บทที่ 50/2 ความหวาดหวั่นและยำเกรง บัดนี้ เด็กคนนั้นกลายเป็นธิดาเทพแห่งตำหนักเทวาอนธการอันยิ่งใหญ่ สูงส่งห่างไกลจนมิอาจเอื้อมถึง เขาเคยปรามาสนางว่าเป็นเพียงแค่ขยะไร้ประโยชน์ ทั้งที่ความจริงนางคืออัจฉริยะ จะมีสักกี่คนบนมหาพิภพทงเทียนเหอ ที่สามารถบรรลุระดับหยวนอิงตั้งแต่อายุสิบห้า!… เขาและมารดาทำลายวาสนาอันยิ่งใหญ่ที่สมควรเป็นของตนลงกับมือ! ช่างน่าแค้นใจนัก… แต่หากว่าเขาทวงสิทธิ์ความเป็นบิดาของนาง กลับคืนมาต่อหน้าธารกำนัลในเวลานี้ ไม่แน่ว่าครั้งนี้อาจได้ผล! ด้วยเพราะฮ่องเต้ทรง ให้ความสำคัญเรื่องความกตัญญู ต่อบุพการีและผู้มีพระคุณเป็นอย่างยิ่ง หวังเหลียงหยัดกายลุกขึ้นก้าวออกมาที่ขอบกั้นอัฒจันทร์ กำลังจะอ้าปากเปล่งเสียงเรียกชื่อบุตรี ทว่ากลับถูกพลังลึกลับอันแข็งแกร่ง กระแทกเข้าที่ลำคอจนจุกแน่นก่อนกระอักเลือดออกมา ครั้นเหลือบมองขึ้นไปด้านบน สายตาพลันประสบเข้ากับดวงตาสีเขียวมรกต ทรงอำนาจดุดันของพยัคฆ์อนธการ พร้อมถ้อยคำส่งผ่านพลังปราณดังกึกก้องในโสตประสาท “หากไม่อยากสลายเป็นจุณ ก็เลิกคิดตอแยกับรวี่เยว่ซะ เพราะข้าหาใช่ผู้มีจิตใจเมตตา จำใส่กระโหลกหนาๆ ของเจ้าเอาไว้ให้ดี!” ร่างอรช
บทที่ 51/1 คนร้ายตัวจริง จวนอัครมหาเสนาบดี ภายในโถงรับรองของเรือนส่วนตัว วั่งเฉาเข่าทรุดกระอักเลือด รับแรงกดดันหนักหน่วงจากบุรุษในชุดผ้าไหมสีเงินที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ภายในใจอัดแน่นไปด้วยความหวาดหวั่นค่อนไปทางหวาดกลัว หวนรำลึกถึงเรื่องเมื่อสิบกว่าปีก่อน ในวันที่บุรุษผู้นี้เดินทางมาหาเขา พร้อมยื่นข้อเสนออันแสนหอมหวานยั่วยวนเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน สิ่งที่เขาต้องลงมือทำคือการกำจัดเด็กหญิงซึ่งมีชะตาหงส์ตามคำทำนายของหอพยากรณ์ในปีนั้น เด็กผู้หญิงอายุห้าหนาว ที่เกิดกลางฤดูวสันต์หลายคนถูกกำจัด ไม่ก็ถูกทำให้ไร้ซึ่งพลังธาตุ หากแต่คาดไม่ถึงว่า หนึ่งในนั้นจะรอดพ้นการคุกคามทั้งหมดทั้งมวลมาได้! กระทั่งเติบใหญ่ขึ้นมาและกลายเป็นธิดาเทพแห่งตำหนักเทวาอนธการผู้สูงส่ง แม้แต่พยัคฆ์อนธการยังยอมรับนางเป็นคู่พันธะ! “อาจารย์ หากวั่งเฉาตายจะมีคนสงสัยได้นะขอรับ โปรดยั้งมือด้วยเถิด” เสียงทุ้มของชายหนุ่มรูปงามที่นั่งกอดกระบี่อยู่บนเก้าอี้ดังขึ้น แรงกดดันหายไปตามคำขอ วั่งเฉาหอบหายใจรีบโกยอากาศเข้าปอดหนักหน่วง นึกว่าตนจะแดดิ้นด้วยมือบุรุษตรงหน้าเสียแล้ว เพียงแค่แรงกดดันยังทำเขากระอักเลือดไปหลายคำจนแทบสิ้นสติ
บทที่ 51/2 คนร้ายตัวจริง ถึงแม้ตัวเลี่ยวโร่เป้ยจะโดดเด่นเปี่ยมด้วยพรสวรรค์อย่างไร แต่กลับไม่มีสิทธิ์นั่งบัลลังก์ของอาณาจักรหวงซา ด้วยว่ามีมารดาเป็นสตรีจากอาณาจักรอู๋ซาง รวมถึงเรื่องที่นางเป็นเพียงบุตรีจากอนุ เมื่อเป็นเช่นนั้น เลี่ยวเจิงเวยจึงหารือกับสือเซิน วางแผนช่วยเขาพิชิตอาณาจักรอู๋ซาง หากทำสำเร็จเลี่ยวเจิงเวยสัญญาเป็นมั่นเหมาะว่า จะแต่งตั้งเลี่ยวโร่เป้ยขึ้นเป็นผู้ปกครองอาณาจักรอู๋ซางคนต่อไป ภายใต้ร่มเงาของอาณาจักรหวงซา เรื่องนี้วั่งเฉาหาได้รับรู้ เขาเข้าใจว่า หากหวงฝู่ฮ่าวอวี่ได้นั่งบัลลังก์ต่อจากพระบิดา สำนักกระบี่สวรรค์จะสนับสนุนวั่งเตี้ยนเถียน ให้ได้รับตำแหน่งฮองเฮาอย่างเต็มที่…ทั้งที่ความจริงตนเป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่งของสือเซิน …อาณาจักรหวงซาซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของมหาพิภพทงเทียนเหอ มีสายแร่หลายชนิดเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของอาณาจักร ทว่าพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย และเต็มไปด้วยภูเขาหินจึงขาดแคลนพื้นทำการเกษตร หลายร้อยปีมานี้มักเข้าโจมตีเมืองติดชายแดนของอาณาจักรอู๋ซางอยู่เนืองๆ จุดประสงค์เพื่อแย่งชิงดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ในเขตนั้นมาเป็นของตน เพิ่งจะมีการทำสัญญาสงบศึกไปเม
บทที่ 52 /1 การเจรจา เมื่อได้ยินต้าอ๋องยืนกรานที่จะให้รวี่เยว่อยู่ฟังด้วย ฮูหยินผู้เฒ่าพลันบังเกิดความลังเล ดวงตากลอกไปมาพยายามครุ่นคิดหาทางรอด ด้วยเพราะตัวนางเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย ใครจะไปคาดฝันว่าเด็กคนนั้นจะดวงแข็งอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่ใช่แค่รอดพ้นจากพิษร้ายและการถูกล่าสังหาร! แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากตำหนักเทวาอนธการ กระทั่งกลายมาเป็นธิดาเทพอันสู่งส่ง อากัปกิริยาของหญิงชราล้วนอยู่ในสายตาของรวี่เยว่ มุมปากพลันยกขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ หันไปกล่าวกับต้าอ๋องว่าตนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระต้องไปจัดการ หากแต่ความจริงนางเองก็อยากพิสูจน์ความจริงใจของต้าอ๋อง ว่าจะลงโทษคนตระกูลหวังให้สาสมกับความผิด อย่างที่เพิ่งกล่าวกับนางก่อนหน้านี้จริงหรือไม่ ร่างอรชรสง่างามในอ้อมแขนอุ้มแมวสีเข้มมีปีกอยู่ สาวเท้ามาหยุดข้างกายหญิงชราที่ยืนตัวสั่น พลางปรายหางตามองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง เพียงแค่นั้นยังทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าดวงวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง “ทีนี้คงพูดธุระสำคัญได้แล้วกระมัง! “เสียงของต้าอ๋องดังขึ้น เขาอยากจับหญิงชราตรงหน้า มาทรมานให้สาสมกับความเลว หากแต่ถูกรวี่เยว่ขอไว้ด้วยวาจาไร้เสีย
บทที่ 52/2 การเจรจา และเป็นอีกครั้งที่หวงฝู่ฮุ่ยหมิ่นชะงักค้าง หากรวี่เยว่คือนางหงส์ในคำทำนายของหอพยากรณ์จริง เช่นนั้นเขาควรทำเช่นไร บุรุษตรงหน้าคือผู้มีพระคุณของเขา หลายปีที่ผ่านมาก็ไม่เคยเรียกร้องสิ่งใดตอบแทนสักครั้ง ยิ่งคิดยิ่งลำบากใจ โอรสสวรรค์ถอนหายใจแผ่วเบา เอ่ยถามอีกฝ่ายถึงเรื่องคำพยากรณ์เมื่อสิบกว่าปีก่อน ชายหนุ่มตอบกลับมาว่าเขาทราบเรื่องนี้ และเอ่ยถามผู้ปกครองอาณาจักรอู๋ซางกลับไปว่า “ท่านไม่มีความสามารถพอที่จะปกป้องอาณาจักรด้วยมือตนเองอย่างนั้นหรือ หรือว่าต้องรอพึ่งพาผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง” ทำคนฟังสะอึกนิ่งอึ้งไปอีกรอบ… “องค์ไท่จื่อ จะเอ่ยคำใดก็ช่วยไว้หน้าข้าหน่อยเถอะ ดีนะที่ตรงนี้มีแค่ท่านกับข้าและท่านอี้หรง มิฉะนั้นข้าคงขายขี้หน้าแย่” “ข้าแค่พูดความจริง แต่ท่านไม่ต้องกังวลไป หากวันใดเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมา ข้าไม่ทอดทิ้งสหายของข้าแน่นอน ข้าสัญญา” คำสัญญาของฮั่วเฮ่อฉีช่วยให้คนฟังสบายใจไปเปราะหนึ่ง ถึงชายหนุ่มจะยโสโอหังไปบ้าง แต่กลับเป็นคนใจกว้างและรักษาสัจจะยิ่งชีพ หากตัวเขาคิดแย่งชิงรวี่เยว่มาให้บุตรชาย มีหวังได้โดนจอมอหังการตรงหน้า สังหารทิ้งด้วยมือเป็นแน่!…คนผู้น
บทที่ 53 ช่วงเวลาแห่งความสนุก นอกจากซื้อขนมให้อวี้เหวินอิงเอ๋อร์แล้ว หวงฝู่ฮ่าวอวี่ยังพากระต่ายน้อยจอมซนคู่กัด และรวี่เยว่ไปเลี้ยงอาหารเย็น ณ ภัตตาคารอาหารทะเลชื่อดังของเมืองหลวง ภายในห้องอาหารส่วนตัวอันหรูหรา องค์หญิงห้าของตำหนักเทวาอนธการ สั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ กระทั่งหลงจู๊ที่มาคอยดูแล ยังแอบสงสัยว่า หญิงสาวร่างเล็กหน้าตาพริ้มเพรา จะกินทุกอย่างเข้าไปหมดจริงๆ หรือ! สายตาของอวี้เหวินอิงเอ๋อร์ ผู้ไม่เคยเห็นและชิมรสชาติอาหารทะเลมาก่อน บัดนี้ทอประกายวาวโรจน์ด้วยความตื่นตาตื่นใจ เมื่อได้เห็นอาหารทะเลที่ถูกจัดวางอยู่บนโต๊ะ ทุกจานล้วนมีความงดงามและมีกลิ่นหอมอันชวนให้หลงใหล อาหารทะเลทั้งหมดสิบสองจาน หน้าตาสีสันและรูปร่างงดงามต่างกันไป ทุกจานล้วนถูกปรุงแต่งอย่างประณีต ไม่ว่าจะเป็นหอยนางรมสด ที่ยังคงมีละอองน้ำทะเลอยู่ กุ้งตัวโตแกะเปลือกถูกปรุงรสด้วยเครื่องเทศหอมกรุ่น ปูม้าตัวใหญ่เนื้อแน่นราวกับเพิ่งขึ้นมาจากท้องทะเล ปลาทอดกรอบราดน้ำปรุงรสสีแดงส่งกลิ่นหอมหวานเจือความเผ็ด และอาหารทะเลจานอื่นๆอีกหลายอย่าง องค์หญิงน้อยนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ด้วยความไม่คุ้นเคยกับอาหารทะเลแสนหลากหลายนี้ จึ
บทที่ 53/2 ช่วงเวลาแห่งความสนุก กระต่ายน้อยพองขนขู่ฟ่ออีกรอบ หันมาแหวใส่อีกฝ่ายทันควัน กล่าวว่าตนไม่ใช่เด็กน้อยเสียหน่อย ปีหน้าก็จะปักปิ่นแล้ว ถึงเวลานั้นจะกลับมาท้าเขาแข่งดื่มสุรา ใครแพ้ต้องยอมเรียกอีกฝ่ายว่า ลูกพี่ “ตกลง แล้วข้าจะรอแข่งร่ำสุรากับเจ้า! เตรียมล้างคอไว้ได้เลยอวี้เหวินอิงเอ๋อร์” “ท่านต่างหากที่ต้องเตรียมล้างคอไว้รอ หวงฝู่ฮ่าวอวี่” หลังจากปะทะคารมกันจบ ก็กลับมานั่งกินข้าวกันต่อ ทั้งคู่วางความแค้นลงชั่วคราว แต่กลับมาประลองฝีมือด้วยการแย่งชิงอาหารกันบนโต๊ะแทน รวี่เยว่ถึงกับส่ายหน้าให้กับความซุกซนของทั้งคู่ คืนนั้นองค์ชายใหญ่เสด็จกลับวังด้วยอารมณ์เบิกบานใจอย่างถึงที่สุด เขาไม่ได้สนุกเช่นนี้มานานแล้ว กงกงประจำตำหนักรีบไปรายงานจ้าวกุ้ยเฟยเป็นการเร่งด่วน องค์ชายใหญ่อารมณ์ดีเป็นพิเศษ ทางด้านรวี่เยว่หลังจากส่งกระต่ายน้อยพุงโตถึงเรือน นางก็แวะไปดูสภาพของเล่นใหม่ที่ต้าอ๋องส่งมาให้ตามคำขอ ภายในคุกใต้ดินเวลานี้ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง บนร่างกายของฮูหยินผู้เฒ่าเต็มไปด้วยรอยตะปบ จากกรงเล็บของเสี่ยวเฮยมาว หญิงชรานั่งขดตัวกลม ยกมือปิดหน้าร้องไห้คร่ำครวญขอชีวิตปานขาดใจ ทว่าเสียงที่เ
บทที่ 54 อย่าทำให้ข้าโมโห วั่งเฉาละล่ำละลักเอ่ยวาจา เตรียมปลดปล่อยพลังธาตุ…ทว่ากลับไร้ปฏิกิริยาใดๆ พลังธาตุวารีระดับเจี๋ยตันขั้นสมบูรณ์ปลายยอดระดับคอขวด ถูกกดข่มไว้ด้วยพลังอันแข็งแกร่งบางอย่าง ชายวัยกลางคนตื่นตระหนกจนแทบจิตหลุด มองหญิงสาวราวเห็นภูตผี ใบหน้าของเขาซีดขาวมิต่างจากกระดาษ ในแววตาเต็มไปด้วยความสับสนระคนหวาดกลัว ในมหาพิภพทงเทียนเหอ สิ่งที่สามารถกดข่มพลังธาตุของนักพรตคนอื่นๆได้ในบัดดล มีเพียงสองประการ ประการแรกคือ เขตแดนแห่งแสงพิสุทธิ์ของผู้ครอบครองธาตุแสงระดับหยวนอิงขึ้นไป และประการที่สอง พลังที่อยู่เหนือมวลมนุษย์ทั้งปวง ทวยเทพ! ถึงแม้หญิงสาวเบื้องหน้าจะมีตบะระดับหยวนอิง หากแต่นางหาใช่เผ่ามนุษย์สายเลือดสัตว์เทพเหมือนเช่นเชื้อพระวงศ์ของตำหนักเทพอนันต์ จะมีเขตแดนแห่งแสงพิสุทธิ์ได้อย่างไร เรื่องที่นางมีธาตุมืดนั่นก็น่าเหลือเชื่อจนทำให้เขาประหลาดใจมากพอแล้ว “เจ้าเป็นใครกันแน่! เจ้าไม่ใช่หวังลี่ถิง แต่เป็นตัวปลอมใช่หรือไม่!” วั่งเฉาตกอยู่ในความหวาดผวาโพล่งวาจาออกมาขณะก้าวถอยหลัง “ถามมากเสียจริง หนวกหู” เสียงหวานดังขึ้นคล้ายรำคาญก่อนที่จะ… ครืนนน!! ปึ้ก!! แร
บทที่ 57/2 ข้าขอเป็นคนเลวสักครั้งในชีวิตเถิด เหวินไป๋เหลียนคนรักของเขาที่งดงามสดใสราวดอกทานตะวัน เทียบไม่ได้เลยกับความงามสง่าโดดเด่น ประหนึ่งดอกหมู่ตานตรงหน้า จากที่คิดว่าจะออกไปจากห้องหอทันทีหลังเปิดผ้าคลุมหน้าสาว หวังเหลียงกลับเปลี่ยนใจ เดินไปรินสุรามงคลมายื่นให้เยว่หนิงลี่แทน และใช้เวลาอยู่กับนางทั้งคืน ทว่าหลังจากนั้นเพียงเจ็ดวัน หวังเหลียงก็พาเหวินไป๋เหลียนเข้าจวน นับเป็นการหยามเกียรติฮูหยินเอกเป็นอย่างยิ่ง ทว่าเยว่หนิงลี่กล้บไม่มีปฏิกิริยาใดๆ นางสงบนิ่งเยือกเย็นราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับตน กลับเป็นชุนหมัวมัวและหลานสาวนามชุนอิ่งที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทน ครึ่งปีต่อมาหวังเหลียงก็พาอนุอีกคนเข้าจวน เหวินไป๋เหลียนแล่นมาหาเยว่หนิงลี่ให้จัดการเรื่องนี้ ทว่าเยว่หนิงลี่ที่กำลังตั้งครรภ์ได้หกเดือนกลับนิ่งเฉยไม่สนใจ ทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนางอีกนั่นแหละ เหวินไป๋เหลียนที่กำลังตั้งครรภ์เช่นกันยิ่งเดือดดาลกว่าเดิม เพราะไม่สามารถยุแยงให้อีกฝ่ายออกโรงได้ “นางเป็นก้อนหินหรืออย่างไรกัน ถึงได้เย็นชาไร้อารมณ์เยี่ยงนี้ น่าโมโหที่สุด! หวังเหลียงนะหวังเหลียง!” เกือบสี่เดือนห
บทที่ 57 1 ข้าขอเป็นคนเลวสักครั้งในชีวิตเถิด @เรื่องราวบางส่วนในบทนี้ค่อนข้างอ่อนไหว โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ สิบหกปีก่อน เมืองเทียนหวง อาณาจักรอู๋ซาง นับตั้งแต่บอกลากับอวี้เหวินเทียนเหิง เยว่หนิงลี่กลายเป็นคนเงียบขรึม ทั้งที่ปกติหญิงสาวเป็นคนร่าเริงมีชีวิตชีวาราวลูกกวางน้อยวิ่งเล่นในทุ่งหญ้า แม้แต่ต้าอ๋องยังรู้สึกประหลาดใจ ครั้นถามไถ่หญิงสาวเพียงคลี่ยิ้มบาง และกล่าวว่าอาจเป็นเพราะต้องจากพี่น้องทหารร่วมรบไปอยู่เมืองหลวงจึงรู้สึกใจหาย หนึ่งเดือนก่อนงานแต่ง ค่ำคืนนี้เยว่หนิงลี่ออกมาเดินเล่นเตร็ดเตร่กับชุนหมัวมัวเพราะนอนไม่หล้บ ครั้นมองเห็นหอสุราที่ตนเคยมากับอวี้เหวินเทียนเหิง หญิงสาวก้าวเท้าเข้าไปด้านในอย่างไม่รู้ตัวราวต้องมนตร์ จากนั้นจึงถามหาห้องส่วนตัวที่เคยมา เสี่ยวเอ้อร์เดินนำขึ้นบันไดไป ทว่าระหว่างเดินผ่านห้องส่วนตัวอีกห้อง เสียงสนทนาของบุรุษกลุ่มหนึ่งดังลอดออกมา “นี่ หวังเหลียง เรื่องที่เจ้ากำลังจะแต่งงานกับรองแม่ทัพเยว่หนิงลี่จากแดนใต้ผู้นั้น ไม่ทำให้แม่นางเหวินไป๋เหลียนยอดดวงใจของเจ้าเสียใจแย่รึ” เสียงของบุรุษคนหนึ่งเอ่ยถามบุรุษอีกคนที่ชื่อ หวังเหลียง “นั่น
บทที่ 56/2 รักแรกของอวี้เหวินเทียนเหิง อวี้เหวินเทียนหยาได้แต่ทอดถอนใจ หันไปถามความเห็นของเยว่หนิงลี่ ด้วยความที่หญิงสาวเติบโตมากับบุรุษ จึงทำให้นางมีนิสัยใจกว้างและจริงใจเป็นทุนเดิม เมื่อเห็นว่าคนตำหนักเทวาอนธการ มีใจอยากชื่นชมความมีชีวิตชีวาของเมืองหลวงเผ่ามนุษย์ จึงตบปากรับคำอย่างเต็มใจ เพราะอย่างไรเสีย นางก็ชอบออกมาเดินเล่นเพื่อสอดส่องความปลอดภัยของชาวเมืองยามค่ำคืนเป็นปกติอยู่แล้ว ผูกมิตรไว้ดีกว่าเป็นศัตรู นั้นคือคำที่ต้าอ๋องผู้เฒ่าสั่งสอนนางมาตั้งแต่เด็ก “ได้เจ้าค่ะ ข้ายินดีช่วยพาพี่ชายองครักษ์เที่ยวชมเมืองหลวงยามค่ำคืน” เสียงสดใสจริงใจสะท้อนไปถึงจิตใจขององค์ราชาหนุ่ม จนก้อนเนื้อในอกเต้นแรงไม่เป็นระส่ำ “ถิงซี เรียกข้าว่าถิงซีเถิด” อวี้เหวินเทียนเหิงบอกชื่อกลางของตน ที่ปกติมีเพียงญาติพี่น้องเท่านั้นที่เอ่ยเรียกนามนี้ แค่กก!! ผู้เป็นน้องสำลักน้ำลายรอบที่สอง นับจากคืนนั้น ถิงซี ก็จะมารอพบเยว่หนิงลี่ที่สะพานหิน ซึ่งอยู่ห่างจากร้านอาหารทะเลไปราวครึ่งลี้ทุกคืน แม้ฝนจะตกเขาก็จะกางร่มมายืนรอนางไม่เคยขาด หลังจากผ่านไปสองอาทิตย์ ในที่สุดชายหนุ่มก็มีความกล้า เอ่ยปากชวนนางออกมาเที่ย
บทที่ 56 รักแรกของอวี้เหวินเทียนเหิง ตำหนักเทวาอนธการ องค์ราชาอวี้เหวินเทียนเหิงวางสาส์นที่น้องชายส่งมาถึงลงบนโต๊ะหลังจากอ่านจบ ร่างสูงสง่าใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มมองออกไปไกล ดวงตาเรียวยาวคู่คมเจือความเศร้าอยู่หลายส่วน “หนิงลี่ ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องหรือทำร้ายลูกสาวของพวกเราได้อีกแล้ว…ไยเจ้าถึงไม่บอกว่าตั้งครรภ์กับข้า ก่อนที่จะแต่งให้เจ้าสารเลวชั้นต่ำหวังเหลียงคนนั้น!” เพียงแค่รู้สึกขุ่นเคืองใจ ของตกแต่งภายในห้องทรงอักษรทั้งหมดก็แตกละเอียด ดวงตาสีเทาทรงอำนาจคมกริบปิดลง ความทรงจำเมื่อสิบเจ็ดปีก่อนหวนกลับมา เมืองเทียนหวง อาณาจักรอู๋ซาง ในพิธีเปิดงานประลองของอาณาจจักร อวี้เหวินเทียนเหิงปลอมตัวเป็นองครักษ์ของน้องชาย เพื่อออกมาท่องเที่ยวดูโลกภายนอกในรอบสิบปี องค์ราชาหนุ่มในวัยยี่สิบแปดเดินทางลงจากภูผาหยินซาน หลังจากพระบิดาเดินเข้าแดนบำเพ็ญแห่งเทวา เพื่อกักตัวระยะยาวอย่างไม่มีกำหนด ชายหนุ่มสวมหน้ากากโลหะสีดำปกปิดใบหน้าเหมือนองครักษ์คนอื่นๆ เพียงแต่มิอาจปกปิดรัศมีสูงส่งรอบกาย จึงทำให้หลายคนรู้สึกยำเกรงองครักษ์ของชินอ๋องผู้นี้มากกว่าคนอื่นๆ ค่ำคืนหลังจบพิธีเปิดงาน อวี้เหวินเที
บทที่ 55/2 หารือ หลังจากปล่อยให้ฮั่วเมิ่งเหยา ทำความรู้จักมักจี่กับรวี่เยว่พอสมควร ครู่ต่อมาฮั่วเฮ่อฉีจึงสั่งให้ฟ่านจื่อพาน้องสาวไปส่งยังที่พัก ท่าทางผ่อนคลายของฮั่วเฮ่อฉีก่อนหน้านี้ แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขาขออนุญาตรวี่เยว่ ก่อนกางม่านพลังป้องกันไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกไป จากนั้นจึงเอ่ยเรื่องสำคัญ “รวี่เยว่ข้ามีเรื่องสำคัญต้องบอกเจ้า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าโดยตรง ข้าเองไม่แน่ใจ ว่าเจ้าเคยรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับคำพยากรณ์สำคัญ เมื่อสิบกว่าปีก่อนหรือไม่” “หากเป็นเรื่องนี้ข้าพอรู้อยู่บ้างเจ้าค่ะ” รวี่เยว่ไม่คิดปิดบัง ในเมื่อชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาก่อนแบบนี้ แสดงว่าเขาต้องรู้หรือได้ยินอะไรมา ทั้งคู่หารือกันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงออกไปพบชินอ๋องอวี้เหวินเทียนหยาด้วยกัน …ตำหนักรับรองริมทะเลสาบ โถงรับรองส่วนตัวในเรือนพักชินอ๋อง คำพยากรณ์ซึ่งเกี่ยวพันกับรวี่เยว่ ถูกถ่ายทอดให้อวี้เหวินเทียนหยาฟังจากปากของฮั่วเฮ่อฉี อีกทั้งเรื่องนี้โยงใยไปถึงความขัดแย้งระหว่างสองอาณาจักร หากสำนักกระบี่สวรรค์คิดทรยศอาณาจักรอู๋ซาง ไปเข้าฝ่ายอาณาจักรหวงซาอย่างที่คาดไว้จริง เช่นนั้นก็มิอาจนิ่งเฉย เพ
บทที่ 55/1 หารือ เรือนกายสูงสง่าของฮั่วเฮ่อฉีก้าวเข้ามาในห้อง ตามมาด้วยลูกสุนัขสีขาวเจ้าประจำ มันตรงดิ่งไปหาแมวสีเข้มที่ย้ายตัวเอง ไปนอนเอกเขนกอยู่บนตั่งอย่างคุ้นเคย “รวี่เยว่ของข้า สบายดีหรือไม่ ช่วงนี้พี่ชายถูกพวกตัวยุ่งจากตำหนักเทพอนันต์รั้งตัวไว้ เลยปลีกตัวมาหาไม่ได้ คิดถึงเจ้าใจแทบขาด” มาถึงปุ๊บก็รีบเอ่ยวาจาออดอ้อนสาวเจ้าปั๊บ ทำคนฟังเขินอายจนแก้มเนียนใสซับสีระเรื่อ ไม่เพียงเท่านั้น ชายหนุ่มยังถือวิสาสะ เดินมากอบกุมมือเล็กขึ้นมาแนบอก สบตานางในดวงใจตาหวานซึ้ง คงเพราะเห็นว่าผู้ปกครองของหญิงสาว ไม่ได้มีท่าทีกีดกันเขาอีกต่อไป ฮั่วเฮ่อฉีเลยเดินหน้าเต็มกำลัง เพื่อพิชิตหัวใจของรวี่เยว่อย่างเปิดเผยมากขึ้น “พี่ชาย ท่านทำข้าใจสั่นไปหมดแล้วเจ้าค่ะ” รวี่เยว่ยังคงใสซื่อเรื่องความรักไม่ปลี่ยน รู้สึกอย่างไรก็พูดออกมาอย่างนั้น จนอีกคนที่ยืนอยู่หลังประตู ยกมือขึ้นมาประกบแก้มหัวเราะคิกอยู่ในใจ ‘ข้าชอบนางยิ่งนัก นางน่ารักเหลือเกิน’ ถ้อยคำอันใสซื่อของรวี่เยว่ ประดุจน้ำทิพย์ชโลมหัวใจของชายหนุ่ม เขายินดีเป็นล้นพ้นยามได้ยินว่านางใจสั่น ‘นางเริ่มมีใจให้ข้าแล้ว!’ ฮั่วเฮ่อฉีหัวใจลิงโลด อยากจะ
บทที่ 54/2 อย่าทำให้ข้าโมโห จากนั้นก็ลงมือทุบตีจิกข่วน จนใบหน้าของวั่งเฉาบวมเป่งกลายเป็นหัวหมู ผ่านไปครู่หนึ่งโส่วจินจึงลากร่างอันบอบช้ำของ ของเล่นชิ้นใหม่ เอ้ย นักโทษคนใหม่ ไปแยกขังไว้ในห้องข้างๆ ช่วงสายของวันรุ่งขึ้น หวังเหลียงเดินกระสับกระส่าย วนไปวนมาอยู่หน้าจวนแม่ทัพปราบทักษิณ มารดาของเขากับจูหมัวมัวออกมาพบต้าอ๋องตั้งแต่เมื่อวานช่วงบ่าย จนถึงบัดนี้ทั้งคู่ยังไม่กลับจวน ทหารที่เฝ้าประตูกลับออกมาพร้อมพ่อบ้าน กล่าวว่าฮูหยินผู้เฒ่าและจูหมัวมัว ออกไปจากที่นี่ตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวานแล้ว ซึ่งถือเป็นความจริงไม่ได้โกหกเลยสักนิดเดียว หญิงชราถูกส่งไปหอโอสถเยว่เสียง ส่วนร่างไร้วิญญาณของจูหมัวมัวถูกพาไปทิ้งยังป่าอสูรในเวลาเดียวกัน ส่วนคนขับรถม้าอย่างฝานจื่อหรือหม่าฝาน ก็กลับมายังคฤหาสน์ตามคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่า นางบอกให้เขากลับมารอรับหวังเหลียงตอนเลิกงานเหมือนทุกวัน นางกับจูหมัวมัวจะหารถม้ากลับคฤหาสน์เอง เพราะต้องใช้เวลาในการสนทนากับต้าอ๋องค่อนข้างนาน หวังเหลียงเดินกลับขึ้นรถม้า ในอกเต็มด้วยความวิตกกังวล มารดาของเขาหายตัวไป หลังมาขอพบต้าอ๋อง เรื่องนี้ดูอย่างไรก็ไม่ปกติ อยากจะถามไถ่มาก
บทที่ 54 อย่าทำให้ข้าโมโห วั่งเฉาละล่ำละลักเอ่ยวาจา เตรียมปลดปล่อยพลังธาตุ…ทว่ากลับไร้ปฏิกิริยาใดๆ พลังธาตุวารีระดับเจี๋ยตันขั้นสมบูรณ์ปลายยอดระดับคอขวด ถูกกดข่มไว้ด้วยพลังอันแข็งแกร่งบางอย่าง ชายวัยกลางคนตื่นตระหนกจนแทบจิตหลุด มองหญิงสาวราวเห็นภูตผี ใบหน้าของเขาซีดขาวมิต่างจากกระดาษ ในแววตาเต็มไปด้วยความสับสนระคนหวาดกลัว ในมหาพิภพทงเทียนเหอ สิ่งที่สามารถกดข่มพลังธาตุของนักพรตคนอื่นๆได้ในบัดดล มีเพียงสองประการ ประการแรกคือ เขตแดนแห่งแสงพิสุทธิ์ของผู้ครอบครองธาตุแสงระดับหยวนอิงขึ้นไป และประการที่สอง พลังที่อยู่เหนือมวลมนุษย์ทั้งปวง ทวยเทพ! ถึงแม้หญิงสาวเบื้องหน้าจะมีตบะระดับหยวนอิง หากแต่นางหาใช่เผ่ามนุษย์สายเลือดสัตว์เทพเหมือนเช่นเชื้อพระวงศ์ของตำหนักเทพอนันต์ จะมีเขตแดนแห่งแสงพิสุทธิ์ได้อย่างไร เรื่องที่นางมีธาตุมืดนั่นก็น่าเหลือเชื่อจนทำให้เขาประหลาดใจมากพอแล้ว “เจ้าเป็นใครกันแน่! เจ้าไม่ใช่หวังลี่ถิง แต่เป็นตัวปลอมใช่หรือไม่!” วั่งเฉาตกอยู่ในความหวาดผวาโพล่งวาจาออกมาขณะก้าวถอยหลัง “ถามมากเสียจริง หนวกหู” เสียงหวานดังขึ้นคล้ายรำคาญก่อนที่จะ… ครืนนน!! ปึ้ก!! แร
บทที่ 53/2 ช่วงเวลาแห่งความสนุก กระต่ายน้อยพองขนขู่ฟ่ออีกรอบ หันมาแหวใส่อีกฝ่ายทันควัน กล่าวว่าตนไม่ใช่เด็กน้อยเสียหน่อย ปีหน้าก็จะปักปิ่นแล้ว ถึงเวลานั้นจะกลับมาท้าเขาแข่งดื่มสุรา ใครแพ้ต้องยอมเรียกอีกฝ่ายว่า ลูกพี่ “ตกลง แล้วข้าจะรอแข่งร่ำสุรากับเจ้า! เตรียมล้างคอไว้ได้เลยอวี้เหวินอิงเอ๋อร์” “ท่านต่างหากที่ต้องเตรียมล้างคอไว้รอ หวงฝู่ฮ่าวอวี่” หลังจากปะทะคารมกันจบ ก็กลับมานั่งกินข้าวกันต่อ ทั้งคู่วางความแค้นลงชั่วคราว แต่กลับมาประลองฝีมือด้วยการแย่งชิงอาหารกันบนโต๊ะแทน รวี่เยว่ถึงกับส่ายหน้าให้กับความซุกซนของทั้งคู่ คืนนั้นองค์ชายใหญ่เสด็จกลับวังด้วยอารมณ์เบิกบานใจอย่างถึงที่สุด เขาไม่ได้สนุกเช่นนี้มานานแล้ว กงกงประจำตำหนักรีบไปรายงานจ้าวกุ้ยเฟยเป็นการเร่งด่วน องค์ชายใหญ่อารมณ์ดีเป็นพิเศษ ทางด้านรวี่เยว่หลังจากส่งกระต่ายน้อยพุงโตถึงเรือน นางก็แวะไปดูสภาพของเล่นใหม่ที่ต้าอ๋องส่งมาให้ตามคำขอ ภายในคุกใต้ดินเวลานี้ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง บนร่างกายของฮูหยินผู้เฒ่าเต็มไปด้วยรอยตะปบ จากกรงเล็บของเสี่ยวเฮยมาว หญิงชรานั่งขดตัวกลม ยกมือปิดหน้าร้องไห้คร่ำครวญขอชีวิตปานขาดใจ ทว่าเสียงที่เ