LOGINหมอหยุนยืนขึ้นมองหลิวหนิงเจียวด้วยสีหน้าหนักอก พลางกล่าวกับฮูหยินว่า “บาดแผลค่อนข้างลึกและยาว อาจจะต้องใช้เวลารักษาหลายเดือน และอาจทิ้งรอยแผลเป็นอันน่าเกลียดไว้บนร่างท่านแม่ทัพ ฮูหยินคงไม่…” มีแผลเป็นขนาดใหญ่บนใบหน้าแล้ว ยังต้องมีบนร่างกายอีก หมอหยุนเกรงว่าฮูหยินจะรับไม่ได้ “ไม่เป็นไร ขอให้เขามีชีวิตอยู่ก็พอ” จะมีสิ่งใดสำคัญเท่าชีวิตเขาอีกเล่า “ขอรับ คืนนี้ท่านแม่ทัพอาจจะมีไข้สูง ข้าจะจัดยาไว้ให้เขา” แผลใหญ่ขนาดนี้เขาคงต้องทนเจ็บปวดอยู่มาก ยาที่เขาจัดให้ก็อาจจะระงับไว้ไม่อยู่ “ขอบคุณ” ภายในกระโจมเหลือเพียงนางกับสามี หลิวหนิงเจียวค่อย ๆ คลี่ผ้าพันแผลออกจากตัวเขา แผลแดงสดเป็นทางยาวน่ากลัว นางไม่เคยใช้น้ำลายตนรักษาใครที่แผลใหญ่ขนาดนี้มาก่อน ทว่านางจะลองช่วยเขาดูสักครั้ง คิดได้เช่นนั้นปลายลิ้นสีแดงอุ่นร้อนแตะลงบนต้นแผล ลากลิ้นไล้เลียบาดแผลให้ทั่วไปจนสุดทางแผล จากนั้นพันผ้ารัดแผลไว้ดังเดิม คืนนั้นหลิวหนิงเจียวนั่งเฝ้าเขาทั้งคืน นางกำลังเคลิ้มหลับหานตงหยางจึงพูดขึ้น “ข้าปวดศีรษะเหลือเกิน” พูดพลางยกมือสองข้างขึ้นกุมศีรษะ
หลิวหนิงเจียวเดินถือชามหนอนรถด่วนทอดเกลือมาให้สามีกับสหายที่นั่งร่ำสุรากันอยู่ด้านหน้าลานฝึกยุทธ์ หลิวหนิงเจียววางชามหนอนรถด่วนลงบนโต๊ะ เฉิงซิ่วถึงกับร้องเพ้ยคำหนึ่งแล้วรีบยืนขึ้น ใบหน้าถอดสี “เจ้าเอาหนอนมาทำไม ไม่รู้หรือว่าแม่ทัพเฉิงเป็นคนไม่ชอบหนอน” เขาไม่ได้กลัว แต่พอเห็นแล้วรู้สึกขยะแขยงและจั๊กจี้ตามตัว หลิวหนิงเจียวนั่งลงข้างสามี กล่าวออกด้วยใจจริง “ไม่รู้น่ะสิ แต่มันตายแล้วไม่น่ากลัวหรอก รองแม่ทัพเฉิงลองกินกับสุราลองดู ท่านอาจจะชอบมันก็ได้” “ข้าไม่มีทางชอบมัน” เฉิงซิ่วเลื่อนเก้าอี้ออกไปนั่งห่างโต๊ะ “ข้าจะกินให้ท่านดู ข้าขอสุราหนึ่งจอก” ว่าแล้วหลิวหนิงเจียวก็ยื่นมือไปรับสุราจากสามี ดื่มลงท้องแล้วก็หยิบหนอนรถด่วนตาม เฉิงซิ่วสั่นขนทำหน้าเหยเก “บรึ๋ย! สตรีกินหนอน” หลิวหนิงเจียวยังกินหนอนรถด่วนอย่างสบายใจ หานตงหยางเห็นนางไม่เป็นอะไรจึงนึกอยากทำตาม ของกินทุกอย่างเขาจะให้นางหลอกไม่ได้ เขาดื่มสุราและกินหนอนรถด่วนตามหนึ่งตัวแล้วเคี้ยวช้า ๆ “อืม อร่อยดี” หานตงหยางว่าพลางหยิบหนอนอีกหลายตัวเข้าปา
“ท่านรู้?” เขาพูดเรื่องสตรีออกมาโดยไม่มีความกระดากเลยสักนิด แต่ว่า…ใครจะมีบุตรกับท่านกัน “อืม” เรื่องพวกนี้นางไม่เคยคุยกับบุรุษสักครั้ง แต่นี่เขากลับรู้เรื่องของนางทั้งหมด ชาติก่อนนางไม่เคยพบเจอกับปัญหาเรื่องนี้ จึงทำให้นางไม่ได้ระมัดระวังตัว รู้ตัวอีกทีนางก็ปวดท้องมากจนเป็นลมไปแล้ว มันปวดมากจนนางไม่มีแม้แต่แรงจะก้าวขา ขาทั้งสองสั่นเทาไปหมด ก่อนหน้านางเคยเห็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนนั่งร้องไห้เพราะปวดท้องประจำเดือน ตอนนี้นางเข้าใจความรู้สึกนั้นอย่างถ่องแท้แล้ว เดิมทีเจ้าของร่างนี้รู้ตัวว่าต้องดื่มยาเพื่อรักษาโรคนี้เป็นประจำ แต่นางมีนิสัยดื้อรั้น อีกทั้งยามีรสขมหลิวหนิงเจียวจึงกิน ๆ หยุด ๆ ตอนปวดก็กิน ตอนหายปวดก็เทยาทิ้ง มารดาจับไม่ได้ไล่ไม่ทันนางก็ปล่อยให้ตัวเองเป็นเช่นนี้เรื่อยมา อาการมดลูกเย็นจึงไม่หายขาด “ท่านแม่ทัพ ยาต้มเสร็จแล้วขอรับ” เข่อซางเอ่ยบอกอยู่ด้านนอกกระโจม “เอาเข้ามา” เข่อซางถือถาดยาเข้ามาวางไว้บนตั่งไม้ให้แล้วจึงล่าถอยออกไป หานตงหยางหยิบถ้วยยาที่มีควันขาวพวยพุ่งขึ้นมา เป่าให้ยาหายร้อนจากนั้นจึงป้อนยาให้
เวลาผ่านไปเกือบสองเค่อเฉิงซิ่วจึงมาหาเขาที่กระโจม พร้อมทั้งถือถ้วยมาสองใบ ใบหนึ่งเล็กใบหนึ่งใหญ่ เฉิงซิ่ววางถ้วยลงบนโต๊ะตรงหน้าเขา “พี่สะใภ้ให้เอามาให้เจ้า” “อะไร?” “มะม่วงน้ำปลาหวาน” “ข้าไม่เคยกินสักนิด” เขาพูดเสียงขุ่น “ทำไมนางไม่เอามาให้ข้าเอง” “ทำอะไรไว้ก็น่าจะรู้” เฉิงซิ่วเหลือบมองสหายแวบหนึ่ง “ข้าน่ะหรือจะทำอะไรนางได้ เถียงเก่งปานนั้น” “หลักฐานอยู่ที่ปาก” เฉิงซิ่วพูดเสียงราบเรียบ ถ้าไม่มีหลักฐานเขาคงไม่กล้าพูดกับคนปากแข็งเช่นนี้หานตงหยางนิ่งคิด ยกมือขึ้นลูบปากตัวเอง มันรู้สึกเจ็บเล็กน้อย สตรีนางนั้นกัดปากเขาจนเลือดออก เขายืดอกพูดขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ “ก็นางไม่เชื่อฟังข้า”เฉิงซิ่วถอนหายใจคราหนึ่ง เบื่อพวกปากไม่ตรงกับใจ “เจ้าควรมีบุตรสักสองคนได้แล้ว” พูดแล้วจึงหยิบมะม่วงขึ้นมาจิ้มกับน้ำปลาหวาน “อืม มะม่วงนำปลาหวานรสชาติดีทีเดียว ถ้าเจ้าไม่กินข้า…”มือที่กำลังยกถ้วยมะม่วงกับน้ำปลาหวานขึ้นจากโต๊ะถูกหานตงหยางรั้งไว้ ซ้ำยังมองเขาด้วยสายตาคาดโทษ แฝงนัยว่า ‘นี่เป็นสิ่งที่ภรรยาของข้าทำให้ เจ้าจะเอาไปกิน
วันต่อมาหานตงหยางจึงให้ทหารมาช่วยนางขุดแปลงปลูกผัก หลิวหนิงเจียวให้ขุดแค่สิบแปลงก็พอ เพราะเกรงว่าจะดูแลไม่ไหว นางไม่อยากให้เขาใช้ทหารมาทำงานในส่วนนี้ หานตงหยางก็ตามใจภรรยา รายการของหวานเย็นนี้ของหลิวหนิงเจียวก็คือทับทิมบัวหิมะกรอบ นางใช้เวลาหนึ่งชั่วยามก็สามารถไปเดินเล่นรอบค่ายทหารได้แล้ว ตอนนี้หานตงหยางยังนั่งปรึกษาหารือเรื่องศึกอยู่ในกระโจมกับรองแม่ทัพเฉิงและนายกองอาวุโส หลิวหนิงเจียวเดินดูรอบค่ายไปเรื่อย ๆ พลทหารที่เห็นต่างคำนับให้เรียก ‘ฮูหยิน ๆ’ ไม่ขาดปาก ตอนนี้มะพร้าวอ่อนที่ฮูหยินสอนกินร่อยหรอลงไปมาก ท่านแม่ทัพหานจึงส่งจดหมายไปที่เมืองหลวงเพื่อให้ทางการส่งมะพร้าวมาให้อีก ส่วนมะพร้างแก่ หลิวหนิงเจียวก็สอนพ่อครัวนำมาประกอบอาหารและของหวานเช่นกัน บรรดาทหารในค่ายจึงอิ่มหนำโดยทั่วกัน นางหยุดเดินแล้วแหงนหน้ามองต้นไม้ด้านหน้า คิ้วเรียวงามขมวดเล็กน้อย ที่นี่มีต้นมะม่วงเบาด้วยหรือ แค่มองเห็นผลของมันหลิวหนิงเจียวก็น้ำลายสอ ช่วงนี้รู้สึกอยากกินของเปรี้ยวของหวานมากกว่าปกติ สงสัยวันนั้นของเดือนใกล้จะมาถึงแล้วกระมัง คิดได้เช่นนั้นจึงมองหาใครสักคน
หลังยามเว่ยหลิวหนิงเจียวทำขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อนสูตรข้าวเหนียวดำกับมันม่วงเตรียมไว้ให้สามีเสร็จจึงหยิบจอบที่โรงครัวเดินไปขุดแปลงผักที่ข้างริมลำธาร หลิวหนิงเจียวขุดแปลงผักไปอย่างเพลิดเพลิน ปากก็ร้องเพลงคลอไปด้วย “โดนแล้วเนาะที่เฮา ฮือ ฮื้อ ฮื้อ…” ร้องได้ไม่ทันไรก็มีคนผู้หนึ่งเดินมาก่อน เขาพูดขึ้นเสียงทุ้ม “พี่สะใภ้ช่างขับร้องเพลงได้ไพเราะยิ่ง ร้องต่อสิข้าอยากฟัง คงเป็นบทเพลงของเผ่าเจี๋ยกระมัง ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน” หลิวหนิงเจียวยิ้มแหยเอ่ยออกอย่างอาย ๆ “รองแม่ทัพเฉิงไม่ได้ออกลาดตะเวนกับแม่ทัพหานหรือเจ้าคะ” “วันนี้ท่านแม่ทัพให้ข้าอยู่ตรวจตราในค่าย ข้าจึงได้ฟังพี่สะใภ้ขับร้องเพลง” “ข้าร้องมั่วเจ้าค่ะ ท่านอย่าได้ถือสา” “พี่สะใภ้กำลังคิดจะทำสิ่งใด ไฉนต้องขุดดินเอง” “ข้าจะขุดดินปลูกผักเจ้าค่ะ” “อ้อ ท่านปลูกผักเป็นด้วย” “ที่บ้านเดิมข้าก็ปลูก” นางหมายถึงบ้านเดิมที่ประเทศไทย แต่เฉิงซิ่วกลับคิดไปถึงเมืองฮวยเป่ย “ข้าอยู่ว่าง ๆ ช่วยพี่สะใภ้ขุดแปลงผักคงดีไม่น้อย” ว่าแล




![จอมนางคู่บัลลังก์ [NC30+]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)


