันธนาการเช่นนี้ผูกมัดตนเองไปชั
“พี่สาม พวกเราไปเถอะ”ซ่งรั่วเจินแย้มยิ้มราวกับว่าหมอกภายในดวงตาสลายไปแล้ว นางลากซ่งจืออวี้ เรียกเขาให้จากไปพร้อมกันเดิมทีก็มาลอบฟัง ฉู่จวินถิงและบิดาล้วนมีวิชายุทธ์ยอดเยี่ยม หากยังไม่ไป อีกเดี๋ยวจะต้องถูกจับได้แน่ซ่งจืออวี้ถูกลากจากไปด้วยสีหน้าเหม่อลอย จนกระทั่งออกห่างแล้วถึงไม่อาจอดกลั้นไหวอีกต่อไป“น้องหญิงห้า เจ้าพูดเถอะ ท่านอ๋องพูดจริงหรือ? ต่อให้สาบานก็ไม่จำเป็นร้ายแรงถึงเพียงนี้กระมัง?”“ข้าเข้าวังรับราชการมาระยะหนึ่งแล้ว ได้ยินข่าวไม่น้อย ฉู่อ๋องเป็นผู้มีอนาคตที่สุดในบรรดาองค์ชายเชียวนะ!”ซ่งรั่วเจิน “...”“น้องหญิงห้า เจ้าเคยคิดหรือไม่หากแต่งกับฉู่อ๋องแล้ว วันหนึ่งได้กลายเป็นฮองเฮา นั่นยอดเยี่ยมมากนัก!” ซ่งจืออวี้ยิ้มแย้ม นั่นคืออยู่เหนือคนนับหมื่นอยู่ใต้เพียงคนเดียว!“มีอะไรดีกัน?” ซ่งรั่วเจินเผยสีหน้าเฉยเมย “ท่านชอบฮองเฮามากหรือ?”ซ่งจืออวี้ส่ายหน้า “ข้าย่อมไม่ชอบฮองเฮา แต่หากภายภาคหน้าเจ้าเป็น นั่นข้าก็ชอบแล้ว!”“ท่านช่างเป็นพี่ชายของข้าโดยแท้!”ซ่งรั่วเจินหัวเราะออกมา มองท่าทางของพี่สามก็รู้ได้ว่าปกติเขาไม่มีเรื่องใดให้รำคาญใจ คิดง่ายมาก หนำซ้ำยังมีความสุขมาก
“ท่านดื่มมากไปแล้ว หม่อมฉันประคองท่านกลับไปพักผ่อนก่อนเถิด”ซ่งรั่วเจินหัวเราะออกมา คิดไม่ถึงเลยว่าฉู่จวินถิงเมาเหล้าแล้วจะกลายเป็นเช่นนี้ พูดถ้อยคำที่นางฟังไม่เข้าใจ กลับเห็นได้ชัดว่าเชื่อฟังเป็นพิเศษดวงตาคมกริบคู่นั้น ปกติเจือแรงกดดันอย่างมาก ทว่าบัดนี้หางตากลับตกลงเล็กน้อย ลดความดุดันและคมกริบลง เปี่ยมแสงทอประกายระยับดุจดวงดารา คล้ายดวงตาของลูกสุนัขก็มิปาน ทันใดนั้นนางคิดว่าเขาที่เป็นเช่นนี้น่ารักเป็นพิเศษทำให้คนอยากลูบศีรษะปลอบโยนเขาอย่างอดไม่ได้ “ข้าไม่เมา” ฉู่จวินถิงเสียงแข็งขึ้นมา“ได้ๆๆ ท่านไม่เมา” ซ่งรั่วเจินเอ่ยปลอบเสียงนุ่มนวลนางย่อมรู้ว่าคนเมาชอบพูดว่าไม่เมา หากเอาจริงเอาจังกับเขา นั่นก็คือโง่เขลาขณะนางกำลังดึงแขนฉู่จวินสิงเตรียมประคองคนกลับไปอยู่นั้น กลับถูกฝ่ายชายดึงเข้าอ้อมกอดอย่างกะทันหันกลิ่นอายเย็นสบายบนตัวของฝ่ายชายเจือกลิ่นสุราอ่อนๆ โอบล้อมซ่งรั่วเจินไว้ อากาศเย็นเล็กน้อย อ้อมกอดของเขากลับอบอุ่นอย่างมากเท้าซ่งรั่วเจินยืนได้ไม่มั่นคง ครู่ต่อมาพิงประตู ฝ่ายชายปกป้องศีรษะของนางเอาไว้ กลับไม่มีความคิดปล่อยนางไป“ข้าอยากกอดเจ้า แค่ครู่เดียว ได้หรือไม่?”
ซ่งจิ่งเซินปล่อยข่าวออกไปในทันที เพราะเดินทางทางน้ำจึงว่องไวอย่างมาก เขาไปถึงคูเมืองอื่นแล้วกลับไม่พูดอะไร ทำเพียงสั่งให้คนไปซื้อเสบียงอาหารจำนวนมาก แม้แต่ผู้อยู่ใต้อาณัติเองก็สั่งให้ปิดปากเงียบไว้ ไม่ให้แย้มพรายเรื่องใดชื่อของสกุลซ่งในเมืองหลวง พ่อค้าทุกพื้นที่ล้วนเคยได้ยินมาก่อน อย่างไรเสียก็เป็นพ่อค้าอันดับต้นของเมืองหลวง เข้าร่วมทำการค้าเกือบทุกพื้นที่คนฉลาดที่เคยทำการค้าร่วมกับสกุลซ่งเมื่อหลายปีก่อนได้กำไรเป็นกอบเป็นกำบัดนี้ได้เห็นสกุลซ่งเริ่มซื้อเสบียงชุดใหญ่ ต่อมาจึงนึกถึงอุทกภัยเมืองผิงหยางขึ้นได้“ก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่าสกุลซ่งใจดีมีเมตตามาโดยตลอด เผชิญหน้ากับความอดอยากก็แจกโจ๊ก ทว่าครั้งนี้คุณชายสี่ของสกุลซ่งถึงขั้นมาซื้อข้าวและบะหมี่ที่เมืองผิงหยางด้วยตนเอง นี่เตรียมตั้งโรงทานแจกโจ๊กหรือ? ทุ่มเทแรงกายแรงใจเกินไปแล้วกระมัง?”“ไม่รู้สิ ในอดีตไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ข้ายังลอบไปถามมาอีกด้วย แต่คนของสกุลซ่งกลับปิดปากเงียบ ไม่ได้ยินข่าวอันใดเลยแม้แต่น้อย!”“ข้ารู้เพียงว่าบัดนี้ราคาเสบียงอาหารเมืองผิงหยางสูงกว่าคูเมืองอื่นมากหลายเท่า พวกเจ้าว่าสกุลซ่งจะฉวยโอกาสนี
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที