ลัมเบอร์กินีเปิดประทุนสีเงินแล่นช้า ขับคู่มากับรถประจำทางอย่างไม่เร่งร้อนก่อนจะโยกหลบ เปิดทางให้อีโคคาร์สีม่วงคริตตัลไลเลคที่แล่นปรู๊ดปร๊าดแทรกกลางเข้ามาเพราะเกรงว่ารถคันเล็กจะเฉี่ยวกระจกมองข้างรถตน
“โธ่โว้ย...ขับรถภาษาอะไรวะ”
เจ้าของรถคันงามบ่นขึ้นอย่างหงุดหงิดแล้วเอื้อมมือเปลี่ยนเกียร์เพื่อเร่งเครื่องขับขึ้นไปขนาบข้างอีโคคาร์คันเล็ก เขามองคนขับรถดังกล่าวด้วยสายตาไม่พอใจ รอยยิ้มแหยๆ กับสีหน้าเจื่อนของคู่กรณีไม่ทำให้คลายโทสะแม้แต่น้อย
“เด็กบ้า ซื้อใบขับขี่มาหรือไงวะเนี่ย”
เขาสบถระบายความหงุดหงิดแล้วเร่งเครื่องทิ้งห่างรถเล็กไปอย่างไม่เห็นฝุ่นในระยะเวลาอันสั้นกระทั่งแล่นรถเข้ามาจอดหน้าตึกบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังอย่างคอบบร้า พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
เมฆินทร์ อาศิรวิษ นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่เริ่มต้นธุรกิจด้วยแนวคิดใหม่จากการพัฒนาที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครตอนบนจนกระทั่งเปลี่ยนมาเป็นการสร้างบ้านแบบโมเดิร์นสไตล์ ในแบบคอบบร้า พร็อพเพอร์ตี้กรุ๊ปกระจายไปทั่วทั้งภูมิภาครวมกว่า 20 โครงการ เน้นแนวคิดและรูปแบบที่อยู่อาศัยหลากหลายให้ตรงใจลูกบ้าน
เมฆินทร์ถือเป็นผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มุ่งสร้างโครงการที่มีคุณภาพพร้อมกับมอบบริการที่ดีด้วยแนวคิดทันสมัย การวางผังและการออกแบบของคอบบร้า พร็อพเพอร์ตี้กรุ๊ปสามารถตอบสนองโจทย์ความต้องการ สร้างความภาคภูมิใจให้กับผู้อยู่อาศัยด้วยรูปลักษณ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวผสานศิลปะกับรูปแบบโดดเด่นของสถาปัตยกรรมหลายแบบเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นแบบ Cobra Style การรวบรวมจุดเด่นในการสร้างที่อยู่อาศัย และสร้างคุณค่าเพิ่มให้เกิดเอกลักษณ์ในแต่ละโครงการดังนั้นวันนี้ คอบบร้า พร็อพเพอร์ตี้กรุ๊ปภายใต้การนำของเมฆินทร์จึงถือว่าเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อีกรายที่น่าจับตามอง
ประตูด้านคนขับลัมเบอร์กินีถูกผลักเปิดกว้างออกเมื่อร่างสูงใหญ่กว่ามาตรฐานชายไทยของเจ้าของที่อยู่ในชุดสูทหรูสีขรึมขยับตัวลงจากรถ วงหน้าหล่อคมชวนมองแม้จะค่อนข้างบึ้งตึง เขาเดินฉับๆ ไปที่ลิฟต์ส่วนตัวอย่างไม่สนใจสายตาของเหล่าพนักงานที่พากันลุกขึ้นยืนทำความเคารพแสดงการทักทาย
“เมฆขา...”
น้ำเสียงหวานร้องเรียกดังจากข้างหลังทำให้เขาชะงักก้าวเดินเพื่อหันไปมองเจ้าของเสียงพร้อมกับถอนใจยาว สีหน้ายุ่งยากใจ เบื่อหน่ายเมื่อเห็นเจ้าของร่างระหงถนัดตา และก่อนจะได้ทักทายกันหญิงสาวก็ยื่นแขนมาคล้องแขนเขาราวกับจะประกาศถึงความสนิทสนม
“ดีใจจังที่ได้เจอเมฆ” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงหวานและส่งยิ้มเปิดเผย
“คุณมีธุระอะไรกับผมอย่างนั้นรึ”เขาพยายามเก็บความรู้สึกหงุดหงิดพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์
“แหมเมฆละก็ ทำไมจะต้องมีธุระอะไรด้วยล่ะ พิมพ์แค่อยากมาหาเมฆเฉยๆ ไม่ได้เหรอคะ” เธอชม้ายปรายตาอย่างมีจริตมองเขา
“คุณก็รู้ว่าผมไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวายในเวลาทำงาน” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างไม่คิดจะรักษาน้ำใจ
“คุณพูดอย่างกับพิมพ์เป็นคนอื่น” พิมพ์พจีเอ่ยเสียงกระเง้ากระงอดแต่ไม่ยอมคลายมือที่เกี่ยวต้นแขนเขาไว้
“สำหรับผม คนที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงานที่นี่ก็คือคนนอกทั้งนั้นแหละครับ”
เมฆินทร์ปลดมือคู่เล็กที่แต่งเล็บสีแดงเข้ม สีเดียวกับริมฝีปากของพิมพ์พจีออกจากต้นแขนเป็นจังหวะที่ประตูลิฟต์เปิดพอดีเขาจึงถือโอกาสผละจากเธอทันที และเมื่อถึงห้องทำงาน เอกสารหลายฉบับวางกองอยู่บนโต๊ะรอให้เขาอ่านและพิจารณา เมฆินทร์หยิบแฟ้มสีดำที่วางอยู่ด้านบนสุดเปิดออก กวาดสายตามองเอกสารแสดงความจำนงสมัครงานไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงเอกสารที่มีรูปขนาดหนึ่งนิ้วของหญิงสาวที่เขาจำได้ว่าเพิ่งพบกันเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ที่สำคัญเธอคือต้นเหตุทำให้เขาหงุดหงิดแต่เช้าและยิ่งเกิดโทสะเมื่อรู้ว่าเธอคือ
“ธาราริน วิษณุพงศ์”
ดวงตาดุดันเปล่งประกายตากร้าวพร้อมกับน้ำเสียงขุ่นเอ่ยลอดไรฟัน คิ้วเข้มขมวดเป็นปมเหนือดั้งจมูกโด่งขึ้นสันเมื่อเขากวาดสายตามองไปตามตัวอักษรบรรยายคุณสมบัติและวุฒิการศึกษาของหญิงสาวที่เขียนไว้ในใบสมัครงาน ริมฝีปากขยับโค้งในลักษณะแสยะยิ้มน่าสะพรึง หากมีเขี้ยวโง้งยาวโผล่ออกมาให้เห็นแล้วละก็ ผู้ชายตรงหน้าก็ไม่ต่างอะไรกับปีศาจสุดหล่อในภาพยนตร์ต่างประเทศเลยทีเดียว
ใบสมัคงานติดรูปถ่ายมุมขวามือถูกยกขึ้นในระดับสายตาเพื่อพิจารณาอย่างละเอียด ดวงหน้างดงามของสาวในรูปไม่สะดุดสายตาเท่านามสกุลของเธอ ความทรงจำที่ถูกฝังกลบไว้ก้นบึ้งหัวใจไหลย้อนกลับมาในห้วงความคำนึงอย่างรวดเร็วราวสายน้ำไหลบ่าจากเทือกเขา เขาเอนตัวพิงพนักเก้าอี้แล้วหลับตานึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เกือบลืมไปแล้วถ้าหญิงสาวจะไม่กลับมากวนตะกอนอารมณ์ของเขาให้ขุ่นมัวขึ้นอีกครั้ง
‘พี่เมฆขา น้ำรินคิดถึงพี่เมฆม้ากมาก พี่เมฆคิดถึงน้ำรินไหมคะ’
น้ำเสียงประจบออดอ้อนของเด็กหญิงธารารินในอดีตยังก้องอยู่ในความทรงจำของเขาไม่รู้ลืม วงหน้าเรียวรีรูปไข่ของสาวน้อยวัยสิบขวบที่ชอบส่ายสายตามองหาเขาทุกครั้งที่เขาไปหาปิ่นลดาพี่สาวของเธอในวันที่ธารารินมาค้างบ้านวิษณุพงศ์ เพราะโดยปกติเด็กหญิงจะอาศัยอยู่กับตายายและจะมาค้างที่บ้านบิดากับพี่สาวในบางครั้งของวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้น
ธารารินเอื้อมมือคว้ากระเป๋าเสื้อผ้าแล้วเดินตามแม่บ้านร่างอวบไปท่ามกลางสายตาสองคู่ที่มองตามเธอด้วยสายตาต่างความรู้สึกกันเรือนพักคนงานเป็นเรือนไม้สองชั้นแบ่งซอยเป็นห้องๆ นับสิบห้องสำหรับคนงานพักอาศัย ห้องพักที่เขาจัดให้เธออยู่ เป็นห้องกลางที่อยู่ระหว่างห้องของป้าบัวกับห้องนายชุ่มคนขับรถท่าทางหลุกหลิก ดวงตาเจ้าเล่ห์คู่นั้นชอบแอบเหล่มองเธออย่างกรุ้มกริ่มไม่น่าไว้ใจจนหญิงสาวต้องรีบเดินเร็วเข้าไปหลบในห้องของตน เธอกวาดสายตามองภายในห้องที่มีเพียงตู้เสื้อผ้าเก่า ๆ กับที่นอนนุ่นหลังเล็กสีซีดแต่ดูสะอาดพอสมควร โชคดีที่ในห้องยังมีพัดลมเพดานและชั้นอเนกประสงค์ให้เธอได้จัดวางหนังสือเก็บได้บ้าง หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจแรง รู้ว่าเจ้าของบ้านจงใจกดให้เธอต่ำต้อย แต่เพราะต้องการให้เขายอมอภัยให้ครอบครัวทำให้เธอต้องยอมกล้ำกลืนอดทน‘เฮ้อ...อดทนไว้น้ำริน ท่องไว้ว่าเพื่อครอบครัว เพื่อครอบครัว เธอต้องทำได้อยู่แล้ว’“มีอะไรก็เคาะเรียกป้าได้เลยนะคะคุณครู ป้าอยู่ห้องข้าง ๆ นี่แหละค่ะ” นางบัวหันมาแสดงความมีน้ำใจ“ขอบคุณค่ะ แล้วห้องนี้...” เธอหมายถึงห้องอีกฝั่งที่กำแพงติดกันกับห้องของเธอ“ห้องไอ้ชุ่มคนขับรถค่ะ ถ้ามันตุ
เมื่อมาถึงบ้านอศิรวิษแม่หนูมนต์มณีวิ่งถลาเข้ามากอดเอวบิดาจนเมฆินทร์ต้องช้อนตัวบุตรสาวอุ้มแล้วแตะริมฝีปากลงบนแก้มอ่อนนุ่มอย่างรักใคร่ ดวงตาคมอ่อนโยนเมื่อมองใบหน้าอวบอิ่มของเด็กหญิงโดยไม่สนใจดวงตาเศร้าซึ้งอีกคู่ที่กำลังมองมาตาไม่กะพริบ มือคู่เล็กที่กอดคอบิดาไว้ปล่อยคลายออกเมื่อพนมมือไหว้ก้องภพและส่งเสียงเจื้อยแจ้วทักทาย“สวัสดีค่ะอาก้อง วันนี้อาก้องพาแฟนมาแนะนำให้มนนี่รู้จักหรือคะ” แม่หนูส่งยิ้มน่ารักให้อาหนุ่ม ดวงตากลมโตมองด้านหลังก้องภพสบตากับหญิงสาวที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังด้วยความสงสัย“หึๆ พี่น้ำรินเขาไม่ใช่แฟนอาก้องแต่จะมาเป็นครูคนใหม่ของมนนี่ต่างหาก” ก้องภพเอ่ยกับหลานสาวยิ้มๆ“มนนี่ไม่อยากได้ครูใหม่สักหน่อย” เด็กหญิงทำหน้าปั้นปึ่งกอดคอบิดาแน่น“มนนี่ไม่อยากกลับไปเรียนตามเพื่อน ๆ ให้ทันเหรอจ๊ะ”“ถ้ามนนี่หายแล้ว คุณพ่อจะให้มนนี่กลับไปเรียนที่โรงเรียน มนนี่ก็ไม่ต้องมีครูใหม่ซะหน่อยนี่คะอาก้อง”“แต่ตอนนี้มนนี่ยังไม่หายดีนี่คะ แล้วถ้าไม่มีคุณครูมาสอน มนนี่จะเรียนทันเพื่อนๆ ที่โรงเรียนเหรอ” ก้องภพอธิบาย“จริงเหรอคะคุณพ่อ” เด็กสาวเงยหน้าขึ้นสบตาบิดา“ใช่จ้ะ ถ้าหนูหายดีจะได้เรียนทันเพื่อนๆ
“กรุณาเรียกผมว่าเมฆินทร์จะดีกว่า ผมไม่ทราบว่าคุณต้องการอะไรถึงกล้ามาสมัครงานในบริษัทของผม ทั้งที่อดีตครอบครัวคุณเคยทำเรื่องเลวระยำกับผมเอาไว้ขนาดนั้น” เมฆินทร์กัดฟันเอ่ยเสียงเข้มช้า ๆ แต่ชัดเจนอย่างคนที่พยายามสะกดอารมณ์สุดความสามารถแล้ว“น้ำไม่ทราบว่าพี่ปิ่นกับคุณพ่อทำอะไรให้พี่โกรธขนาดนี้ แต่ตอนนี้ทั้งพี่ปิ่นทั้งคุณพ่อของน้ำต่างได้รับผลกรรมที่ทำไว้อย่างสาสม น้ำรู้ว่าพี่เมฆก็คงทราบว่าเกิดเรื่องอะไรบ้างกับครอบครัวของน้ำบ้าง” ดวงตากลมเหลือบมองง้องอนอย่างน่าสงสาร“แน่นอน ผมทราบดีว่าตอนนี้วิษณุพงศ์ย่ำแย่แค่ไหน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องให้อภัยกับทุกอย่างที่พวกคุณทำไว้กับครอบครัวของผมไม่ใช่เหรอธาราริน เพราะฉะนั้นวันนี้ที่คุณกล้าเข้ามาสมัครงานในบริษัทของผม มันก็เหมือนกับคุณกำลังจะแกว่งเท้าหาเสี้ยน”“แต่น้ำก็พร้อมจะลองทำทุกอย่างขอแค่ให้พี่...เอ่อ คุณเมฆินทร์ยอมอโหสิกรรมให้กับวิษณุพงศ์ พวกเราต้องการแค่ให้คุณเมฆินทร์ยกโทษให้เท่านั้นไม่ได้หวังอะไรมากไปกว่านี้จริง ๆ” ดวงตาหวานยังคงส่งกระแสขอความเห็นใจจากคนตรงหน้าไม่ลดละ“ยกโทษอย่างนั้นเหรอธาราริน พวกคุณคิดว่ามันง่ายขนาดนั้นเชียว คนในครอบ
ภาพนั้นยังอยู่ในความทรงจำเขา เสียงใสช่างออดอ้อนขอให้เขาพาเที่ยวยังก้องอยู่ในความรู้สึก แขนคู่เล็กเกาะก่ายต้นแขนเขาแน่น ปลายจมูกเรียวรั้นชอบยื่นเข้ามาหอมแก้มสากพร้อมรอยยิ้มประดับบนริมฝีปากอิ่มแย้มเยือนยามเด็กหญิงน้ำรินยินดี ความจริงครอบครัวอาศิรวิษของเขากับวิษณุพงศ์ของเธอคงมีสัมพันธภาพไม่เปลี่ยนแปลงหากไม่มีเรื่องราวบาดหมางใด ๆ เกิดขึ้นในอดีต ถ้าไม่ใช่เพราะ...ความแค้นฝังแน่นพุ่งพรวดขึ้นจู่โจมหัวใจของเขาอีกครั้งแค่เพียงคิดถึง เมฆินทร์กัดฟัน คิ้วขมวดมุ่นอย่างสะกดอารมณ์ “คุณปานรวี เชิญพบผมที่ห้องด่วน”ก๊อกๆๆ...เสียงเคาะประตูดึงความสนใจเขาจากรูปของหญิงสาวที่ทำให้หัวใจของเขารุ่มร้อนด้วยเพลิงแค้น“เข้ามา”เมฆินทร์เอ่ยห้วนๆ ก่อนประตูห้องทำงานจะถูกผลักเข้ามาพร้อมร่างระหงของเลขาที่ค่อย ๆ เยี่ยมหน้าเข้ามาพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนเบา“คุณเมฆต้องการอะไรหรือเปล่าคะ”“ใครเป็นคนเรียกผู้หญิงคนนี้มาสัมภาษณ์” เขาผลักแฟ้มตรงหน้าให้เลขาฯ“คุณน้ำริน...” ปานรวีเอ่ยพึมพำกับตัวเองขณะมองใบสมัครงานตรงหน้า“ว่ายังไงคุณปานรวี ผมถามว่าใครเรียกผู้หญิงคนนั้นมาสัมภาษณ์” น้ำเสียงห้วนตวาดถามดังๆ ด้วยอารมณ์ทำให้เลขาสาวต
ลัมเบอร์กินีเปิดประทุนสีเงินแล่นช้า ขับคู่มากับรถประจำทางอย่างไม่เร่งร้อนก่อนจะโยกหลบ เปิดทางให้อีโคคาร์สีม่วงคริตตัลไลเลคที่แล่นปรู๊ดปร๊าดแทรกกลางเข้ามาเพราะเกรงว่ารถคันเล็กจะเฉี่ยวกระจกมองข้างรถตน“โธ่โว้ย...ขับรถภาษาอะไรวะ”เจ้าของรถคันงามบ่นขึ้นอย่างหงุดหงิดแล้วเอื้อมมือเปลี่ยนเกียร์เพื่อเร่งเครื่องขับขึ้นไปขนาบข้างอีโคคาร์คันเล็ก เขามองคนขับรถดังกล่าวด้วยสายตาไม่พอใจ รอยยิ้มแหยๆ กับสีหน้าเจื่อนของคู่กรณีไม่ทำให้คลายโทสะแม้แต่น้อย“เด็กบ้า ซื้อใบขับขี่มาหรือไงวะเนี่ย”เขาสบถระบายความหงุดหงิดแล้วเร่งเครื่องทิ้งห่างรถเล็กไปอย่างไม่เห็นฝุ่นในระยะเวลาอันสั้นกระทั่งแล่นรถเข้ามาจอดหน้าตึกบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังอย่างคอบบร้า พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)เมฆินทร์ อาศิรวิษ นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่เริ่มต้นธุรกิจด้วยแนวคิดใหม่จากการพัฒนาที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครตอนบนจนกระทั่งเปลี่ยนมาเป็นการสร้างบ้านแบบโมเดิร์นสไตล์ ในแบบคอบบร้า พร็อพเพอร์ตี้กรุ๊ปกระจายไปทั่วทั้งภูมิภาครวมกว่า 20 โครงการ เน้นแนวคิดและรูปแบบที่อยู่อาศัยหลากหลายให้ตรงใจลูกบ้านเมฆิน