คุณแม่ผู้รักลูกชายหัวแก้วหัวแหวนยิ้มออกมาด้วยความเจ้าเล่ห์เพทุบายยิ่งนัก บัดนี้คงได้เวลาของการเป็นกามเทพเสียแล้วสิ
“ฮัลโหล สิบว่างหรือเปล่าลูก”
น้ำเสียงอ่อนโยนกรอกถามลูกชายทันทีที่ปลายสายกดรับโทรศัพท์
“ผมกำลังเคลียร์งานอยู่ครับ คุณแม่มีอะไรหรือเปล่าครับ ถึงได้โทร.มาหาผม”
สิบทิศถามมารดากลับ ขณะละมือจากเอกสารที่อ่านเมื่อครู่
“ไม่มีอะไรหรอกลูก แม่แค่อยากให้สิบมารับแม่ ตอนนี้แม่มาดูชุดที่จะใส่ไปงานการกุศลที่ร้านเสื้อน่ะจ้ะ สิบมารับแม่หน่อยได้ไหมลูก”
คุณหญิงสิรินดาแสร้งบอกเสียงหวาน หวังจะให้ลูกชายมารับนางให้จนได้ เพื่อที่จะได้ดำเนินแผนการขั้นต่อไป
“ร้านเสื้อที่ไหนครับ”
เสียงทุ้มถาม ไม่ได้รู้เลยว่าคนเป็นแม่กำลังลอบยิ้มอยู่กับโทรศัพท์
“อ้อ ร้านเสื้อวราภรณ์ สิบรู้จักไหมลูก อยู่ไม่ไกลจากบริษัทของเรานักหรอก อยู่ตรง...”
คุณหญิงสิรินดาบอกทางแก่ชายหนุ่ม ในใจนั้นก็กำลังตื่นเต้นเหลือเกิน เพราะอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า แผนขั้นแรกของนางก็จะสำเร็จแล้ว
“ได้ครับคุณแม่ ผมขอเคลียร์งานอีกสิบนาที แล้วผมจะไปรับ”
“จ้ะลูก แม่จะรอ รีบมาไว ๆ นะจ๊ะ แม่คิดถึง”
ได้ยินเช่นนั้น ริมฝีปากบางเฉียบก็คลี่ยิ้มออกมา ก่อนจะวางสายจากมารดาแล้วนั่งทำงานต่อ
หลังวางสายจากลูกชายหัวแก้วหัวแหวน คุณหญิงสิรินดาก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยอย่างมีความสุขที่สุด เมื่อแผนการจับคู่ขั้นแรกดำเนินไปได้ด้วยดี แต่บทสนทนาระหว่างแม่กับลูกเมื่อสักครู่นี้ ทำให้คนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ถึงกับหัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาจากทรวงอกคู่งามเสียให้ได้ เมื่อรับรู้ว่าเทพบุตรของเธอกำลังจะมาที่นี่ ที่ร้านเสื้อของเธอ
“เอ่อ คุณป้าจะให้ผิงเอาชุดไปไว้ในรถเลยไหมคะ”
เสียงหวานปนสั่นถาม ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่านางกำลังรอให้ลูกชายมารับ
“อ้อ เดี๋ยวลูกชายป้าจะมารับจ้ะ หนูผิงแขวนไว้บนราวก่อนก็ได้”
นางกล่าว ร่างบางจึงนำชุดไปแขวนไว้บนราวตามที่นางบอก
แสงแดดที่สาดส่องมาตั้งแต่เช้า เริ่มอ่อนแสงลงเรื่อย ๆ ตามเวลา รถเบนซ์สีดำคันหรูก็เคลื่อนตัวมาจอดเทียบที่หน้าร้านเสื้อวราภรณ์
ทันทีที่รถจอดสนิท ชายหนุ่มก็ก้าวขายาวแข็งแรงของตนลงจากรถคันหรู แล้วเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปในร้าน เพราะมารดากำลังรอเขาอยู่
โมบายที่ประดับประดาอยู่ตรงประตูกระจก ส่งเสียงดังกรุ๊งกริ๊งไปทั่วทั้งร้าน เป็นสัญญาณที่บ่งบอกได้ดีว่าขณะนี้กำลังมีคนเข้ามาเยือนด้านในแล้ว
“สวัสดีค่ะ ร้านเสื้อวราภรณ์ยินดีต้อนรับค่ะ”
เจ้าของร้านคนสวยกล่าวเสียงหวานต้อนรับคนที่เข้ามาตามสัญชาตญาณของคนเป็นแม่ค้า ขณะที่ยังไม่ทันได้มองบุคคลผู้มาเยือน
และเมื่อใบหน้านวลเนียนหันไป หัวใจดวงน้อยก็เต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ ริมฝีปากอวบอิ่มเผยรอยยิ้มจนเห็นลักยิ้มน่ารักที่บุ๋มลงบนแก้มใส ด้วยความดีใจแทบจะเก็บความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ ยามเห็นหน้าบุรุษรูปงามที่เข้ามาใหม่ ซึ่งเป็นคนที่เธอกำลังรอคอย
สิบทิศชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวต่อไปทันที เมื่อดวงตาคมกริบเห็นคนที่เขาไม่อยากจะเจอ
‘โลกช่างกลมเสียเหลือเกิน’ เขาคิด
“อ้าว สิบ มาแล้วเหรอลูก มานี่สิ แม่จะแนะนำให้รู้จักกับหนูผิง”
ใบหน้าหล่อเหลาหันไปมองผู้เป็นมารดา ก่อนจะเดินตรงไปหานาง
“นี่ตรีชฎาหรือหนูผิง ที่แม่เคยเล่าให้ฟังไงลูก เป็นเจ้าของร้านที่นี่จ้ะ ส่วนนี่สิบทิศ จะเรียกพี่เขาว่าสิบก็ได้นะจ๊ะ ลูกชายป้าเอง”
ผู้ที่ทำตัวเป็นแม่สื่อแนะนำให้ทั้งสองคนได้รู้จักกันเสร็จสรรพ ตรีชฎายกมือไหว้ชายหนุ่ม นึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน เธอไม่เคยรู้เลยว่าคุณหญิงสิรินดาเคยพูดถึงเธอให้เขาฟังด้วย
“สวัสดีค่ะคุณสิบ เจอกันอีกแล้วนะคะ โลกช่างกลมจริง ๆ ไม่คิดเลยว่าผิงจะได้เจอคุณอีกครั้ง”
ตรีชฎาส่งยิ้มหวาน ดวงตากลมโตวาววับมองเขาด้วยความรักเต็มหัวใจ แต่คนที่ได้รับยิ้มหวาน ๆ นั้น กลับเบ้ปากเล็กน้อย ไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายเลยที่ได้มาเจอกับแม่นางยั่วอีกครั้ง รอยยิ้มและสายตาหวานของหญิงสาวที่เผยออกมา หาได้รอดพ้นสายตาของคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนไม่
“นี่ทั้งสองคนรู้จักกันแล้วเหรอ”
คุณหญิงสิรินดาแสร้งถามด้วยความสงสัย ทั้งที่พอจะรู้แล้วว่าทั้งสองคนเคยเจอกันมาแล้วครั้งหนึ่งในคำพูดของตรีชฎา
“อ๋อ เปล่าหรอกครับคุณแม่ คือวันก่อนผมกับคุณตรีชฎาบังเอิญเดินชนกันน่ะครับ”
สิบทิศไขข้อสงสัยให้แก่มารดา แต่สายตายังมิวายมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเดียดฉันท์
‘ให้ตายสิ ทำไมเขาต้องมาเจอกับแม่นางยั่วคนนี้อีกด้วยนะ ดูท่าทางคุณเธอเข้าสิ หึ ยิ้มให้เขาซะหวานหยด นึกว่าเขาไม่รู้หรือไงว่าเธอให้ท่าเขาชัด ๆ’
“คุณแม่ครับ ผมว่าเรากลับกันเถอะครับ นี่ก็เย็นมากแล้ว เดี๋ยวรถจะติดเอา”
ชายหนุ่มชวนมารดากลับเอาเสียดื้อ ๆ เพราะเขาไม่อยากอยู่ที่นี่นาน บรรยากาศรอบตัวทำให้เขาไม่อยากอยู่ โดยเฉพาะแม่นางยั่วที่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้เขาคนนี้
“จ้ะ ๆ แต่ เอ นี่มันก็เย็นแล้วนะสิบ แม่ว่าวันนี้เราเปลี่ยนบรรยากาศไปทานข้าวเย็นนอกบ้านกันดีไหมจ๊ะ” คนเจ้าวางแผนออกอุบายทันควัน
“อืม ก็ดีเหมือนกันนะครับคุณแม่ พักหลัง ๆ เราไม่ค่อยได้ไปทานอาหารนอกบ้านกันสักเท่าไหร่”
สิบทิศเออออห่อหมกไปกับมารดาด้วย หารู้ไม่ว่าตนถูกมารดาสุดที่รักหลอกจับคู่เสียแล้ว
“หนูผิงจ๊ะ วันนี้ไปทานข้าวเย็นกับป้านะลูก ป้าอยากให้หนูไปด้วย”
คุณหญิงสิรินดาเอ่ยปากชวนหญิงสาวทันที จนร่างบางต้องมองคนชวนหน้าตาเหลอหลา
‘นี่คุณป้าชวนเธอไปทานข้าวเย็นด้วย แล้วอย่างนี้เธอก็ต้องได้นั่งทานข้าวโต๊ะเดียวกับสุดที่รักของเธอน่ะสิ กรี๊ด ยายผิง’
“คัต! พักกองได้”เสียงสั่งคัตจากผู้กำกับ เป็นผลให้มาเรียต้องผละออกจากนักแสดงหนุ่มตัวประกอบแทบจะทันที มือบางกรีดกรายอย่างมีจริต ปัดเนื้อปัดตัวด้วยท่าทางสะอิดสะเอียนเต็มทน“เชอร์รี่ ไปเอาแอลกอฮอล์มาซิ”มาเรียตะโกนสั่งผู้จัดการส่วนตัว แต่เมื่อเห็นว่าคนที่เธอเรียกหา ยังไม่กระดิกตัวไปทำตามคำสั่ง สายตาแหลมก็หันขวับมาจิกตาขวาง“นี่! นังเชอร์รี่ มัวนั่งบื้ออยู่ทำไมยะ ไปเอาแอลกอฮอล์มาเร็ว ๆ สิ ฉันขยะแขยงสัมผัสจากไอ้บ้านั่นเต็มทีแล้ว เร็ว ๆ”เสียงแหลมสั่งกำชับอีกครั้ง ผู้จัดการชายใจสาวจึงต้องรีบวิ่งหน้าตั้งไปหยิบแอลกอฮอล์มาให้นางแบบสาวอย่างเร่งด่วน เพราะถ้าขืนชักช้ากว่านี้ เจ้าหล่อนเป็นได้โวยวายใส่ จนปวดหัวไปสามวันเจ็ดวัน“นี่ค่ะ คุณมาเรียขา แอลกอฮอล์ที่สั่งได้แล้วค่ะ”เชอร์รี่ยื่นแอลกอฮอล์ขวดใหญ่ พร้อมสำลีหนึ่งห่อส่งให้ร่างโปร่งบางที่นั่งไขว่ห้างอยู่เมื่อรับขวดแอลกอฮอล์กับสำลีมาได้ เจ้าหล่อนก็รีบใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์ แล้วมาเช็ดตามเนื้อตัว เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย“คุณมาเรียขา เช็ดแค่นี้คราบสกปรกมันออกไม่หมดหรอกค่ะ ทำไมไม่อาบไปเลยล่ะคะ รับรองว่ากำจัดทั่วทุกซอกทุกมุมแน่ค่ะ” เชอร์รี่จีบปา
“สวัสดีครับคนสวย เมื่อกี้คุณเต้นได้เซ็กซี่มากเลย ผมรู้สึกถูกใจคุณมากเลยล่ะ ถ้าผมจะชวนคุณไปต่อ คุณจะให้เกียรติไปต่อกับผมคืนนี้ไหมครับ”ชายคนที่ฉุดแขนเธอไว้เอ่ยชวน พร้อมกับไล่มองเรือนร่างของเธอด้วยสายตาโลมเลียอย่างน่าเกลียด ตรีชฎาหน้าตึงไปชั่วขณะ ทั้งโกรธและอายมาก ที่ผู้ชายตรงหน้ามาพูดจาหยามเกียรติหยามศักดิ์ศรีเธอเช่นนี้“ปล่อยนะ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว”เสียงหวานตะโกนใส่หน้า แล้วสะบัดแขนออกจากคนหื่นกาม“แหม ไม่มีใครเขาเชื่อหรอก ว่าคุณไม่ใช่ เอ หรือว่าที่ทำเป็นโมโหแบบนี้ เพราะอยากจะโก่งค่าตัวเหรอครับ ลีลาดีอย่างคุณเนี่ย ผมขอเหมาสองคืนเลย เท่าไหร่ล่ะ ผมจ่ายไม่อั้นอยู่แล้ว ยิ่งถ้าคุณเด็ดถูกใจผมล่ะก็ ผมจะจ่ายให้เป็นสองเท่าเลย สนใจไหม”ผู้ชายตรงหน้ายังคงต่อรองอย่างยียวนชวนให้ตรีชฎาโกรธจัด มือบางจึงฟาดลงไปที่ซีกแก้มของอีกฝ่ายเต็มแรง“เพียะ! ไอ้บ้า ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว ต่อให้แกจ่ายให้ฉันเท่าไหร่ ฉันก็ไม่เอา แล้วจำไว้ ว่าคนอย่างฉันมีค่าพอ ไม่จำเป็นต้องเอาตัวไปเสนอให้แกหรอก ไอ้หื่นกาม” ตรีชฎาตะคอกกลับ ทำท่าจะเดินหนี แต่อีกฝ่ายก็กระชากเธออย่างแรง ร่างบางถูกดันจนหลังติดกำแพงด้วยคนที่มีพละกำลังม
“ไม่ค่ะ ผิงดื่มไม่เป็นสักอย่าง”ตรีชฎาส่ายหน้า ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยลองแตะของพวกนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว“ผู้หญิงอย่างคุณมาที่นี่ก็ออกบ่อยไม่ใช่เหรอ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะดื่มของพวกนี้ไม่เป็น อย่างคุณเนี่ย หน้าไม่ให้เป็นคนไร้เดียงสาเลยนะ หรือคุณทำเป็นแอ๊บแบ๊วว่าไม่เคยดื่มให้ตัวเองดูดีฮะ”“ผิงดื่มไม่เป็นจริง ๆ นะคะ ทำไมคุณสิบต้องมายัดเยียดข้อหาให้ผิงด้วย”“แล้วปกติคุณมาที่นี่ทำไมถ้าไม่ได้มาดื่มสังสรรค์ อ้อ ใช่สิ ผมลืมไปที่คุณมาที่นี่บ่อย ๆ ก็เพราะว่าจะมาหาเหยื่อรวย ๆ ไว้ถลุงเงินเล่นล่ะสิท่า”วาจาเผ็ดร้อนแดกดันหญิงสาวอย่างเหยียดหยามเป็นที่สุด ในใจก็ไพล่คิดไปว่าผู้หญิงอย่างแม่นางยั่วคนนี้จะมีอะไร นอกเสียจากมาล่าเหยื่อกระเป๋าหนักไปนอนด้วย“คุณสิบ! ทำไมคุณต้องว่าผิงแบบนี้ด้วยคะ ผิงดูเป็นผู้หญิงแบบนั้นมากเลยเหรอ ผิงมาที่นี่ก็แค่มาแดนซ์กับเพื่อน ๆ เพื่อความสนุกสนานเท่านั้น ไม่ได้มาทำอะไรอย่างที่คุณสิบกล่าวหาผิงสักหน่อย”หน้าสวยเรียบตึงทันที เมื่อถูกเขาว่าร้าย เธอไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมเขาจะต้องหาเรื่องด่าว่าเธอได้ตลอดเวลา เขาไม่คิดบ้างเลยหรือไง ว่าเธอจะเสียใจแค่ไหนกับคำพูดที่ออกมาจากปากเขา“หึ ไม่ต
“โอ๊ย พอได้แล้ว หยุดสักที แสบแก้วหูจะตายอยู่แล้วนะ”มือหนายกขึ้นปิดหูทั้งสองข้างไว้อย่างรำคาญใจ เยื่อในหูจะฉีกขาดหมด ก็เพราะเสียงแจ๋น ๆ ของเธอนี่แหละ“คุณสิบต้องบอกมาก่อนว่าจะไปกับผิง ถ้าไม่อย่างนั้น ผิงก็จะตะโกนแบบนี้ จนคุณสิบหูแตกไปเลย”หน้าสวยสะบัดเชิดใส่เขา ก่อนจะตะโกนขึ้นมาดัง ๆ อีกรอบ“คุณสิบใจร้าย ๆ ใจร้ายที่สุดเลย ไม่ยอมไปเที่ยวกับผิง คุณสิบใจร้าย ๆ คุณสิบใจร้าย ๆ คุณสิบใจร้าย ๆ”“หยุดสักที ผมบอกให้หยุด!” เสียงเข้มตะโกนแทรกขึ้นมา“ไม่หยุด! คุณสิบใจร้าย ๆ คุณสิบใจร้าย ๆ”“โอ๊ย จะแหกปากอะไรนักหนา พอได้แล้ว ผมยอมแล้ว ไปก็ไป แต่หยุดตะโกนสักทีได้ไหม ปวดหูไปหมดแล้วเนี่ย”ในที่สุดสิบทิศก็ต้องยอมจำนนให้กับตรีชฎาจนได้ ที่ยอมไม่ใช่เพราะใจอ่อนหรอกนะ แต่ยอมเพราะทนไม่ไหวกับเสียงใสแสบแก้วหูของเธอเสียมากกว่า ถ้าขืนเธอตะโกนนานมากกว่านี้ มีหวังขี้หูออกมาเต้นระบำกันเป็นแถวแน่“จริง ๆ นะคะคุณสิบขา คุณสิบไปกับผิงจริง ๆ นะคะ พูดแล้วห้ามคืนคำนะ”ร่างบางรีบกระโดดมานั่งตักเขาด้วยความดีใจจนเกินเหตุ ก่อนจะกอดคอเขา พลางขอคำยืนยันอีกครั้ง เพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะเปลี่ยนใจไม่ไปกับเธอ“อืม บอกจะไปก็ไปสิ นี่
“ท่านประธานคะ คุณผิงมาขอพบค่ะ”เมื่อได้ยินเสียงของเลขานุการสาวดังมาจากอินเตอร์คอม ร่างสูงก็ต้องถอนหายใจดังเฮือก“มาอีกแล้วเหรอเนี่ย โอ๊ย อยากจะบ้าตาย เมื่อไหร่จะหลุดพ้นจากบ่วงกรรมสักทีวะไอ้สิบเอ๊ย”มือหนาตบศีรษะตัวเองเบา ๆ อย่างนึกเซ็ง ไม่รู้ว่าเธอจะมาทำไมทุกวี่ทุกวัน พอมาก็มานั่งเฝ้าเขาทำงานบ้างแหละ มาป่วนเขาบ้างแหละ จนพักหลัง ๆ มานี้ เขาไม่ค่อยจะมีสมาธิในการทำงานสักเท่าไหร่ เพราะแม่ยอดยุ่งที่ชื่อตรีชฎานี่แหละ“อืม”สิบทิศครางในลำคออนุญาตให้เธอเข้ามา ทั้งที่ใจก็ไม่ได้อยากจะทำอย่างนี้เสียด้วยซ้ำ แต่ถึงจะให้เธอเข้ามาหรือไม่ให้เข้ามาก็มีค่าเท่ากันเพราะครั้งก่อนเขาไม่อนุญาตให้เธอเข้ามา คุณเธอก็ไม่แคร์สื่อใด ๆ ทั้งสิ้น นั่งรอเขาอยู่หน้าห้องอย่างไม่รู้สึกเบื่อ พอเขาออกมาก็หนีเธอไม่พ้นอยู่ดี ก็เธอเล่นดักเขาเสียขนาดนั้น ถ้าเขาหนีรอดไปได้ ก็คงไม่มานั่งกลุ้มอยู่อย่างนี้หรอก“คุณสิบขา ผิงคิดถึงคุณจังเลยค่ะ”นี่ก็เป็นประโยคเด็ดที่เธอจะต้องพูดเป็นประจำทุกวัน ว่าคิดถึงเขาอย่างโน้น คิดถึงเขาอย่างนี้ตรีชฎาเดินยิ้มหน้าระรื่นมานั่งตรงที่พิงแขนเก้าอี้ ก่อนจะโอบกอดร่างสูงให้หายคิดถึง ทำอย่างกับว่าเธอไ
ผู้คนจำนวนไม่น้อยยืนต่อคิวสั่งกาแฟแถวยาวเหยียดในร้านกาแฟเล็ก ๆ เนื่องจากมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานอยู่ในออฟฟิศ มักจะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีมานั่งดื่มกาแฟใกล้บริษัท แทนการรับประทานอาหารเช้าจากที่บ้าน เพราะความสะดวกสบายและไม่ต้องเสียเวลามากนัก จึงทำให้ผู้คนนิยมที่จะบริหารเวลาของตัวเองเช่นนี้ ซึ่งมันก็ค่อนข้างประหยัดเวลาได้มากเลยทีเดียวณภัทรถือกาแฟและคุกกี้เนยสดของโปรดเดินมาหาที่นั่งทาน ซึ่งดูท่าแล้วจะไม่มีโต๊ะว่างให้เธอนั่งเลยสักโต๊ะเดียว เพราะมองไปทางไหนก็มีแต่คนนั่งกันเต็มหมดแล้ว ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปทั่วร้าน จนมาสะดุดอยู่ที่โต๊ะหนึ่ง มีเก้าอี้ว่างให้เธอสามารถเข้าไปนั่งได้พอดิบพอดี เห็นดังนั้น หญิงสาวจึงรีบย่ำเท้ามุ่งตรงไปที่โต๊ะนั้นโดยไม่รีรอ“ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่ามีใครนั่งหรือเปล่าคะ ถ้าไม่มีฉันขอนั่งด้วยคนนะคะ”ณภัทรเอ่ยขอชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยคำอนุญาตใด ๆ ร่างบางก็จัดแจงจะนั่งเก้าอี้ตัวที่ว่างทันทีแต่ในจังหวะที่หญิงสาวก้าวขาเข้ามา หมายจะนั่งเก้าอี้ตัวนั้น ขาเรียวงามของเธอก็ดันไปสะดุดเข้ากับขาเก้าอี้โดยไม่ได้ตั้งใจ ส่งผลให้กาแฟที่ถืออยู่ในมือหกเลอะมื