“อากาศเริ่มเย็นแล้ว ให้นางสวมเสื้อผ้าหนาๆด้วย” “ทราบแล้วขอรับ” “ไม่มีอะไรแล้วก็ออกไปเสีย” พ่อบ้านถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วก้าวออกไป ห้องนี้จึงตกอยู่ในความเงียบงันอีกครั้ง สายตาของกู้ตงหยางไล่อ่านข้อความบนกระดาษ เขาส่งอ้ายเสิ่นไปสืบประวัติของจ้าวจื่อรั่วที่เมืองหลวง ดูเหมือนว่า...นางจะเป็นแค่ลูกอนุที่ไร้พิษภัยจริงๆ ตั้งแต่เดือนแรกที่นางหายตัวไป ฮ่องเต้ส่งทหารคนสนิทมาสอบถาม อาจไม่เชื่อว่านางหายไปและคิดว่าเขาสังหารนางเพื่อต่อต้านฮ่องเต้ก็เป็นได้ เมื่อเห็นว่าเขายังส่งคนตามหานางไม่หยุดหย่อนจึงได้กลับไป ไม่นานก็สาส์นจากฮ่องเต้ให้เขาตามหาจ้าวจื่อรั่วให้พบ แม้ไม่มีคำสั่งนั้น เขาก็ทำอยู่แล้ว สายลมเหมันต์พัดผ่านอีกระลอก เสียงกระดิ่งลมดังขึ้นอีกครั้ง ทุกคราวที่อากาศหนาวเย็น ร่างกายเหมือนถูกเข็มเล่มเล็กๆ ทิ่มแทงไปทั่วร่าง ร่างกายเขาถูกพิษตั้งแต่ทำศึกป้องกันชายแดนเมื่อห้าปีก่อน แม้เอาชีวิตรอดมาได้แต่พิษยังอยู่ในร่างไม่อาจขับออกมาได้หมด เขาจึงต้องทนรับความทรมานนี้มานานหลายปี จนกระทั่งข้างกายมีร่างนุ่มนิ่มมานอนเคียงข้าง ใครเลยจะร
ตงเจียวโจวรีบเข้ามาช่วยฉุดนางขึ้นจากน้ำมาบนเรือ สองสามีภรรยาล่องเรือผ่านมาพอดี ไม่รู้โชคชะตาเล่นตลกอันใดกับชีวิตของนาง ได้บังเอิญมาพบตงเจียวโจวฉายาหมอเทวดาที่ตามหาตัวได้ยากยิ่ง ท่านหมอตงพาภรรยาที่สติไม่ค่อยดีท่องเที่ยวทั่วหล้า เพื่อหวังให้ลืมเรื่องที่สูญเสียลูกสาวไป แม้เป็นคนที่ผู้อื่นยกย่องว่าเป็น ‘หมอเทวดา’ แต่กลับไม่สามารถรักษาภรรยาของตนได้ และด้วยสภาพร่างกายของหญิงสาวแปลกหน้าที่อ่อนแอมาก ท่านหมอตงจึงหยุดเดินทางมาพักที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งเพื่อรักษานาง แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใด ซูเม่ยที่สติไม่ดีกลับเปลี่ยนไปเหมือนคนปกติทุกอย่าง เว้นเสียแต่ว่าซูเม่ยคิดว่านางเป็นลูกสาวที่ตายไป ‘ขอโทษเจ้าด้วย เรื่องเป็นเช่นนี้ทำให้เจ้าลำบากใจ’ ‘ไม่เลยเจ้าคะ เป็นข้าที่ติดหนี้บุญคุณท่านทั้งสอง’ ‘นังหนู ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเจอเรื่องใดมา แต่เพื่อรักษาชีวิตในครรภ์นี้ เจ้าต้องอยู่นิ่งๆบนเตียงอย่างน้อยก็หนึ่งเดือน เจ้าอยากให้ข้าติดต่อสามีของเจ้าหรือไม่’ ‘ท่าน...ท่านว่าอะไรนะเจ้าคะ’ ‘ไอ้หย่า! นี่เจ้าไม่รู้รึ เจ้าตั้งท้องอยู่’ ‘ข้า...
หมอตงเจียวโจวแนะนำง่ายๆ และเขาเองก็ไม่เซ้าซี้ถาม หลายปีก่อนเขาเคยพบหมอตงเจียวโจวมาก่อน ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนแนวคิดจนขอคารวะนับถือท่านเป็นอาจารย์ หมอตงไม่เคยรับลูกศิษย์แต่เพราะถูกชะตาจึงรับเขาไว้ หลังจากนั้นหมอตงก็พาภรรยาเดินทางจากไป เขาได้ข่าวคราวอยู่บ้างและกำชับคนของร้านในสาขาต่างๆ หากท่านหมอตงต้องการความช่วยเหลือให้ไม่ว่าเรื่องใดก็สามารถทำได้เต็มที่แล้วค่อยรายเขาทีหลัง ฉินหวังเหล่ยจำนางได้ แต่ในเมื่ออาจารย์เรียกนางว่าลูกบุญธรรม เขาก็ไม่คิดถามหาเหตุผลอีก เรื่องแม่ทัพกู้ใช้ภรรยาตนเองเพื่อจับโจรนั้น เขาไม่อาจก้าวกายการทำงานได้ แต่ก็ไม่อาจนับถือบุรุษเช่นนี้ได้เช่นกัน นางดูอ่อนแอจนน่าสงสารซ้ำยังตั้งครรภ์อีกด้วย ชายผู้นั้นยังทำได้ถึงเพียงนี้ นางเองก็ไม่มีทีท่าว่าอยากพูดถึงเรื่องนั้น เขาจึงไม่เคยปริปากว่ารู้ตัวตนที่แท้จริง หลังจากรักษาตัวจนหายดี เขาจึงเดินทางกลับสกุลฉิน เพราะเถลไถลมานานจึงต้องกลับไปช่วยดูกิจการของครอบครัว แต่ครั้งนี้เขาขอพี่ใหญ่มาทดูแลกิจการสาขาด้วยตนเอง ทำให้เขามาอยู่ชายแดนและเมื่อมีเวลาก็มาเยี่ยมอาจารย์ทั้งสอง นางคลอดลูกเป็นชาย เดิมทีเขาคิดว่านา
ท่าทางอิดโรยของเขาและเสื้อผ้าสกปรกนั้น แสดงให้เห็นว่าเขาเพิ่งกลับมาจากสืบข่าวให้ท่านแม่ทัพกู้ เสี่ยวฉู่รีบวิ่งไปหาด้วยความหวัง“ได้ข่าวฮูหยินบ้างหรือไม่”อ้ายเสิ่นส่ายหน้าไปมา “เจ้าอย่าเพิ่งหมดหวังไป อย่างไรข้าต้องสืบข่าวฮูหยินให้พบ”“ข้าไม่เคยหมดหวัง ข้าเชื่อว่าคนดีอย่างฮูหยินยังมีชีวิตอยู่ เพียงแค่...นางอาจอยู่ที่ใดที่หนึ่งที่เราหาไม่พบ”“ข้าก็คิดเช่นนั้น” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ “ข้าไปพบท่านแม่ทัพก่อน”“อื้ม ข้าจะเตรียมน้ำแกงร้อนๆไว้ให้นะ” เสี่ยวฉู่ยิ้มให้แล้วมองแผ่นหลังของอ้ายเสิ่นเดินจากไป ตั้งแต่ฮูหยินไม่อยู่ ท่านแม่ทัพก็ไม่ได้กลับมานอนที่เรือนอีก มักจะนอนที่ห้องหนังสือหรือไม่ก็อยู่ค่ายทหาร นางเชื่อว่าท่านแม่ทัพเองก็คงทุกข์ใจไม่น้อย เสียงกระดิ่งลมดังเบาๆ ทำให้เสี่ยวฉู่นึกถึงใบหน้าแย้มยิ้มทีความสุขของฮูหยิน ฮูหยินของนางจิตใจดีถึงเพียงนั้น คงแค่...แค่น้อยใจท่านแม่ทัพจึงยังไม่อยากกลับมาก็ได้ นางเชื่อสุดจิตสุดใจว่าฮูหยินยังมีชีวิตอยู่ทุกคนในจวนนี้เฝ้ารอให้ฮูหยินกลับมาเสียงไอโขลกๆ ดังมาจากหลังบานประตู อ้ายเสิ่นชะงักเท้าด้วยใจกังวล เขาสูดลมหายใจลึกก่อนพูดออกไป“ท่านแม่ทัพ ข้าอ้ายเส
การถูกปกป้องมันรู้สึกเช่นนี้เองหรือ? หัวใจของนางเต็มตื้นด้วยความอิ่มเอมใจ“เจ้าค่ะ ท่านพ่อท่านแม่ไปไหน ข้ากับเจ้าอ้วนน้อยก็ขอติดตามไปด้วย”“ดีแล้วๆ”“เช่นนั้น ข้าฝากเจ้าอ้วนน้อยไว้กับท่านแม่ก่อนนะเจ้าค่ะ”“รู้แล้วๆ จะไปทำอะไรก็รีบไป” ซูเม่ยพูดพลางอุ้มเจ้าอ้วนน้อยเดินเล่นดูสมุนไพรที่ปลูกไว้รอบๆบ้านจ้าวจื่อรั่วยิ้มบางๆ แล้วเดินไปซักผ้าหลังบ้าน ตั้งแต่ตกน้ำครั้งนั้น นางไม่กล้าเข้าใกล้แม่น้ำอีก คุณชายฉินจ้างคนหาบน้ำมาใส่ตุ่มไว้ให้ แม้กระท่อมที่อยู่จะไม่ไกลแหล่งน้ำ แต่นางก็อดเกรงใจไม่ได้ ทุกครั้งที่สายตาห่วงใยของเขาทอดมอง นางได้แต่หลบตาและแสร้งทำเป็นไม่เห็น เขาเป็นบุรุษที่ดีไม่รังเกียจหญิงแม่ลูกอ่อนอย่างนาง ไม่เคยถามเรื่องสามีหรือที่มาที่ไปของนาง แต่นางก็ไม่เคยคิดเป็นอื่นใด ไม่ใช่แค่ฉินหวังเหล่ย บุรุษหน้าไหนนางก็ไม่คิด นางไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่า ‘ความรัก’ เช่นหนุ่มสาว แม้กับกู้ตงหยาง นางเองก็ไม่อาจพูดได้ว่ารู้สึกอย่างไรกับเขา แน่นอนว่าเขาคือสามีของนาง แต่มันก็เป็นเพียงหน้าที่ นางถูกส่งมาแทนเจ้าสาวตัวจริง แม้ทุ่มเทกายใจไปมากเพียงใด เขาก็ไม่เคยเห็นค่า การที่นางหายตัวไปเช่นนี้อาจเป็นผ
คราวนี้นางไม่อาจขัดขืนได้อีก ยอมให้เขาประคองแหวกว่ายสายน้ำมาที่ฝั่ง นางหลุบตาลงไม่กล้ามองหน้าเขา เรื่องราวมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัว เหตุใดเขามาอยู่ที่นี่...หรือว่า...เขารู้เรื่องเจ้าอ้วนน้อย!“ท่านแม่ทัพ! เอ๊ย! คุณชายกู้!” อ้ายเสิ่นร้องเรียกอยู่บนฝั่ง เขาไม่รู้เรื่องรู้ราวอันใดเลย เพียงครู่เดียวเท่านั้นก็เห็นท่านแม่ทัพที่ปลอมตัวมาในฐานะคนธรรมดาใช้วิชายุทธแทบเหาะเหินไปเหนือผิวน้ำก่อนพุงลงไปช่วยคนผู้หนึ่งไว้“หันไป!”“ขอรับ!” อ้ายเสิ่นหันหลังขวับทันที รู้เพียงแค่ว่าท่านแม่ทัพกอดประคองหญิงสาวไว้แนบอก เขาได้แต่กัดฟันข่มความโกรธ เหตุใดท่านแม่ทัพถึงกล้าสนิทสนมกับหญิงอื่นถึงเพียงนี้! แล้วฮูหยินที่น่าสงสารเล่า! ท่านแม่ทัพลืมไปแล้วหรือไร! กู้ตงหยางยกเอวบางขึ้นจากน้ำให้นางนั่งที่ริมตลิ่ง เสื้อผ้าที่นางสวมแม้เป็นเพียงชุดของหญิงชาวบ้านแต่ยามนี้เปียกน้ำรัดรึงทุกสัดส่วนเผยร่างอวบอิ่มเย้ายวนตาจนเขาแทบลืมกะพริบตาไปเลยทีเดียวไม่เจอกันปีเดียว นางเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้เชียวหรือ? เพราะรู้ว่าสายตาของอีกฝ่ายจ้องมองส่วนใด จ้าวจื่อรั่วรีบยกมือขึ้นปกปิดหน้าอกอวบอิ่มและย
“ท่านแม่” หญิงสาวหันไปขอความช่วยเหลือจากซูเม่ย “ช่วยชีวิตเขาด้วยเจ้าค่ะ” ซูเม่ยเลิกคิ้วประหลาดใจ“เหตุใดข้าต้องช่วยคนผู้นี้” “เขา...เขา...” “ฮู...ฮูหยิน...” อ้ายเสิ่นเปล่งเสียงออกมาจนได้ “ฮูหยินจริงๆ ด้วย... ท่าน...ท่านยังมีชีวิตอยู่” “ยังไม่ไปเอาผ้ากับน้ำมาอีก!” นางสั่งน้ำเสียงเฉียบขาดทำให้อ้ายเสิ่นได้สติรีบวิ่งไปทันที จ้าวจื่อรั่วประคองร่างเขาเอนตัวลงนอนบนเตียง ใบหน้าแม่ทัพใหญ่ที่หยิ่งทะนงซีดเซียวจนน่าเวทนา นางไม่เคยเห็นเขาเป็นเช่นนี้มาก่อน ริมฝีปากก็แทบกลายเป็นสีเขียวคล้ำ นี่เขา...ถูกพิษร้ายแรงจริงๆหรือ? มือเรียวสั่นน้อยๆ ขณะยื่นไปแตะแก้มที่ซูบตอบของเขา ทำไมถึงผอมลงถึงเพียงนี้นะ นางหันหน้าไปทางซูเม่ย ดวงตามีหยาดน้ำใสเอ่อคลอ “ท่านแม่... ข้าขอร้อง” มือแกร่งยื่นมือกุมมือนางไว้“เจ้า...อย่า...ลำบาก...เพราะข้า” “เวลานี้แล้วยังจะมาพูดเช่นนี้อีก” นางหันไปทำหน้าดุใส่ “ท่านจะตายไม่ได้!” มีชีวิตมาถึงบัดนี้ ไม่เคยมีใครกล้าตวาดใส่ กู้ตงหยางกลับรู้สึก ‘ชอบ’ ที่เห็นนางทำเ
“ท่าน...” นางส่ายหน้าไปมา นี่ไม่ใช่แม่ทัพกู้ตงหยางที่นางรู้จัก “ท่านถูกพิษบาดเจ็บสาหัสเป็นแน่ถึงได้พูดจาเหลวไหลวเช่นนี้ได้” “เอาล่ะๆ” ซูเม่ยโบกมือไปมา “ถ้าเจ้าหนุ่มนี้เป็นสามีเจ้า เขาก็เป็นพ่อเจ้าอ้วนน้อยสินะ ถ้าเป็นพ่อเจ้าอ้วนน้อย ข้าจะหาทางขับพิษให้ ข้าไม่อยากเห็นหลานข้าเป็นกำพร้า” “พ่อ? เจ้าอ้วนน้อย?” สองคำนี้ราวกับก้อนหินทุบศีรษะกู้ตงหยางอย่างแรง เขาจ้องหน้าภรรยาตัวเองเค้นหาคำตอบ “นี่เจ้าเป็นสามีนางจริงๆรึ! เมียท้องก็คงไม่รู้สินะ มิน่าเล่า รั่วเอ๋อร์ถึงไม่อยากกลับไปอยู่กับเจ้า!” กู้ตงหยางสูดลมหายใจสะกดอารมณ์พลุ่งพล่านในอก นางโกรธเกลียดเขามากถึงเพียงนี้ ถึงขนาดตั้งท้องคลอดลูกก็ยังไม่ยอมบอกเขา!ความทุกข์ระทมข่มขืนแล่นไปทั่วร่างเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าพิษเย็นในร่างกำเริบ นางเป็นเพียงสตรีตัวเล็กๆ ผู้หนึ่ง แต่สามารถทำให้เขาเจ็บปวดเจียดตายได้ ช่างเก่งกาจจนอยากสรรเสริญให้โลกรู้ว่าข้า-กู้ตงหยางฉายาแม่ทัพปีศาจได้พ่ายแพ้แก่สตรีที่มีนามว่าจ้าวจื่อรั่วแล้ว. หลังจากซูเม่ยช่วยสกัดพิษไม่ให้กำเริบ กู้ตงหยางจึงมีแรงขึ้น เขาผ
เมื่ออยู่ในอ้อมกอดที่คุ้นเคย จ้าวจื่อรั่วก็ปล่อยให้ตัวเองได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ จนเมื่อร่างกายพักผ่อนเต็มอิ่ม ดวงตาที่ปิดสนิทจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือแววตาอ่อนโยนและห่วงใยของสามี “ท่านพี่นั่งเฝ้าข้ามานานเท่าใดแล้ว” หญิงสาวเอ่ยถามน้ำเสียงแหบแห้งแล้วยันกายขึ้นนั่ง กู้ตงหยางเห็นดังนั้นจึงขยับกายเข้าไปประคอง “ทำไมรีบตื่นเช่นนี้ เจ้าเพิ่งกลับไปชั่วยามเดียว” “ตั้งหนึ่งชั่วยาม” หญิงสาวเอนซบแผ่นอกแกร่ง ฝ่ามือหยาบกร้านวางบนหน้าท้องของหญิงสาวนางจึงวางมือของตนบนมือใหญ่โตของเขา “ลูกเป็นเด็กดี ไม่เกเรแม้แต่น้อย” “เจ้าก็ไม่ควรหักโหมเกินไป” “นี่ท่านตำหนิข้ารึ” นางเงยหน้าขึ้นเห็นหนวดเคราของผู้เป็นสามีก็รู้ว่าเขาแทบไม่ได้ดูแลตนเองเลย แต่กระนั้นนางก็ขยับกายเล็กน้อย ยื่นริมฝีปากไปประทบกับริมฝีปากหยักสวยของเขาเบาๆ ถูกนางเอาอกเอาใจเช่นนี้ หัวใจของเขามิใช่ก้อนหินจึงอ่อนยวบลงทันที ทุกวันนี้เขาแทบประคองนางไว้ในอุ้งมือแล้ว “รักษาเสร็จแล้ว เราก็เตรียมตัวกลับกันเลยดีไหม” “คุณหนูหล
ท่านเสนาบดีชาชินกับการรู้ข่าวว่ามีหมอมารักษาบุตรสาว หลายเดือนมานี้ยอมรับว่าความหวังของเขาริบหรี่ ครั้งนี้พ่อบ้านมารายงานเรื่องซย่าเจียวซิ่งเชิญหมอหญิงมารักษาหลี่หรู เขาก็ได้แต่ถอนหายใจ “ดูแลเรื่องสำรับอาหารให้ดีอย่าให้ขาดตกบ่งพร่อง” “ขอรับนายท่าน” พ่อบ้านรับคำสั่ง “แล้ว...นายท่านไม่ไปเยี่ยมคุณหนูหรือขอรับ” “ข้าก็เป็นห่วงนาง แต่สภาพนางตอนนี้ก็เหมือนคนตายทั้งเป็นอยู่แล้ว”เสนาบดีได้แต่ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า หากไม่เพราะฮูหยินร่างกายอ่อนแอคลอดบุตรสาวแล้วก็ไร้บุตรให้เขาอีก เขาเลี้ยงดูหลี่หรูดุงประคองในอุ้งมือ มิให้นางต้องกลายเป็นเบี้ยหมากให้ผู้ใด แต่เพื่อปกป้องดวงใจของเขาแล้ว เห็นมีเพียงซย่าเจียวซิ่งที่ปกป้องนางได้ แม้เขาจะรู้ดีว่าทั้งสองมิได้มีใจให้กัน แต่เขาเชื่อใจว่าซย่าเจียวซิ่งจะดูแลบุตรสาวเขาให้ดีหลายเดือนมานี้เขาเหมือนแก่ขึ้นนับสิบปี ยิ่งพยายามยิ่งถอยห่าง เขาและฮูหยินเคยพูดคุยกัน หากครึ่งปีนี้บุตรสาวยังไม่ตื่นฟื้น...เขาจะลาออกปลดภาระหน้าที่ทั้งหมด อพยพไปแดนใต้ที่อบอุ่น อาศัยช่วงชีวิตสุดท้ายกับครอบครัวซย่าเจียวซิ่งเป็นเพียงคู่หมั้
“แน่นอน ไม่ว่าอย่างไรข้าจะรับนางเป็นชายา มีนางเป็นหนึ่งเดียวไม่มีหญิงอื่น” นั้นคือสิ่งที่เขาให้สัญญากับหลี่หรูไว้ “มีคนต้องการชีวิตของนาง นางมิได้ล้มป่วยแต่ถูกพิษ” “ถูกพิษ! ฮูหยินของท่านรักษาหรูเอ๋อร์ได้หรือไม่” กู้ตงหยางพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้นยืน “เรื่องรักษานางไม่ต้องเป็นห่วง ฮูหยินของข้ารักษาสุดความสามารถ ที่นางทำก็เพราะสงสารและสตรีที่ตั้งครรภ์ แต่ที่เมื่อคุณหนูหลี่หรูปลอดภัยดีแล้ว ข้าจะพาฮูหยินของข้ากลับ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องใดทั้งสิ้น หากมีใครกล้าขัดขวาง อย่าหาว่าข้าไม่เตือน” กู้ตงหยางหมุนตัวเดินออกไปอย่างเงียบเฉียบไร้ร่องรอย ราวกับนี้เป็นบ้านของเขาเอง ด้านนอกคือทหารเวรยามที่หมดสติ อี้ซวนเดินตามหลังแม่ทัพกู้เงียบๆ ทั้งสองใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้นบนหลังคาแล้วเตรียมตัวกลับที่พักที่หลบซ่อนของตน “ข้าจะไปหาเมียข้า เจ้าไม่ต้องตามไปก็ได้” “เหอะ! พอหมดประโยชน์ก็ถีบหัวไล่ส่ง” “แต่ก่อนเจ้ามิได้อยากไปอยู่แล้วนี่ หรือเพราะแม่นางซีซวนทำให้เจ้าอยากไป” “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า” “เห็นแ
บุรุษหนุ่มกรอกสุราลงคอแล้วขวดสุราทิ้ง เสียงขวดกระเบื้องแตกแต่ไม่มีบ่าวรับใช้คนใดกล้าเข้ามาใกล้ แม้อยู่ในตำหนักหรูหราแต่ไม่ต่างจากกรงขัง “เอาเหล้ามาอีก!” “ฮองเฮารับสั่งห้ามมิให้องค์รัชทายาทดื่มสุราแล้วเพคะ” เสียงหัวเราะขื่นๆดังขึ้น หลังบานประตูมีการเคลื่อนไหว แต่รัชทายาทเฉียนฟานไม่ได้สนใจ สุราหมดไปเท่าไหร่ไม่อาจรู้ ในเวลานี้เขามีเพียงสุราเท่านั้นที่ช่วยปลอบประโลมความทุกข์ใจ เป็นถึงรัชทายาทแต่ก็ไม่ต่างจากหุ่นเชิดที่ไม่อาจทำสิ่งใดได้ตามใจ แม้กระทั่งเลือกคู่ครองด้วยตนเอง ‘ซย่าเจียวซิ่ง’ คนผู้นั้นแค่เอ่ยชื่อก็เหมือนมีคมมีดมากรีดผิว ไม่ว่าเขาจะทำสิ่งใดล้วนถูกเปรียบเทียบกับซย่าเจียวซิ่งอยู่เสมอ ทั้งที่เขาเป็นถึงรัชทายาท เป็นโอรสของฮ่องเต้และฮองเฮาแห่งแคว้นหลู่ แต่กลับถูกเปรียบเทียบกับเชื้อพระวงศ์ปลายแถวอย่างซย่าเจียวซิ่ง แรกทีเดียวที่เขาเสนอชื่อคนผู้นั้นในท้องพระโรงส่งไปชายแดนก็เพื่อไปให้ไกลหูไกลตาเขา ทว่าคนผู้นั้นกลับสร้างผลงานยิ่งใหญ่ ปกป้องแคว้นหลี่ทำสัญญาสงบศึกได้สำเร็จ คุณงามความดีใหญ่หลวงชื่อเสียงกระฉ่อน ตำแหน่งของซย่าเจียวซิ่งด้อยกว
ฮูหยินเสนาบดีรีบสาวเท้าเข้ามาที่เรือนของบุตรสาว ทันทีที่บ่าวรับใช้มารายงานว่าผู้บัญชาการซย่าพาหมอหญิงมารักษาหลี่หรู ชายหนุ่มประสานมือคารวะเมื่อเห็นฮูหยินใหญ่ก้าวมายืนเบื้องหน้า “ฮูหยิน” “คนกันเองไม่ต้องมากพิธี” หญิงวัยกลางคนที่ยังคงผิวพรรณผุดผ่องงดงามมีเพียงแววตาที่เต็มไปด้วยความทุกข์ใจ “ได้ยินว่าเจ้าพาหญิงหญิงมารักษาหรูเอ๋อร์ของข้า” “ขอรับ” “เชื่อใจได้รึ” นางเป็นห่วงลูก หัวอกคนเป็นแม่ยอมกินไม่ได้นอนไม่หลับเมื่อเห็นลูกสาวอยู่ในสภาพนี้ “ข้าเชื่อใจนาง” แม้ได้ยินเช่นนั้นแต่ฮูหยินก็ยังไม่วางในนัก หมายจะเดินเข้าไปด้านในแต่ซีซวนยืนเฝ้าประตูอยู่ขยับเท้าขวางไว้ก่อน “บังอาจ! เจ้าคิดว่าตนเป็นใครจึงมาขวางทางข้าเช่นนี้!” “ขออภัยฮูหยิน” ซีซวนยังคงสวมชุดดำด้วยความเคยชิน “ซีซวนทำตามหน้าที่โปรดฮูหยินให้อภัย” “เหตุใดข้าจะเข้าไปดูลูกสาวข้ามิได้!” “หมอหญิงกำลังทำการรักษา การฝังเข็มต้องใช้สมาธิสูงจึงไม่อาจให้ผู้ใดเข้าไปรบกวน” “แม้แต่ข้าที่เป็นมารดาข
จ้าวจือรั่วตรวจสมุนไพรที่ซีซวนนำมาแล้วก็พยักหน้ารับอย่างพอใจ นางสบตากับสตรีในชุดดำแล้วก็หยิบตลับยาส่งให้ แต่อีกฝ่ายไม่ได้ยื่นมือออกมารับกิริยาดื้อเงียบไม่เกินจากที่จ้าวจือรั่วคาดเดา “ข้าต้องการทดสอบยา เจ้าเข้ามาใกล้ๆ หน่อยสิ” เพราะคำสั่งของผู้บัญชาการคือสั่งให้นางทำตามที่จ้าวจือรั่วสั่ง ซีซวนจึงยอมก้าวเท้ามาด้านหน้า มือเรียวเปิดตลับตาแล้วใช้ปลายนิ้วป้ายขี้ผึ้งเนื้อสีเขียวใสราวหยกเนื้อดีแล้วป้ายบริเวณแผลเป็นของอีกฝ่าย หญิงสาวในชุดดำผงะถอยหลังตามสัญชาตญาณ “อยู่นิ่งๆ” น้ำเสียงราบเรียบไม่เชิงสั่งแต่ทำให้อีกฝ่ายยืนนิ่งได้ ขี้ผึ้งเนื้อเย็นชวนให้รู้สึกผ่อนคลายและยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ อีกด้วย “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ยี่ระต่อแผลเป็น แต่เมื่อบาดเจ็บควรรักษา แผลเหล่านี้นานวันเข้าก็สร้างความเจ็บป่วยโดยไม่รู้ตัวได้ เอาล่ะ เจ้าเก็บไว้ ใช้ทุกวันจะช่วยรักษาอาการเจ็บเรื้อรังให้เบาบางลงได้” “เอ่อ...” “ขอบคุณสิ!” ไฉ่หงรีบพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าซีซวนยังยืนนิ่งอยู่ “ไฉ่หงอย่าเสียมารยาท” จ้าวจื่อรั่วดุสาวใช้อายุน้อย ไฉ่หงชะงักไปแล
ไฉ่หงกวาดตามองขึ้นๆลงๆ อย่างไม่เกรงมารยาท แต่หญิงสาวในชุดดำก็ยังคงสีหน้าเรียบนิ่งไม่แปรเปลี่ยนในมือยังจับกระบี่ไว้มั่น ในขณะที่จ้าวจื่อรั่วจิบชาสมุนไพรด้วยท่าทีรื่นรมย์ “พี่สาว...” ไฉ่หงอายุน้อยหมดความอดทนจึงเอ่ยเสียงโอดครวญขึ้นมา “ท่านผู่บัญชาการทำเช่นนี้หมายความว่าข้าดูแลพี่สาวไม่ดีรึเจ้าคะ” “เจ้าก็เป็นคนของผู้บัญชาการ จะกล่าวเช่นนี้ได้อย่างไร” จ้าวจื่อรั่วยิ้มเอ็นดูสาวใช้วัยสิบห้าของตน “แม่นางซีซวนแค่มาดูแลข้าในส่วนที่เจ้าทำไม่ได้ต่างหากล่ะ” “ข้าทำอะไรไม่ได้รึ!” สาวใช้เบ้ปากทำหน้าหงุดหงิด แต่เมื่อเจอสายตาเย็นชาของซีซวนก็ก้มหน้าหดคอเหมือนเต่าตัวน้อย “นางเป็นวรยุทธ์ แต่เจ้าไม่” จ้าวจื่อรั่วยิ้มอารมณ์ดี “เอาเถอะ เราต่างมีหน้าที่ของตน ข้าเป็นแค่หมอหญิงหน้าที่ของข้าคือรักษาคน เมื่อข้ารักษาคนผู้นั้นได้แล้วจะได้กลับบ้านไปหาลูกกับสามีเสียที” “พี่สาวอยากบ้านมากเลยรึ” ไฉ่หงพูดเสียงเบา นางอยู่ชายแดนดูแลบิดาที่ล้มป่วย มีเพียงท่านผู้บัญชาการให้ความช่วยเหลือ เมื่อให้นางเป็นสาวใช้ก็เป็นสาวใช้ แต่จ้าวจื่อรั่วใจดีกับนางมาก
ซย่าเจียวซิ่งควบม้ามายังโรงเตี้ยนชานเมืองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไอสังหารแผ่กำจายทำให้ผู้คนที่เข้าใกล้ต่างหวาดกลัวจนตัวสั่น ร่างสูงสง่าในชุดดำเพิ่มความน่าเกรงขาม เมื่อตวัดเท้าลงจากหลังม้าก็สาวเท้าเดินไปด้านหลังของโรงเตี้ยม นายทหารที่สวมชุดพรานป่าเดินเข้ามาแล้วทำความเคารพแล้วหลบไปยืนด้านข้าง ผู้บัญชาการหนุ่มพยักหน้ารับแล้วรินสุราให้ตนเอง“มีเรื่องใดที่ข้ายังไม่รู้อีกหรือไม่”ทหารสามสี่นายที่อยู่ในห้องต่างมองหน้ากันอย่างงุนงง แล้วใครคนหนึ่งก็กลั้นใจเอ่ยรายงาน“เรียนผู้บัญชาการ หลังจากที่แม่นางหลี่หรูล้มป่วยไม่ได้สติ นายท่านสั่งให้พวกเราสืบลับย้อนหลังไปก่อนที่แม่นางหลี่หรูจะล้มป่วย พวกเรารายงานเรื่องทั้งหมดให้ท่านทราบไปแล้ว”เปรี๊ยะ!เสียงจอกสุราในมือผู้บัญชาการแตกละเอียด เหล่าทหารลับในชุดนายพรานถึงกับไม่กล้าหายใจ ไอสังหารกรุ่นรอบกาย ซย่าเจียวซิ่งมองฝ่ามือตนเองที่เปียกไปด้วยสุราแต่สมองคิดถึงใบหน้าอ่อนหวานของจ้าวจื่อรั่ว นางเป็นสตรีบอบบางไร้วรยุทธ์แต่กลับล่วงรู้เรื่องของหลี่หรูมากกว่าทหารลับของเขาเสียอีก แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ช่างโง่เขลายิ่งนัก!เสียงหัวเราะในลำคอทำให้เหล่าท
แววตาจริงจังทำให้ซย่าเจียวซิ่งรู้ว่านางไม่ได้พูดเล่น และแน่นอนว่าเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ไม่ควรนำมาพูดเล่น “เจ้าตรวจแน่นอนแล้วหรือ?” เขาถามน้ำเสียงแหบแห้งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หญิงสาวพยักหน้ายืนยันคำตอบ “เกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร” สีหน้าแทบไร้เลือดนั้นทำให้จ้าวจื่อรั่วสงสารอยู่ไม่น้อย “ข้าตอบในฐานะหมอหญิง นางตั้งครรภ์อ่อนๆ อายุครรภ์ราวสองเดือนซึ่งเป็นเหตุผลที่หมอท่านอื่นอาจตรวจชีพจรมงคลไม่พบ ส่วนเรื่องที่นางหลับใหลนั้น ...ดูจากสภาพร่างกายนาง ข้าคิดว่านางถูกพิษนิทรา” “พิษนิทรา? ข้าไม่เคยได้ยิน” “แม่บุญธรรมของช้าเชี่ยวชาญเรื่องยาพิษ ข้าจึงพอรู้เรื่องเหล่านี้อยู่บ้าง” “รู้อยู่บ้าง? แล้วถอนพิษได้หรือไม่” หญิงสาวพยักหน้ารับ “ตัวยาที่ใช้ถอนพิษมีหลายชนิด ข้าจะเขียนเทียบยาให้ท่านจัดหามาให้ แต่เรื่องที่น่าเป็นกังวลคือเด็กในครรภ์ ...มิรู้ว่าจะแข็งแรงพอจะ...” “รักษานาง ส่วนเด็กนั้น...” “เด็กนั้น? ท่าเรียกได้ไร้ความเมตตาเสียจริง” เขากัดฟันแน่นจนเป็นสันนูน จ้าวจื่อรั่วสัมผัสไ