เมื่อมาถึงบ้านอศิรวิษแม่หนูมนต์มณีวิ่งถลาเข้ามากอดเอวบิดาจนเมฆินทร์ต้องช้อนตัวบุตรสาวอุ้มแล้วแตะริมฝีปากลงบนแก้มอ่อนนุ่มอย่างรักใคร่ ดวงตาคมอ่อนโยนเมื่อมองใบหน้าอวบอิ่มของเด็กหญิงโดยไม่สนใจดวงตาเศร้าซึ้งอีกคู่ที่กำลังมองมาตาไม่กะพริบ มือคู่เล็กที่กอดคอบิดาไว้ปล่อยคลายออกเมื่อพนมมือไหว้ก้องภพและส่งเสียงเจื้อยแจ้วทักทาย
“สวัสดีค่ะอาก้อง วันนี้อาก้องพาแฟนมาแนะนำให้มนนี่รู้จักหรือคะ” แม่หนูส่งยิ้มน่ารักให้อาหนุ่ม ดวงตากลมโตมองด้านหลังก้องภพสบตากับหญิงสาวที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังด้วยความสงสัย
“หึๆ พี่น้ำรินเขาไม่ใช่แฟนอาก้องแต่จะมาเป็นครูคนใหม่ของมนนี่ต่างหาก” ก้องภพเอ่ยกับหลานสาวยิ้มๆ
“มนนี่ไม่อยากได้ครูใหม่สักหน่อย” เด็กหญิงทำหน้าปั้นปึ่งกอดคอบิดาแน่น
“มนนี่ไม่อยากกลับไปเรียนตามเพื่อน ๆ ให้ทันเหรอจ๊ะ”
“ถ้ามนนี่หายแล้ว คุณพ่อจะให้มนนี่กลับไปเรียนที่โรงเรียน มนนี่ก็ไม่ต้องมีครูใหม่ซะหน่อยนี่คะอาก้อง”
“แต่ตอนนี้มนนี่ยังไม่หายดีนี่คะ แล้วถ้าไม่มีคุณครูมาสอน มนนี่จะเรียนทันเพื่อนๆ ที่โรงเรียนเหรอ” ก้องภพอธิบาย
“จริงเหรอคะคุณพ่อ” เด็กสาวเงยหน้าขึ้นสบตาบิดา
“ใช่จ้ะ ถ้าหนูหายดีจะได้เรียนทันเพื่อนๆ ยังไงคะ” เมฆินทร์ตอบบุตรสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เด็กหญิงทำหน้านิ่วอย่างใช้ความคิดก่อนหันไปจ้องหน้าครูคนใหม่แววตาครุ่นคิด ใบหน้าหวานดวงตาสวยดูอ่อนโยนของธารารินทำให้มนต์มณีสนิทใจที่จะลองทำความรู้จักกับครูคนใหม่ของเธอได้ไม่ยาก เด็กหญิงขืนตัวออกจากอ้อมแขนบิดาและลงมาเดินวนรอบตัวหญิงสาวราวจะสำรวจก่อนหยุดพิจารณาอย่างหยั่งท่าที
“สวัสดีค่ะ คุณมนนี่” ธารารินทักทายเด็กหญิงน้ำเสียงกลั้วหัวเราะในลำคอเพราะนึกขันท่าทีโตเกินวัยของคนตัวเล็ก
“ตัวเองชื่ออะไร” มนต์มณีถามอย่างไว้ตัวเล็กน้อย
“ครูชื่อน้ำรินค่ะ” ท่าทางแสบเอาเรื่องแฮะสงสัยได้เลือดพ่อมาเต็มเหนี่ยวเลยนะนี่
“ตัวจะมาเป็นครูของเขาอย่างเดียวจริง ๆ ใช่ไหม ไม่คิดจะมาแย่งพ่อของเขาใช่ไหม”
คำถามโพล่งออกมาอย่างที่คิดของเด็กหญิงทำให้ธารารินทำหน้าไม่ถูก ไม่คิดว่าเด็กวัยแค่ไม่ถึงสิบขวบจะใช้คำถามแบบนี้ถามเธอตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกัน อดเหลือบตาขึ้นมองสบตาคมของคนเป็นพ่อที่กำลังมองเธออย่างเยาะหยันและเหมือนจะรอฟังคำตอบจากเธออยู่เช่นกันเธอเลยได้แต่ถอนหายใจแรงพร้อมกับคิดในใจ
‘เฮ้อ...ให้มันได้อย่างนี้สิ สมกับเป็นพ่อลูกกันเหลือเกิ๊น’
“ค่ะ ครูไม่เคยคิดจะแย่งคุณพ่อของหนูเลย” เก่งมากน้ำริน เธอตอบได้หนักแน่นและกล้าหาญมากที่กล้าต่อตากับดวงตาคมอย่างกับใบมีดของคนหน้าดุนั่น
“อาก้องว่า มนนี่ไม่ต้องห่วงว่าครูน้ำจะแย่งพ่อหรอกนะคะ เพราะพ่อเมฆของหนูรักแต่มนนี่คนเดียวเท่านั้น” ก้องภพย่อตัวลงนั่งระดับเดียวกับเด็กสาวและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้นครูต้องสาบานกับมนนี่ก่อนว่าจะไม่แย่งคุณพ่อของมนนี่เด็ดขาด” เด็กหญิงกอดอกจ้องมองหญิงสาวด้วยใบหน้าขึงขัง
“ค่ะ ครูสาบาน” เธอส่งยิ้มตอบเด็กน้อยพร้อมกล่าวหนักแน่น
“ถ้าอย่างนั้น มนนี่ยอมเป็นลูกศิษย์ครูน้ำก็ได้ค่ะคุณพ่อ” เด็กหญิงหันกลับมาตอบบิดาเสียงใส
“ดีจ้ะ” ก้องภพยกมือขึ้นบรรจงจับศีรษะหลานสาวโยกเบา ๆ
“แล้วคุณครูน้ำจะอยู่กับมนนี่ที่บ้านเลยหรือเปล่าคะ” มนต์มณีหันมาถามคุณครูคนสวย
“เอ่อ...”
“คุณครูจะอยู่ที่เรือนคนงานหลังบ้าน เวลาเรียนเท่านั้นถึงจะขึ้นมาบนเรือนใหญ่ได้” น้ำเสียงวางอำนาจดังกังวาน
“ห้องบนเรือนใหญ่ตั้งเยอะนี่หว่า ให้น้ำรินพักสักห้องจะเป็นไรไป” ก้องภพขมวดคิ้ว
“ฉันไม่นิยมอยู่ร่วมกับคนงานในบ้าน ถ้าเขาอยู่ไม่ได้ก็ให้กลับไปพร้อมกับแกได้เลย” เขากล่าวเสียงขึง
นั่นไง! เขาเริ่มเปิดศึกด้วยการต้อนรับเธออย่างอบอุ่นซะจนร้อนแต่ก้าวแรกที่เธอย่างเข้ามาในอาณาเขตแห่งงู สมกับนามสกุลต่อท้ายชื่อของเขาจริง ๆ เฮ้อ...ไหวไหมน้ำริน แต่คนอย่างเธอจะมาจอดตั้งแต่ยังไม่เริ่มได้ยังไง พ่อกับพี่ปิ่นฝากความหวังไว้ที่เธอนี่
“น้ำอยู่ได้ค่ะคุณก้อง ห้องแคบกว่ารังหนู น้ำก็จะอยู่ค่ะ” ธารารินตอบประชดประชัน
เมฆินทร์ไม่สนใจต่อปากต่อคำกับหญิงสาวและหันไปตะโกนเรียกหาแม่บ้าน “ป้าบัว ป้าบัว”
“ขาคุณเมฆ” ร่างกลมเดินเร็วๆ เท่าที่ร่างกายของแกจะสามารถทำได้เข้ามารับคำสั่งผู้เป็นนายทันทีเช่นกัน
“พาเขาไปพักที่เรือนหลังบ้านด้วย”
“ค่ะ เชิญค่ะคุณ” นางรับคำพร้อมกับหันมากล่าวกับหญิงสาว
ธารารินเอื้อมมือคว้ากระเป๋าเสื้อผ้าแล้วเดินตามแม่บ้านร่างอวบไปท่ามกลางสายตาสองคู่ที่มองตามเธอด้วยสายตาต่างความรู้สึกกันเรือนพักคนงานเป็นเรือนไม้สองชั้นแบ่งซอยเป็นห้องๆ นับสิบห้องสำหรับคนงานพักอาศัย ห้องพักที่เขาจัดให้เธออยู่ เป็นห้องกลางที่อยู่ระหว่างห้องของป้าบัวกับห้องนายชุ่มคนขับรถท่าทางหลุกหลิก ดวงตาเจ้าเล่ห์คู่นั้นชอบแอบเหล่มองเธออย่างกรุ้มกริ่มไม่น่าไว้ใจจนหญิงสาวต้องรีบเดินเร็วเข้าไปหลบในห้องของตน เธอกวาดสายตามองภายในห้องที่มีเพียงตู้เสื้อผ้าเก่า ๆ กับที่นอนนุ่นหลังเล็กสีซีดแต่ดูสะอาดพอสมควร โชคดีที่ในห้องยังมีพัดลมเพดานและชั้นอเนกประสงค์ให้เธอได้จัดวางหนังสือเก็บได้บ้าง หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจแรง รู้ว่าเจ้าของบ้านจงใจกดให้เธอต่ำต้อย แต่เพราะต้องการให้เขายอมอภัยให้ครอบครัวทำให้เธอต้องยอมกล้ำกลืนอดทน‘เฮ้อ...อดทนไว้น้ำริน ท่องไว้ว่าเพื่อครอบครัว เพื่อครอบครัว เธอต้องทำได้อยู่แล้ว’“มีอะไรก็เคาะเรียกป้าได้เลยนะคะคุณครู ป้าอยู่ห้องข้าง ๆ นี่แหละค่ะ” นางบัวหันมาแสดงความมีน้ำใจ“ขอบคุณค่ะ แล้วห้องนี้...” เธอหมายถึงห้องอีกฝั่งที่กำแพงติดกันกับห้องของเธอ“ห้องไอ้ชุ่มคนขับรถค่ะ ถ้ามันตุ
เมื่อมาถึงบ้านอศิรวิษแม่หนูมนต์มณีวิ่งถลาเข้ามากอดเอวบิดาจนเมฆินทร์ต้องช้อนตัวบุตรสาวอุ้มแล้วแตะริมฝีปากลงบนแก้มอ่อนนุ่มอย่างรักใคร่ ดวงตาคมอ่อนโยนเมื่อมองใบหน้าอวบอิ่มของเด็กหญิงโดยไม่สนใจดวงตาเศร้าซึ้งอีกคู่ที่กำลังมองมาตาไม่กะพริบ มือคู่เล็กที่กอดคอบิดาไว้ปล่อยคลายออกเมื่อพนมมือไหว้ก้องภพและส่งเสียงเจื้อยแจ้วทักทาย“สวัสดีค่ะอาก้อง วันนี้อาก้องพาแฟนมาแนะนำให้มนนี่รู้จักหรือคะ” แม่หนูส่งยิ้มน่ารักให้อาหนุ่ม ดวงตากลมโตมองด้านหลังก้องภพสบตากับหญิงสาวที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังด้วยความสงสัย“หึๆ พี่น้ำรินเขาไม่ใช่แฟนอาก้องแต่จะมาเป็นครูคนใหม่ของมนนี่ต่างหาก” ก้องภพเอ่ยกับหลานสาวยิ้มๆ“มนนี่ไม่อยากได้ครูใหม่สักหน่อย” เด็กหญิงทำหน้าปั้นปึ่งกอดคอบิดาแน่น“มนนี่ไม่อยากกลับไปเรียนตามเพื่อน ๆ ให้ทันเหรอจ๊ะ”“ถ้ามนนี่หายแล้ว คุณพ่อจะให้มนนี่กลับไปเรียนที่โรงเรียน มนนี่ก็ไม่ต้องมีครูใหม่ซะหน่อยนี่คะอาก้อง”“แต่ตอนนี้มนนี่ยังไม่หายดีนี่คะ แล้วถ้าไม่มีคุณครูมาสอน มนนี่จะเรียนทันเพื่อนๆ ที่โรงเรียนเหรอ” ก้องภพอธิบาย“จริงเหรอคะคุณพ่อ” เด็กสาวเงยหน้าขึ้นสบตาบิดา“ใช่จ้ะ ถ้าหนูหายดีจะได้เรียนทันเพื่อนๆ
“กรุณาเรียกผมว่าเมฆินทร์จะดีกว่า ผมไม่ทราบว่าคุณต้องการอะไรถึงกล้ามาสมัครงานในบริษัทของผม ทั้งที่อดีตครอบครัวคุณเคยทำเรื่องเลวระยำกับผมเอาไว้ขนาดนั้น” เมฆินทร์กัดฟันเอ่ยเสียงเข้มช้า ๆ แต่ชัดเจนอย่างคนที่พยายามสะกดอารมณ์สุดความสามารถแล้ว“น้ำไม่ทราบว่าพี่ปิ่นกับคุณพ่อทำอะไรให้พี่โกรธขนาดนี้ แต่ตอนนี้ทั้งพี่ปิ่นทั้งคุณพ่อของน้ำต่างได้รับผลกรรมที่ทำไว้อย่างสาสม น้ำรู้ว่าพี่เมฆก็คงทราบว่าเกิดเรื่องอะไรบ้างกับครอบครัวของน้ำบ้าง” ดวงตากลมเหลือบมองง้องอนอย่างน่าสงสาร“แน่นอน ผมทราบดีว่าตอนนี้วิษณุพงศ์ย่ำแย่แค่ไหน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องให้อภัยกับทุกอย่างที่พวกคุณทำไว้กับครอบครัวของผมไม่ใช่เหรอธาราริน เพราะฉะนั้นวันนี้ที่คุณกล้าเข้ามาสมัครงานในบริษัทของผม มันก็เหมือนกับคุณกำลังจะแกว่งเท้าหาเสี้ยน”“แต่น้ำก็พร้อมจะลองทำทุกอย่างขอแค่ให้พี่...เอ่อ คุณเมฆินทร์ยอมอโหสิกรรมให้กับวิษณุพงศ์ พวกเราต้องการแค่ให้คุณเมฆินทร์ยกโทษให้เท่านั้นไม่ได้หวังอะไรมากไปกว่านี้จริง ๆ” ดวงตาหวานยังคงส่งกระแสขอความเห็นใจจากคนตรงหน้าไม่ลดละ“ยกโทษอย่างนั้นเหรอธาราริน พวกคุณคิดว่ามันง่ายขนาดนั้นเชียว คนในครอบ
ภาพนั้นยังอยู่ในความทรงจำเขา เสียงใสช่างออดอ้อนขอให้เขาพาเที่ยวยังก้องอยู่ในความรู้สึก แขนคู่เล็กเกาะก่ายต้นแขนเขาแน่น ปลายจมูกเรียวรั้นชอบยื่นเข้ามาหอมแก้มสากพร้อมรอยยิ้มประดับบนริมฝีปากอิ่มแย้มเยือนยามเด็กหญิงน้ำรินยินดี ความจริงครอบครัวอาศิรวิษของเขากับวิษณุพงศ์ของเธอคงมีสัมพันธภาพไม่เปลี่ยนแปลงหากไม่มีเรื่องราวบาดหมางใด ๆ เกิดขึ้นในอดีต ถ้าไม่ใช่เพราะ...ความแค้นฝังแน่นพุ่งพรวดขึ้นจู่โจมหัวใจของเขาอีกครั้งแค่เพียงคิดถึง เมฆินทร์กัดฟัน คิ้วขมวดมุ่นอย่างสะกดอารมณ์ “คุณปานรวี เชิญพบผมที่ห้องด่วน”ก๊อกๆๆ...เสียงเคาะประตูดึงความสนใจเขาจากรูปของหญิงสาวที่ทำให้หัวใจของเขารุ่มร้อนด้วยเพลิงแค้น“เข้ามา”เมฆินทร์เอ่ยห้วนๆ ก่อนประตูห้องทำงานจะถูกผลักเข้ามาพร้อมร่างระหงของเลขาที่ค่อย ๆ เยี่ยมหน้าเข้ามาพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนเบา“คุณเมฆต้องการอะไรหรือเปล่าคะ”“ใครเป็นคนเรียกผู้หญิงคนนี้มาสัมภาษณ์” เขาผลักแฟ้มตรงหน้าให้เลขาฯ“คุณน้ำริน...” ปานรวีเอ่ยพึมพำกับตัวเองขณะมองใบสมัครงานตรงหน้า“ว่ายังไงคุณปานรวี ผมถามว่าใครเรียกผู้หญิงคนนั้นมาสัมภาษณ์” น้ำเสียงห้วนตวาดถามดังๆ ด้วยอารมณ์ทำให้เลขาสาวต
ลัมเบอร์กินีเปิดประทุนสีเงินแล่นช้า ขับคู่มากับรถประจำทางอย่างไม่เร่งร้อนก่อนจะโยกหลบ เปิดทางให้อีโคคาร์สีม่วงคริตตัลไลเลคที่แล่นปรู๊ดปร๊าดแทรกกลางเข้ามาเพราะเกรงว่ารถคันเล็กจะเฉี่ยวกระจกมองข้างรถตน“โธ่โว้ย...ขับรถภาษาอะไรวะ”เจ้าของรถคันงามบ่นขึ้นอย่างหงุดหงิดแล้วเอื้อมมือเปลี่ยนเกียร์เพื่อเร่งเครื่องขับขึ้นไปขนาบข้างอีโคคาร์คันเล็ก เขามองคนขับรถดังกล่าวด้วยสายตาไม่พอใจ รอยยิ้มแหยๆ กับสีหน้าเจื่อนของคู่กรณีไม่ทำให้คลายโทสะแม้แต่น้อย“เด็กบ้า ซื้อใบขับขี่มาหรือไงวะเนี่ย”เขาสบถระบายความหงุดหงิดแล้วเร่งเครื่องทิ้งห่างรถเล็กไปอย่างไม่เห็นฝุ่นในระยะเวลาอันสั้นกระทั่งแล่นรถเข้ามาจอดหน้าตึกบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังอย่างคอบบร้า พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)เมฆินทร์ อาศิรวิษ นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่เริ่มต้นธุรกิจด้วยแนวคิดใหม่จากการพัฒนาที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครตอนบนจนกระทั่งเปลี่ยนมาเป็นการสร้างบ้านแบบโมเดิร์นสไตล์ ในแบบคอบบร้า พร็อพเพอร์ตี้กรุ๊ปกระจายไปทั่วทั้งภูมิภาครวมกว่า 20 โครงการ เน้นแนวคิดและรูปแบบที่อยู่อาศัยหลากหลายให้ตรงใจลูกบ้านเมฆิน