หน้าหลัก / วาย / ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า / บทที่ 1 (3.4) ยังมิทันพ้นวัน ข่าวก็แพร่กระจายออกไปไกล

แชร์

บทที่ 1 (3.4) ยังมิทันพ้นวัน ข่าวก็แพร่กระจายออกไปไกล

ผู้เขียน: เสี่ยวเทีย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-30 18:26:02

     เมืองจางแห่งนี้ข่าวไปไวยิ่งนัก เสี่ยวลู่บอกกับเขาว่าตนได้รับการทาบทามเมื่อวานตอนเช้า แต่บิดาเพิ่งบอกนางตอนหัวค่ำ ใจนางร้อนรนอยากมาหาเขาตั้งแต่ยามดึกแล้วแต่ติดที่หาจังหวะหนีออกมาไม่ได้ พอรุ่งสางของวันนี้ถึงแอบออกมาได้ในที่สุด

     พอคำนวณดูนี่ยังไม่ทันพ้นวันด้วยซ้ำ ข่าวลื่อก็ดังไปทั่วเมืองแล้ว เห็นทีเรื่องนี้ก็คงยุ่งยากไปอีกเท่าตัว

     “ไม่แปลกหรอก ทั้งสองตระกูลเป็นตระกูลพ่อค้าเหมือนกัน ร่ำรวยพอ ๆ กัน ไม่มีใครเหนือกว่าใคร ข้าเองก็คิดว่าในสักวันต้องได้เห็นงานมงคลที่เอิกเกริกสักครั้งเช่นกัน วันนี้ก็มาถึงแล้ว!”

     “ฮ่า ๆ เจ้าหวังดื่มสุรามงคลสิท่า”

     “ทั้งสองตระกูลร่ำรวยขนาดนั้น แถมตระกูลว่านและตระกูลเซี่ยก็รักหน้ารักตามากกว่าใคร จัดงานทั้งที คงเลี้ยงคนทั้งเมือง!”

     “เจ้าก็กล่าวเกินไป ยังต้องไว้หน้าวังหลวงอยู่บ้าง คงต้องบอกว่าเลี้ยงคนเกินครึ่งเมืองแทน!”

     “ฮ่า ๆ”

     กู่ซิงอีได้ฟังก็หัวเราะเสียงเยียบเย็นในใจ มือบีบจอกชาแน่นขึ้นทันที

     หึ สุราหรือ ไว้ไปขอของข้าดื่มแทนแล้วกัน!

     งานแต่งในครั้งนี้ไหนเลยจะลำบากให้พวกเจ้าลากสังขารมาดื่มสุรามงคล เพราะมันจะต้องไม่เกิดขึ้น!

     กู่ซิงอีหันมองไปทางนั้นด้วยความไม่พอใจ จดจำใบหน้าของบุรุษสามคนไว้ในใจ อารมณ์ไม่ดีราวกับตนเองเป็นคนที่ถูกบังคับตบแต่งเสียเอง

     ชั่วอึดใจต่อมาโต๊ะอีกฝั่งที่ตั้งไม่ไกลจากจุดที่สามคนนั้นนั่งอยู่ก็มีบุรุษสองคนนั่งอยู่ด้วยกัน เมื่อได้ยินบทสนทนาโต๊ะอื่นจึงเริ่มคุยกันบ้าง

     “ความจริงคุณชายว่านก็ถึงเวลาที่ควรแต่งงานได้ตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว แต่เดิมข้ายังคิดว่าที่เขาไม่แต่งฮูหยินสักทีเพราะไม่มีสตรีที่ถูกใจ หรือไม่ก็เพราะไม่มีใครอยากแต่งกับเขาเสียอีก ดูเอาเถิด มีเพียงฟ้าดินที่ล่วงรู้ ไม่ทันไรก็มีข่าวดีเสียแล้ว”

     “ชิ ๆ ๆ เจ้านี่ช่างไม่รู้อะไร จะไม่มีใครอยากแต่งให้เขาได้อย่างไร ต่อให้ขาพิการก็เถอะ แต่เงินของคุณชายว่านมีกินมีใช้ได้กี่ชาติเจ้าคงจินตนาการไม่ได้แน่! หากข้าเป็นสตรีที่งดงามคงต้องไปหลอกล่อเขาแล้ว!” พอกล่าวถึงประโยคท้าย ๆ ก็เจือแววขบขันมาด้วย

     “เอ๊ะ! หรือที่คุณชายว่านมิแต่งงานเสียทีเป็นเพราะอาจชอบบุรุษด้วยกัน”

     “นี่! วันนี้เจ้าลืมพกหัวออกมาจากบ้านด้วยหรือไร เรื่องเช่นนี้มาพูดโต้ง ๆ ได้เสียที่ไหน” มิใช่ว่าตัวเขาไม่เคยคิด ย่อมคิดมาก่อนแล้วแต่ไม่กล้าพูด คุณชายว่านแม้จะเป็นคนที่รักษาชื่อเสียงด้านดีไว้ตลอดแต่ไม่มีใครไม่รู้ว่าคนผู้นั้นมีอำนาจในมือกว้างขวางขนาดไหน แน่นอนว่าไม่มีใครอยากหาเรื่องใส่ตัว

     กู่ซิงอีทั้งหงุดหงิดทั้งหนวกหู หยิบเงินออกมาวางไว้ที่โต๊ะแล้วลุกเดินหนีออกจากร้านไป

     เสี่ยวเอ้อที่ยืนรับลูกค้าอยู่พอเห็นเขาไปแล้วก็กล่าวขอบคุณอยู่สองสามที

     แต่กู่ซิงอีก็เดินไปไม่ไกลนัก เอ่อ...เอาเข้าจริงคือกู่ซิงอีไปหยุดยืนอยู่หน้าร้านว่านเลยต่างหาก

     ในตอนนี้ก็เพิ่งจะหยิบเงินจ่ายค่าน้ำตาลปั้นที่เพิ่งกัดเข้าปากไป ตัวน้ำตาลหวานหอมมีกลิ่นเฉพาะ คราแรกแข็งเล็กน้อยแต่พอความหวานกระจายไปทั่วปากก็พาให้อารมณ์คุกรุ่นเมื่อครู่เจือจางลงไปได้พอสมควร

     อีกทั้งในกลิ่นไอของลมหายใจที่มีกลิ่นหอมเจือจางจากสุราเมื่อวานที่เขาดื่มไปก็กำจายออกมา เมื่อผสมกับความหวานของน้ำตาลเคี่ยวจนได้ที่ก็ทำให้สมองปลอดโปร่งขึ้นมากกว่าเดิม

     ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่ขนมจะทำให้เขาผิดหวัง!

     กู่ซิงอีพลันหยุดเคี้ยวเพื่อทำให้เสียงในหูเงียบลงไปก่อน เพราะเพิ่งนึกถึงคำพูดที่คนในร้านน้ำชากล่าวเมื่อครู่ขึ้นมาได้พอดี เขายืนทบทวนทุกอย่างในใจเงียบ ๆ

     ก่อนจะพึมพำกับตนเองแผ่วเบาว่า “หากตนเป็นสตรีงดงามจะไปหลอกล่อ” คิ้วได้รูปพลันยกขึ้นเล็กน้อย คิดแผนบางอย่างไว้ในใจ ก่อนจะนึกถึงบทสนทนาที่เหลือ “ชอบบุรุษ...เรื่องนี้คงไม่”

     “เอ๊ะพ่อหนุ่ม กลิ่นบนตัวเจ้าเป็นกลิ่นอะไรกัน”

     แม่ค้าขายน้ำตาลปั้นได้กลิ่นหอมสดชื่นก็เอ่ยทัก คราแรกนางยังคงไม่ได้กลิ่นอะไรแต่อาจเพราะลมของสารทฤดูที่พัดผ่านมาเมื่อครู่ทำให้ได้กลิ่นเข้าพอดี

     กู่ซิงอีที่ถูกถามก็ไม่แน่ใจว่าตนมีกลิ่นอะไร ทำหน้าสงสัยก่อนจะยกแขนเสื้อขึ้นดม อาจด้วยความเคยชินกับกลิ่นบนกายเขาเลยไม่เคยสังเกต แต่พอตั้งใจดมก็รู้ว่าที่ท่านน้าขายน้ำตาลปั้นถามถึงคือกลิ่นใด “กลิ่นสุราหมักกระมัง”

     “สุราแสงจันทร์?”

     “ท่านน้า! ท่านปราดเปรื่องยิ่งนัก” กู่ซิงอียอมรับเลยว่าหัวใจเต้นเร็วขึ้นมาหนึ่งจังหวะ คล้ายโดนจับได้ว่าตนเป็นใคร คล้ายว่ามีคนจมูกดีจนถึงขั้นจดจำสุราของตนเองได้ และอาจเป็นความปลื้มปิติระลอกหนึ่งที่ไหล่ผ่านหัวใจ จึงเผลอแย้มยิ้มโดยไม่รู้ตัว

     เสื้อคลุมตัวนอกตัวนี้เป็นชุดเดียวที่เขามี เมื่อวานกู่ซิงอีใส่หมักสุราแล้วก่อนนอนก็ถอดไปผึ่งลมไว้ แต่ดันผึ่งอยู่ในโรงเก็บสุรา กลิ่นเลยติดมาค่อนข้างมาก

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ บทส่งท้าย ตราบจนนิรันดร์

    ค่ำคืนวันนี้ไร้ดวงจันทร์คอยส่องแสงอย่างเคย ทางเบื้องหน้ามืดสนิทจนแทบมองไม่เห็นทางเดิน แต่กู่‍ซิง‍อีกลับไม่รู้สึกว่ามันน่ากลัวอย่างที่คิด อาจเป็นเพราะยามนี้เขาได้ขี่อยู่บนหลังผู้อื่น ลำตัวแนบชิดกับคนที่กำลังเดินอยู่จนไร้ช่องว่างระหว่างกาย รับรู้ได้ถึงแผ่นหลังที่สั่นไหวเบา ‍ๆ‍ ทำให้รู้ว่ายังมีใครอีกคนอยู่กับตนเสมอ กู่‍ซิง‍อีกระชับอ้อมแขนที่เกี่ยวคอคนออกแรงอยู่เพิ่มขึ้นอีกนิด “อีกนานหรือไม่” เขาเอ่ยถามออกไปเพราะรู้สึกว่าตนถูกแบกมาไกลมากแล้ว กระนั้นว่าน‍ฟู่‍เฉิงก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเดิน “เสี่ยว‍อี เหนื่อยแล้วหรือ” ว่าน‍ฟู่‍เฉิงเดินช้าลงและย่ำเท้าด้วยความเบา ด้วยเกรงว่าตนอาจจะเดินเร็วไปจนตัวสะเทือนทำให้คนที่อยู่บนหลังรู้สึกไม่สบายตัว “ข้าจะเหนื่อยได้อย่างไร ท่านเป็นคนแบกข้าอยู่นะ” กู่‍ซิง‍อีซบคางลงที่ไหล่ของว่าน‍ฟู่‍เฉิง ใจจริงแล้วเขาอยากให้เวลาหยุดอยู่เช่นนี้ตลอดไปเลยต่างหาก ถึงได้กำลังกลัวว่าจุดหมายปลายทางจะมาถึงเร็วเกินไป กระนั้นก็ยังอดห่วงว่าว่าน‍ฟู่‍เฉิงจะหนักอยู่ดีเลยไม่ได้บอกความในใจออกไป กู่‍ซิง‍อีเพิ่งได้รู้ว่าเมื่อก่อนตอนที่ว่าน‍ฟู่‍เฉิงถูกเขาแบกขึ้นบนหลังเดินไ

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 10 กาลก่อนท่านเป็นคนเอ่ย ว่าข้าไร้มารยาท

    หลี่เซียวที่กำลังเดินอยู่ในจวนก็พบกับคุณชายของตนกำลังเดินมาหาด้วยท่าทางเร่งรีบ เขาไม่ได้เดินไปหาอย่างที่ควรจะเป็น กลับรอคุณชายเดินเข้ามาหาตนที่หยุดรออยู่ก่อนแล้วแทน พลางคิดในใจว่า เอาอีกแล้ว ‍!‍ “เห็นเสี่ยว‍อีของข้าหรือไม่” นั่นไง จะมีสิ่งใดที่เขาเดาผิดไปจากท่าทางเร่งรีบของคุณชายได้อีก ‍!‍ “เมื่อ‍ครู่พอคุณชายกู่เตรียมรากบัวต้มน้ำตาลอยู่ในครัวเสร็จแล้วคิดจะถือนำไปให้คุณชายด้วยตัวเอง แต่ไม่ทันระวังเผลอสะดุดจนของในมือหกรดตัวเอง ตอนนี้น่าจะกำลังไปเปลี่ยนชุดขอรับ” “สะดุดหรือ ‍!‍ แล้วเสี่ยว‍อีบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่” ว่าน‍ฟู่‍เฉิงพูดค่อนข้างเร็วอย่างหาได้อยาก แทบจะยืนไม่ติดที่อยู่แล้ว ตอนนี้ร่างกายอยู่ตรงนี้แต่หัวใจกลับลอยไปไกลแล้ว “ไม่เป็นอะไรมากขอรับ คุณชายกู่ทรงตัวได้ทันจึงไม่ได้ล้มพับไปกับพื้น แถมรากบัวก็มิได้ร้อนมากและก็เพียงเปื้อนโดนปลายอาภรณ์เล็กน้อยเท่านั้น” สิ่งที่หลี่เซียวไม่ได้กล่าวจนหมดก็คือกู่‍ซิง‍อีนั้นร้อนรนขนาดไหนหลังจากทำขนมหกใส่ตัวเอง เอ่ยปากบ่นอยู่หลายประโยคว่าชุดนั้นคุณชายเป็นคนเลือกให้ตนเองกับมือแถมยังแพงมากด้วย ครั้นบ่นเสร็จก็รีบจาก

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 9 ถูกจับได้เสียแล้ว

    ด้วยเพราะรู้ว่ากู่‍ซิง‍อีหลับลึกขนาดไหน ว่าน‍ฟู่‍เฉิงจึงใช้เรื่องนี้ในการแอบเอาเปรียบกู่‍ซิง‍อีอยู่บ่อยครั้ง อย่างเช่นเมื่อคืนที่เขาตื่นมากลางดึกและพบว่ามีใครแอบขยับมาซุกกายแนบชิดตนอยู่ แบบนั้นมีหรือจะอดใจไหว เผลอกัดกู่‍ซิง‍อีไปหลายทีจนกระทั่งอีกฝ่ายส่งเสียงฮึมฮัมในลำคอเหมือนจะรู้สึกตัวเขาถึงได้แสร้งหลับลงไปตามเดิม แต่กลับไม่ได้ปล่อยคนในอ้อมกอดให้เป็นอิสระ เมื่อก่อนจะแอบทำทีไรต้องหักห้ามใจตลอด แต่บัดนี้ทั้งคู่ตบแต่งกันแล้ว เขาขอเชยชมสักนิดก็คงไม่เป็นไรกระมัง แต่อาจเพราะเผลอตัวมากไป กลับกระทำการไม่แนบเนียน โดนจับได้ตั้งแต่อีกฝ่ายลืมตาตื่นขึ้นมา “คุณ‍ชาย‍ว่าน เมื่อคืนทำอะไรแปลก ‍ๆ‍ หรือไม่” ว่าน‍ฟู่‍เฉิงหันมองคนที่ลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียง เพราะกู่‍ซิง‍อีขี้ร้อนเป็นทุนเดิมเวลาสวมเสื้อผ้านอนมักจะมัดหลวม ‍ๆ‍ พอตื่นนอนมาทีไรเสื้อผ้าที่มัดไม่แน่นก็จะหลุดลุ่ยอย่างเช่นตอนนี้ อาภรณ์ที่เปิดกว้างเผยให้เห็นแผ่นอกขาวเนียนบางส่วนที่มีรอยช้ำจาง ‍ๆ‍ ผมดำเงาชี้ฟูเล็กน้อย ดวงตาก็หรี่เล็กลงยังไม่ทันลืมตาได้เต็มที่ แต่กลับถามเหมือนรู้บางอย่างเช่นนี้ เล่นเอาคนที่กำลังยกน้ำชาไปให้รู้สึกร

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 8.2 เทศกาลฉีเฉียวมาเยือนอีกครา

    รุ่งอรุณก่อนวันงานเทศกาลฉีเฉียว “เสี่ยว‍อี เจ้ากำลังจะไปที่ใด” ว่าน‍ฟู่‍เฉิงเพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมาและกำลังลุกขึ้นนั่งก็ทันได้เห็นกู่‍ซิง‍อีที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จเข้าพอดี แถมดูท่าทางรีบร้อนเหมือนจะออกไปจากห้อง เมื่อถามเสร็จเขาก็เบนสายตามองดูท้องฟ้าข้างนอกหน้าต่าง ฟ้ายังไม่ทันสว่างเท่าไรนักน่าจะเลยยามเฉิน[1]มาเพียงไม่นาน ([1] ยามเฉิน คือ 07.00 – 08.59 น. ) แน่นอนว่าปกติทั้งสองคนต่างพากันตื่นเช้ากว่านี้นัก แต่เมื่อวานคุยกันแล้วว่าจะหยุดทำงานสามวัน เหตุใดกู่‍ซิง‍อีถึงลุกมาแต่งตัวคล้ายจะไปทำงานอีก ต่อให้ปกติพวกเขาจะสลับทำงานที่จวนและที่ร้านว่าน และวันนี้คือวันที่ต้องทำงานที่จวน ทว่าว่าน‍ฟู่‍เฉิงอยากให้ดูไม่มีความน่าสงสัยจึงเปลี่ยนเป็นหยุดงานทั้งหมดแทน คำกล่าวเช่นนั้นก็รวมถึงงานที่จวนก็ไม่ต้องทำมิใช่หรือ หยุดก็คือหยุด ไหนเลยกลับคาดไม่ถึงว่ากู่‍ซิง‍อีจะไม่เข้าใจสิ่งที่หมายถึงให้หยุดอยู่จวนจริง ‍ๆ‍ ครั้นพอได้เห็นอีกฝ่ายแต่งตัวก็คิดว่าจะออกไปที่ห้องทำงาน “ไปร้านขนมไฉ่ที่ข้าชอบอย่างไรเล่า นานครั้งเราถึงจะว่างในช่วงเช้าแบบนี้ รอบนี้ก็ไม่ต้องวานให้คนอื่นไปต่อแถวแทน ได้

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 8.1 เทศกาลฉีเฉียวมาเยือนอีกครา (4.4)

    อีกทั้งด้ายแดงที่เด่นชัดแม้อยู่ห่างไกลกันถึงเพียงนี้จากข้อมือแต่ละข้างของว่าน‍ฟู่‍เฉิงและกู่‍ซิง‍อีก็ดูคล้ายกันยิ่งนัก คนแอบมองจิตใจลนลานรีบหันกลับไปด้วยดวงตาเบิกโพลง ก้าวเดินตามหลังคนนำทางไปติด ‍ๆ‍ ด้วยท่าทางที่เร่งรีบขึ้นกว่าเดิมราวกับกำลังโดนไฟไล่เผาก้นมา สิ่งที่คนภายนอกกล่าวมาเรื่องฮูหยินของตระ‍กูล‍ว่านไม่มีที่มาที่ไปที่แน่ชัดหลอมรวมกับการกระทำของคนทั้งสองด้านหลัง และยังบวกกับก่อนหน้านี้ที่ได้พูดคุยกับกู่‍ซิง‍อีก็คล้ายว่างานทั้งหมดของตระ‍กูล‍ว่านได้ตกอยู่ในมือกู่‍ซิง‍อีแล้ว ดังนั้นทุกอย่างที่นึกขึ้นได้จึงไม่ใช่ตนคิดไปเองแน่ ‍ๆ‍ ทว่าเซี่ย‍หลี่‍จวินแม้จะได้ล่วงรู้ความลับเรื่องนี้เข้าแต่ก็ไม่ได้คิดจะป่าวประกาศให้คนอื่นได้รับรู้หรอก เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเป็นหลัก เนื่องจากตระ‍กูล‍ว่านเป็นคนเปิดเส้นทางหลายสายให้เขา ดังนั้นนอกจากแตะว่าน‍ฟู่‍เฉิงไม่ได้แล้ว ก็ยิ่งห้ามทำให้กู่‍ซิง‍อีไม่พอใจอีกด้วย ‍!‍ ถ้าล่วงรู้อนาคตได้ว่าเรื่องราวจะดำเนินมาเป็นแบบนี้เขาคงจะเห็นใจกู่‍ซิง‍อีอีกสักหน่อย บางทีตัวเขาอาจได้ผลประโยชน์มากกว่าให้บุตรสาวของตนตบแต่งกับน้องชายบุญธรรมของว่าน‍ฟู่

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 8.1 เทศกาลฉีเฉียวมาเยือนอีกครา (3+4.)

    “ขอรับ ‍!‍” หลี่เซียวรีบร้อนรับคำก่อนจากไป ฉี‍หย่าหันมองซ้ายขวาด้วยความตกใจ นางจะถูกปฏิบัติอย่างนี้จริง ‍ๆ‍ หรือ นางไม่งดงามหรือไรทำไมคุณ‍ชาย‍ว่านถึงไม่คิดจะสนใจหรือเมตตานางสักนิด แม้จะต้องยอมรับว่าสองคนตรงหน้านางรูปงามไร้ที่ติ แต่นางไม่คิดว่าตนเองจะด้อยค่าถึงเพียงนี้ ‍!‍ จังหวะนั้นเองประตูห้องบานเดิมพลันเปิดออกอีกครั้ง คราวนี้เป็นนาย‍ท่าน‍เซี่ยเดินออกมา พอเห็นบ่าวในจวนของตนที่นั่งกองกับพื้นก็ฉงน ที่แท้คนที่ส่งเสียงดังเมื่อ‍ครู่ก็คือฉี‍หย่าสาวรับใช้ที่บุตรสาวทิ้งไว้ที่จวนเมื่อสองปีก่อน สตรีนางนี้แม้หน้าตาจะงดงามแต่กลับทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง มีดีแค่ดนตรีกับร่ายรำ แต่มันจะมีประโยชน์อะไรกับการทำงานในจวนได้เล่า ดังนั้นสำหรับเขาแล้วนางแทบไม่มีสิ่งใดให้ใช้งานได้เลย ตัวเขาแทบไม่อยากพามาทว่านางก็ดื้อดึงขอตามมาจนได้ เขายังกลัวว่าฮูหยินของตนจะเข้าใจผิดด้วยซ้ำ บัดนี้ยังจะมาสร้างความเดือดร้อนให้อีก ช่างน่าขายหน้าจริง ‍ๆ‍ เซี่ย‍หลี่‍จวินหันมองว่าน‍ฟู่‍เฉิงด้วยความระวัง กลัวว่าสิ่งที่เคยสัญญาไว้จะถูกยกเลิกเพียงเพราะบ่าวรับใช้ในจวนของตนเอง “คุณ‍ชาย‍ว่าน เป็นข้าไม่อบรมบ่

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status