“เจ้าอาบน้ำนานเกินไปหรือเปล่า”
“คะ?”
“ก็ผิวเจ้าแดง เหมือนจะมีไข้ด้วย”
ผ่ามือหนายกขึ้นวางลงบนหน้าผาก รอยยิ้มมุมปากกับแววตาเจ้าเล่ห์ ทำให้คนมองเผลอคิดอีกแล้ว หลิวหยางไม่ได้รักเมียไม่ใช่เหรอ แต่ที่เขาทำอยู่นี่ มันมากกว่าคำว่ารักอีกมั้ง ทั้งท่าทีที่อ่อนโยน ทั้งแววตาแสนเจ้าเล่ห์แต่แฝงความอบอุ่น
ฟางซิน! ถ้าเธอไม่เอา ฉันเอานะ!
“ก็ ก็ข้าอาบน้ำท่ามกลางหิมะนี่นา”
ขยับร่างกายเข้าหาไออุ่น ที่แผ่กระจายออกมาจากร่างแน่นหนันของสามีตัวโต ชีวิตนี้เธอไม่เคยรู้จักผู้ชายเลย มันจะเป็นอะไรไหม ถ้าเธออยากจะลองสัมผัสดูสักครั้ง มันก็ไม่ผิดไม่ใช่เหรอ ในเมื่อฟางซินกับแม่ทัพหลิวหยางแต่งงานกันอย่างถูกต้องแล้ว เผลอๆอาจจะเคยร่วมหอกันไปแล้วก็ได้
“เจ้าบอกว่าชอบนี่”
นิ้วมือใหญ่เกี่ยววนบนไรผมเหนือหน้าผาก แววตาอ่อนแสงลง มองการกระทำคนตัวเล็กที่กำลังซุกตัวในแผ่นอกเงียบๆ กระชับมือถ่ายทอดไออุ่นให้ร่างเย้ายวนในอ้อมกอด กดริมฝีปากลงไปบนกลุ่มผมดำสนิทเบาๆ
ปึก!
“ข้า ข้าจะไปให้หลิงหลินแต่งตัวให้”
ผลักแผ่นอกที่มอบไออุ่นให้ตัวเองออกห่าง หลงลืมไปแล้วเหรอว่าเขามีตัวละครลับที่เขาชอบอยู่ ถ้าหากเผลอเข้าใกล้จนหลงรักเขาขึ้นมา มันจะยุ่งยากไม่ใช่เหรอ ถ้าหากหลงรักจนหึงหวงเขา และเผลอทำร้ายคนที่เขารัก คงไม่พ้นมีจุดจบแบบฟางซินคนเดิมอีก
“อะ นายหญิง”
สาวใช้หน้าแดงก่ำ เมื่อเห็นนายหญิงของตัวเองวิ่งออกมาจากห้องอาบน้ำ ทั้งที่ยังแต่งตัวไม่เรียบร้อย ตามออกมาด้วยท่านแม่ทัพ ที่มีสีหน้าแดงระเรื่อ
“มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดนะหลิงหลิน ข้า ข้าใส่ชุดไม่ได้ แล้ว แล้วท่านแม่ทัพก็ทำไม่เป็น”
ละล่ำละลักแก้ความเข้าใจผิด ขยับไปใกล้สาวใช้เพื่อให้นางช่วยแต่งตัวให้ พอเข้ามาอยู่ในห้องความเหน็บหนาวก็เริ่มดีขึ้น ความอุ่นร้อนลามเลียไปทั้งตัว ยิ่งเผลอคิดถึงเรื่องที่ตัวเองคิดเมื่อครู่ ใบหน้าสวยหวานยิ่งแดงซ่านหนัก
“ตอนเย็นข้าจะมาใหม่”
“คะ? ไม่ ไม่ต้องมาหรอกค่ะ”
“ทำไม”
“ท่าน ท่านน่าจะยุ่ง”
“ข้าจะมา! อย่าลืมไปตามหมอมาตรวจอาการนางด้วย”
“เจ้าค่ะ”
ปึ่ง!
ทำไมใบหน้าตอนโกรธถึงได้น่ากลัวขนาดนั้น แล้วทำไมเขาถึงได้มาเกาะติดเธอนักล่ะ เขาเป็นตัวละครที่ไม่ชอบฟางซินไม่ใช่เหรอ ทำไมอยู่ๆถึงทำตัวเหมือนคนหลงเมียขึ้นมาแบบนี้
“นี่หลิงหลินข้ากับท่านแม่ทัพ นอนด้วยกันทุกคืนหรือเปล่า”
สงสัยก็ต้องถาม แล้วทำไมสาวใช้ต้องอมยิ้มกรุ้มกริ่มด้วย อย่าบอกนะว่านอนด้วยกันทุกคืน ไม่เอานะ เธอยังปรับตัวไม่ได้ ไม่ไหวหรอก เขาหน้าตาดีจะตาย ถ้านอนด้วยกัน เธออาจจะเป็นลมเพราะร่างกายและความหล่อของเขา
อร๊าย! ได้เข้ามาอยู่ในนิยาย มันก็ดีแค่เรื่องนี้เท่านั้นแหละ
“ไม่เจ้าค่ะ แต่หลังจากที่ท่านป่วยหนักจนเกือบตาย ท่านแม่ทัพก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ท่านมาอยู่กับนายหญิงตั้งแต่ที่นายหญิงยังไม่พื้นเจ้าค่ะ”
“อย่างนั้นเหรอ”
เพราะเป็นนิยายที่เพิ่งจะเคยแต่ง รายละเอียดมันจึงไม่ค่อยชัดเจนสินะ อยากรู้อะไรก็รู้ได้ไม่มาก คงต้องรอให้เนื้อเรื่องดำเนินต่อไปอีกหน่อย ช่วงนี้คงจะเป็นช่วงที่ฟางซินเพิ่งจะแต่งเข้ามาในจวนแม่ทัพ ยังไม่ถึงตอนที่นางดิ้นรนจะไปเป็นสนมอีตาอ๋องแน่ๆ แต่ดันมาป่วยซะก่อน เพราะป่วยจนเกือบตาย ช่วงนั้นวิญญาณเลยสลับร่างกัน
หลายวันต่อมา
มินนี่ใช้ชีวิตเป็นฟางซินได้หลายวันแล้ว ชีวิตของฟางซินนั้น เป็นชีวิตที่น่าเบื่อหน่ายกว่าที่เธอคิด มีสิทธิ์แค่กินกับนอน เข้าใจอยู่หรอกว่าก่อนหน้านั้นนางป่วย แต่ตอนนี้ร่างกายเธอแข็งแรงแล้วไง จะให้เธออุดอู้อยู่แต่ในห้องไปถึงไหน เข้ามาในโลกนิยายทั้งที ก็อยากสำรวจบรรยากาศบ้าง อยากรู้การบรรยายของตัวเอง ว่ามันจะเลิศเลอเพอร์เฟคเหมือนนักเขียนคนอื่นๆไหม
“นายหญิงจะไปไหนคะ?”
“ข้าจะออกไปเดินเล่น”
“แต่ท่านเพิ่งจะ!…”
เรื่องอะไรจะอยู่ฟัง ร่างเพียวระหงของนางร้ายนามว่าฟางซิน เดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ดวงตาคู่หวานพราวระยับเพราะทิวทัศน์ด้านหน้า
เรือนที่ทำจากไม้ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลัง เบื้องหน้าคือทางเดินทอดยาวไปถึงศาลา ด้านข้างเป็นสระน้ำ ด้านในสระน้ำมีดอกบัวหลากหลายสายพันธุ์ ออกดอกบานสะพรั่งจนเต็มสระ อีกข้างเป็นทุ่งดอกไม้ ส่งกลิ่นหอมกระจาย ด้านบนมีเกร็ดหิมะเกาะอยู่ประปราย
บรรยากาศแบบนี้ถือว่าไม่หนาวมากสินะ ถ้าหากหิมะสูงกว่านี้ อากาศรอบตัวคงจะหนาวจัด จนไม่สามารถออกมาเดินเตร่อยู่ข้างนอกได้ โชคดีที่ตัดสินใจเดินออกมา สวยงามมากเหลือเกิน สวยจนไม่อยากออกไปจากโลกนิยายแห่งนี้เลย
พรึ่บ!
“เจ้าไม่สบายอยู่นะ ฟางซิน”
เสื้อคลุมขนสัตว์สีขาวเหมือนกับสีของหิมะ ปิดทับแผ่นหลังเล็กไว้โอบอุ้มร่างกายอ่อนแอจากความหนาวเย็น ใบหน้าสวยหวานหันกลับไปมอง ส่งยิ้มขอบคุณผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเจ้าของร่าง ความอบอุ่นที่โอบอุ้มตัวเธออยู่ตอนนี้ มาจากเสื้อขนสัตว์ครึ่งหนึ่ง และมาจากไออุ่นที่หลงเหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง
“ข้าสบายดี ท่านไม่เห็นเหรอว่าข้า ไม่เป็น แคว่กๆ แคว่ก”
อยู่ดีๆก็ไอขึ้นมาจนแสบคอไปหมด กำลังจะขอความช่วยเหลือจากสามี ก็ถูกมือใหญ่อุ้มขึ้นจากพื้น รีบโอบมือรอบลำคอหนาไว้อย่างกลัวตก ซบใบหน้าเข้าหาอกแกร่งด้วยความเขินอาย
อุตส่าห์อวดเก่ง แต่สุดท้ายกลับมีสภาพร่อแร่ น่าขายหน้าที่สุดเลย
ร่างบอบบางถูกวางลงบนเตียงแผ่วเบา มือหนาตวัดผ้าห่มสีแดงขึ้นคลุมตัวให้ทันทีที่วางเสร็จ ดวงตาดุดันมองคนที่พยายามจะลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับเอ่ยสำทับคนเพิ่งหายป่วยเสียงเข้ม
“เจ้านอนอยู่อย่างนั้นแหละ”
มือหนากดลงเบาๆกลางหน้าผาก ดันให้ร่างที่กำลังลุกขึ้น นอนลงบนเตียงเช่นเดิม ดวงตาสีเหมือนน้ำทะเลลึกวูบไหวไปมา มองใบหน้าของภรรยานิ่งๆ ส่งผลให้คนถูกมองเริ่มวางตัวไม่ถูก
“ท่านแม่ทัพ”
“?”
“ท่านไม่จำเป็นต้องเฝ้าข้าแล้ว ข้าสบายดีแล้วค่ะ เอ่อ ท่านน่าจะยุ่งไม่ใช่เหรอคะ”
พูดด้วยความเกรงใจสามีของฟางซิน หลิวหยางเป็นแม่ทัพใหญ่ เขามีอำนาจมากที่สุดในกองทัพ เป็นตัวละครที่มีบทบาทด้านนี้เด่นกว่าด้านอื่น เป็นแม่ทัพที่เน้นการทำสงคราม เพื่อทำให้พระเอกอย่างอ๋องเฉิน มีกำลังพลมากพอจะโค่นล้มฮ่องเต้องค์ปัจจุบันลง
อ๋องเฉินพระเอกของเรื่อง ต้องการจะชิงบัลลังก์มาจากพ่อ เพราะเขาไม่ชอบใจการปกครองของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน เธอวางให้เขาคอยป้วนเปี้ยนอยู่รอบตัวฟางซิน เพื่อให้นางร้ายรู้สึกริษยานางเอกของเรื่อง ซึ่งแน่นอนว่าทางที่จะให้อีตาอ๋องเข้าหาฟางซิน นั่นก็คือการติดต่องานกับหลิวหยางนั่นเอง
อยู่ดีๆข้อมูลมันก็ไหลเข้าหัวมาเอง น่าจะเป็นแบบนี้ไปตลอด หรือไม่ก็อัดเอามาทีเดียวเลยยิ่งดี เธอจะได้รู้ว่าควรเดินเรื่องต่อไปยังไง
“ข้าต้องการอำนาจจากพ่อเจ้า เพื่อช่วยให้ท่านอ๋องขึ้นเป็นฮ่องเต้ ข้ายังหย่ากับเจ้าไม่ได้”หลิวหยางใช้เหตุผลนั้นกล่าวอ้างกับนาง เพราะมันเป็นเหตุผลเดียวที่สามารถรั้งให้นางอยู่ข้างตัว เนื้อในนางไม่ใช่ฟางซิน ถ้าหากทำการย้ายดวงจิตไม่สำเร็จ คนที่ต้องหายไปก็คือนาง ร่างกายของฟางซินก็ด้วย“ฮึก! ท่าน! ฮึก!”พูดไม่ออกจริงๆ นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่ปฏิเสธการแต่งงานใช่ไหม เหตุผลที่เก็บฟางซินไว้ ทั้งๆที่ไม่ได้รัก เธอต้องทำยังไงล่ะ ต้องทำยังไงถึงจะออกไปจากมิตินี้ได้ ปล่อยให้ฟางซินที่เป็นนางร้ายตาย เพื่อกลับไปยังโลกเดิม หรือดิ้นรนมีชีวิตอยู่กับความผิดหวัง สรุปแล้วที่ฟางซินต้องการตาย เพราะผิดหวังจากอ๋องเฉิน หรือเพราะชะตาชีวิตที่เป็นแบบนี้“ถ้าเข้าใจแล้วก็อยู่เงียบๆซะ”ใช้มือจับคนในอ้อมกอดออก วางลงบนพื้นแผ่วเบา ขยับไปยืนอยู่ไกลๆ เหมือนคนรังเกียจ ฟางซินมองร่างสามีผ่านม่านน้ำตา ปาดมันออกไปลวกๆ เปิดประตูห้องนอนของตัวเองออก“แล้วท่านจะเสียใจที่ทำแบบนี้กับข้า”บานประตูปิดลง คนที่ยังคงยืนอยู่ด้านหน้าพรูลมหายใจออกมาแรงๆ คนกำหนดชะตาของนางคือเขาเอง ทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามแผนการที่วางไว้ แต่ทำไมถึงอยากเลื่อนมันออกไป
“เจ้า! อย่าทำให้ข้าโกรธเคืองเจ้ามากไปกว่านี้เลยฟางซิน”“ข้าตัดสินใจได้แล้วล่ะหลิวหยาง ท่านไม่ต้องรับนางเป็นอนุหรอก ให้นางขึ้นมาเป็นฮูหยินแทนข้าเถอะ ข้าจะยื่นฎีกาถวายฝ่าบาท เพื่อหย่าขาดจากท่านในเร็วๆนี้”“เจ้า! เจ้าพูดอะไรนะ”“ข้าจะยื่นฎีกากับฝ่าบาท เพื่อหย่าขาดจากท่าน”เหมือนท้ายทอยโดนทุบด้วยหินหนัก ร่างสูงใหญ่ซวนเซจนต้องยกมือยึดกรอบประตูรถม้าไว้ ไม่ได้ต้องการให้ถึงขั้นหย่าร้าง การจะย้ายดวงจิตกลับเข้าร่าง คือดวงจิตอีกดวงต้องอ่อนแอ ซึ่งมันต้องใช้เวลาและใช้ตัวแปรหลายอย่าง แต่ต้องไม่ใช่การหย่าร้างแบบนี้“ข้าไม่ยอมให้เจ้าทำแบบนั้นแน่”“ทำไม? เกิดหวงข้าขึ้นมางั้นเหรอ? ท่านรู้สึกเสียดายข้าขึ้นมาหรือไง?”ถามในสิ่งที่เป็นไปได้ยาก ตั้งแต่
ตกเย็นฟางซินนั่งเหม่ออยู่บนเตียง มองดวงตะวันค่อยๆลาลับดับแสงจากเส้นขอบฟ้า ใบหน้าสวยหวานยังคงหมองเศร้า แต่แววตาดูเด็ดเดี่ยวขึ้นกว่าเดิม การถูกคนที่รักหมางเมินเธอเป็นมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นญาติที่ตัดขาดเธอทันทีที่พ่อแม่เธอตาย เพื่อนๆที่เรียนมาด้วยกัน เธอชินกับการอยู่คนเดียวแล้ว แค่เผลอไผลไปกับความใจดี และเสน่ห์ของผู้ชายที่ได้สัมผัสครั้งแรกในชีวิต ต่อไปนี้เธอจะไม่เป็นแบบเดิมแล้ว จะไม่เสียใจเพราะความรักที่ไม่มั่นคงนั่นอีกร่างบอบบางพยุงตัวเองไปที่เตียง มองหาผ้าบางๆที่พอจะใช้พันข้อเท้าได้ เมื่อมันไม่มีสิ่งที่ต้องการ ก็กระชากผ้าม่านที่ติดอยู่กับเตียงให้ขาด พันผ้ารอบข้อเท้าที่เริ่มบวมไว้ โดยใช้วิชาปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ร่ำเรียนมาตอนอยู่มัธยม“เรียบร้อย! คอยดูเถอะหลิวหยาง ฉันจะเป็นผู้หญิงที่คุณรู้สึกเสียดาย”ถึงไม่เคยเปลี่ยนชีวิตตัวเองในสมัยที่ยังเป็นแค่มินนี่ แต่ข้อมูลเธอแน่นมาก ทั้งการเรียนแต่งหน้าเอย ทั้งสไตล์การแต่งตัวเอย เธอหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตอยู่ตลอด เพื่อนำมาใช้กับงานเขียนของตัวเอง คราวนี้ได้ใช้มันกับตัวเองสักทีชั่วโมงต่อมาแอ๊ด!ประตูไม้สลักลวดลายสวยงามถูกเปิดจากด้านใน ทหารสองน
“อ่า…นายหญิง! เป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ ท่านเจ็บตรงไหน”สาวใช้เห็นเจ้านายร้องไห้ รีบลนลานเข้าไปถามไถ่อาการ คนถูกถามยิ่งสะอื้นหนัก มั่นใจว่าที่มอบให้เขามันคือความรักของเธอเอง ไม่ใช่ของฟางซินเธอเผลอใจรักหลิวหยาง เผลอรักสามีของนางร้ายฟางซิน ทั้งที่ไม่ควรทำแบบนั้นเลย“โธ่! นายหญิงคะ อย่าทำแบบนี้สิ บอกมาสิคะว่าเจ็บตรงไหน?”“ฮึก! ฮือๆ”“เกิดอะไรขึ้น?”น้ำเสียงเย็นชาดังมาจากด้านหลัง และไม่นานแม่ทัพผู้ได้ฉายาพระราชทานจากฮ่องเต้ก็ปรากฏตัว แต่ซูซ่านไม่ได้สนใจที่จะตอบคำถามของท่านแม่ทัพ เพราะน้อยใจแทนเจ้านายสาวที่เพิ่งมารับใช้ ยังคงป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆร่างบอบบาง พลางยกมือลูบแผ่นหลังเล็กขึ้นลง“ข้าถามว่าเกิดอะไรขึ้น!” น้ำเสียงก้องกังวานไปทั่วห้อง คนร้องไห้สะดุ้งแต่ก็ยังไม่หยุดหลั่งน้ำตา“ไม่ใช่เรื่องที่ท่านแม่ทัพต้องใส่ใจหรอกเจ้าคะ”ซูซ่านตอบอย่างไม่เกรงกลัว เรื่องที่ว่านายหญิงไม่ได้รับความโปรดปรานแล้ว แพร่กระจายออกไปตั้งแต่แม่ทัพหลี่พาหญิงอื่นมาเยือนวังหลวงด้วย ยิ่งรู้ว่าเขารับสตรีนางนั้นเป็นอนุภรรยา ข่าวลือที่ว่าลูกสาวท่านเสนาหมดความโปรดปรานยิ่งแพร่ไปไกล และขยายวงกล้วงอย่างรวดเร็วจนทั่ววังหลวง คนใ
“อ๊ะ! ข้าเจ็บ!”ร้องลั่นเมื่อข้อมือถูกกำและดึงขึ้นสูง แม่ทัพหนุ่มไล่สายตาสำรวจชุดของสตรีตรงหน้า นางยังสวมชุดเดิมกับที่เขาเห็นเมื่อคืน ซ้ำยังบางจนเห็นผิวบางส่วน นางไม่ควรพาร่างกายของฟางซินออกมาแบบนี้“เจ้าไม่รู้ตัวหรือไง ว่าไม่ควรออกมาทั้งที่สวมเสื้อผ้าบางขนาดนี้”“ท่านโกรธที่ข้าออกมาทั้งอย่างนี้ หรือโกรธที่ข้ามองนางแบบนั้น”เธอรู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้น อาจจะเป็นคนสำคัญของหลิวหยาง ในตอนที่หลิงหลินเดินนำนางไป จึงเผลอใช้สายตาไม่พอใจมองตาม และคงเป็นเพราะแบบนั้น สามีตรงหน้าถึงได้มีท่าทีเหมือนโกรธ“อย่าหาเรื่องนางนะฟางซิน”“ทำไม?”“ข้ารับนางเข้ามาเป็นอนุแล้ว”คำตอบของสามี เหมือนคนเอามีดแทงเข้ากลางอก ถึงแม้ยุคสมัยนี้ การรับหญิงอื่นเข้ามาเป็นอนุภรรยา จะเป็นเรื่องปกติ สามารถทำให้ตั้งแต่ชนชั้นสามัญไปจนถึงกษัตริย์ แต่เขารับผู้หญิงอื่นเข้ามาเป็นเมียน้อยโดยไม่ถามความเห็นเธอก่อน มันไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยเหรอ“โดยไม่ถามความเห็นข้าแม้แต่นิดเดียวนี่นะ!”“ข้าจำเป็นต้องถามเจ้าก่อนหรือไง ข้าเป็นเจ้าของจวน อำนาจทั้งหมดอยู่ที่ข้า”“หะ! เหอะ! เพราะนางสินะ นางใช่ไหมที่ทำให้ท่านเปลี่ยนไป!”“ข้าไม่เคยเปลี่ยนไป เจ้า
วันต่อมาขบวนของแม่ทัพหลี่ออกเดินทางต่อในช่วงสาย เดินทางไปเพียงหนึ่งชั่วยามก็หยุดพักที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง เมื่อจัดแจงเรื่องที่พักเสร็จเรียบร้อย แม่ทัพหลิวหยางก็หายไปพร้อมกับคนสนิท ฟางซินได้แต่นั่งถอนใจ รู้สึกได้ชัดเจนว่าช่วงนี้สามีตีตัวออกห่าง“เจ้ารู้ไหมหลิงหลิน ว่าท่านแม่ทัพไปไหน”“ไม่ทราบเจ้าค่ะนายหญิง”ถอนหายใจอีกครั้งเมื่อได้รับคำตอบ ร่างบอบบางลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้เก่า เดินออกจากบริเวณบ้านพักไปทางลำธารที่อยู่ใกล้ๆ สำรวจความลึกของลำธาร กระแสน้ำใสทำให้รู้ว่ามันไม่ได้ลึกมาก เดินไปนั่งลงบนโขดหินใหญ่ ถอดรองเท้าวางไว้ข้างตัว หย่อนเท้าลงไปในน้ำ แกว่งขาไปมาช้าๆ“นายหญิงคะ ใกล้ถึงเวลาเดินทางต่อแล้วเจ้าค่ะ”“อื้อ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”ตะโกนตอบกลับสาวใช้ไป ชักขาขึ้นจากน้ำ หยิบรองเท้าขึ้นมาสวม มองสายน้ำใสแจ๋วอีกครั้ง ขนอ่อนในกายลุกชูชั้น เมื่อใบหน้าที่เห็นในสายตา เป็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาของตัวเอง มือเล็กยกขึ้นขยี้ตา ตาฝาดงั้นเหรอ หรือว่าจะเป็นวิญญาณของฟางซินมาบอกกล่าวอะไร“ฟางซิน! นั่นเจ้าใช่ไหม เจ้าต้องการบอกอะไรข้า ฟางซิน!”“นายหญิง! ท่านทำอะไรคะ!”หลิงหลินคว้าร่างที่กำลังชะโงกหน้าต่ำขึ้นมา ใบห