“ใครมาเยอะแยะเลย ชอบไหมลูก” คุณมะลิวัลย์มองคนที่กำลังลงจากรถที่เพิ่งจอดอยู่เมื่อครู่นี้แล้วหันมาคุยเสียงเล็กเสียงน้อยกับหนูนับดาวที่ท่าทางร่าเริงทันทีที่เห็นคนมากมาย“สวัสดีครับคุณแม่…ไปเอาลูกใครมาเลี้ยงครับเนี่ย”ศรุตเดินตรงเข้ามาหามารดาของตนที่กำลังอุ้มหนูน้อยหน้าตาน่ารักน่าชังด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แล้วปล่อยให้ลูกน้องทั้งสองจัดการเอาของลงจากรถ“ลูกของพนักงานรีสอร์ตแม่น่ะ” นางตอบกลับอย่างไม่ให้มีพิรุธอะไร“จ๊ะเอ๋ ชื่ออะไรคะ”ร่างสูงโปร่งย่อตัวลงให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับแม่หนูน้อยก่อนเอ่ยขึ้นเสียงนุ่มทุ้มพลางมองหน้ามารดาอย่างขอคำตอบ“ชื่อนับดาว ศรุตา”“ชื่อเพราะจัง ชื่อเหมือนลุงเลย” นิ้วเรียวใหญ่ลูบเข้ากับกำปั้นน้อย ๆ ของศรุตาอย่างอ่อนโยนมะลิวัลย์ส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยใจ จะไม่ให้ชื่อเหมือนได้ยังไงไอ้ลูกซื่อบื้อ“คุณนายครับห้องน้ำอยู่ตรงไหนเหรอครับ” ตุลธรเดินเข้ามาถามด้วยความสุภาพ“เดี๋ยวแม่ให้เด็กพาไป น้อยหน่ามานี่หน่อยเร็ว” นางตอบพลางร้องเรียกน้อยหน่าเสียงไม่ดังนักเพราะกลัวคนที่กำลังสนุกจะตกใจเพราะเสียงดัง ยัยหนูมักจะร้องไห้งอแงอยู่ตลอด“ขาคุณท่าน มาแล้วค่ะ”“ไปช่วยเขายกของเข้าบ้า
“วันนี้จัดการเอกสารเสร็จเร็วเลยรีบไปซื้อของมาทำแกงพะแนงไก่ให้ป้ามะลิกินน่ะค่ะ ได้ยินบ่นว่าอยากกินมาหลายวันแล้ว” หญิงสาวตอบเมื่อเห็นใบหน้าสงสัยของนางด้วยน้ำเสียงหวาน“จริงเหรอหนูเนตร”“จริงค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะอร่อยรึเปล่า ป้ามะลิทนกินหน่อยนะคะ” เนตรแพรเอ่ยอย่างทีเล่นทีจริงกับมะลิวัลย์“หนูเนตรทำกับข้าวอร่อยจะตาย”“วันนี้จะทำอย่างเดียวเหรอลูก” นางถามแม่ลูกอ่อนด้วยน้ำเสียงเอ็นดู“อืม…เนตรว่าจะทำสักสองสามอย่างน่ะค่ะ เนตรกลับเอาไปทำที่บ้าน เดี๋ยวยกหม้อมาเลย ได้ยินว่าลูกชายของป้ามะลิจะมาใช่ไหมคะ จะได้ไม่ต้องทำอาหารหลายรอบให้เสียเวลา ฝากนับดาวไว้ที่นี่ก่อนนะคะ” เนตรแพรตอบกลับยาวเหยียดพลางคว้าถุงที่เพิ่งวางขึ้นมา แต่ก็ถูกมะลิวัลย์เรียกไว้เสียก่อน“จะกลับไปทำที่บ้านทำไมลูก ทำที่นี่แล้วก็อยู่กินพร้อมกันเลยลูก” นางบอกอย่างเกรงใจที่หญิงสาวต้องเดินไปเดินมาระหว่างบ้านของตนกับนาง จึงบอกให้ทำอยู่ที่บ้านหลังนี้เสียเลยจะได้ไม่ขาดเหลืออะไร“แต่ว่า…”“ไม่มีแต่ ทำที่นี่แหละ มีอะไรจะได้ช่วยกัน”“ก็ได้ค่ะ จะได้ดูนับดาวด้วยว่าตื่นมางอแงรึเปล่า”เนตรแพรจัดการอาหารอยู่ภายในครัว โดยมีหลานสาวของป้าสายใจแม่บ้านของท
หลังจากที่เนตรแพรกลับจากงานแต่งงานของสุธีราและแฟนหนุ่ม หญิงสาวก็กลับมาใช้ชีวิตที่แสนเรียบง่ายของตนกับลูกน้อยวัยสามเดือนเศษ และพยายามไม่คิดถึงคนใจร้ายที่เธอเพิ่งเจอเมื่อไม่นานมานี้บรรยากาศที่แสนสบายที่หาไม่ได้ในเมือง เนตรแพรอุ้มลูกสาวตัวน้อยไปฝากมะลิวัลย์ช่วยเลี้ยงดูในช่วงที่ออกไปทำงานในคราแรกหญิงสาวจะจ้างพี่เลี้ยงเด็กช่วย แต่ทางผู้ใจดีอย่างป้ามะลิที่เอ็นดูเจ้าตัวเล็กตั้งแต่ครั้งแรก ขันอาสาที่จะดูแลหนูน้อยให้ แต่ด้วยความเกรงใจไม่อยากรบกวนเธอจึงขอพาลูกไปเลี้ยงที่ทำงาน ทุกคนต่างพากันเอ็นดูช่วยกันเลี้ยงแต่ทางมะลิวัลย์เห็นว่าจะรบกวนการทำงานของเนตรแพรจึงขอให้เอาเจ้าหนูมาช่วยเลี้ยงดูระหว่างที่ทำงาน โดยให้เหตุผลต่าง ๆ นานา จนทำให้เนตรแพรยอมที่จะฝากลูกน้อยไว้กับนาง และเพียงเห็นว่านางเอ็นดูลูกสาวของเธอก็ดีใจแล้ว“สวัสดีค่ะป้ามะลิ”“มาเช้าจังเลยนะหนูเนตร” คุณมะลิวัลย์เดินตรงเข้ามาหาเนตรแพร หลังจากวางสายจากใครบางคนเมื่อครู่นี้ ก่อนที่จะอุ้มรับน้องนับดาวเด็กน้อยวัยแบเบาะจากคุณแม่ยังสาว“เนตรแค่มาก่อนเวลานิดเดียวเองค่ะป้ามะลิ ว่าจะรีบไปทำงานที่ค้างให้เสร็จก่อนไปซื้อของเข้าบ้านน่ะค่ะ”“ขยันไม่เปล
ในจังหวะที่เนตรแพรกำลังจะหันไปตอบเพื่อนสาว พลันสายตาคู่หวานที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มกลับเลือนหายไป มีแต่ความกลัว ความกังวล เต็มไปหมด เมื่อพบกับสายตาคู่คมของใครบางคนที่ไม่เคยลืมเขาแม้แต่ครั้งเดียว ก่อนหันไปกระซิบบางอย่างกับเพื่อนและกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกจากงานไปอย่างรวดเร็ว“เนตร เนตรแพร”ศรุตร้องเรียกชื่อของคนที่เฝ้าตามหามาตลอดหนึ่งปีสุดเสียง ทำเอาคนในงานมองเจ้านายหนุ่มรูปหล่อ ที่กำลังวิ่งตามอดีตพนักงานต้อนรับของโรงแรมด้วยความตื่นตะลึง ทินกรและตุลธรวิ่งตามเจ้านายหนุ่มออกมาเช่นกัน“เนตร เดี๋ยวรอฉันก่อน”ศรุตร้องตะโกนสุดเสียงเรียกเนตรแพรเอาไว้พร้อมวิ่งเข้าหาเธออย่างรวดเร็ว และในที่สุดเขาก็คว้าเข้ากับแขนเรียว“ปล่อยฉันนะ” เนตรแพรพยายามดีดดิ้นและบิดท่อนแขนของตนออกจากมือหนาของเขาราวกับรังเกียจ“ไม่ ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปไหนอีกแล้ว”“ฉันบอกให้ปล่อย” หญิงสาวรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีผลักศรุตให้ออกห่างก่อนที่จะนำพาตัวเองขึ้นรถแท็กซี่ที่จอดให้บริการอยู่หน้าโรงแรมและกำลังหนีเขาไปอีกครั้ง“โธ่เว้ย!” เจ้าของโรงแรมหนุ่มสบถลั่นออกมาอย่างหัวเสีย“ตุลา ไปสืบให้กูเดี๋ยวนี้ว่ารถคันนั้นไปส่งเนตรแพรที่ไหน”“ได้ครับ” รับค
“เนตรก็คิดถึงพี่สุค่ะ” เสียงหวานตอบกลับตามแบบฉบับของตน ทันทีที่ได้ยินเสียงของเนตรแพรทำให้ชายหนุ่มรู้สึกมีความสุขและหวังจะได้พบใบหน้าหวานในเร็ววัน“พี่สุมีอะไรหรือเปล่าคะ” คนปลายสายเอ่ยถามเมื่อสุธีราเงียบไปราว ๆ สองนาที“อ๋อ...ที่พี่โทร.หาน้องเนตรมีเรื่องสำคัญอยากจะบอกน่ะ”“เรื่องอะไรเหรอคะ”“พี่กำลังจะแต่งงาน ก็เลยอยากจะชวนน้องเนตรมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวน่ะ”“อ๋อค่ะ ประมาณวันไหนเหรอคะ เนตรจะได้ดูว่าว่างไหม” เนตรแพรเงียบไปสักพักใหญ่ ๆ ก่อนจะเอ่ยถามวันจัดงาน“สิ้นเดือนนี้จ้ะ พี่ขอที่อยู่ของน้องเนตรได้ไหม เดี๋ยวพี่จะส่งชุดเพื่อนเจ้าสาวไปให้”“เอ่อ ที่อยู่เนตรยังไม่สะดวกให้ค่ะพี่สุ เนตรขอโทษนะคะ ลืมถามไปเลยค่ะว่างานแต่งพี่จัดที่ไหนเหรอ”เนตรแพรเลือกที่จะเปลี่ยนคำถามเสีย เพราะเธอไม่อาจให้คนที่โรงแรมรู้เรื่องที่อยู่ของตนได้ เพราะกลัวว่าศรุตจะตามหาเธอพบ“โรงแรม ธาดากรณ์ที่พี่ทำงานนี่แหละ”“เนตรไม่สะดวกแล้วค่ะ” ทันทีที่ได้ยินถึงสถานที่จัดงานแต่งของสุธีรากับคนรัก เนตรแพรรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็วแบบไม่ต้องใช้เวลาคิดไตร่ตรองอะไรเลยหลังจากได้ยินคำตอบของเนตรแพร ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของศรุตพลันหายวับไปกับตา
หลังจากการประชุมเสร็จเรียบร้อยศรุตยังคงนั่งอยู่ประจำที่เดิมไม่ได้ลุกไปไหน ภายในห้องประชุมขนาดใหญ่หลายคนที่นั่งอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ทั้งทินกร ตุลธร สุธีรา รวมทั้งพนักงานอีกสองคนที่เป็นเพื่อนร่วมงานของเนตรแพรอย่างขวัญนภาและเจนจิรา นั่งอยู่ตรงหน้า ทุกคนต่างพากันคิดว่าเข้ามาอยู่ในห้องปกครองเหมือนสมัยเรียนเสียอย่างนั้น ถึงแม้ไม่ได้ทำความผิดอะไรก็ย่อมตกใจกลัวได้เช่นกันว่าพวกเขาเผลอไปทำอะไรผิดอีกหรือเปล่า แต่นึกไปนึกมาก็ไม่น่าจะมีอะไร“เอ่อ...คุณเสือเรียกพวกเรามา มีเรื่องสำคัญอะไรหรือเปล่าคะ” คนที่อายุมากกว่าอย่างสุธีราเป็นคนพูดขึ้นแทนน้อง ๆ ที่นั่งอยู่รวมกัน“ได้ข่าวเนตรแพรบ้างไหม” ทุกครั้งที่ศรุตถามต่างมีความหวังเหลือล้น“ยังเลยค่ะคุณเสือ พวกเราช่วยสืบดูจากบัญชีแอ็กเคานต์เฟซบุ๊กของยัยเนตรแล้ว แต่ยังไม่มีการเคลื่อนไหวเลยค่ะ ไม่รู้ว่ามันจะบล็อกเราไปอีกนานแค่ไหน” ขวัญจิราบอกด้วยความเป็นห่วงเนตรแพรไม่แพ้ศรุตศรุตพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เขารู้ว่าทุกคนต่างช่วยตามสืบหาเนตรแพรเหมือนกับตน ก่อนหันไปถามลูกน้องทั้งสองคนเช่นกันว่าได้เรื่องอะไรบ้างหรือไม่“แล้วพวกแกล่ะ”“ยังไม่มีข่าวเหมือนกันครับ” ทินกร