บทที่ 21/2 พบพักตร์“ดี! นางจะได้รู้สึกเสียมั่งว่าความขมขื่น จากการถูกสามีหมางเมิน และถูกอนุหยามเกียรติมันเป็นอย่างไร!”เช้าวันรุ่งขึ้น รวี่เยว่นั่งรถม้าจากหอโอสถเยว่เสียง ตรงไปยังโรงน้ำชาชื่อดังที่บรรดาคุณหนูคุณชายในเมืองหลวงชอบไปกัน ทว่าวันนี้หญิงสาวไม่ได้ปลอมตัวเป็นบุรุษ แต่สวมชุดผ้าไหมสีดำงดงาม สวมผ้าคาดปิดครึ่งหน้าดูลึกลับ กลิ่นอายรอบตัวสง่างามสูงส่ง ในอ้อมแขนอุ้มแมวสีเข้มมีปีก ด้านหลังมีสาวใช้หน้านิ่งอุ้มแมวส้มเดินตามร่างบางก้าวเข้าไปด้านในโรงน้ำชา เอ่ยปากขอโต๊ะด้านนอกที่อยู่ใกล้ต้นหลิวใหญ่ริมแม่น้ำ ซึ่งมีบรรยากาศร่มรื่นเย็นสบาย เสียงน้ำไหลฟังแล้วช่วยให้จิตใจผ่อนคลายเสี่ยวเอ้อร์มีท่าทีกระอักกระอ่วน ครั้นกำลังจะเอ่ยปากปฏิเสธ ชายหนุ่มคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาเสียก่อน“ที่นั่งตรงนั้นข้าจองไว้แล้ว แต่หากแม่นางไม่รังเกียจ เช่นนั้นขอเชิญร่วมโต๊ะดื่มชากับข้าเถอะ”หวงฝู่ฮ่าวอวี่ เอ่ยเชื้อเชิญหญิงสาวด้วยท่าทางและน้ำเสียงสุภาพ เขาสะดุดตานางตั้งแต่เห็นนางก้าวลงจากรถม้า และเมื่อได้ยินว่านางอยากได้โต๊ะที่เขาจองไว้ จึงสบโอกาสเอ่ยปากเชื้อเชิญเพื่อผูกมิตรทันทีรวี่เยว่เอียงหน้าเล็กน้อยดูน่ารัก ดวง
บทที่ 22 /1 พี่ชาย“รวี่เยว่น้อย เจ้าจำข้าได้แล้วหรือยัง” สุ้มเสียงทุ้มต่ำติดแหบพร่าเล็กน้อยฟังแล้วเขย่าหัวใจ เอ่ยถามหญิงสาวที่ยืนเงียบงัน กะพริบตาปริบๆ อากัปกิริยาน่ารักน่าเอ็นดู พาให้หัวใจของเขารู้สึกคันยุบยิบอย่างแปลกประหลาด“องค์ไท่จื่อฮั่วเฮ่อฉีจริงๆ หรือเพคะ?” ในที่สุดรวี่เยว่ก็ยอมปริปาก เสียงไพเราะอ่อนหวานเอื้อนเอ่ยถามชายหนุ่ม แผ่วเบาราวเสียงกระซิบ ทว่าฮั่วเฮ่อฉีกลับได้ยินอย่างชัดเจน“ใช่ข้าเอง” จนถึงตอนนี้ฮั่วเฮ่อฉีก็ยังไม่หุบยิ้ม มือใหญ่กำลังจะเอื้อมไปหาหญิงสาว แต่กลับถูกเสียงของชายหนุ่มสูงศักดิ์อีกคนดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน“อะ แฮ่ม!” เขายังนั่งอยู่ตรงนี้นะ ไม่ใช่ท่อนไม้หรือสิงโตหิน ช่วยให้ความสนใจกันหน่อย! มือของฮั่วเฮ่อฉีชะงักค้าง หันไปหาชายหนุ่มที่มากับรวี่เยว่น้อยของเขาอย่างไม่พอใจนัก“ไม่ทราบว่าคุณชายท่านนี้ มากับรวี่เยว่น้อยของข้าหรือ” หากมาด้วยกันก็แล้วไป หากไม่ เขาจะได้พารวี่เยว่น้อยไปอื่น มีเรื่องราวมากมายที่เขาต้องเสวนากับนาง“…” รวี่เยว่ ข้าไปเป็นรวี่เยว่น้อยของท่านตั้งแต่ตอนไหนไม่ทราบ! หวงฝู่ฮ่าวอวี่คิ้วกระตุก บุรุษรูปงามราวปีศาจจิ้งจอกตรงหน้า ท่าทางยโสโอหังจน
บทที่ 22/2 พี่ชายเจ้าเปี๊ยกที่ว่าเดินกระดิกหางพริ้มตา ท่าทางน่ารักจนองครักษ์ที่มากันด้วยทำหน้าเคลิ้ม“งู้ยยย ท่านอี้หรงช่างน่าเอ็นดูยิ่งนัก”ขวับ! แฮร่!!! อี้หรงหันมาแยกเขี้ยวตวัดสายตาปรามใส่ทั้งคู่ปราดหนึ่ง ก่อนกระโดดขึ้นไปนั่งตัวกลมฟูนุ่มอยู่ข้างๆ เสี่ยวเฮยมาว จากนั้นจึงสื่อสารผ่านจิตเล่าเรื่องราวของผู้ที่เป็นหัวข้อสนทนาให้ฟัง ราวครึ่งชั่วยามต่อมารวี่เยว่จึงขอตัวกลับ หวงฝู่ฮ่าวอวี่เลยอาสาไปส่ง แต่มีหรือที่อีกคนจะยอม…“ข้าขอขอบคุณองค์ชายใหญ่แทนรวี่เยว่น้อยของข้าด้วย เรื่องนี้ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าพานางกลับไปส่งเอง เชิญท่านนั่งดื่มชาต่อให้สำราญใจเถิด ค่าน้ำชาในวันนี้ข้าขอเป็นฝ่ายเลี้ยงท่านเอง ถือเป็นคำขอบคุณจากข้า”“…” รวี่เยว่ อย่าบอกนะว่าองค์ไท่จื่อยังไม่เลิกล้มความคิด เรื่องที่จะพานางกลับไปปล่อยให้วิ่งเล่นที่ตำหนักน่ะ ขนาดว่าผ่านมาห้าหกปีแล้ว ยังไม่ลืมอีกหรือ! รวี่เยว่ขี้เกียจทะเลาะกับคนดื้อ หลังยอบกายให้หวงฝู่ฮ่าวอวี่ นางก็หยิบผ้าคาดปิดหน้ามาสวมดังเดิม ช้อนตัวเสี่ยวเฮยมาวขึ้นมาอุ้ม หมุนตัวกลับออกมาจากโรงน้ำชาตรงไปขึ้นรถม้าของตน ฮั่วเฮ่อฉีรีบช้อนตัวอี้หรงมาหนีบไว้และเร่งตาม
บทที่ 23 เจ้า…ไปกินข้าวกับข้านะฮั่วเฮ่อฉีรู้สึกหวานล้ำในอก เสียงแว่วหวานแผ่วเบาของนาง ยามเอ่ยเรียกเขาว่า พี่ชาย ฟังแล้วคันหัวใจยุบยิบเหมือนถูกลูกแมวน้อยตะกุยเล่น“อะไรนะ ข้าไม่ได้ยิน พูดใหม่อีกทีซิ” ใบหน้าหล่อเหลาอมยิ้ม โน้มมาหาร่างบางที่สูงเพียงระดับคางของเขาอย่างหยอกเย้ารวี่เยว่ชะงักค้างประสานสายตากับดวงตาสีฟ้าทรงเสน่ห์ชั่วอึดใจ ก่อนหมุนตัวหันหลังสูดหายใจลึกพร้อมเอ่ยปฏิเสธ“ไม่พูดซ้ำแล้วเพคะ พูดครั้งเดียวพอ”ร่างสูงลอบถอนหายใจ มนตรามายาจิ้งจอกยังคงใช้ไม่ได้กับนาง เป็นเพราะอะไรกัน?! ในเมื่อสะกดนางด้วยมนตราไม่ได้ เช่นนั้นเขาก็จะสะกดนางด้วยความสามารถทั้งหมดที่มีแทนก็แล้วกัน! รวี่เยว่น้อยต้องเป็นของเขา!จากนั้นจึงเดินตามนางไปยังด้านหลังของหอโอสถ รวี่เยว่พาคนหน้ามึนไปนั่ง ณ ศาลาในสวน เขาเอ่ยถามว่านางเป็นเจ้าของหอโอสถแห่งนี้ใช่หรือไม่รวี่เยว่ไม่ได้คิดปิดบัง เพียงแต่ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม เรื่องนักปรุงโอสถที่มอบยาให้นางนำออกมาประมูลก่อนที่รวี่เยว่จะขอตัวไปจัดการธุระของหอโอสถ ฮั่วเฮ่อฉีเอ่ยถามว่าเขาขอนั่งเล่นอยู่ที่นี่ต่อจะได้หรือไม่ สัญญาว่าจะไม่เดินเพ่นพ่านหรือรบกวนนาง หญิงสาวพยักหน้ารับ
บทที่ 23/2 เจ้า…ไปกินข้าวกับข้านะหุ่นภูตหน้านิ่งอุ้มจวี๋จื่อก้าวมายืนรออยู่ข้างๆ ทำอี้หรงสะดุ้งโหยงเพราะมัวคุยอยู่กับเสี่ยวเฮยมาว ด้วยเพราะหุ่นภูตไม่ใช่มนุษย์ จึงไม่มีกลิ่นอายให้สัมผัสได้ก่อนปรากฏตัว“นี่ แม่คุณ! ทีหลังเวลามาถึงน่ะ ช่วยให้สุ้มให้เสียงกันหน่อย ข้าตกใจหมด! จู่ๆ ก็โผล่มาอย่างกับผีสาง!” อี้หรงหันไปแหวใส่สาวใช้หน้านิ่งเงียบสนิทไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมาจากหุ่นภูต“…” อี้หรง “นี่ข้ากำลังพูดกับเจ้าอยู่นะ” รวี่เยว่แอบขำในใจเลยช่วยแก้ตัวว่านางเป็นใบ้แทน เอาเข้าจริงสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิก็ปากจัดไม่แพ้มนุษย์เหมือนกันจากนั้นอี้หรงก็แวบหายไปจากหน้าศาลา ปรากฏกายอยู่บนท้องฟ้า แวบหายไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ฮั่วเฮ่อฉีถือโอกาสตอนที่รวี่เยว่กำลังเพลิดเพลินกับขนนุ่มฟูของอี้หรง โน้มใบหน้าลงมากระซิบถามข้างใบหูขาว“เดินทางแบบนี้สะดวกกว่ารถม้าตั้งเยอะ รวี่เยว่น้อยชอบหรือไม่ หากชอบข้าจะพาเจ้าออกมาเที่ยวทุกวันเลย” เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าเขย่าหัวใจ ทำร่างบางหน้าร้อนวาบ หลังจากใช้พลังเคลื่อนที่อยู่สามครั้ง พวกเขาก็มายืนอยู่ที่ชั้นบนสุดของหอสูงริมแม่น้ำ ถูกสร้างขึ้นอย่างวิจิตรตระการตา สามารถมองเห็
บทที่ 24/1 หวังเหลียงหอโอสถเยว่เสียงเป็นอาคารกว้างห้าคูหาสูงห้าชั้น ตั้งอยู่ในเขตย่านการค้าฝั่งทิศเหนือของเมืองเทียนหวง เดิมเคยเป็นโรงเตี๊ยมและภัตตาคารอยู่ติดกัน ทว่าเจ้าของเดิมล้มป่วยมิอาจดูแลกิจการได้จึงประกาศขาย รวี่เยว่จึงมอบเงินให้ชุนอิ่งซื้ออาคารทั้งหมดมา และปรับปรุงให้เป็นหอโอสถคราแรกก็มีเจ้าถิ่นที่เปิดร้านขายโอสถอยู่ก่อนแล้วมารังควานอยู่บ้าง ทว่าเมื่อทราบระดับตบะของหม่าลั่ว ที่เวลานี้อยู่ถึงหยวนอิงขั้นต้นแล้ว ก็ไม่มีใครกล้ามาหาเรื่องอีก อีกทั้งหอโอสถเยว่เสียงไม่ได้ขายโอสถหรือสมุนไพรธรรมดาเหมือนร้านทั่วๆ ไป จึงไม่ได้แย่งลูกค้ากับหอโอสถเจ้าถิ่นหากไม่ได้เปิดประมูล ก็จะขายขนมหวานเพิ่มพลังเหมือนกับที่ขายในร้านเฟิ่งหนี่ว์ที่เมืองเฉินเปี้ยนการประมูลในวันนี้จัดขึ้นช่วงกลางยามเว่ย (13:00-14:59) บนชั้นสาม ซึ่งทุบรวมกับชั้นสี่เพื่อให้มีพื้นกว้างขึ้น มีผู้ร่วมเข้าประมูลทั้งหมดสามสิบราย ล้วนเป็นคนสำคัญและผู้มีฐานะในเมืองหลวงทั้งสิ้นโอสถที่ถูกนำออกมาประมูลในวันนี้มีสิบชนิด แบ่งเป็นโอสถระดับสูงเจ็ดชนิด และโอสถทิพย์สามชนิดเมื่อถึงเวลาผู้ทำหน้าที่ดำเนินการประมูลอย่างหม่าลั่วก็ก้าวมายืนบน
บทที่ 24/2 หวังเหลียง“เพียงแต่มีบางอย่างที่ข้าสนใจใคร่รู้…และบังเอิญว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องราวในราชวงศ์ บางทีท่านเสนาธิการอาจให้คำชี้แนะกับข้าได้” ความเงียบงันจนน่าอึดอัดเข้าครอบงำบรรยากาศภายในห้อง ผ่านไปราวจิบชาในที่สุดหวังเหลียงก็ยอมเอ่ยปาก“นายท่านหม่าต้องการคำชี้แนะใดจากข้าหรือ”หม่าลั่วกระตุกยิ้มเมื่อได้เห็นท่าทีตอบสนองของหวังเหลียง“ท่านเคยได้ยินพิษที่ชื่อ เพลิงอสูรสดับปราณ หรือไม่ พอดีว่าท่านอาจารย์ของข้า จู่ๆก็เกิดสนใจพิษตัวนี้ขึ้นมา แต่ยังหาผู้ที่ปรุงพิษตัวนี้ไม่ได้”หวังเหลียงขมวดคิ้วจนเป็นปม ข้องใจว่าไยหม่าลั่วถึงมาถามเรื่องพิษเอากับตน หากถามเรื่องเกี่ยวกับอาวุธยุทโธปกรณ์ เขาสามารถให้คำชี้แนะนำได้ทันที แต่ว่าเรื่องพิษ… ช่างน่าแปลกเสียจริง“ขอบอกตามตรง ตัวข้าไม่มีความรู้เรื่องการปรุงโอสถหรือเรื่องเกี่ยวกับพิษจริงๆ ต้องขออภัยด้วย”หม่าลั่วมีท่าทีผิดหวัง แต่กระนั้นกลับยื่นข้อเสนอที่แสนดึงดูดใจให้อีกฝ่าย“ช่างน่าเสียดายจริงๆ ที่ข้าถามเพราะคิดว่าท่านน่าจะพอมีเส้นสายกับหมอหลวง หรือนักปรุงโอสถของราชวงศ์อยู่บ้าง เพราะอาจารย์ของข้าได้ยินมาว่า พิษชนิดนี้เคยนิยมใช้ในวังหลัง…หากท่านส
บทที่ 25/1 เหวินไป๋เหลียนกว่าหวังเหลียงจะกลับถึงจวนก็ปาเข้าไปยามซวี (19:00-20:59) โดยที่ตรงกลับเรือนของตน มิได้แวะไปหาฮูหยินเอก ทั้งที่รู้ว่านางกำลังรอเขา หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยก็เก็บตัวอยู่ในห้องอักษร เพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ พิษเพลิงอสูรสดับปราณ ในตำราเก่าของบิดา ซึ่งอาจมีบันทึกไว้บ้างเรือนเจียวเหลียนเหวินไป๋เหลียนกวาดจานสำรับเย็นตกแตกกระจายเต็มพื้น หลังทราบว่าสามีกลับมาจากข้างนอกและเก็บตัวอยู่แต่ในห้องอักษร ขนาดว่านางส่งหมัวมัวประจำตัวให้ไปยืนรอแจ้งเขาที่หน้าจวน ว่านางรอรับมื้อเย็นกับเขาอยู่ที่เรือนเจียวเหลียนใบหน้าที่เคยงดงามเย้ายวน เวลานี้บิดเบี้ยวจนน่าเกลียดจากโทสะ หน้าอกสะท้อนขึ้นลงรุนแรง ดวงตาแดงก่ำน้ำตาไหลริน“ฮูหยินอย่าโมโหไปเลยนะเจ้าคะ จะเสียสุขภาพเอาได้ ท่านเสนาธิการคงมีงานเร่งด่วนจริงๆ ถึงปลีกตัวมาหาฮูหยินไม่ได้” ผู่หมัวมัวรีบเข้ามาประคองเจ้านายพาไปนั่งยังเก้าอี้ เอ่ยปลอบประโลมอีกฝ่ายอย่างใจเย็นเพราะตั้งแต่หวังเหลียงแอบเลี้ยงอนุไว้นอกจวน พฤติกรรมของเขาก็เปลี่ยนไป จากที่เคยเอาใจใส่ฮูหยินของตน กลับค่อยๆห่างเหินจนเกือบเย็นชา หากซักถามเข้าหน่อยก็คล้ายไปกระตุ้นโทสะ
บทที่ 57/2 ข้าขอเป็นคนเลวสักครั้งในชีวิตเถิด เหวินไป๋เหลียนคนรักของเขาที่งดงามสดใสราวดอกทานตะวัน เทียบไม่ได้เลยกับความงามสง่าโดดเด่น ประหนึ่งดอกหมู่ตานตรงหน้า จากที่คิดว่าจะออกไปจากห้องหอทันทีหลังเปิดผ้าคลุมหน้าสาว หวังเหลียงกลับเปลี่ยนใจ เดินไปรินสุรามงคลมายื่นให้เยว่หนิงลี่แทน และใช้เวลาอยู่กับนางทั้งคืน ทว่าหลังจากนั้นเพียงเจ็ดวัน หวังเหลียงก็พาเหวินไป๋เหลียนเข้าจวน นับเป็นการหยามเกียรติฮูหยินเอกเป็นอย่างยิ่ง ทว่าเยว่หนิงลี่กล้บไม่มีปฏิกิริยาใดๆ นางสงบนิ่งเยือกเย็นราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับตน กลับเป็นชุนหมัวมัวและหลานสาวนามชุนอิ่งที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทน ครึ่งปีต่อมาหวังเหลียงก็พาอนุอีกคนเข้าจวน เหวินไป๋เหลียนแล่นมาหาเยว่หนิงลี่ให้จัดการเรื่องนี้ ทว่าเยว่หนิงลี่ที่กำลังตั้งครรภ์ได้หกเดือนกลับนิ่งเฉยไม่สนใจ ทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนางอีกนั่นแหละ เหวินไป๋เหลียนที่กำลังตั้งครรภ์เช่นกันยิ่งเดือดดาลกว่าเดิม เพราะไม่สามารถยุแยงให้อีกฝ่ายออกโรงได้ “นางเป็นก้อนหินหรืออย่างไรกัน ถึงได้เย็นชาไร้อารมณ์เยี่ยงนี้ น่าโมโหที่สุด! หวังเหลียงนะหวังเหลียง!” เกือบสี่เดือนห
บทที่ 57 1 ข้าขอเป็นคนเลวสักครั้งในชีวิตเถิด @เรื่องราวบางส่วนในบทนี้ค่อนข้างอ่อนไหว โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ สิบหกปีก่อน เมืองเทียนหวง อาณาจักรอู๋ซาง นับตั้งแต่บอกลากับอวี้เหวินเทียนเหิง เยว่หนิงลี่กลายเป็นคนเงียบขรึม ทั้งที่ปกติหญิงสาวเป็นคนร่าเริงมีชีวิตชีวาราวลูกกวางน้อยวิ่งเล่นในทุ่งหญ้า แม้แต่ต้าอ๋องยังรู้สึกประหลาดใจ ครั้นถามไถ่หญิงสาวเพียงคลี่ยิ้มบาง และกล่าวว่าอาจเป็นเพราะต้องจากพี่น้องทหารร่วมรบไปอยู่เมืองหลวงจึงรู้สึกใจหาย หนึ่งเดือนก่อนงานแต่ง ค่ำคืนนี้เยว่หนิงลี่ออกมาเดินเล่นเตร็ดเตร่กับชุนหมัวมัวเพราะนอนไม่หล้บ ครั้นมองเห็นหอสุราที่ตนเคยมากับอวี้เหวินเทียนเหิง หญิงสาวก้าวเท้าเข้าไปด้านในอย่างไม่รู้ตัวราวต้องมนตร์ จากนั้นจึงถามหาห้องส่วนตัวที่เคยมา เสี่ยวเอ้อร์เดินนำขึ้นบันไดไป ทว่าระหว่างเดินผ่านห้องส่วนตัวอีกห้อง เสียงสนทนาของบุรุษกลุ่มหนึ่งดังลอดออกมา “นี่ หวังเหลียง เรื่องที่เจ้ากำลังจะแต่งงานกับรองแม่ทัพเยว่หนิงลี่จากแดนใต้ผู้นั้น ไม่ทำให้แม่นางเหวินไป๋เหลียนยอดดวงใจของเจ้าเสียใจแย่รึ” เสียงของบุรุษคนหนึ่งเอ่ยถามบุรุษอีกคนที่ชื่อ หวังเหลียง “นั่น
บทที่ 56/2 รักแรกของอวี้เหวินเทียนเหิง อวี้เหวินเทียนหยาได้แต่ทอดถอนใจ หันไปถามความเห็นของเยว่หนิงลี่ ด้วยความที่หญิงสาวเติบโตมากับบุรุษ จึงทำให้นางมีนิสัยใจกว้างและจริงใจเป็นทุนเดิม เมื่อเห็นว่าคนตำหนักเทวาอนธการ มีใจอยากชื่นชมความมีชีวิตชีวาของเมืองหลวงเผ่ามนุษย์ จึงตบปากรับคำอย่างเต็มใจ เพราะอย่างไรเสีย นางก็ชอบออกมาเดินเล่นเพื่อสอดส่องความปลอดภัยของชาวเมืองยามค่ำคืนเป็นปกติอยู่แล้ว ผูกมิตรไว้ดีกว่าเป็นศัตรู นั้นคือคำที่ต้าอ๋องผู้เฒ่าสั่งสอนนางมาตั้งแต่เด็ก “ได้เจ้าค่ะ ข้ายินดีช่วยพาพี่ชายองครักษ์เที่ยวชมเมืองหลวงยามค่ำคืน” เสียงสดใสจริงใจสะท้อนไปถึงจิตใจขององค์ราชาหนุ่ม จนก้อนเนื้อในอกเต้นแรงไม่เป็นระส่ำ “ถิงซี เรียกข้าว่าถิงซีเถิด” อวี้เหวินเทียนเหิงบอกชื่อกลางของตน ที่ปกติมีเพียงญาติพี่น้องเท่านั้นที่เอ่ยเรียกนามนี้ แค่กก!! ผู้เป็นน้องสำลักน้ำลายรอบที่สอง นับจากคืนนั้น ถิงซี ก็จะมารอพบเยว่หนิงลี่ที่สะพานหิน ซึ่งอยู่ห่างจากร้านอาหารทะเลไปราวครึ่งลี้ทุกคืน แม้ฝนจะตกเขาก็จะกางร่มมายืนรอนางไม่เคยขาด หลังจากผ่านไปสองอาทิตย์ ในที่สุดชายหนุ่มก็มีความกล้า เอ่ยปากชวนนางออกมาเที่ย
บทที่ 56 รักแรกของอวี้เหวินเทียนเหิง ตำหนักเทวาอนธการ องค์ราชาอวี้เหวินเทียนเหิงวางสาส์นที่น้องชายส่งมาถึงลงบนโต๊ะหลังจากอ่านจบ ร่างสูงสง่าใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มมองออกไปไกล ดวงตาเรียวยาวคู่คมเจือความเศร้าอยู่หลายส่วน “หนิงลี่ ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องหรือทำร้ายลูกสาวของพวกเราได้อีกแล้ว…ไยเจ้าถึงไม่บอกว่าตั้งครรภ์กับข้า ก่อนที่จะแต่งให้เจ้าสารเลวชั้นต่ำหวังเหลียงคนนั้น!” เพียงแค่รู้สึกขุ่นเคืองใจ ของตกแต่งภายในห้องทรงอักษรทั้งหมดก็แตกละเอียด ดวงตาสีเทาทรงอำนาจคมกริบปิดลง ความทรงจำเมื่อสิบเจ็ดปีก่อนหวนกลับมา เมืองเทียนหวง อาณาจักรอู๋ซาง ในพิธีเปิดงานประลองของอาณาจจักร อวี้เหวินเทียนเหิงปลอมตัวเป็นองครักษ์ของน้องชาย เพื่อออกมาท่องเที่ยวดูโลกภายนอกในรอบสิบปี องค์ราชาหนุ่มในวัยยี่สิบแปดเดินทางลงจากภูผาหยินซาน หลังจากพระบิดาเดินเข้าแดนบำเพ็ญแห่งเทวา เพื่อกักตัวระยะยาวอย่างไม่มีกำหนด ชายหนุ่มสวมหน้ากากโลหะสีดำปกปิดใบหน้าเหมือนองครักษ์คนอื่นๆ เพียงแต่มิอาจปกปิดรัศมีสูงส่งรอบกาย จึงทำให้หลายคนรู้สึกยำเกรงองครักษ์ของชินอ๋องผู้นี้มากกว่าคนอื่นๆ ค่ำคืนหลังจบพิธีเปิดงาน อวี้เหวินเที
บทที่ 55/2 หารือ หลังจากปล่อยให้ฮั่วเมิ่งเหยา ทำความรู้จักมักจี่กับรวี่เยว่พอสมควร ครู่ต่อมาฮั่วเฮ่อฉีจึงสั่งให้ฟ่านจื่อพาน้องสาวไปส่งยังที่พัก ท่าทางผ่อนคลายของฮั่วเฮ่อฉีก่อนหน้านี้ แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขาขออนุญาตรวี่เยว่ ก่อนกางม่านพลังป้องกันไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกไป จากนั้นจึงเอ่ยเรื่องสำคัญ “รวี่เยว่ข้ามีเรื่องสำคัญต้องบอกเจ้า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าโดยตรง ข้าเองไม่แน่ใจ ว่าเจ้าเคยรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับคำพยากรณ์สำคัญ เมื่อสิบกว่าปีก่อนหรือไม่” “หากเป็นเรื่องนี้ข้าพอรู้อยู่บ้างเจ้าค่ะ” รวี่เยว่ไม่คิดปิดบัง ในเมื่อชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาก่อนแบบนี้ แสดงว่าเขาต้องรู้หรือได้ยินอะไรมา ทั้งคู่หารือกันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงออกไปพบชินอ๋องอวี้เหวินเทียนหยาด้วยกัน …ตำหนักรับรองริมทะเลสาบ โถงรับรองส่วนตัวในเรือนพักชินอ๋อง คำพยากรณ์ซึ่งเกี่ยวพันกับรวี่เยว่ ถูกถ่ายทอดให้อวี้เหวินเทียนหยาฟังจากปากของฮั่วเฮ่อฉี อีกทั้งเรื่องนี้โยงใยไปถึงความขัดแย้งระหว่างสองอาณาจักร หากสำนักกระบี่สวรรค์คิดทรยศอาณาจักรอู๋ซาง ไปเข้าฝ่ายอาณาจักรหวงซาอย่างที่คาดไว้จริง เช่นนั้นก็มิอาจนิ่งเฉย เพ
บทที่ 55/1 หารือ เรือนกายสูงสง่าของฮั่วเฮ่อฉีก้าวเข้ามาในห้อง ตามมาด้วยลูกสุนัขสีขาวเจ้าประจำ มันตรงดิ่งไปหาแมวสีเข้มที่ย้ายตัวเอง ไปนอนเอกเขนกอยู่บนตั่งอย่างคุ้นเคย “รวี่เยว่ของข้า สบายดีหรือไม่ ช่วงนี้พี่ชายถูกพวกตัวยุ่งจากตำหนักเทพอนันต์รั้งตัวไว้ เลยปลีกตัวมาหาไม่ได้ คิดถึงเจ้าใจแทบขาด” มาถึงปุ๊บก็รีบเอ่ยวาจาออดอ้อนสาวเจ้าปั๊บ ทำคนฟังเขินอายจนแก้มเนียนใสซับสีระเรื่อ ไม่เพียงเท่านั้น ชายหนุ่มยังถือวิสาสะ เดินมากอบกุมมือเล็กขึ้นมาแนบอก สบตานางในดวงใจตาหวานซึ้ง คงเพราะเห็นว่าผู้ปกครองของหญิงสาว ไม่ได้มีท่าทีกีดกันเขาอีกต่อไป ฮั่วเฮ่อฉีเลยเดินหน้าเต็มกำลัง เพื่อพิชิตหัวใจของรวี่เยว่อย่างเปิดเผยมากขึ้น “พี่ชาย ท่านทำข้าใจสั่นไปหมดแล้วเจ้าค่ะ” รวี่เยว่ยังคงใสซื่อเรื่องความรักไม่ปลี่ยน รู้สึกอย่างไรก็พูดออกมาอย่างนั้น จนอีกคนที่ยืนอยู่หลังประตู ยกมือขึ้นมาประกบแก้มหัวเราะคิกอยู่ในใจ ‘ข้าชอบนางยิ่งนัก นางน่ารักเหลือเกิน’ ถ้อยคำอันใสซื่อของรวี่เยว่ ประดุจน้ำทิพย์ชโลมหัวใจของชายหนุ่ม เขายินดีเป็นล้นพ้นยามได้ยินว่านางใจสั่น ‘นางเริ่มมีใจให้ข้าแล้ว!’ ฮั่วเฮ่อฉีหัวใจลิงโลด อยากจะ
บทที่ 54/2 อย่าทำให้ข้าโมโห จากนั้นก็ลงมือทุบตีจิกข่วน จนใบหน้าของวั่งเฉาบวมเป่งกลายเป็นหัวหมู ผ่านไปครู่หนึ่งโส่วจินจึงลากร่างอันบอบช้ำของ ของเล่นชิ้นใหม่ เอ้ย นักโทษคนใหม่ ไปแยกขังไว้ในห้องข้างๆ ช่วงสายของวันรุ่งขึ้น หวังเหลียงเดินกระสับกระส่าย วนไปวนมาอยู่หน้าจวนแม่ทัพปราบทักษิณ มารดาของเขากับจูหมัวมัวออกมาพบต้าอ๋องตั้งแต่เมื่อวานช่วงบ่าย จนถึงบัดนี้ทั้งคู่ยังไม่กลับจวน ทหารที่เฝ้าประตูกลับออกมาพร้อมพ่อบ้าน กล่าวว่าฮูหยินผู้เฒ่าและจูหมัวมัว ออกไปจากที่นี่ตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวานแล้ว ซึ่งถือเป็นความจริงไม่ได้โกหกเลยสักนิดเดียว หญิงชราถูกส่งไปหอโอสถเยว่เสียง ส่วนร่างไร้วิญญาณของจูหมัวมัวถูกพาไปทิ้งยังป่าอสูรในเวลาเดียวกัน ส่วนคนขับรถม้าอย่างฝานจื่อหรือหม่าฝาน ก็กลับมายังคฤหาสน์ตามคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่า นางบอกให้เขากลับมารอรับหวังเหลียงตอนเลิกงานเหมือนทุกวัน นางกับจูหมัวมัวจะหารถม้ากลับคฤหาสน์เอง เพราะต้องใช้เวลาในการสนทนากับต้าอ๋องค่อนข้างนาน หวังเหลียงเดินกลับขึ้นรถม้า ในอกเต็มด้วยความวิตกกังวล มารดาของเขาหายตัวไป หลังมาขอพบต้าอ๋อง เรื่องนี้ดูอย่างไรก็ไม่ปกติ อยากจะถามไถ่มาก
บทที่ 54 อย่าทำให้ข้าโมโห วั่งเฉาละล่ำละลักเอ่ยวาจา เตรียมปลดปล่อยพลังธาตุ…ทว่ากลับไร้ปฏิกิริยาใดๆ พลังธาตุวารีระดับเจี๋ยตันขั้นสมบูรณ์ปลายยอดระดับคอขวด ถูกกดข่มไว้ด้วยพลังอันแข็งแกร่งบางอย่าง ชายวัยกลางคนตื่นตระหนกจนแทบจิตหลุด มองหญิงสาวราวเห็นภูตผี ใบหน้าของเขาซีดขาวมิต่างจากกระดาษ ในแววตาเต็มไปด้วยความสับสนระคนหวาดกลัว ในมหาพิภพทงเทียนเหอ สิ่งที่สามารถกดข่มพลังธาตุของนักพรตคนอื่นๆได้ในบัดดล มีเพียงสองประการ ประการแรกคือ เขตแดนแห่งแสงพิสุทธิ์ของผู้ครอบครองธาตุแสงระดับหยวนอิงขึ้นไป และประการที่สอง พลังที่อยู่เหนือมวลมนุษย์ทั้งปวง ทวยเทพ! ถึงแม้หญิงสาวเบื้องหน้าจะมีตบะระดับหยวนอิง หากแต่นางหาใช่เผ่ามนุษย์สายเลือดสัตว์เทพเหมือนเช่นเชื้อพระวงศ์ของตำหนักเทพอนันต์ จะมีเขตแดนแห่งแสงพิสุทธิ์ได้อย่างไร เรื่องที่นางมีธาตุมืดนั่นก็น่าเหลือเชื่อจนทำให้เขาประหลาดใจมากพอแล้ว “เจ้าเป็นใครกันแน่! เจ้าไม่ใช่หวังลี่ถิง แต่เป็นตัวปลอมใช่หรือไม่!” วั่งเฉาตกอยู่ในความหวาดผวาโพล่งวาจาออกมาขณะก้าวถอยหลัง “ถามมากเสียจริง หนวกหู” เสียงหวานดังขึ้นคล้ายรำคาญก่อนที่จะ… ครืนนน!! ปึ้ก!! แร
บทที่ 53/2 ช่วงเวลาแห่งความสนุก กระต่ายน้อยพองขนขู่ฟ่ออีกรอบ หันมาแหวใส่อีกฝ่ายทันควัน กล่าวว่าตนไม่ใช่เด็กน้อยเสียหน่อย ปีหน้าก็จะปักปิ่นแล้ว ถึงเวลานั้นจะกลับมาท้าเขาแข่งดื่มสุรา ใครแพ้ต้องยอมเรียกอีกฝ่ายว่า ลูกพี่ “ตกลง แล้วข้าจะรอแข่งร่ำสุรากับเจ้า! เตรียมล้างคอไว้ได้เลยอวี้เหวินอิงเอ๋อร์” “ท่านต่างหากที่ต้องเตรียมล้างคอไว้รอ หวงฝู่ฮ่าวอวี่” หลังจากปะทะคารมกันจบ ก็กลับมานั่งกินข้าวกันต่อ ทั้งคู่วางความแค้นลงชั่วคราว แต่กลับมาประลองฝีมือด้วยการแย่งชิงอาหารกันบนโต๊ะแทน รวี่เยว่ถึงกับส่ายหน้าให้กับความซุกซนของทั้งคู่ คืนนั้นองค์ชายใหญ่เสด็จกลับวังด้วยอารมณ์เบิกบานใจอย่างถึงที่สุด เขาไม่ได้สนุกเช่นนี้มานานแล้ว กงกงประจำตำหนักรีบไปรายงานจ้าวกุ้ยเฟยเป็นการเร่งด่วน องค์ชายใหญ่อารมณ์ดีเป็นพิเศษ ทางด้านรวี่เยว่หลังจากส่งกระต่ายน้อยพุงโตถึงเรือน นางก็แวะไปดูสภาพของเล่นใหม่ที่ต้าอ๋องส่งมาให้ตามคำขอ ภายในคุกใต้ดินเวลานี้ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง บนร่างกายของฮูหยินผู้เฒ่าเต็มไปด้วยรอยตะปบ จากกรงเล็บของเสี่ยวเฮยมาว หญิงชรานั่งขดตัวกลม ยกมือปิดหน้าร้องไห้คร่ำครวญขอชีวิตปานขาดใจ ทว่าเสียงที่เ