ภายหลังเมื่อลี่หลินหายจากอาการตกตะลึง กับสิ่งที่ซินเยว่นำออกมาให้ดูนั้น นางก็เอาแต่มองตนเองในกระจก หันซ้ายแลขวาลูบใบหน้าที่ซูบผอม และผิวที่แห้งกร้านเพราะขาดการบำรุงที่ดี แต่ยังคงมีความงดงามถ้าได้รับการบำรุงที่ดี ต้องกลับมางดงามเช่นเดิม ด้วยปีนี้ลี่หลินเองเพิ่งมีอายุยี่สิบหกปี หากเทียบกับยุคปัจจุบันที่ซินเยว่ได้จากมา มารดาของนางยังอยู่ในวัยสาวสวย จากนี้ไปซินเยว่จะทำการแปลงโฉมให้มารดางดงามกว่าผู้ใด
ในส่วนของร่างกายของซินเยว่ก็เริ่มฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว แถมมีพละกำลังเกินเด็กวัยสิบหนาว อาจเป็นเพราะพรที่ท่านเทพให้มา ตอนนี้จึงต้องทำการทบทวนศิลปะป้องกันตัว ที่ได้เรียนรู้มาเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงมากขึ้น จากนั้นค่อยฝึกวิชาตัวเบาที่เพิ่งได้มาเมื่อคืนก่อนนอน ที่นางคิดว่าถ้ามีวิชาตัวเบาเหมือนในซีรี่ย์คงจะดี จู่ ๆ ก็มีตำราวิชาตัวเบาโผล่มาตรงหน้าทันที คงจะเป็นของสมมนาคุณจากท่านเทพอีกเช่นเคย ซินเยว่ไม่คิดว่าตนเองจะโชคดีถึงเพียงนี้
“พี่เสี่ยวหลานเรื่องข่าวของใต้เท้าเสิ่น ได้ความว่าอย่างไรบ้างเขาจะกลับมาเมื่อใดหรือ” ซินเยว่เอ่ยถามบ่าวคนสนิท ที่มีความสามารถดั่งป้าข้างบ้าน ‘เวลาผ่านมาสิบปีแล้วก็ยังคงรั้งอยู่ในตำแหน่งเดิม ดูเป็นคนฉลาดแต่ความเป็นจริงกลับตรงกันข้าม ไม่แปลกใจที่เบื้องบนไม่มีการเลื่อนยศตำแหน่งให้ คิดไปคิดมาก็สะใจอยู่เล็กน้อย’
เสี่ยวหลานรีบรายงานภารกิจที่นางได้รับให้ซินเยว่ได้ทราบ แม้ว่าเสี่ยวหลานจะยังไม่เข้าใจว่า คุณหนูของตนต้องการทราบข่าวของบิดาด้วยเหตุใด “เรียนคุณหนูบ่าวได้ยินจากพ่อบ้านว่า นายท่านเสร็จสิ้นภารกิจที่หัวเมืองทางใต้แล้ว คงเดินทางกลับมาถึงเมืองหลวงภายในสามเดือนเจ้าค่ะ”
“สามเดือนงั้นหรือ ดียิ่ง! ข้าจะได้มีเวลาเอาคืนกับคนพวกนั้น หึ คราวนี้พวกเจ้าจะได้รับรู้ความทรมานด้วยตนเองเสียบ้าง” นึกถึงอาการเจ็บป่วยครานั้นนางยังไม่ได้เอาคืน และเวลาที่จะได้ออกไปจากจวนแห่งนี้ก็ใกล้จะมาถึง ดังนั้นต้องรีบลงมือตามลำดับแค่คิดก็มีความสุขแล้ว
ที่นางบาดเจ็บเจียนตายคราวก่อน ก็เพราะเสิ่นซีห่าวคุณชายใหญ่บุตรของฮูหยินเอกวัยสิบสามหนาว ที่ไม่ได้ใหญ่แค่ชื่อเท่านั้นแต่ร่างกายยังใหญ่สมชื่อ จนแทบจะกลิ้งแทนการเดินอยู่แล้วทุกวันนี้ วันที่เกิดเหตุซีห่าวหลอกล่อซินเยว่ ว่าจะพานางไปเที่ยวเล่นนอกจวน แต่กลับถูกพี่ชายต่างมารดาและสหาย รุมรังแกพูดจาดูถูกถากถางสารพัด และยังข่มขู่ห้ามบอกเรื่องนี้ให้มารดาของนางรู้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะบอกให้ฮูหยินเอก หาเรื่องใส่ร้ายและลงโทษโบยมารดาของนาง
ซินเยว่จึงไม่เคยบอกเรื่องนี้กับมารดา ทำได้เพียงเก็บไว้ในใจด้วยความขมขื่น แค่นั้นยังไม่พอซีห่าวยังสั่งให้นางปีนขึ้นไปบนแท่นหิน แต่ด้วยร่างกายของนางที่ไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว ทำให้นางเสียหลักหล่นลงมาหัวฟาดพื้นอย่างแรงและหมดสติไปทันที
เมื่อมารดามารู้เรื่องนี้ทีหลังก็ได้แต่เสียใจ ที่ไม่สามารถทำอะไรคนเหล่านั้นได้ เพราะทุกคนร่วมกันเป็นพยานให้ซีห่าว ว่ามันเป็นอุบัติเหตุมารดาของนางจึงต้องปล่อยเลยตามเลยด้วยความคับแค้นใจ
“หึ ริอาจทำชั่วตั้งแต่เด็กกันดีนัก เดี๋ยวซินเยว่ผู้นี้จะจัดให้อย่างถึงใจแน่นอน เด็กดื้อต้องโดนอะไรนะ ฮ่า ๆ ๆ”
เริ่มนับเวลาถอยหลังกับแผนการเอาคืนของซินเยว่ ก่อนถึงกำหนดที่นายท่านเสิ่นจะกลับมาถึงเมืองหลวง หลังจากผ่านไปสามวัน “ได้ของตามที่ข้าบอกไปหรือไม่พี่เสี่ยวหลาน”
เสี่ยวหลานยื่นห่อยาบางอย่างให้กับซินเยว่ “สิ่งที่ได้นี้เป็นของดีเลยเจ้าค่ะ ตรงตามที่คุณหนูต้องการกินปุ๊บเห็นผลทันที”
ซินเยว่รับห่อยามาพร้อมรอยยิ้มร้าย “นี่มันสุดยอดเกินไปแล้วพี่เสี่ยวหลาน สั่งของไม่ทันไรก็ได้มาทันที
‘ชอบเอาเศษอาหารเหลือมาให้พวกข้ากันนักใช่ไหม งั้นข้าจะเริ่มจากพวกเจ้าก่อนก็แล้วกัน’ นางแสยะยิ้มออกมา
ก่อนจะถึงเวลารับมื้อเย็นของเรือนหน้า ซินเยว่เปลี่ยนเสื้อผ้าใส่ชุดที่รัดกุม นางใช้วิชาตัวเบาลัดเลาะไปตามต้นไม้จนถึงโรงครัวของจวน
“พวกเจ้ามานำหม้อ กระทะและจานชามพวกนี้ ไปขัดล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย ส่วนเจ้าไปตามปี้อี้มายกสำรับไปให้เจ้านายที่เรือนอย่าชักช้า ข้าจะออกไปนั่งพักสักหน่อย” หัวหน้าแม่ครัวสั่งงานบรรดาบ่าวไพร่ที่มีขั้นต่ำกว่าตน
พรึ่บ!! ซินเยว่อาศัยจังหวะที่พวกบ่าวไพร่เหล่านั้น ไม่มีใครเฝ้าสำรับอาหารของเจ้านาย นางจึงรีบโปรยยาลงไปในอาหารด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะกระโดดออกจากโรงครัวกลับเรือนท้ายจวน โดยไม่มีใครสังเกตเห็นการกระทำของนางเลยสักคนเดียว
“มื้อนี้พวกเจ้าคงจะอร่อยปากลำบากตูดกันสักหน่อยนะ ฮ่า ๆ ๆ"
“คุณหนูท่านหายไปไหนมาเจ้าคะ” พี่เสี่ยวหลานถามขึ้นขณะที่ซินเยว่กำลังเดินเข้าห้องนอน“อ้อ ข้าไปดูงิ้วหลังมื้ออาหารเย็นมาน่ะ” ซินเยว่แกล้งพูดหยอกเสี่ยวหลานกลับไป“ดูงิ้วหลังมื้ออาหารเย็น?? ที่จวนเรามีละครงิ้วมาแสดงตอนไหนหรือเจ้าคะ” พี่เสี่ยวหลานทำหน้างง“ถ้าฮูหยินเอกจ้างงิ้วมาแสดงจริง ๆ พี่เสี่ยวหลานจะไม่รู้ได้อย่างไร แต่นี่มันเป็นงิ้วที่มีข้าผู้นี้เขียนบทให้เล่นต่างหากล่ะ” ข้าพูดไปยิ้มไป“คุณหนูลงมือแล้วหรือเจ้าคะ แล้วทำไมไม่ชวนบ่าวไปดูด้วยเล่า ว่าแต่พวกนางแสดงได้สมจริงหรือไม่เจ้าคะ”“ก็ข้ากลัวว่าถ้าชวนพี่เสี่ยวหลานไปดูด้วย ถ้ามีคนเห็นจะทำให้พี่เดือดร้อนก็เลยไปคนเดียวดีกว่า ส่วนในเรื่องของการแสดงนั้นบอกได้เลยว่า ตบจริง! โบยจริง! เจ็บจริง! ไม่ใช้ตัวแสดงแทนแน่นอน”“อูยยย แค่นึกภาพก็รู้สึกเจ็บแทนเลยเจ้าค่ะ คิก ๆ ๆ”“แหมมมมม พี่เสี่ยวหลานก็ช่างเจรจา ฮ่า ๆ ๆ” เพราะหลายวันก่อนที่ไปดูลาดเลาที่เรือนของฮูหยินเอกกับสองอนุ บังเอิญได้ยินฮูหยินกับสาวใช้คนสนิทคุยกันว่าต้องรีบจัดการอนุเฉิงได้ข่าวมาว่าบิดาของนาง กำลังจะได้เลื่อนขั้น หากชักช้าอนุเฉิงคงมีที่ยืนในใจสามีของนางมากขึ้น นางต้องเป็นที่หนึ่งเพ
ณ เรือนเจียวฝาง“กรี๊ดดดดดดด! ช่วยด้วยยยยย! พวกเจ้าที่อยู่ข้างนอกรีบมาช่วยข้าเดี๋ยวนี้” เสียงกรีดร้องของอนุหลี่ดังออกมาจากในห้อง ตอนที่นางกำลังนอนหลับอยู่ จู่ ๆ รู้สึกเหมือนมีอะไรขยับไปมารอบตัวนางใต้ผ้าห่ม จึงเรียกบ่าวที่ยืนอยู่หน้าห้องให้เข้ามาจุดโคมเพียงแสงไฟสว่างขึ้นนางทั้งตกใจและขยะแขยง เพราะบนเตียงของนางเต็มไปด้วยกบตัวเล็กตัวใหญ่กระโดดไปมา นางรีบวิ่งออกจากห้องไปขอความช่วยเหลือ และคิดถึงตอนที่นางนอนอยู่บนเตียงกับเจ้าสัตว์มีเมือกพวกนั้น ก็ทนไม่ไหวจนต้องอาเจียนออกมา“เสียงดังเอะอะอะไรกันตอนนี้มันเป็นเวลาพักผ่อน อาจิวเจ้าไปดูหน่อยซิว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น” ฮูหยินเอกสั่งสาวใช้คนสนิททันทีที่นางก้าวเข้ามาในห้อง เพียงไม่นานอาจิวก็กลับมา“เรียนฮูหยินในเรือนของอนุหลี่เกิดเรื่องเจ้าค่ะ ไม่รู้ว่าเหตุใดในห้องนอนของนางถึงมีกบเต็มไปหมด ฮูหยินจะไปดูที่เรือนของนางสักหน่อยหรือไม่เจ้าคะ” “อืม เข้ามาแต่งตัวให้ข้า” ฮูหยินเอกพูดขึ้นด้วยความเบื่อหน่าย ที่พักนี้ในจวนมีแต่เรื่องบ่อยเหลือเกิน“อ้วก ๆ แหวะ พวกเจ้าช่วยกันจับออกไปให้หมด อย่าให้หลุดไปได้แม้แต่ตัวเดียวค้นให้หมดทุกซอกทุกมุม” อนุหลี่สั่งบ่าวไพร
ด้านนอกจวนตอนนี้เริ่มมีข่าวซุบซิบกันว่า เกิดอันใดขึ้นทำไมถึงมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ ส่งกลิ่นเหม็นออกมาจากจวนใต้เท้าเสิ่น รอไม่นานก็มีข่าวออกมาให้ชาวบ้านได้รู้กันว่า กลิ่นเหม็นที่ลอยออกมาจากจวนนี้นั้น เป็นเพราะว่าคนในจวนเกิดท้องเสียพร้อมกันยกจวน ได้ยินเช่นนี้ก็ไม่มีใครกล้าเดินใกล้จวนรองแม่ทัพอีกเลย และกว่ากลิ่นเหล่านั้นจะหายไปก็ใช้เวลาหลายวันทีเดียวเมื่อทุกคนที่ท้องเสียมีอาการดีขึ้นแล้ว ฮูหยินก็มีคำสั่งให้บ่าวไพร่มารวมกันที่หน้าเรือนใหญ่ ในเช้าวันนี้เพื่อทำการลงโทษ“บ่าวทั้งหมดที่รับผิดชอบโรงครัว ลงโทษโบยพวกมันคนละสิบไม้ งดเบี้ยหวัดสามเดือน ส่วนคนที่เหลือให้ช่วยกันทำความสะอาดโรงครัว ทุกซอกทุกมุมภายในสองวันให้เสร็จ หากเสร็จไม่ทันโบยพวกมันเพิ่มอีกคนละสิบไม้” ฮูหยินสั่งงานกับพ่อบ้านด้วยอารมณ์โมโหรุนแรงจนบ่าวคนสนิทต้องช่วยนวดให้“ทางฝั่งเรือนท้ายจวนล่ะพ่อบ้าน” ฮูหยินถามพ่อบ้านและคำตอบที่ได้ก็ทำให้ไม่พอใจเล็กน้อย“ในส่วนของเรือนท้ายจวนนั้น พวกเขาไม่ได้รับอาหารจากโรงครัวมาหลายปีแล้วขอรับ” พ่อบ้านหยางตอบตามความจริง เพราะนี่เป็นคำสั่งของฮูหยินเอกที่ตัดสินใจสั่งบ่าวไพร่เอาไว้“หึ ถือว่าพวกมันโชคด
“เยว่เอ๋อร์มีเรื่องอะไรดีๆ หรือไม่ แม่เห็นเจ้าเดินยิ้มมาแต่ไกล” ลี่หลินเอ่ยถามบุตรสาวเมื่อเห็นว่านางอารมณ์ดีกว่าที่เคยซินเยว่ได้ยินมารดาเอ่ยทักก็รีบเดินเข้าไปสวมกอดทันที ขณะที่นางตอบมารดาก็ยังหุบยิ้มไม่ได้ “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะข้าแค่คิดเรื่องตลก ๆ ไปเรื่อยเปื่อยก็เลยอารมณ์ดีเจ้าค่ะ”“เอาล่ะแม่เชื่อเจ้า กลับเข้าเรือนกันเถิดแม่ทำอาหารไว้รอแล้ว”“เจ้าค่ะท่านแม่”ที่เรือนใหญ่ฮูหยินเอกนางกำลังนั่งทานอาหารกับบุตรชาย “อาห่าวค่อย ๆ กินสิลูกไม่ต้องรีบ ประเดี๋ยวก็ติดคอกันพอดี ไม่มีผู้ใดมาแย่งเจ้ากินหรอก” ฮูหยินมองบุตรชายที่ใช้ตะเกียบคีบอาหาร แล้วพุ้ยข้าวคำโตเข้าปากอย่างรีบร้อนเหมือนคนอดอยาก“ปู้ดดดดดดดดดดด!”“อึก ง่ำ ๆ ๆ ปู้ดดดดดด”“ผู้ใดกันที่มาทำเสียงเช่นนี้ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย” ฮูหยินเอกกล่าวขึ้นด้วยความโมโห หลังจากที่เพิ่งกินข้าวไปได้ไม่ถึงสิบคำ พร้อมกับยกชายแขนเสื้อขึ้นมาปิดจมูก เนื่องจากกลิ่นที่ออกมานั้นช่างไม่น่าอภิรมย์เท่าใดนัก“ท่านแม่ ๆ จู่ ๆ ข้าก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมากะทันหัน ข้าขอไปห้องน้ำก่อนนะขอรับ” ซีห่าวพูดขึ้นโดยไม่รอคำตอบรับของฮูหยินเอก ก็รีบวิ่งออกไปทันทีเพราะเขารู้สึกว่า กำลังจะ
ภายหลังเมื่อลี่หลินหายจากอาการตกตะลึง กับสิ่งที่ซินเยว่นำออกมาให้ดูนั้น นางก็เอาแต่มองตนเองในกระจก หันซ้ายแลขวาลูบใบหน้าที่ซูบผอม และผิวที่แห้งกร้านเพราะขาดการบำรุงที่ดี แต่ยังคงมีความงดงามถ้าได้รับการบำรุงที่ดี ต้องกลับมางดงามเช่นเดิม ด้วยปีนี้ลี่หลินเองเพิ่งมีอายุยี่สิบหกปี หากเทียบกับยุคปัจจุบันที่ซินเยว่ได้จากมา มารดาของนางยังอยู่ในวัยสาวสวย จากนี้ไปซินเยว่จะทำการแปลงโฉมให้มารดางดงามกว่าผู้ใดในส่วนของร่างกายของซินเยว่ก็เริ่มฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว แถมมีพละกำลังเกินเด็กวัยสิบหนาว อาจเป็นเพราะพรที่ท่านเทพให้มา ตอนนี้จึงต้องทำการทบทวนศิลปะป้องกันตัว ที่ได้เรียนรู้มาเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงมากขึ้น จากนั้นค่อยฝึกวิชาตัวเบาที่เพิ่งได้มาเมื่อคืนก่อนนอน ที่นางคิดว่าถ้ามีวิชาตัวเบาเหมือนในซีรี่ย์คงจะดี จู่ ๆ ก็มีตำราวิชาตัวเบาโผล่มาตรงหน้าทันที คงจะเป็นของสมมนาคุณจากท่านเทพอีกเช่นเคย ซินเยว่ไม่คิดว่าตนเองจะโชคดีถึงเพียงนี้“พี่เสี่ยวหลานเรื่องข่าวของใต้เท้าเสิ่น ได้ความว่าอย่างไรบ้างเขาจะกลับมาเมื่อใดหรือ” ซินเยว่เอ่ยถามบ่าวคนสนิท ที่มีความสามารถดั่งป้าข้างบ้าน ‘เวลาผ่านมาสิบปีแล้วก็ยังคงรั้งอยู
ก่อนจะออกจากมิติจึงอาบน้ำแปรงฟัน ถึงแม้ช่วงที่นอนป่วยจะมีมารดาและเสี่ยวหลานคอยเช็ดตัวให้ก็ตาม แต่ก็ยังรู้สึกเหนียวตัวอยู่ดี หลังออกมาจากมิติก็กลับมาอยู่บนเตียงเช่นเดิม ‘ข้าเข้าไปในมิติตั้งนานพอออกมาเวลาเพิ่งผ่านไปไม่นาน ยอดเยี่ยมจริง ๆ’ผ่านไปหลายวันหลังจากที่ฟื้นขึ้นมาจนร่างกายดีขึ้นมาก ซินเยว่จึงต้องการพูดคุยกับมารดาอย่างจริงจังเสียที “ท่านแม่เจ้าคะ ทำไมพวกเราต้องทนอยู่ที่จวนแห่งนี้ด้วย ความเป็นอยู่ของพวกเราสามคน ไม่ต่างจากบ่าวไพร่ในจวนเลยนะเจ้าคะ งานก็ต้องทำทุกอย่างเบี้ยหวัดไม่เคยได้รับ แม้แต่จะออกไปนอกจวนก็ยังไม่ได้น่าโมโหชะมัด”“เยว่เอ๋อร์ แม่ขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องลำบาก แม่สัญญาว่าต่อไปแม่จะปกป้องเจ้า และจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเจ้าได้” ลี่หลินกล่าวพร้อมน้ำตา“ท่านแม่ท่านยังรักบุรุษผู้นั้นอยู่หรือไม่เจ้าคะ”“เยว่เอ๋อร์! เหตุใดถึงพูดเช่นนั้นเล่า นั่นคือท่านบิดาของเจ้านะ” ลี่หลินมีสีหน้าตกใจที่ได้ยินบุตรสาว เรียกบิดาด้วยคำว่าบุรุษผู้นั้นแทนที่เด็กสาวจะเรียกเขาว่าท่านพ่อ“ตั้งแต่ท่านถูกไล่ให้มาอยู่เรือนท้ายจวน ก็ไม่เคยมาหาทั้งยังไม่มีความสนใจใยดีต่อข้า ไม่เคยให้ความรักหรือการอุ้มข้