Masuk“ขอบคุณสำหรับความสนใจสมัครเข้าบริษัทเรา... ยังไงเราจะติดต่อกลับไปในภายหลังนะคะ”
การสัมภาษณ์ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว มือของธารตะวันยังไม่ทันจะหายชื้นเหงื่อ บุคคลที่สัมภาษณ์ทั้งห้าท่านตรงหน้าก็ผายมือให้เธอออกจากห้องได้ หลังซักถามประวัติอยู่เกือบสิบนาทีกว่า
เอาเข้าจริงตัวเธอประหม่าหนัก คนที่สัมภาษณ์ก่อนหน้าก็มีแต่คนหน้าตาดี ทั้งการศึกษาก็มาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังอีกต่างหาก
ร่างบางเดินคอตกออกจากห้องสัมภาษณ์ ไหล่ห่อหูลู่เป็นกังวลว่าทางบริษัทอาจจะไม่ติดต่อรับเข้าทำงาน แล้วบทจะเข้าข้างเจตกวินโดยการที่ต้องไปทำงานบริษัทเดียวกัน
แค่คิดก็ชวนสยองพองขนจนเสียวหลังวาบแล้ว
“เฮ้อ เมื่อกี้เสียงสั่นไปหน่อยหรือเปล่านะ”
เธอเดินก้มหน้ามองปลายเท้าที่ก้าวอย่างเอื่อยเฉื่อย จนกระทั่งมีเสียงตะโกนเรียกจากด้านหลังดังขึ้น เธอก็หยุดชะงักฝีเท้าลงพร้อมกับเอี้ยวลำคอหันกลับไปมอง
“ธารตะวันคนไหนคะ”
“อยู่นี่ค่ะ... ธารตะวันอยู่ตรงนี้ค่ะ”
เจ้าของชื่อชูแขนขึ้นเหยียดตรง ดวงตาดำขยายอย่างมีหวังแล้วคลี่ยิ้มกว้าง เมื่อหนึ่งในคนที่สัมภาษณ์เดินออกจากห้องมาเรียกดักเธอไว้
“ธารตะวัน ฉัตรวรารักษ์รอก่อนค่ะ” อีกฝ่ายพูด พลางมองเอกสารในมือมาสลับกับมองหน้าเธอประกอบกัน
ธารตะวันยิ้มกว้างจนตาหยี เดินซอยเท้าเข้าไปนั่งรอที่เก้าอี้ด้านหน้าห้องสัมภาษณ์ ขยับปลายเท้าชนกันอย่างอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย นั่งรออยู่สักพักจนคนหน้าห้องสัมภาษณ์กลับไปหมด
ผู้หญิงคนเดิมที่เรียกเธอไว้ก็เดินออกมาจากห้อง ก่อนจะพยักหน้าเชิงให้เธอลุกขึ้นเดินตามหลังไป
ธารตะวันเดินตามหลังอีกฝ่ายไปเงียบๆ กระทั่งมาถึงห้องทำงานที่หน้าห้องมีป้ายชื่อเต็มยศอยู่ว่าประธานธันย์ธารา นามสกกุลเธียรประทีปนับอนันต์กำกับไว้
พอเดินตามไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ใบหน้าสวยก็พลันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างสนใจ เพราะอีกฝ่ายนั่งเก้าอี้หันหลังให้ทั้งคู่อยู่
“ธารตะวันมาพบท่านประธานแล้วค่ะ” คนนำมากล่าวสั้นๆ ก่อนจะค้อมศีรษะแล้วเดินออกจากห้องไป
ภายในห้องเหลือแค่เธอกับเขาที่นั่งหันหลังให้ จวบจนวินาทีที่เก้าอี้ทำงานหมุนหันกลับมาประจันหน้ากับธารตะวัน รอยยิ้มเธอที่ประดับไว้บนมุมปากก็ค่อยๆ หุบฉับทีละนิด
“นี่คุณ...” เธอพึมพำเสียงเบาหวิว จนประโยคขาดห้วงไปชั่วขณะ
ลางสังหรณ์ใจแม่นจนอยากผันตัวไปเป็นหมอดู...
“เธอชื่อธารตะวันใช่ไหม”
“เอ่อ ใช่... ชะ- ใช่ค่ะ”
“ผมอง.. ธันย์ธารา เธียรประทีปนับอนันต์”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟังกล่าวแนะนำตัว บนใบหน้าหล่อเหลาปราศจากรอยยิ้ม ราวกับมันราคาแพงเกินกว่าจะยิ้มพร่ำเพรื่อ ทำเธอที่ยิ้มมาทั้งวันหุบลงเพราะเหงือกเริ่มแห้งแทนแล้ว
“อ่า คุณที่ทางข้ามม้าลายนั่นเอง” เธอยิ้มกลบเกลื่อนไปก่อน
เพราะคนที่เพิ่งจะแนะนำตัวเป็นถึงท่านประธานบริษัท คือคนเดียวกันกับที่เธอล้มทับตรงแยกทางข้ามทางม้าลาย
จะวายป่วงกันหมดก็เพราะเธอไปตอกหน้าเขา ข้อหาช่วยชีวิตไว้แต่ไม่ได้รับคำขอบคุณ อีกทั้งเจ้าตัวยังทำพฤติกรรมแปลกแปร่งดูไม่น่าไว้ใจใส่อีกต่างหาก ในหัวเธอเลยคิดวิตกกังวลไปกันใหญ่
ทำไมเขาถึงเรียกเธอเข้ามาคุยตัวต่อตัว
หรือจะเรียกเข้ามาต่อว่าส่วนตัวกันแน่
ความคิดเธอตบตีกันจนน่วมไปหมดแล้ว คิดไม่ตกจนเผลอขมวดคิ้วนิ่วหน้ากลัวโดนดุ ทว่าอีกฝ่ายกลับผายมือให้เธอนั่งลงก่อนซะงั้น
“นั่งก่อนสิ” ประธานธันย์ผายมือ พลางขยับเก้าอี้มาใกล้โต๊ะมากขึ้น
ร่างบางดึงเก้าอี้เข้ามาแล้วนั่งตัวลีบๆ กลัวจะถูกกล่าวหาเรื่องต่อว่ากัน หรือมีการเข้าใจผิดอย่างอื่นเกิดขึ้นถึงโดนเรียกเป็นการส่วนตัว
แต่แล้วเขม่าความคิดที่ฟุ้งกระจายในหัว ฉับพลันก็ถูกปัดเป่าด้วยการที่เขาพูดโพล่งความต้องการออกมา
“ผมอยากชวนคุณมาทำงานตำแหน่งผู้ช่วยส่วนตัว”
“ว่าไงนะคะ”
“ตกใจขนาดนั้นเชียวเหรอ”
“ตะ- ตกใจสิคะท่านประธาน... แปลว่าฉันกำลังจะได้งานนะ”
ในยุคที่ข้าวยากหมากแพง งานประจำคือเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงชีวิตเลยก็ว่าได้ อีกอย่างการถูกชวนเข้าทำงานแบบนี้ มันก็แปลว่าเธอจะได้พาตัวละครธารตะวันไปยังบทเรียนอื่น
อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่เจตกวินเป็นพอ...
“เรียกว่าคุณธันย์ก็พอ ไม่ต้องเรียกว่าท่านประธานหรอก” เขาเอ่ยเสียงเรียบและท่าทางนิ่งสุขุมนุ่มลึก ดูวางเฉยแต่ก็ดุดันในคราวเดียวกัน
“จะดีเหรอคะคุณธันย์...” เธอยิ้มเผล่ออกจะขี้เล่นตามประสา
“แต่งานจุกจิกนิดนึง ไม่ใช่แค่เคลียร์ตารางงานฉัน แต่ต้องคอยดูแลทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ... ผู้ชายที่ชื่อธันย์ธาราด้วย”
ดวงหน้าเรียวเล็กได้รูปเอียงคอนิดๆ ไม่เข้าใจคำพูดท้ายประโยคที่เขากำชับเลยสักนิด แต่เธอเป็นคนสู้งานอยู่แล้ว พร้อมจะไขว่คว้าโอกาสที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้แบบไม่ต้องคิดหนักเลย
“ได้ค่ะ ฉันจะทำอย่างเต็มความสามารถเลยค่ะ” เธอสูดลมหายใจแล้วตอบกลับเสียงหนักแน่น ดวงตาเป็นประกายพราวระยับขึ้นมาอย่างมีหวังกับการเริ่มต้นใหม่ในครั้งนี้
“ดี ส่วนเรื่องเงินเดือนผมให้ 2 เท่าที่คุณขอมาเลย”
“2 เท่า! ให้เงินเดือน 2 เท่าเลยเหรอคะ”
เธอดีใจจนออกนอกหน้าไปหน่อย เลยรีบยกมือขึ้นปิดปากเอาไว้ครู่หนึ่ง พร้อมกับวาดรอยยิ้มโค้งสวยส่งให้คนตรงหน้า
“พร้อมเริ่มงานพรุ่งนี้เลยมั้ย”
“พร้อมมากเลยค่ะ พรุ่งนี้เริ่มงานได้เลยค่ะ”
ธันย์ธาราพยักหน้ารับขึ้นลง นัยน์ตาคมปลาบปรายตามองไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ไม่พูดสีหน้าเขาก็บอกหมดแล้วว่าหมดธุระที่จะพูด ธารตะวันเลยค้อมศีรษะแล้วเตรียมตัวจะลากัน
“เอ่อ ถ้างั้นฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะคุณธันย์...”
“ครับ”
“งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ... ทานข้าวกลางวันให้อร่อย นอนหลับฝันดีคืนนี้ราตรีสวัสดิ์ค่ะท่านประธาน เอ้ย คุณธันย์”
ประธานธันย์หรี่ตาลงเล็กน้อย พลางไล่สายตามองคนตัวเล็กที่เดินออกจากห้องทำงานไป ก่อนจะพับเก็บเอกสารที่เธอส่งเข้าสมัครมาด้วยสีหน้าคิดไม่ตกเท่าไหร่
ทว่าธารตะวันไม่อาจเก็บซ่อนรอยยิ้มดีใจได้เลย พอเดินพ้นห้องทำงานของท่านประธานเข้าไปในลิฟต์ เธอก็ยกมืออุดปากกรีดร้องดีใจเป็นลิงโลดอยู่คนเดียว
นี่แหละบทพระเอกตัวจริง
หลบหน่อยพระเอกมาแล้วโว้ย...
พบตะวันนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ เธอเฝ้ารอให้แม่ของน้องรักเอย เด็กทารกวัยสามเดือนให้นมเสร็จก่อน ภายในห้องแต่งหน้าไม่มีคนอยู่ แต่สักพักประตูห้องก็เปิดออกพอดีเธอยิ้มให้แม่ของเด็กน้อย ก่อนจะจ้องมองรักเอยตาไม่กะพริบตอนนั้นยูกิก็ตัวเท่านี้เลี้ยงง่ายไม่ดื้อเลย“คุณพบตะวันใช่ไหมคะ” แม่เด็กยิ้มให้ ขณะเดินเข้ามาใกล้เธอ“ใช่ค่ะคุณแม่”“คุณวาแจ้งไว้เรียบร้อยแล้วน้า”พอนั่งลงบนโซฟาข้างกัน พบตะวันก็คลี่ยิ้มบางๆ เมื่อหลุบมองเด็กน้อยตาแป๋ว ยืดเหยียดมือป้อมกับนิ้วน้อยไปมา“ตะวันล้างมือแล้วค่ะคุณแม่ อ่าขอ... ลองอุ้มอย่างเดียวพอแล้วค่ะ”“ให้พี่เขาอุ้มหน่อยนะรักเอย เป็นเด็กดีนะคะ”“น้องรักเอย... ลูกสาวชื่อเพราะจังเลยค่ะพบตะวันตื่นเต้นจนเสียงสั่น เธอล้างมือตั้งหลายรอบระหว่างรอ เพราะรู้ดีว่าเด็กทารกต้องได้รับการปกป้อง เวลาเขาเจ็บไข้ได้ป่วยมันจะน่าสงสาร เด็กไม่สามารถบอกความต้องการได้เพราะงั้นเสียงลูกน้อยร้องไห้ มักจะบาดใจคนเป็นแม่ที่สุดแม่เด็กส่งลูกให้พบตะวันอุ้ม เธอนั่งหลังตรงแล้วโอบอุ้มเด็กน้อย เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนแล้วระบายยิ้มจางๆ “รักเอยขา...”“แอะ”“ว่าไงคะ”ใบหน้าสวยเอียงคอแล้วยิ้มให้ ดวงตาเศร้าหมอ
กองถ่ายละครกำลังครึกครื้น สถานที่ถ่ายทำคือคอนโดใจกลางเมือง หลังขับรถมาถึง องศาสมุทรก็กุมมือพบตะวันขึ้นไปข้างบน มองหาปานนาวาเป็นคนแรก เพื่อจะได้ขออนุญาตแม่นักแสดงตัวน้อยก่อนเพราะนักแสดงที่อยากเจอ อายุเพียงสามเดือนกว่าเท่านั้นเองอายุเท่ายูกิเลย...“นั่งรอในนี้ก่อนเลย เดี๋ยวตอนน้องรักเอยให้นมเสร็จจะพามาหานะ” ปานนาวาพาทั้งสอง เข้ามานั่งในห้องแต่งตัว เพราะแม่ของเด็กที่เข้าฉากกำลังให้นมอยู่ ให้เสร็จเมื่อไหร่จะอุ้มมาให้เล่นกันองศาสมุทรค้อมหัว พลางระบายยิ้มเศร้าบนมุมปาก“ขอบคุณครับพี่วา ผมคงไม่รบกวนพี่มากไปใช่ไหม”“รบกวนอะไรกัน”“ก็...”“เอาเถอะ ปกตินายไม่เคยง้างปากรบกวนพี่ด้วยซ้ำ”คนเป็นพี่สาวไม่รู้สึกว่าเขารบกวนเลย ดีด้วยซ้ำ เธออยากเป็นพี่สาวให้เขาได้พึ่งพิงบ้าง เพราะตอนเกิดเรื่องเธอ องศาสมุทรยืนกรานอยู่ข้างไม่ถอยถึงขั้นจะไปต่อยพ่อของลูกเธอ แต่โชคดี เธอเข้าไปห้ามเขาเอาไว้ได้ทันพ่อของลูกเฮงซวยที่ไม่รับผิดชอบไปตายให้หนอนกินซะเถอะ“พี่ให้คนเอากาแฟขึ้นมาให้นะตะวัน”“ไม่เป็น...”“ไม่ได้หรอก น้องพี่รักใครพี่ก็รักด้วยสิ”พบตะวันยิ้มเศร้าไม่ต่างกัน ปนดีใจที่พี่สาวของเขาใจดีมาตลอดแต่เรื่องราว
พบตะวันอดรนทนกลั้นไม่ไหว เนื้อตัวเธอก็พลันกระตุกเกร็งหนัก ใบหน้าเงยขึ้นรับน้ำฝนที่ตกกระทบลงมา ขณะที่ช่องทางรักขมิบรัดแท่งร้อนถี่ยิบไม่เกินอึดใจ องศาสมุทรก็กระดกก้นขึ้นสวน ปลดปล่อยของเหลวสีขุ่นข้น อัดฉีดใส่ร่องรักที่รัดเขาแน่น ให้รับหยาดน้ำทั้งหมดของเขาไป“อุ่น... อุ่นจังเลยค่ะ” เธอสบตาเขา พลางหอบหายใจถี่หนักน้ำรักที่แตกหลั่งในรูรัก พุ่งกระฉูดถึงผนังมดลูก ก่อนจะไหลย้อยจากการที่เธอขมิบคาย หลั่งรดเยิ้มลงตรงแก่นกายของเขา ท่ามกลางเสียงหายใจที่สอดประสานกัน เหนื่อยแต่สีหน้าก็เต็มไปด้วยความสุขใบหน้าหล่อเหลายิ้มละมุน เป็นรอยยิ้มที่มีแค่เธอคนเดียวได้เห็นคนอื่นได้เห็นแค่มุมประธานเย็นชาสามีผู้มีสายตาอบอุ่นมีแค่พบตะวันที่ได้รับ“พี่ก็รักเธอตะวัน...” เขาไม่ลืมที่จะบอกรักเธอคืน มือก็จับใบหน้าเรียวเล็กมากดจูบ แต่ปากเธอเย็นชืดจากการตากฝน ทว่าร่างกายของพวกเขากลับร้อนระอุขึ้นมาดื้อๆ“มีความสุขไหม”“มากเลย”“ตะวันก็มีความสุขมากเหมือนกันค่ะ”รอยยิ้มของเธอกลั่นกรองมาจากหัวใจ...บนใบหน้าสวยที่เส้นผมเปียกลู่แนบแก้ม มีรอยยิ้มหวานล้ำประดับอยู่บนมุมปาก เธอน่าจะเป็นคนเดียวที่ทำได้ ทำให้เขายิ้ม แม้ในวันที่ยิ
“ย้ายไปเบาะหลังดีมั้ย”ใบหน้าสวยที่แดงฉานสั่นหัว ไม่ต้องไปนั่งที่เบาะหลังหรอก เธอย้ายตัวเองไปนั่งบนตักเขาแทนง่ายกว่า มันไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร เพราะพอเธอรู้ว่าเขาคือธันย์ธาราเรื่องอย่างว่าก็ช่ำชองเลยล่ะแค่ให้อารมณ์พาไปก็พอ...อีกอย่าง ทำกันมาไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้ว แม้จะเขินอายแต่ว่าก็ถึงใจดี“ตรงนี้ตะวันก็ทำถนัดค่ะ” เธอโถมตัวไปที่เบาะเขา หลังถอดกางเกงทิ้ง จนช่วงล่างเปลือยเปล่า“ลืมไปว่าเธอขึ้นเก่ง”“ไม่งั้นจะได้ยูกิเหรอ”“ไม่ใช่พี่ทำจนติดหรือไง หือ”เขาใช้สองมือประคองบั้นท้ายอวบอัด จัดท่าทางให้เธอนั่งคร่อมคุกเข่า มือก็บีบคลึงแหวกอ้าลูกพีชสดสีสวย ทำพบตะวันตัวสั่นกระตุก พลางประคองที่ใบหน้าหล่อเหลาอย่างถนอมเธอสบสายตาของเขา สลับกับมองริมฝีปากขึ้นลง“คืนนั้นที่ญี่ปุ่น... พี่ทำจนเหลือแต่ลมเลยเธอ”“คนบ้านี่”“ส่วนเธอก็เดินขาถ่างเลย...”เขายื่นหน้าเข้ามาหยอกล้อ ครั้งนั้นที่ญี่ปุ่นมันดีจนลืมไม่ลง เขาเสพสมกับร่างกายเธอตลอดทั้งคืน อากาศหนาวเย็น แต่ร่างกายของเราเบียดเสียดกันจนอุ่นร้อน เก็บเกี่ยวความซาบซ่านจนลืมเวลาเลยคราวนี้จะชิมรสหวานทั้งตัวเธอเลย...“ลามกอีกแล้ว” เธอย่นปลายจมูกใส่ รู้ทันห
รถยนต์ขององศาสมุทรจอดสนิทที่ริมฟุตบาท เบื้องหน้าคือท้องทะเลยามค่ำคืน เสียงคลื่นสาดซัดเข้าฝั่งเป็นระลอก บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ ไร้ซึ่งผู้คนพลุกพล่าน ค่อนข้างทำให้เขาพึงพอใจทีเดียวพบตะวันเอนศีรษะซบไหล่กว้าง พลางเงยหน้ามองเขาที่เงียบผิดปกติหลังคารถหรูเปิดประทุนรับลมทะเล แต่สีหน้าของอีกฝ่าย กลับดูไม่สดใสเท่าที่ควร จนเธอเอื้อมมืออุ่นไปสัมผัสแก้มเย็นของเขา“คิดมากอยู่หรือเปล่าคะ”“หือ”“เรื่องพ่อของพี่องศาไง... คิดมากอยู่ไหม”องศาสมุทรดึงสติกลับมา เขาเผลอนั่งเหม่อปล่อยใจล่องลอย เพราะว่าเอาแต่ชมวิวจนเพลินตาเกินไปหน่อย“นิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรหรอก” เขาจับมือเธอที่แตะข้างแก้ม ก่อนจะส่งยิ้มให้เธอ เพราะไม่อยากทำพบตะวันกังวลใจ“ตะวันทำให้พี่ต้องผิดใจกับท่านไหมนะ”“ไม่ใช่ความผิดของเธอสักหน่อย อย่าโทษตัวเองแบบนั้นได้ไหม”“แต่ว่า...”“ตะวัน”“คะ”ใบหน้าสวยมุ่นคิ้วปนน้อยใจโชคชะตา ถ้าเป็นในนิยายยังไงสุดท้าย เราทั้งคู่ก็คงจะได้ลงเอย ต่อให้บุกป่ามุดน้ำหรือลุยไฟก็ตาม แต่สุดท้าย เราจะกลับมารักกันเพื่อให้ตอนจบขึ้นคำว่าบริบูรณ์แต่ชีวิตจริงนี่สิ...เธอรู้ว่าเขาต้องแบกรับหลายอย่าง ซึ่งเธอไม่อยากเป็นตัวต้นเหต
ใบหน้าหล่อเหลาคิ้วกระตุกยิก เมื่อได้ยินว่าเขตแดนชอบเพลงพลอย ทว่าในส่วนที่เขาเห็น มันก็โอนเอนไปทางนี้ได้เหมือนกัน พบตะวันที่เพิ่งจะพูดโพล่งออกไปอย่างมั่นใจ ยืดหลังตรงแล้วพยักหน้าจริงจังไปอีกบอกแล้วไงว่าฟ้าจะผ่าตายการชอบหรือรักใครสักคน มันต้องมีจุดประกายให้รู้สึกสิแต่กับเขตแดนที่ทำงานด้วยกันมานาน เขาเป็นรุ่นพี่ที่ดีมาตลอด ในส่วนที่ท่านประธานองศากำลังวิตก ชาตินี้หรือมิตินิยายเรื่องไหนก็ไม่เกิดขึ้น“อื้อ พูดจริงนะคะ”“อ่า...”“เราสามคนทำงานด้วยกันมานาน ไม่มีทางที่พี่เขาจะมาชอบตะวันหรอก นี่อย่าบอกนะว่าคิดไปไกลแล้วน่ะค่ะ หยุดเลยๆ ไม่มีวันนั้นแน่นอน”เธอผละตัวออกเล็กน้อย พลางโบกมือให้ล้มเลิกความคิด“พี่เชื่อใจเธอ” องศาสมุทรพูดปนยิ้ม ก่อนจะดึงร่างบางเข้ามากอด พลางใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าขาวออกให้แค่เห็นหน้าอ้อนใจเขาก็อ่อนยวบยาบแล้ว เอาอะไรไปงอนนาน แค่หึงเธอที่ชอบยิ้มหวานให้คนอื่นไปทั่ว เขาหวง ลุกลามไปยันหึงหน้าคล้ำเขียว เพราะว่ารอยยิ้มที่หวานหยาดย้อยขนาดนั้นเขาอยากเห็นแค่คนเดียวนี่หวง...หวงทั้งตัวเธอเลย“หรือว่า... พี่เขตทำให้นึกถึงเจตกวินคะ” พบตะวันแกล้งแซวเล่น แต่กลับขำแห้งเลยที







