“เจ้า! อย่าทำให้ข้าโกรธเคืองเจ้ามากไปกว่านี้เลยฟางซิน”
“ข้าตัดสินใจได้แล้วล่ะหลิวหยาง ท่านไม่ต้องรับนางเป็นอนุหรอก ให้นางขึ้นมาเป็นฮูหยินแทนข้าเถอะ ข้าจะยื่นฎีกาถวายฝ่าบาท เพื่อหย่าขาดจากท่านในเร็วๆนี้”
“เจ้า! เจ้าพูดอะไรนะ”
“ข้าจะยื่นฎีกากับฝ่าบาท เพื่อหย่าขาดจากท่าน”
เหมือนท้ายทอยโดนทุบด้วยหินหนัก ร่างสูงใหญ่ซวนเซจนต้องยกมือยึดกรอบประตูรถม้าไว้ ไม่ได้ต้องการให้ถึงขั้นหย่าร้าง การจะย้ายดวงจิตกลับเข้าร่าง คือดวงจิตอีกดวงต้องอ่อนแอ ซึ่งมันต้องใช้เวลาและใช้ตัวแปรหลายอย่าง แต่ต้องไม่ใช่การหย่าร้างแบบนี้
“ข้าไม่ยอมให้เจ้าทำแบบนั้นแน่”
“ทำไม? เกิดหวงข้าขึ้นมางั้นเหรอ? ท่านรู้สึกเสียดายข้าขึ้นมาหรือไง?”
ถามในสิ่งที่เป็นไปได้ยาก ตั้งแต่
“ข้าต้องการอำนาจจากพ่อเจ้า เพื่อช่วยให้ท่านอ๋องขึ้นเป็นฮ่องเต้ ข้ายังหย่ากับเจ้าไม่ได้”หลิวหยางใช้เหตุผลนั้นกล่าวอ้างกับนาง เพราะมันเป็นเหตุผลเดียวที่สามารถรั้งให้นางอยู่ข้างตัว เนื้อในนางไม่ใช่ฟางซิน ถ้าหากทำการย้ายดวงจิตไม่สำเร็จ คนที่ต้องหายไปก็คือนาง ร่างกายของฟางซินก็ด้วย“ฮึก! ท่าน! ฮึก!”พูดไม่ออกจริงๆ นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่ปฏิเสธการแต่งงานใช่ไหม เหตุผลที่เก็บฟางซินไว้ ทั้งๆที่ไม่ได้รัก เธอต้องทำยังไงล่ะ ต้องทำยังไงถึงจะออกไปจากมิตินี้ได้ ปล่อยให้ฟางซินที่เป็นนางร้ายตาย เพื่อกลับไปยังโลกเดิม หรือดิ้นรนมีชีวิตอยู่กับความผิดหวัง สรุปแล้วที่ฟางซินต้องการตาย เพราะผิดหวังจากอ๋องเฉิน หรือเพราะชะตาชีวิตที่เป็นแบบนี้“ถ้าเข้าใจแล้วก็อยู่เงียบๆซะ”ใช้มือจับคนในอ้อมกอดออก วางลงบนพื้นแผ่วเบา ขยับไปยืนอยู่ไกลๆ เหมือนคนรังเกียจ ฟางซินมองร่างสามีผ่านม่านน้ำตา ปาดมันออกไปลวกๆ เปิดประตูห้องนอนของตัวเองออก“แล้วท่านจะเสียใจที่ทำแบบนี้กับข้า”บานประตูปิดลง คนที่ยังคงยืนอยู่ด้านหน้าพรูลมหายใจออกมาแรงๆ คนกำหนดชะตาของนางคือเขาเอง ทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามแผนการที่วางไว้ แต่ทำไมถึงอยากเลื่อนมันออกไป
“เจ้า! อย่าทำให้ข้าโกรธเคืองเจ้ามากไปกว่านี้เลยฟางซิน”“ข้าตัดสินใจได้แล้วล่ะหลิวหยาง ท่านไม่ต้องรับนางเป็นอนุหรอก ให้นางขึ้นมาเป็นฮูหยินแทนข้าเถอะ ข้าจะยื่นฎีกาถวายฝ่าบาท เพื่อหย่าขาดจากท่านในเร็วๆนี้”“เจ้า! เจ้าพูดอะไรนะ”“ข้าจะยื่นฎีกากับฝ่าบาท เพื่อหย่าขาดจากท่าน”เหมือนท้ายทอยโดนทุบด้วยหินหนัก ร่างสูงใหญ่ซวนเซจนต้องยกมือยึดกรอบประตูรถม้าไว้ ไม่ได้ต้องการให้ถึงขั้นหย่าร้าง การจะย้ายดวงจิตกลับเข้าร่าง คือดวงจิตอีกดวงต้องอ่อนแอ ซึ่งมันต้องใช้เวลาและใช้ตัวแปรหลายอย่าง แต่ต้องไม่ใช่การหย่าร้างแบบนี้“ข้าไม่ยอมให้เจ้าทำแบบนั้นแน่”“ทำไม? เกิดหวงข้าขึ้นมางั้นเหรอ? ท่านรู้สึกเสียดายข้าขึ้นมาหรือไง?”ถามในสิ่งที่เป็นไปได้ยาก ตั้งแต่
ตกเย็นฟางซินนั่งเหม่ออยู่บนเตียง มองดวงตะวันค่อยๆลาลับดับแสงจากเส้นขอบฟ้า ใบหน้าสวยหวานยังคงหมองเศร้า แต่แววตาดูเด็ดเดี่ยวขึ้นกว่าเดิม การถูกคนที่รักหมางเมินเธอเป็นมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นญาติที่ตัดขาดเธอทันทีที่พ่อแม่เธอตาย เพื่อนๆที่เรียนมาด้วยกัน เธอชินกับการอยู่คนเดียวแล้ว แค่เผลอไผลไปกับความใจดี และเสน่ห์ของผู้ชายที่ได้สัมผัสครั้งแรกในชีวิต ต่อไปนี้เธอจะไม่เป็นแบบเดิมแล้ว จะไม่เสียใจเพราะความรักที่ไม่มั่นคงนั่นอีกร่างบอบบางพยุงตัวเองไปที่เตียง มองหาผ้าบางๆที่พอจะใช้พันข้อเท้าได้ เมื่อมันไม่มีสิ่งที่ต้องการ ก็กระชากผ้าม่านที่ติดอยู่กับเตียงให้ขาด พันผ้ารอบข้อเท้าที่เริ่มบวมไว้ โดยใช้วิชาปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ร่ำเรียนมาตอนอยู่มัธยม“เรียบร้อย! คอยดูเถอะหลิวหยาง ฉันจะเป็นผู้หญิงที่คุณรู้สึกเสียดาย”ถึงไม่เคยเปลี่ยนชีวิตตัวเองในสมัยที่ยังเป็นแค่มินนี่ แต่ข้อมูลเธอแน่นมาก ทั้งการเรียนแต่งหน้าเอย ทั้งสไตล์การแต่งตัวเอย เธอหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตอยู่ตลอด เพื่อนำมาใช้กับงานเขียนของตัวเอง คราวนี้ได้ใช้มันกับตัวเองสักทีชั่วโมงต่อมาแอ๊ด!ประตูไม้สลักลวดลายสวยงามถูกเปิดจากด้านใน ทหารสองน
“อ่า…นายหญิง! เป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ ท่านเจ็บตรงไหน”สาวใช้เห็นเจ้านายร้องไห้ รีบลนลานเข้าไปถามไถ่อาการ คนถูกถามยิ่งสะอื้นหนัก มั่นใจว่าที่มอบให้เขามันคือความรักของเธอเอง ไม่ใช่ของฟางซินเธอเผลอใจรักหลิวหยาง เผลอรักสามีของนางร้ายฟางซิน ทั้งที่ไม่ควรทำแบบนั้นเลย“โธ่! นายหญิงคะ อย่าทำแบบนี้สิ บอกมาสิคะว่าเจ็บตรงไหน?”“ฮึก! ฮือๆ”“เกิดอะไรขึ้น?”น้ำเสียงเย็นชาดังมาจากด้านหลัง และไม่นานแม่ทัพผู้ได้ฉายาพระราชทานจากฮ่องเต้ก็ปรากฏตัว แต่ซูซ่านไม่ได้สนใจที่จะตอบคำถามของท่านแม่ทัพ เพราะน้อยใจแทนเจ้านายสาวที่เพิ่งมารับใช้ ยังคงป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆร่างบอบบาง พลางยกมือลูบแผ่นหลังเล็กขึ้นลง“ข้าถามว่าเกิดอะไรขึ้น!” น้ำเสียงก้องกังวานไปทั่วห้อง คนร้องไห้สะดุ้งแต่ก็ยังไม่หยุดหลั่งน้ำตา“ไม่ใช่เรื่องที่ท่านแม่ทัพต้องใส่ใจหรอกเจ้าคะ”ซูซ่านตอบอย่างไม่เกรงกลัว เรื่องที่ว่านายหญิงไม่ได้รับความโปรดปรานแล้ว แพร่กระจายออกไปตั้งแต่แม่ทัพหลี่พาหญิงอื่นมาเยือนวังหลวงด้วย ยิ่งรู้ว่าเขารับสตรีนางนั้นเป็นอนุภรรยา ข่าวลือที่ว่าลูกสาวท่านเสนาหมดความโปรดปรานยิ่งแพร่ไปไกล และขยายวงกล้วงอย่างรวดเร็วจนทั่ววังหลวง คนใ
“อ๊ะ! ข้าเจ็บ!”ร้องลั่นเมื่อข้อมือถูกกำและดึงขึ้นสูง แม่ทัพหนุ่มไล่สายตาสำรวจชุดของสตรีตรงหน้า นางยังสวมชุดเดิมกับที่เขาเห็นเมื่อคืน ซ้ำยังบางจนเห็นผิวบางส่วน นางไม่ควรพาร่างกายของฟางซินออกมาแบบนี้“เจ้าไม่รู้ตัวหรือไง ว่าไม่ควรออกมาทั้งที่สวมเสื้อผ้าบางขนาดนี้”“ท่านโกรธที่ข้าออกมาทั้งอย่างนี้ หรือโกรธที่ข้ามองนางแบบนั้น”เธอรู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้น อาจจะเป็นคนสำคัญของหลิวหยาง ในตอนที่หลิงหลินเดินนำนางไป จึงเผลอใช้สายตาไม่พอใจมองตาม และคงเป็นเพราะแบบนั้น สามีตรงหน้าถึงได้มีท่าทีเหมือนโกรธ“อย่าหาเรื่องนางนะฟางซิน”“ทำไม?”“ข้ารับนางเข้ามาเป็นอนุแล้ว”คำตอบของสามี เหมือนคนเอามีดแทงเข้ากลางอก ถึงแม้ยุคสมัยนี้ การรับหญิงอื่นเข้ามาเป็นอนุภรรยา จะเป็นเรื่องปกติ สามารถทำให้ตั้งแต่ชนชั้นสามัญไปจนถึงกษัตริย์ แต่เขารับผู้หญิงอื่นเข้ามาเป็นเมียน้อยโดยไม่ถามความเห็นเธอก่อน มันไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยเหรอ“โดยไม่ถามความเห็นข้าแม้แต่นิดเดียวนี่นะ!”“ข้าจำเป็นต้องถามเจ้าก่อนหรือไง ข้าเป็นเจ้าของจวน อำนาจทั้งหมดอยู่ที่ข้า”“หะ! เหอะ! เพราะนางสินะ นางใช่ไหมที่ทำให้ท่านเปลี่ยนไป!”“ข้าไม่เคยเปลี่ยนไป เจ้า
วันต่อมาขบวนของแม่ทัพหลี่ออกเดินทางต่อในช่วงสาย เดินทางไปเพียงหนึ่งชั่วยามก็หยุดพักที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง เมื่อจัดแจงเรื่องที่พักเสร็จเรียบร้อย แม่ทัพหลิวหยางก็หายไปพร้อมกับคนสนิท ฟางซินได้แต่นั่งถอนใจ รู้สึกได้ชัดเจนว่าช่วงนี้สามีตีตัวออกห่าง“เจ้ารู้ไหมหลิงหลิน ว่าท่านแม่ทัพไปไหน”“ไม่ทราบเจ้าค่ะนายหญิง”ถอนหายใจอีกครั้งเมื่อได้รับคำตอบ ร่างบอบบางลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้เก่า เดินออกจากบริเวณบ้านพักไปทางลำธารที่อยู่ใกล้ๆ สำรวจความลึกของลำธาร กระแสน้ำใสทำให้รู้ว่ามันไม่ได้ลึกมาก เดินไปนั่งลงบนโขดหินใหญ่ ถอดรองเท้าวางไว้ข้างตัว หย่อนเท้าลงไปในน้ำ แกว่งขาไปมาช้าๆ“นายหญิงคะ ใกล้ถึงเวลาเดินทางต่อแล้วเจ้าค่ะ”“อื้อ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”ตะโกนตอบกลับสาวใช้ไป ชักขาขึ้นจากน้ำ หยิบรองเท้าขึ้นมาสวม มองสายน้ำใสแจ๋วอีกครั้ง ขนอ่อนในกายลุกชูชั้น เมื่อใบหน้าที่เห็นในสายตา เป็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาของตัวเอง มือเล็กยกขึ้นขยี้ตา ตาฝาดงั้นเหรอ หรือว่าจะเป็นวิญญาณของฟางซินมาบอกกล่าวอะไร“ฟางซิน! นั่นเจ้าใช่ไหม เจ้าต้องการบอกอะไรข้า ฟางซิน!”“นายหญิง! ท่านทำอะไรคะ!”หลิงหลินคว้าร่างที่กำลังชะโงกหน้าต่ำขึ้นมา ใบห