บทที่ 33/1 หวังลู่เสียน เมื่อทราบว่าคนที่นางรอคอยมาถึงแล้ว รวี่เยว่จึงหันไปพยักหน้ากับหม่าลั่ว ก่อนเอ่ยปากขอตัวกลับ ส่วนหม่าลั่วก็ขอตัวไปเตรียมรถม้า ก่อนแวบหายไปจากตรงนั้น ปล่อยให้รวี่เยว่อยู่กับหุ่นภูตและเสี่ยวเฮยมาว “ให้ข้าเดินไปส่งคุณหนูเถิด” หวงฝู่ฮ่าวอวี่รีบออกตัว ความจริงเขาอยากใช้เวลากับนางให้มากกว่านี้ เพียงแต่มิอาจเอ่ยรั้ง หากทำเช่นนั้นก็เกรงว่าหญิงสาวจะลำบากใจ และเมื่อพวกเขา เดินมาถึงลานหน้าโถงรับรองหลักของตำหนัก เสียงเอะอะโวยวายจากหน้าประตูใหญ่ได้ลอยเข้าหู “ข้าบอกให้พวกเจ้าหลีกไป! กล้าดีอย่างไรถึงกีดกัน ไม่ให้ข้าเข้าไปพบองค์ชายใหญ่!” หวังลู่เสียนแผดเสียงใส่ทหารอารักขาอยู่หน้าตำหนัก โดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสม ชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมาเริ่มหยุดมุงดูเพื่อสังเกตการณ์ หวงฝู่ฮ่าวอวี่จากที่อารมณ์ดีๆ เวลานี้ใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนเป็นเย็นชา เกากงกงรีบเอ่ยถามองครักษ์ที่อยู่ด้านใน “เกิดอะไรขึ้น ใครมันบังอาจมาโวยวาย รบกวนความสงบอยู่หน้าตำหนัก แล้วไยพวกเจ้าถึงนิ่งเฉย อยากถูกลงโทษกันหรืออย่างไร!“ “เรียนกงกง ผู้ที่กำลังส่งเสียงโวยวายอยู่ด้านนอก คือคุณหนูหวังลู่เสียนขอรับ” องครักษ์ประส
บทที่ 33/2 หวังลู่เสียน ”องค์ชายใหญ่เพคะ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ฮึก ไยนางถึงมาอยู่กับพระองค์ที่นี่ได้ ทรงบอกเสียนเอ๋อร์สิเพคะ” หยาดน้ำตาหลั่งรินเปียกชุ่มแพขนตาอีกครา ดูงดงามบอบบางราวดอกสาลี่ต้องหยาดฝน ทว่าหาได้มีผลต่อความรู้สึกของหวงฝู่ฮ่าวอวี่ในเวลานี้ “หวังลู่เสียน เจ้าไม่มีสิทธิ์มาหยาบคายกับแขกของข้า เจ้าต่างหากที่ไม่ได้รับเชิญแล้วบุกรุกมาที่นี่! ทหาร…” แต่ก่อนที่หวงฝู่ฮ่าวอวี่จะได้สั่งทหาร ให้ลากตัวหวังลู่เสียนออกไป เกากงกงก้าวฝ่าแรงกดดันเข้ามา กระซิบบางอย่างข้างหู ชายหนุ่มลดแรงกดดันลง พยักหน้าเห็นด้วยกับคนสนิท ทันทีที่แรงกดดันหายไป หวังลู่เสียนก็ปรี่เข้าไปหารวี่เยว่ พร้อมแผดเสียงใส่อย่างไร้มารยาท “ต้องเป็นเพราะเจ้าที่ยั่วยวนองค์ชายใหญ่! บอกข้ามานะว่าเจ้าเป็นใคร เป็นนางจิ้งจอกมาจากที่ไหน!” ที่หวังลู่เสียนกล้าเอ่ยถามเช่นนี้ เป็นเพราะตัวนาง รู้จักบรรดาองค์หญิง ท่านหญิง รวมถึงคุณหนูจากตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงทุกคน ด้วยเหตุนี้นางจึงแน่ใจว่าหญิงสาวตรงหน้า หาได้มาจากตระกูลสูงศักดิ์ของเมืองหลวง รวี่เยว่มิได้เอ่ยคำใดโต้ตอบ ยังคงยืนแผ่นหลังเหยียดตรง ประสานมือไว้ที่หน้าท้องเชิดคางเล็กน้อย
บทที่ 34 /1 ข่าวดีของจวนเสนาธิการ ครั้นมาถึงเรือนของหวังลู่เสียน ก็ตวาดไล่สาวใช้ทั้งหมดให้ออกไปจากห้องนอนของบุตรสาว หวังลู่เสียนได้ยินเสียงบิดา จึงหยัดกายลุกขึ้นมาจากเตียง ใบหน้างามดูซีดเซียวกว่าปกติ กำลังจะเอ่ยคาราวะ ทว่าถูกฝ่ามือใหญ่ฟาดเข้าที่ใบหน้าเสียก่อน เพียะ! ใบหน้างามหันตามแรงตบ สัมผัสได้ถึงรสชาติสนิมอบอวลในปาก หวังลู่เสียนตกใจชะงักค้าง เพราะตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ นางไม่เคยถูกบิดาว่ากล่าวหรือลงโทษเลยสักครั้ง น้ำตาแห่งความเสียใจพรั่งพรูอาบดวงหน้า หันมาถามบิดาเสียงขาดห้วง “ฮึก ทะ ท่านพ่อ ท่าน ฮึก ตีลูกด้วยเหตุใดเจ้าคะ ลูกทำ ฮึก สิ่งใดผิด…” หวังเหลียงหน้าแดงก่ำ โทสะพุ่งสูงเสียดฟ้า จ้องมองบุตรสาวเขม็ง บดกรามแน่นจนขึ้นเป็นขึ้นสัน ตะคอกถามเสียงดังราวฟ้าผ่า ขนาดว่าบ่าวไพร่ที่ถูกไล่ให้ออกไปจากเรือน ยังได้ยินสิ่งที่หวังเหลียงเอ่ย “นังลูกไม่รักดี! เจ้าไปท้องกับใครมา!” ในชั่วขณะที่ทุกคนกำลังก้มหน้า สาวใช้นางหนึ่งเร้นกายหายไปจากตรงนั้น มุ่งหน้าไปยังคอกม้าท้ายจวน… หวังลู่เสียนตกตะลึงกับคำกล่าวของบิดา ความรู้สึกหลากหลายถาโถมราวคลื่นซัด หลุบตามองหน้าท้องของตน ยกมือสัมผัสอย่างแผ่วเบา ภ
บทที่ 34/2 ข่าวดีของจวนเสนาธิการ ครั้นฮูหยินผู้เฒ่าทราบเรื่อง นางก็แทบลุกขึ้นมาปรบมือ ความหวังว่าหวังลู่เสียนจะกลายเป็นนางหงส์ในอนาคต เริ่มปรากฏให้เห็นกระจ่างชัด หญิงชราโอบไหล่หลานสาว ลูบหัวลูบหลังอย่างเมตตา “ต่อไปเสียนเอ๋อร์ต้องดูแลตัวเองให้ดีๆรู้หรือไม่ เวลานี้มีสายเลือดของราชวงศ์หวงฝู่ในท้องของเจ้า จะเดินเหินย่อมต้องระวังให้มาก” “เจ้าค่ะท่านย่า” หวังลู่เสียนรับคำหญิงชราอย่างเอียงอาย “อาเหลียง เจ้าต้องรีบกราบทูลเรื่องสำคัญนี้ให้ฝ่าบาททรงทราบ จะรอช้าไม่ได้เด็ดขาด เสียนเอ๋อร์ต้องรีบแต่งงานเข้าตำหนักองค์ชายใหญ่โดยเร็วก่อนที่ครรภ์จะออก” ยิ่งหวังลู่เสียนได้แต่งเข้าตำหนักองค์ชายใหญ่เร็วเท่าใด ย่อมเป็นผลดีกับตระกูลหวังเร็วเท่านั้น เพียงแค่คิดว่าต่อไปใครๆ ในเมืองหลวงต่างก็ต้องเกรงใจนาง หญิงชราพลันยืดแผ่นหลังอย่างภูมิใจ “ข้าจะรีบกราบทูลฝ่าบาทในวันพรุ่งนี้หลังประชุมเช้าขอรับท่านแม่” หวังเหลียงเองก็ตื่นเต้นยินดีไม่แพ้มารดา บรรยากาศในเรือนฟาหยางยามนี้เต็มไปด้วยความชื่นมื่น จากที่เคยอึมครึมไปด้วยความตึงเครียด ผู้ใหญ่ทั้งสองต่างจินตนาการ ถึงอำนาจและวาสนาที่กำลังจะได้รับ คงมีเพียงหวังลู่เ
บทที่ 35 ข่าวใหม่ในเมืองหลวง ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ คำกล่าวนี้ไม่เคยเกินจริง… ร่างสูงของฮั่วเอ่อฉีขยับลงจากหลังของอี้หรง ยื่นมือให้รวี่เยว่เกาะกุมทั้งช่วยประคองนางลงจากหลังราชันย์หมาป่าพระจันทร์เงิน “ข้าล่ะไม่เข้าใจพวกมนุษย์จริงๆ จะไปนั่งเบียดกันทำไมมิทราบ บอกให้ไปกับข้าคนนึงก็ไม่ยอม” เสี่ยวเฮยมาวแกล้งเอ่ยเย้า ทำเหมือนไม่เข้าใจจุดประสงค์แท้จริงของฮั่วเฮ่อฉี พรืดดด แค่กๆๆ “คอแห้ง ต้วนคงขอน้ำให้ข้าดื่มหน่อย” อี้หรงหลุดขำ ก่อนจะเฉไฉว่าคอแห้ง เมื่อถูกฮั่วเฮ่อฉีขู่ฟ่อผ่านจิต ‘อยากถูกกัดหูแหว่งหรืออี้หรง!’ มือใหญ่ยังคงกอบกุมมือเล็กไม่ยอมปล่อย ท่าทางอิดออดคล้ายเด็กงอแง ดวงตาสีฟ้าเพ่งพิศใบหน้างามหวานล้ำอย่างหลงใหล เขาไม่อยากแยกจากนางแม้แต่เสี้ยวลมหายใจ “คืนนี้พี่ชายมีความสุขมาก รวี่เยว่น้อยเล่ามีความสุขหรือไม่” สุ้มเสียงทุ้มต่ำมีเอกลักษณ์ เอ่ยถามโฉมสะคราญอย่างห่วงใย “ข้าเองก็มีความสุขมากเจ้าค่ะพี่ชาย ขอบคุณมากนะเจ้าค่ะ” คืนนี้นางมีความสุขมากจริงๆ นั่นแหละ อาหารที่สั่งมาคราวนี้เลิศรสยิ่งกว่าคราวก่อนเสียอีก รัตติกาลนี้ช่างงดงาม ดวงดาวพร่างพราวเต็มแผ่นฟ้
บทที่ 35/2 ข่าวใหม่ในเมืองหลวง มือใหญ่คว้าหมับเข้าที่กราม ออกแรงบีบจนชายชรายอมอ้าปาก ของเหลวรสชาติขมฝาดไหลผ่านลำคอ ความรู้สึกอุ่นร้อนเริ่มระอุในท้อง “เจ้าเอาอะไรให้ข้ากิน!” “พิษเพลิงอสูรสดับปราณของเจ้าอย่างไร” รวี่เยว่นั่งลงบนเก้าอี้ มองเหวินฉานด้วยสายตาเฉยชา ชายชราทั้งหวาดกลัวทั้งโกรธแค้น ทว่ามิอาจตอบโต้ อัคคีนิลกาฬของนาง น่ากลัวเสียยิ่งกว่าคำขู่เข็ญของวั่งเฉา “ท่านฆ่าข้าเสียเถิด อย่าทรมานข้าเลย ข้าขอร้อง” “ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอกนะหมอเหวิน แต่จะปล่อยให้เจ้าแบกรับผลกรรมที่ทำไว้ ส่วนคำแก้ตัวที่บอกว่าถูกวั่งเฉาบังคับจิ๊ๆๆ ใครเชื่อก็โง่เต็มทีแล้ว” รวี่เยว่หยุดกล่าววาจา นั่งมองเหวินฉานที่เริ่มมีอาการทุรนทุราย คล้ายคนกำลังมีไข้สูง มุมปากกระจับยกขึ้นอย่างพึงใจเอื้อนเอ่ยถ้อยคำที่เหลือ “เพราะหากเจ้าถูกบังคับจริง ตระกูลเหวินคงไม่ล่ำซำขึ้นมาในชั่วข้ามคืน บุตรชายคนกลางผู้ไม่เอาอ่าวของเจ้า คงไม่ได้เข้าทำงานในกรมอาลักษณ์ง่ายๆ นั่นยังไม่รวมเรื่องที่เจ้าส่งบุตรีคนเล็กที่เกิดจากอนุคนโปรด ไปเป็นอนุของอัครมหาเสนาบดีวั่งเฉาในปีเดียวกัน นี่คงมิใช่เรื่องบังเอิญกระมัง…ชายคนนั้นคงให้ค่าตอบแทนเจ้าอ
บทที่ 36/1 ความเป็นจริง บทกลอนถูกถ่ายทอดไปถึงรวี่เยว่ ดวงตาดอกท้อสีเทาเย็นชา เวลานี้แปรเปลี่ยนเป็นวาวโรจน์ เปล่งเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ข้ามีความสุขจริงๆ เจ้าค่ะวันนี้ ฮ่ะๆๆ” ชุนอิ่งส่งบุตรชายให้หม่าลั่ว ขยับมานั่งข้างๆ รวี่เยว่ กอบกุมมือนุ่มของหญิงสาว ดวงตารื้นน้ำจากความยินดี “คุณหนู วันที่พวกเรารอคอยใกล้มาถึงแล้วสินะเจ้าคะ” “อีกไม่นานแล้วเจ้าค่ะ” รวี่เยว่ตบหลังมือชุนอิ่งเบาๆ “คุณหนูได้ยินข่าวลือหรือยังเจ้าคะ สาแก่ใจบ่าวยิ่งนัก!” ชุนอิ่งยิ้มสาแก่ใจ เมื่อได้ฟังเรื่องราวจากบ่าวที่ออกไปซื้อของ รวี่เยว่พยักหน้า นางได้ยินเรื่องราวจากเสี่ยวเฮยมาว แมวลูกสมุนในเมืองหลวง รีบมารายงานองค์ราชันย์ของพวกมันตั้งแต่เช้า สายข่าวเมี้ยวเมี้ยว ทำงานรวดเร็วไม่แพ้คนของนาง จวนตระกูลวั่ง อัครมหาเสนาบดีวั่งเฉาในวัยสี่สิบปลายสีหน้าดำคล้ำ ยามได้ยินข่าวลือที่กำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้ แม้นยังไม่ปักใจเชื่อจนกว่าจะได้ยินจากปากขององค์ชายใหญ่ ทว่าข่าวนี้ก็สร้างความกังวลใจให้เขาไม่น้อย วั่งเฉาเหลือบมองบุตรสาว ที่เพิ่งผ่านวัยปักปิ่นเมื่อต้นปีด้วยสายตายากคาดเดา เส้นทางที่เขาตระเตรียมเพื่อนาง ย่อมไม่มีทางให้
บทที่ 36/2 ความจริง ห้องทรงงาน ฮ่องเต้หวงฝู่ฮุ่ยหมิ่นพระชันษาสี่สิบกลางในชุดคลุมมังกรสีทองน่าเกรงขาม รูปร่างสูงสง่า ใบหน้าหล่อเหลา หนวดเคราตัดแต่งอย่างประณีต นั่งอยู่หลังโต๊ะทรงงาน ทอดตามองหวังเหลียงที่คุกเข่าอยู่บนพื้น “ลุกขึ้นเถิดใต้เท้าหวัง” เมื่อได้ยินเสียงอนุญาตจากฮ่องเต้ หวังเหลียงจึงได้ขยับกายลุกขึ้น “ขอบพระทัยฝ่าบาทพะย่ะค่ะ” “ใต้เท้าหวัง ท่านขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพราะมีเรื่องสำคัญต้องกราบทูล เช่นนั้นก็รีบทูลเถิด ฝ่าบาททรงมีราชกิจอีกมากที่ต้องจัดการ” มหาขันทีเชิดคางจิกตาขณะกล่าว เขาไม่ค่อยชอบขี้หน้าหวังเหลียงเท่าใดนัก หวังเหลียงประสานมือไว้ที่หน้าท้องค้อมศีรษะเล็กน้อยยามเอ่ยทูล “เรียนฝ่าบาท เรื่องที่กระหม่อมกำลังจะกราบทูล เกี่ยวพันถึงองค์ชายใหญ่พะย่ะค่ะ” “องค์ชายใหญ่ไปเกี่ยวอะไรด้วย ใต้เท้าหวังรีบพูดให้กระจ่าง!” ฮ่องเต้หวงฝู่ฮุ่ยหมิ่นรับสั่งเสียงเข้ม สุรเสียงดุดัน ถึงจะทรงทราบอยู่ก่อนแล้วทว่าก็อยากลองเชิงอีกฝ่าย เรื่องที่หวังลู่เสียนตั้งครรภ์กับหวงฝู่ฮ่าวอวี่ ถูกถ่ายทอดจากปากของหวังเหลียง ฮ่องเต้หวงฝู่ฮุ่ยหมิ่นสีหน้าเย็นชา ทอดมองขุนนางตรงหน้าด้วยสายตาไม่บ่
บทที่ 57/2 ข้าขอเป็นคนเลวสักครั้งในชีวิตเถิด เหวินไป๋เหลียนคนรักของเขาที่งดงามสดใสราวดอกทานตะวัน เทียบไม่ได้เลยกับความงามสง่าโดดเด่น ประหนึ่งดอกหมู่ตานตรงหน้า จากที่คิดว่าจะออกไปจากห้องหอทันทีหลังเปิดผ้าคลุมหน้าสาว หวังเหลียงกลับเปลี่ยนใจ เดินไปรินสุรามงคลมายื่นให้เยว่หนิงลี่แทน และใช้เวลาอยู่กับนางทั้งคืน ทว่าหลังจากนั้นเพียงเจ็ดวัน หวังเหลียงก็พาเหวินไป๋เหลียนเข้าจวน นับเป็นการหยามเกียรติฮูหยินเอกเป็นอย่างยิ่ง ทว่าเยว่หนิงลี่กล้บไม่มีปฏิกิริยาใดๆ นางสงบนิ่งเยือกเย็นราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับตน กลับเป็นชุนหมัวมัวและหลานสาวนามชุนอิ่งที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทน ครึ่งปีต่อมาหวังเหลียงก็พาอนุอีกคนเข้าจวน เหวินไป๋เหลียนแล่นมาหาเยว่หนิงลี่ให้จัดการเรื่องนี้ ทว่าเยว่หนิงลี่ที่กำลังตั้งครรภ์ได้หกเดือนกลับนิ่งเฉยไม่สนใจ ทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนางอีกนั่นแหละ เหวินไป๋เหลียนที่กำลังตั้งครรภ์เช่นกันยิ่งเดือดดาลกว่าเดิม เพราะไม่สามารถยุแยงให้อีกฝ่ายออกโรงได้ “นางเป็นก้อนหินหรืออย่างไรกัน ถึงได้เย็นชาไร้อารมณ์เยี่ยงนี้ น่าโมโหที่สุด! หวังเหลียงนะหวังเหลียง!” เกือบสี่เดือนห
บทที่ 57 1 ข้าขอเป็นคนเลวสักครั้งในชีวิตเถิด @เรื่องราวบางส่วนในบทนี้ค่อนข้างอ่อนไหว โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ สิบหกปีก่อน เมืองเทียนหวง อาณาจักรอู๋ซาง นับตั้งแต่บอกลากับอวี้เหวินเทียนเหิง เยว่หนิงลี่กลายเป็นคนเงียบขรึม ทั้งที่ปกติหญิงสาวเป็นคนร่าเริงมีชีวิตชีวาราวลูกกวางน้อยวิ่งเล่นในทุ่งหญ้า แม้แต่ต้าอ๋องยังรู้สึกประหลาดใจ ครั้นถามไถ่หญิงสาวเพียงคลี่ยิ้มบาง และกล่าวว่าอาจเป็นเพราะต้องจากพี่น้องทหารร่วมรบไปอยู่เมืองหลวงจึงรู้สึกใจหาย หนึ่งเดือนก่อนงานแต่ง ค่ำคืนนี้เยว่หนิงลี่ออกมาเดินเล่นเตร็ดเตร่กับชุนหมัวมัวเพราะนอนไม่หล้บ ครั้นมองเห็นหอสุราที่ตนเคยมากับอวี้เหวินเทียนเหิง หญิงสาวก้าวเท้าเข้าไปด้านในอย่างไม่รู้ตัวราวต้องมนตร์ จากนั้นจึงถามหาห้องส่วนตัวที่เคยมา เสี่ยวเอ้อร์เดินนำขึ้นบันไดไป ทว่าระหว่างเดินผ่านห้องส่วนตัวอีกห้อง เสียงสนทนาของบุรุษกลุ่มหนึ่งดังลอดออกมา “นี่ หวังเหลียง เรื่องที่เจ้ากำลังจะแต่งงานกับรองแม่ทัพเยว่หนิงลี่จากแดนใต้ผู้นั้น ไม่ทำให้แม่นางเหวินไป๋เหลียนยอดดวงใจของเจ้าเสียใจแย่รึ” เสียงของบุรุษคนหนึ่งเอ่ยถามบุรุษอีกคนที่ชื่อ หวังเหลียง “นั่น
บทที่ 56/2 รักแรกของอวี้เหวินเทียนเหิง อวี้เหวินเทียนหยาได้แต่ทอดถอนใจ หันไปถามความเห็นของเยว่หนิงลี่ ด้วยความที่หญิงสาวเติบโตมากับบุรุษ จึงทำให้นางมีนิสัยใจกว้างและจริงใจเป็นทุนเดิม เมื่อเห็นว่าคนตำหนักเทวาอนธการ มีใจอยากชื่นชมความมีชีวิตชีวาของเมืองหลวงเผ่ามนุษย์ จึงตบปากรับคำอย่างเต็มใจ เพราะอย่างไรเสีย นางก็ชอบออกมาเดินเล่นเพื่อสอดส่องความปลอดภัยของชาวเมืองยามค่ำคืนเป็นปกติอยู่แล้ว ผูกมิตรไว้ดีกว่าเป็นศัตรู นั้นคือคำที่ต้าอ๋องผู้เฒ่าสั่งสอนนางมาตั้งแต่เด็ก “ได้เจ้าค่ะ ข้ายินดีช่วยพาพี่ชายองครักษ์เที่ยวชมเมืองหลวงยามค่ำคืน” เสียงสดใสจริงใจสะท้อนไปถึงจิตใจขององค์ราชาหนุ่ม จนก้อนเนื้อในอกเต้นแรงไม่เป็นระส่ำ “ถิงซี เรียกข้าว่าถิงซีเถิด” อวี้เหวินเทียนเหิงบอกชื่อกลางของตน ที่ปกติมีเพียงญาติพี่น้องเท่านั้นที่เอ่ยเรียกนามนี้ แค่กก!! ผู้เป็นน้องสำลักน้ำลายรอบที่สอง นับจากคืนนั้น ถิงซี ก็จะมารอพบเยว่หนิงลี่ที่สะพานหิน ซึ่งอยู่ห่างจากร้านอาหารทะเลไปราวครึ่งลี้ทุกคืน แม้ฝนจะตกเขาก็จะกางร่มมายืนรอนางไม่เคยขาด หลังจากผ่านไปสองอาทิตย์ ในที่สุดชายหนุ่มก็มีความกล้า เอ่ยปากชวนนางออกมาเที่ย
บทที่ 56 รักแรกของอวี้เหวินเทียนเหิง ตำหนักเทวาอนธการ องค์ราชาอวี้เหวินเทียนเหิงวางสาส์นที่น้องชายส่งมาถึงลงบนโต๊ะหลังจากอ่านจบ ร่างสูงสง่าใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มมองออกไปไกล ดวงตาเรียวยาวคู่คมเจือความเศร้าอยู่หลายส่วน “หนิงลี่ ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องหรือทำร้ายลูกสาวของพวกเราได้อีกแล้ว…ไยเจ้าถึงไม่บอกว่าตั้งครรภ์กับข้า ก่อนที่จะแต่งให้เจ้าสารเลวชั้นต่ำหวังเหลียงคนนั้น!” เพียงแค่รู้สึกขุ่นเคืองใจ ของตกแต่งภายในห้องทรงอักษรทั้งหมดก็แตกละเอียด ดวงตาสีเทาทรงอำนาจคมกริบปิดลง ความทรงจำเมื่อสิบเจ็ดปีก่อนหวนกลับมา เมืองเทียนหวง อาณาจักรอู๋ซาง ในพิธีเปิดงานประลองของอาณาจจักร อวี้เหวินเทียนเหิงปลอมตัวเป็นองครักษ์ของน้องชาย เพื่อออกมาท่องเที่ยวดูโลกภายนอกในรอบสิบปี องค์ราชาหนุ่มในวัยยี่สิบแปดเดินทางลงจากภูผาหยินซาน หลังจากพระบิดาเดินเข้าแดนบำเพ็ญแห่งเทวา เพื่อกักตัวระยะยาวอย่างไม่มีกำหนด ชายหนุ่มสวมหน้ากากโลหะสีดำปกปิดใบหน้าเหมือนองครักษ์คนอื่นๆ เพียงแต่มิอาจปกปิดรัศมีสูงส่งรอบกาย จึงทำให้หลายคนรู้สึกยำเกรงองครักษ์ของชินอ๋องผู้นี้มากกว่าคนอื่นๆ ค่ำคืนหลังจบพิธีเปิดงาน อวี้เหวินเที
บทที่ 55/2 หารือ หลังจากปล่อยให้ฮั่วเมิ่งเหยา ทำความรู้จักมักจี่กับรวี่เยว่พอสมควร ครู่ต่อมาฮั่วเฮ่อฉีจึงสั่งให้ฟ่านจื่อพาน้องสาวไปส่งยังที่พัก ท่าทางผ่อนคลายของฮั่วเฮ่อฉีก่อนหน้านี้ แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขาขออนุญาตรวี่เยว่ ก่อนกางม่านพลังป้องกันไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกไป จากนั้นจึงเอ่ยเรื่องสำคัญ “รวี่เยว่ข้ามีเรื่องสำคัญต้องบอกเจ้า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าโดยตรง ข้าเองไม่แน่ใจ ว่าเจ้าเคยรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับคำพยากรณ์สำคัญ เมื่อสิบกว่าปีก่อนหรือไม่” “หากเป็นเรื่องนี้ข้าพอรู้อยู่บ้างเจ้าค่ะ” รวี่เยว่ไม่คิดปิดบัง ในเมื่อชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาก่อนแบบนี้ แสดงว่าเขาต้องรู้หรือได้ยินอะไรมา ทั้งคู่หารือกันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงออกไปพบชินอ๋องอวี้เหวินเทียนหยาด้วยกัน …ตำหนักรับรองริมทะเลสาบ โถงรับรองส่วนตัวในเรือนพักชินอ๋อง คำพยากรณ์ซึ่งเกี่ยวพันกับรวี่เยว่ ถูกถ่ายทอดให้อวี้เหวินเทียนหยาฟังจากปากของฮั่วเฮ่อฉี อีกทั้งเรื่องนี้โยงใยไปถึงความขัดแย้งระหว่างสองอาณาจักร หากสำนักกระบี่สวรรค์คิดทรยศอาณาจักรอู๋ซาง ไปเข้าฝ่ายอาณาจักรหวงซาอย่างที่คาดไว้จริง เช่นนั้นก็มิอาจนิ่งเฉย เพ
บทที่ 55/1 หารือ เรือนกายสูงสง่าของฮั่วเฮ่อฉีก้าวเข้ามาในห้อง ตามมาด้วยลูกสุนัขสีขาวเจ้าประจำ มันตรงดิ่งไปหาแมวสีเข้มที่ย้ายตัวเอง ไปนอนเอกเขนกอยู่บนตั่งอย่างคุ้นเคย “รวี่เยว่ของข้า สบายดีหรือไม่ ช่วงนี้พี่ชายถูกพวกตัวยุ่งจากตำหนักเทพอนันต์รั้งตัวไว้ เลยปลีกตัวมาหาไม่ได้ คิดถึงเจ้าใจแทบขาด” มาถึงปุ๊บก็รีบเอ่ยวาจาออดอ้อนสาวเจ้าปั๊บ ทำคนฟังเขินอายจนแก้มเนียนใสซับสีระเรื่อ ไม่เพียงเท่านั้น ชายหนุ่มยังถือวิสาสะ เดินมากอบกุมมือเล็กขึ้นมาแนบอก สบตานางในดวงใจตาหวานซึ้ง คงเพราะเห็นว่าผู้ปกครองของหญิงสาว ไม่ได้มีท่าทีกีดกันเขาอีกต่อไป ฮั่วเฮ่อฉีเลยเดินหน้าเต็มกำลัง เพื่อพิชิตหัวใจของรวี่เยว่อย่างเปิดเผยมากขึ้น “พี่ชาย ท่านทำข้าใจสั่นไปหมดแล้วเจ้าค่ะ” รวี่เยว่ยังคงใสซื่อเรื่องความรักไม่ปลี่ยน รู้สึกอย่างไรก็พูดออกมาอย่างนั้น จนอีกคนที่ยืนอยู่หลังประตู ยกมือขึ้นมาประกบแก้มหัวเราะคิกอยู่ในใจ ‘ข้าชอบนางยิ่งนัก นางน่ารักเหลือเกิน’ ถ้อยคำอันใสซื่อของรวี่เยว่ ประดุจน้ำทิพย์ชโลมหัวใจของชายหนุ่ม เขายินดีเป็นล้นพ้นยามได้ยินว่านางใจสั่น ‘นางเริ่มมีใจให้ข้าแล้ว!’ ฮั่วเฮ่อฉีหัวใจลิงโลด อยากจะ
บทที่ 54/2 อย่าทำให้ข้าโมโห จากนั้นก็ลงมือทุบตีจิกข่วน จนใบหน้าของวั่งเฉาบวมเป่งกลายเป็นหัวหมู ผ่านไปครู่หนึ่งโส่วจินจึงลากร่างอันบอบช้ำของ ของเล่นชิ้นใหม่ เอ้ย นักโทษคนใหม่ ไปแยกขังไว้ในห้องข้างๆ ช่วงสายของวันรุ่งขึ้น หวังเหลียงเดินกระสับกระส่าย วนไปวนมาอยู่หน้าจวนแม่ทัพปราบทักษิณ มารดาของเขากับจูหมัวมัวออกมาพบต้าอ๋องตั้งแต่เมื่อวานช่วงบ่าย จนถึงบัดนี้ทั้งคู่ยังไม่กลับจวน ทหารที่เฝ้าประตูกลับออกมาพร้อมพ่อบ้าน กล่าวว่าฮูหยินผู้เฒ่าและจูหมัวมัว ออกไปจากที่นี่ตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวานแล้ว ซึ่งถือเป็นความจริงไม่ได้โกหกเลยสักนิดเดียว หญิงชราถูกส่งไปหอโอสถเยว่เสียง ส่วนร่างไร้วิญญาณของจูหมัวมัวถูกพาไปทิ้งยังป่าอสูรในเวลาเดียวกัน ส่วนคนขับรถม้าอย่างฝานจื่อหรือหม่าฝาน ก็กลับมายังคฤหาสน์ตามคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่า นางบอกให้เขากลับมารอรับหวังเหลียงตอนเลิกงานเหมือนทุกวัน นางกับจูหมัวมัวจะหารถม้ากลับคฤหาสน์เอง เพราะต้องใช้เวลาในการสนทนากับต้าอ๋องค่อนข้างนาน หวังเหลียงเดินกลับขึ้นรถม้า ในอกเต็มด้วยความวิตกกังวล มารดาของเขาหายตัวไป หลังมาขอพบต้าอ๋อง เรื่องนี้ดูอย่างไรก็ไม่ปกติ อยากจะถามไถ่มาก
บทที่ 54 อย่าทำให้ข้าโมโห วั่งเฉาละล่ำละลักเอ่ยวาจา เตรียมปลดปล่อยพลังธาตุ…ทว่ากลับไร้ปฏิกิริยาใดๆ พลังธาตุวารีระดับเจี๋ยตันขั้นสมบูรณ์ปลายยอดระดับคอขวด ถูกกดข่มไว้ด้วยพลังอันแข็งแกร่งบางอย่าง ชายวัยกลางคนตื่นตระหนกจนแทบจิตหลุด มองหญิงสาวราวเห็นภูตผี ใบหน้าของเขาซีดขาวมิต่างจากกระดาษ ในแววตาเต็มไปด้วยความสับสนระคนหวาดกลัว ในมหาพิภพทงเทียนเหอ สิ่งที่สามารถกดข่มพลังธาตุของนักพรตคนอื่นๆได้ในบัดดล มีเพียงสองประการ ประการแรกคือ เขตแดนแห่งแสงพิสุทธิ์ของผู้ครอบครองธาตุแสงระดับหยวนอิงขึ้นไป และประการที่สอง พลังที่อยู่เหนือมวลมนุษย์ทั้งปวง ทวยเทพ! ถึงแม้หญิงสาวเบื้องหน้าจะมีตบะระดับหยวนอิง หากแต่นางหาใช่เผ่ามนุษย์สายเลือดสัตว์เทพเหมือนเช่นเชื้อพระวงศ์ของตำหนักเทพอนันต์ จะมีเขตแดนแห่งแสงพิสุทธิ์ได้อย่างไร เรื่องที่นางมีธาตุมืดนั่นก็น่าเหลือเชื่อจนทำให้เขาประหลาดใจมากพอแล้ว “เจ้าเป็นใครกันแน่! เจ้าไม่ใช่หวังลี่ถิง แต่เป็นตัวปลอมใช่หรือไม่!” วั่งเฉาตกอยู่ในความหวาดผวาโพล่งวาจาออกมาขณะก้าวถอยหลัง “ถามมากเสียจริง หนวกหู” เสียงหวานดังขึ้นคล้ายรำคาญก่อนที่จะ… ครืนนน!! ปึ้ก!! แร
บทที่ 53/2 ช่วงเวลาแห่งความสนุก กระต่ายน้อยพองขนขู่ฟ่ออีกรอบ หันมาแหวใส่อีกฝ่ายทันควัน กล่าวว่าตนไม่ใช่เด็กน้อยเสียหน่อย ปีหน้าก็จะปักปิ่นแล้ว ถึงเวลานั้นจะกลับมาท้าเขาแข่งดื่มสุรา ใครแพ้ต้องยอมเรียกอีกฝ่ายว่า ลูกพี่ “ตกลง แล้วข้าจะรอแข่งร่ำสุรากับเจ้า! เตรียมล้างคอไว้ได้เลยอวี้เหวินอิงเอ๋อร์” “ท่านต่างหากที่ต้องเตรียมล้างคอไว้รอ หวงฝู่ฮ่าวอวี่” หลังจากปะทะคารมกันจบ ก็กลับมานั่งกินข้าวกันต่อ ทั้งคู่วางความแค้นลงชั่วคราว แต่กลับมาประลองฝีมือด้วยการแย่งชิงอาหารกันบนโต๊ะแทน รวี่เยว่ถึงกับส่ายหน้าให้กับความซุกซนของทั้งคู่ คืนนั้นองค์ชายใหญ่เสด็จกลับวังด้วยอารมณ์เบิกบานใจอย่างถึงที่สุด เขาไม่ได้สนุกเช่นนี้มานานแล้ว กงกงประจำตำหนักรีบไปรายงานจ้าวกุ้ยเฟยเป็นการเร่งด่วน องค์ชายใหญ่อารมณ์ดีเป็นพิเศษ ทางด้านรวี่เยว่หลังจากส่งกระต่ายน้อยพุงโตถึงเรือน นางก็แวะไปดูสภาพของเล่นใหม่ที่ต้าอ๋องส่งมาให้ตามคำขอ ภายในคุกใต้ดินเวลานี้ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง บนร่างกายของฮูหยินผู้เฒ่าเต็มไปด้วยรอยตะปบ จากกรงเล็บของเสี่ยวเฮยมาว หญิงชรานั่งขดตัวกลม ยกมือปิดหน้าร้องไห้คร่ำครวญขอชีวิตปานขาดใจ ทว่าเสียงที่เ