Share

บทที่ 11

last update Last Updated: 2025-06-21 09:42:54

สตาฟออร์แกไนเซอร์ไม่ใช่เรื่องสบายอย่างที่ปกรณ์เคยเตือนไว้จริงๆ เพราะเพียงแค่วันแรกของการทำงาน อรนลินก็จำเป็นต้องเดินทางมายังโรงแรมใหญ่โตหรูหราบนถนนสุขุมวิทแห่งนี้พร้อมกับรถตู้ของบริษัทตั้งแต่เช้าตรู่

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตำแหน่ง ‘เจเนรัลสตาฟ’ ของเธอ แม้ว่ามันอาจมีชื่อเรียกที่น่าฟัง แต่สำหรับบริษัทโฆษณาและรับจัดงานอีเวนต์ระดับยักษ์ใหญ่ของวงการอย่าง สแปซ แอดเวอร์ไทซิ่ง เอเจนซี ซึ่งมีพนักงานแผนกต่างๆ รวมแล้วกว่าร้อยยี่สิบชีวิต ทำงานรวมกันอยู่ในอาคารขนาดหกคูหาห้าชั้นแล้ว คำว่าเจเนรัลสตาฟก็ไม่ต่างจากทีมคนรับใช้ทั่วไปที่ทางบริษัทจ้างเอาไว้ทำหน้าที่จิปาถะ คอยอำนวยความสะดวกด้านการบริการให้กับทีมงานหรือสตาฟของฝ่ายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นจัดส่งอาหาร เก็บกวาดเศษขยะหลังออกกองถ่ายทำโฆษณา หรือดูแลความเรียบร้อยของวัสดุอุปกรณ์หลังเสร็จสิ้นงานอีเวนต์ต่างๆ

และแน่นอนว่าสิ่งที่จำเป็นสำหรับพนักงานใหม่อย่างเธอก็คือการเรียนรู้งานในสถานที่จริง ก่อนจะต้องรับมือกับงานจริงๆ ในคืนวันพรุ่งนี้...

ครั้งนี้ สแปซ แอดเวอร์ไทซิ่ง เอเจนซี ถูกว่าจ้างให้จัดงานแสดงเครื่องเพชรและเครื่องประดับชั้นสูงของบริษัท กลามูร์ ไดมอนด์ อันเป็นธุรกิจเครื่องประดับและอัญมณีที่ผลิตขึ้นเพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าในแวดวงสังคมชั้นสูง โดยมี หม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์ โขมพัสตร์ ทายาทธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มูลค่านับหมื่นล้านบาท เป็นทั้งกรรมการผู้จัดการและประธานกรรมการของบริษัท

รูปแบบของงานคืองานกาลาดินเนอร์ที่จำกัดแขกรับเชิญเฉพาะลูกค้าประจำและลูกค้ากิตติมศักดิ์ของ กลามูร์ ไดมอนด์ เท่านั้น โดยภายในงานนอกจากจะมีการจัดแสดงเครื่องเพชรและเครื่องประดับมูลค่าหลักสิบล้านไปจนถึงหลักร้อยล้านแล้ว ไฮไลต์ของค่ำคืนก็คือการเดินแบบเครื่องเพชรชุดพิเศษที่ล้วนแต่ได้รับรางวัลการประกวดการออกแบบเครื่องประดับมาแล้วจากหลายประเทศ ซึ่งแต่ละชิ้นจะถูกจัดทำขึ้นเป็นมาสเตอร์พีซที่มีเพียงชิ้นเดียว ไม่มีการผลิตซ้ำ เพื่อให้ลูกค้าผู้มีรสนิยมเลิศหรูได้ร่วมประมูลและเป็นเจ้าของอย่างภาคภูมิใจ

เมื่อเป็นงานเลี้ยงระดับเอ็กซ์คลูซีฟเช่นนี้ ก็เป็นธรรมดาที่ทุกอย่างจะต้องมีการเตรียมพร้อมไม่ให้เกิดความผิดพลาด รวมถึงการซ้อมใหญ่บนเวทีรันเวย์ที่อลังการด้วยระบบแสงสีเสียงครบครันภายใต้ธีม เรโทร ทู ดิสโก้ ไดมอนด์ส (Retro to Disco Diamonds) ที่ย้อนบรรยากาศไปในยุค 80’s โดยนำเสนอแนวคิดที่ว่า ความรื่นเริงของผู้หญิงยามได้ประดับประดาด้วยเพชรก็ไม่ต่างอะไรกับการเต้นรำภายใต้แสงสะท้อนจากดิสโก้มิเรอร์บอล

ขั้นตอนการซ้อมแสดงแบบเครื่องเพชรดูจะราบรื่น เป็นไปได้ด้วยดี เมื่อคณะกรรมการบริษัทของ กลามูร์ ไดมอนด์ ต่างพากันตบมือชื่นชมหลังการเดินฟินาเล่หรือการเดินชุดสุดท้ายจบสิ้นลง กรรมการผู้จัดการหนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาและส่วนสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ทำหน้าที่เป็นตัวแทนมอบช่อดอกไม้และกล่าวชมเชยนางแบบสาวผู้แสดงแบบในฟินาเล่ ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกับที่ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนผลิตภัณฑ์ของบริษัทประจำปีนี้

“ผมหวังว่าพรุ่งนี้ทุกอย่างคงจะออกมาสมบูรณ์เหมือนวันนี้นะครับ” หม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์ฝืนยิ้มให้กัทลี มือยื่นดอกลิลี่คาซาบลังก้าช่อใหญ่ให้หญิงสาวเป็นการแสดงความยินดี “พรุ่งนี้ผมสัญญาว่าช่อดอกไม้จะใหญ่กว่านี้อีกเท่าตัว” เขาบอกตามมารยาท แม้ใจจะนึกขยะแขยงชื่อเสียงอันฉาวโฉ่ของเธอที่ถูกร่ำลือกันมาในหมู่นักธุรกิจใหญ่ แต่ก็ต้องยอมรับกับความเป็นมืออาชีพของเธอเช่นกัน

“เคยได้ยินแต่ชื่อคุณชายมานาน... ในที่สุดเกรซก็มีโอกาสได้พบตัวจริงของคุณชายครั้งแรก ถือเป็นเกียรติของเกรซม้ากมากค่ะ” กัทลียิ้มจนริมฝีปากอิ่มแทบจะฉีกถึงรูหู รับช่อดอกไม้ไปพลางก็ทอดสายตาให้เขาไปพลาง ในแววตาแฝงความนัยบางอย่างที่ทำให้คุณชายหนุ่มต้องกระอักกระอ่วน หากก็ยังพยายามรักษาท่าทีเอาไว้เป็นอย่างดี

“คุณเกรซได้ยินมาว่ายังไงบ้างล่ะครับ คงไม่ใช่เรื่องที่ผมเป็นคนเย็นชาหรือว่าบ้างานหรอกนะครับ...”

“อุ๊ย! ใครที่ไหนนะช่างกล้าพูด... คุณชายดูอบอุ่นขนาดนี้แท้ๆ” หญิงสาวประดิษฐ์เสียงหัวเราะไร้เดียงสาที่ขัดกับจริตบนใบหน้าสิ้นดี “ที่เกรซได้ยินมาน่ะ หมายถึงเรื่องความหล่อต่างหากล่ะคะ...”

สองมือของกัทลีประคองช่อดอกไม้ขึ้นมาแกล้งทำเป็นดอมดม ชะม้อยตามองใบหน้าของหม่อมราชวงศ์หนุ่มไปด้วย เมื่อเห็นดวงตาคมเข้มสีดำสนิทจ้องกลับมา หญิงสาวก็มีท่าทีขวยเขิน กอดช่อลิลี่แนบอกพร้อมกับไกวตัวไปมาน่าเอ็นดู

“ถ้าอย่างนั้นคุณเกรซคงผิดหวังที่ผมไม่ได้น่าดูขนาดนั้น” เขาลอบเหยียดมุมปากขณะยิ้มให้เธอ นึกดูแคลนกับมารยาตื้นๆ ที่แสนจะน่าสมเพช

“ใครว่ากันล่ะคะ... ตัวจริงหล่อยิ่งกว่าที่เขาลือกันเป็นพันเท่า...”

ก่อนที่จะทนความอึดอัดไม่ไหว เขาก็บังเอิญเหลือบไปเห็นคนที่กำลังถือถาดน้ำดื่มเดินตรงเข้ามาแต่ไกล ภาพหญิงสาวหน้าตาเกลี้ยงเกลา รวบผมยาวเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ กำลังเดินเก้ๆ กังๆ ใบหน้าเหลอหลา ทำท่าลุกลน เห็นแล้วก็ชวนให้เผลอมองตามโดยไม่ตั้งใจ

แม้ว่าใบหน้าขาวนวลเนียนของเธอจะแฝงความบริสุทธิ์สดใสอย่างเด็กวัยรุ่น แต่สายตาที่มองผาดๆ ของหม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์กลับไม่ได้สะดุดตาในสิ่งเหล่านั้น

ไม่ใช่เพราะความสวยน่ามอง ความเปิ่น หรือความไร้เดียงสา แต่หญิงสาวที่เห็นมีกลิ่นอายอะไรบางอย่างซึ่งสะกิดให้ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์นึกไปถึงผู้หญิงอีกคนที่เขาพบเมื่อหลายวันก่อน จนเป็นสาเหตุให้พิษณุนเรศวร์ต้องหันไปให้ความสนใจเธออย่างลืมตัว

คนที่จะร่วมอยู่ในงานซ้อมเดินแบบวันนี้ได้ก็คงจะมีแค่คนของบริษัทที่รับจัดงาน แต่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวเข้ารูปกับกระโปรงนักศึกษาที่สวมอยู่นั้น มันฟ้องว่าเธอน่าจะเป็นเด็กฝึกงานมากกว่าจะเป็นสตาฟหรือทีมงานเฉพาะด้าน ยิ่งเห็นสีหน้าวุ่นวายใจของหญิงสาวที่ยังทำงานได้ไม่คล่องแคล่ว เขาก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดูและนึกขำจนอดยิ้มออกมาไม่ได้

ในขณะที่สมาธิของคุณชายรูปหล่อกำลังจับจ้องอยู่กับหญิงสาวแปลกหน้า ดวงตาอีกคู่ที่เฝ้าติดตามเหตุการณ์อยู่ใกล้ๆ ก็ต้องเขม้นมองด้วยความไม่พอใจ

การที่คนตรงหน้าหยุดพูดคุยกับเธอกะทันหันเพราะเกิดสนใจในตัวเด็กเสิร์ฟน้ำหน้าตาจืดชืดขึ้นมา มันทำให้นางแบบสาวรู้สึกเสียหน้าและหงุดหงิดอย่างไม่มีเหตุผล กัทลีกัดฟันกรอด แล้วหันไประบายอารมณ์กับช่อดอกไม้ในอ้อมแขนด้วยการกอดรัดสุดแรง จนกลีบดอกลิลี่คาซาบลังก้าที่โชคร้ายเหล่านั้นพลอยหักช้ำยับเยินไปหมด

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 91

    หลังจากงานเลี้ยงดำเนินไปจนถึงก่อนเวลาเลิก องค์สุลต่านฮาเร็บ อาลี บิน ฮามัด อัล อลาวี ก็ถือโอกาสขึ้นไปเป็นประธานบนเวที เรียกเจ้าบ่าวเจ้าสาวให้ไปปรากฏตัวพร้อมกันต่อหน้าแขกในงาน“เราในฐานะของคนเป็นพ่อต้องขอขอบใจสหายและผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมแสดงความยินดีกับลูกชายเรา วันนี้นับว่าโฮร์มุซได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัวแล้ว นั่นก็หมายความว่าเขาตระหนักถึงความสำคัญและหน้าที่ของตัวเองในฐานะหัวหน้าครอบครัว พร้อมที่จะดูแลรับผิดชอบคนในครอบครัวต่อไปภายหน้า...” องค์สุลต่านหันไปมองบุตรชาย“ประเทศชาติก็เปรียบเสมือนครอบครัวใหญ่ การดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวจาเบลุซนั้น ต้องอาศัยความรับผิดชอบเป็นอย่างยิ่ง... ซึ่งในเวลานี้เรามั่นใจแล้วว่าโฮร์มุซพร้อมที่จะทำหน้าที่แทนเรา ดังนั้นเราจึงถือโอกาสอันดีในคืนนี้ประกาศคืนตำแหน่งรัชทายาทผู้สืบทอดบัลลังก์ให้แก่ เจ้าชายโฮร์มุซ อัล อลาวี และมอบหมายให้ เจ้าชายมาตราห์ อาลี เป็นผู้ช่วยเหลือลูกของเราดูแลประเทศชาติต่อไปในอนาคต...”สิ้นคำประกาศขององค์สุลต่าน ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงต่างก็พากันโห่ร้องด้วยความยินดี ไม่เว้นแม้ชาวไทยที่ร่วมอยู่ในงานเลี้ยงในฐานะแขกและส

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 90

    พิธีมงคลสมรสตามประเพณีของจาเบลุซไม่แตกต่างอะไรจากประเทศอื่นๆ ในดินแดนอาหรับมากนัก... นั่นคือ... ประกอบไปด้วยพิธีการทั้งสิ้นจำนวนเจ็ดวัน เริ่มตั้งแต่พิธีสู่ขอในวันแรกตามหลักศาสนาแล้ว ก่อนแต่งงานเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะมีความสัมพันธ์กันไม่ได้เด็ดขาด หากไม่ได้รับการยินยอมจากครอบครัวของทั้งสองฝ่าย ฝ่ายชายจะต้องนำครอบครัวไปพูดคุยสู่ขอกับครอบครัวของฝ่ายหญิงที่บ้าน แต่เนื่องจากอรนลินและมารดาไม่ใช่ชาวจาเบลุซ งานสู่ขอจึงถูกจัดขึ้นอย่างไม่เป็นทางการภายในพระราชวัง จานาห์ อัล มาลัก นั่นเอง โดยมี องค์สุลต่านฮาเร็บ อาลี และองค์สุลตาน่าโซเฟีย เป็นผู้ดำเนินพิธีสู่ขอกับอินทิราท่ามกลางเชื้อพระวงศ์จำนวนหนึ่งวันที่สองเป็นพิธีดูตัว ซึ่งตามปกติจะเป็นโอกาสที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก จึงทำเพียงพอเป็นพิธี ส่วนวันที่สามซึ่งเป็นวันหมั้น เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะทำการแลกแหวนหมั้นของแต่ละฝ่าย โดยสวมใส่มิชลาห์และอบายาสีที่เข้าคู่กัน เพื่อเป็นนิมิตมงคลบอกถึงความเหมาะสมกันวันที่สี่ พิธีให้สัตย์ปฏิญาณ หรือพิธีแต่งงานอย่างเป็นทางการ โดยทั่วไปจะจัดในมัสยิด หากเจ้าบ่าวเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ ผู้แทนศาสนาจึงถ

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 89

    กำหนดการพิธีแต่งงานระหว่างซินเดอเรลลาสาวจากประเทศไทยกับเจ้าชายนักธุรกิจใหญ่แห่งอาหรับกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วทั้งโลก และก่อนที่บรรดาสื่อมวลชนจากทุกแขนงจะพากันตามมารบกวนชีวิตอันสงบสุขของคนรัก โฮร์มุซก็ตัดสินใจพาเธอกับผู้เป็นแม่บินกลับไปเตรียมการที่ประเทศของเขาล่วงหน้าเกือบสองสัปดาห์แม้ว่าอินทิราจะค่อนข้างประหม่าและอึดอัดใจกับชีวิตในพระราชวัง จานาห์ อัล มาลัก พอสมควร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอต้องตื่นตาตื่นใจไปกับทุกๆ สิ่งที่ได้สัมผัส รวมถึงอดที่จะกังวลไม่ได้กับขนบธรรมเนียมและวิถีชีวิตแบบใหม่ที่เธอเองมีส่วนผลักดันให้ลูกสาวเป็นคนเลือกในช่วงแรกๆ ที่ได้กลับมาพำนักในปราสาทหินทรายสีชมพู อรนลินรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก เมื่อต้องถูกคนครึ่งประเทศจับจ้องด้วยสายตาคับข้องใจและไม่เห็นด้วย ว่าเหตุใดเจ้าชายรัชทายาทแห่งรัฐสุลต่าน บาห์ลา จาเบลุซ จึงเลือกผู้หญิงต่างชาตินอกศาสนามาเป็นคู่ชีวิต แต่ด้วยกำลังใจจากผู้ชายที่เธอรักรวมถึงท่าทีของสุลต่านและสุลตาน่าที่วางตนเป็นผู้สนับสนุนอยู่ห่างๆ แล้ว ไม่นานหญิงสาวก็ทำใจได้อรนลินต้องเข้าพิธีกับยัลซูผู้เผยแผ่ เปลี่ยนมาถือศาสนาอิสลาม เปลี่ยนลำดับความรักและความเคารพบ

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 88

    “ต๊าย... ทีอย่างนี้ล่ะทำหวง คนอะไร้...”“ที่จริงลินเองก็ไม่สะดวกหรอกค่ะ พี่ปุ๊กกี้ก็รู้ว่าตอนนี้ลิน...” ก้มลงมองหน้าท้องที่แทบจะยังไม่ขยายตัวให้เห็น มือของเธอก็ลูบคลำเบาๆ ไปด้วยอย่างรักใคร่ “ลินคงไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้คุณชายพิษณุไม่ได้หรอกค่ะ อายเขาตายเลย...”“เออ จริงสิ... ตั้งแต่มีข่าวเรื่องน้องสาวฆ่าตัวตาย คุณชายพิษณุก็หายเงียบไปเลยนะ... เดี๋ยวนี้ไม่เห็นออกงานสังคมที่ไหนบ้างเลย...”“จริงด้วย แล้วคุณหญิงรัตน์ล่ะ ออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ไม่ได้ข่าวอีกเลยเหมือนกัน...” ใครคนหนึ่งถามขึ้น“เห็นพี่ชัยรัตน์บอกอยู่เหมือนกันว่าหนีไปรักษาสภาพจิตใจที่เมืองนอกนะ อยู่เมืองไทยก็คงอายคนนั่นแหละ...” หัวหน้าฝ่ายคอสตูมเป็นคนตอบ “แต่ครั้งนี้เป็นงานแต่งของเพื่อนสนิท คุณชายพิษณุต้องไปด้วยแน่ๆ อาจจะได้เจอคุณหญิงรัตน์ในงานด้วย ใครจะไปรู้...”“จะว่าไปที่ผ่านมาคุณชายพิษณุก็ไม่เคยมีข่าวคาวกับผู้หญิงซักคนนะ ดีไม่ดีจะเป็นเก้งเอาหรือเปล่ายะ” ปกรณ์ยกมือทาบอกกระดกปลายนิ้วก้อย รำพึงรำพันกับตัวเองในลำคอ “ผู้ชายอะไรหน้าว้านหวาน ถูกสเปกอีปุ๊กกี้สุดฤทธิ์... สาธุ... ไม่ใช่เก้งก็เป็นกวางทีเถอะ งานนี้แม่จะได้ลุ้นลับตับแตกกับเ

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 87

    สามเดือนต่อมา... หลังจากบรรดาผู้คนในวงการนางแบบต่างพากันช็อกกับข่าวอุบัติเหตุรถคว่ำของกัทลี... ชื่อของ เกรซ กัทลี อดีตนางแบบชื่อดังระดับประเทศก็ค่อยๆ เลือนหายไปอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครจดจำได้อีก...นับว่าโชคดีที่ครั้งนั้นหญิงสาวไม่ถึงกับเสียชีวิต เนื่องจากคนของโฮร์มุซช่วยนำเธอส่งโรงพยาบาลได้ทันท่วงที ทว่าใบหน้าของอดีตนางแบบสาวก็ถูกแรงกระแทกทำให้เป็นบาดแผลฉกรรจ์จนถึงกับเสียโฉม ที่หนักที่สุดก็คือขาซึ่งหักทั้งสองข้าง แม้จะรักษาจนหายขาดแล้ว ก็ยังต้องเดินกะโผลกกะเผลกอย่างคนพิการไปตลอดชีวิตสภาพที่ต้องนอนมีผ้าพันแผลและเข้าเฝือกแทบทั้งตัวเป็นเวลานานนับเดือน ทำให้อรนลินและมารดารู้สึกเสียใจกับเธอ และตกลงใจที่จะอโหสิกรรมให้ ไม่ดำเนินคดีความหรือเอาเรื่องใดๆ อีกกลาร์มัวร์ ไดมอนด์ จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์คนไหม่ ถึงจะยังไม่ได้มีการทำสัญญาว่าจ้างกับกัทลีตั้งแต่ตอนที่วางตัวเธอเอาไว้ แต่หม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์ โขมพัสตร์ ก็ได้มอบเงินชดเชยจำนวนหนึ่งให้กับเธอเพื่อเป็นกีแสดงความเห็นใจ หากเงินหลักล้านและเงินเก็บอีกหลายแสนที่มีในบัญชีของหญิงสาว หลังจากการรักษาตัวแล้ว ก็มีอันต้องอันตรธานไปอย่างร

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 86

    ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้พูดอะไรต่อ ประตูห้องพักผู้ป่วยพิเศษก็เปิดออก เนื่องจากปกรณ์และอินทิราที่ได้ยินเสียงโต้เถียงกันแว่วออกไปถึงด้านนอก รู้ว่าผู้ป่วยได้สติแล้วก็รีบเข้ามาขัดตาทัพเสียก่อน“ไอ้ลิน... ฟื้นแล้วหรือลูก...”“ยัยลิน... เจ๊กำลังเป็นห่วงเลยเชียว...”มองเห็นสีหน้าและน้ำตาของลูกสาว คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานกว่าก็พอจะคาดเดาเรื่องระหว่างหนุ่มสาวสองคนนี้ได้หลายส่วน เธอจึงกระซิบให้ปกรณ์ทำหน้าที่ล่าม เชิญเจ้าชายหนุ่มออกไปสงบสติอารมณ์หน้าห้องก่อน ส่วนเธอเองก็เห็นทีจะต้องทำตัวเป็นท้าวมาลีวราชว่าความให้ทั้งคู่เสียแล้วมองลูกเขยโดยพฤตินัยเดินหงุดหงิดออกไปพร้อมกับรุ่นพี่ใจแหววของลูกสาวก็นึกเวทนา ความจริงอินทิราไม่อยากให้อรนลินไปพัวพันกับคนระดับนั้นหรอก แต่สายตาของเธอยังไม่ถึงกับฝ้าฟาง... ถ้าหากจะมีใครสักคนที่ดวงตามืดบอด ก็คงไม่แคล้วเป็นลูกสาวของเธอนั่นแหละ...“มีเรื่องอะไรกัน แกเล่าให้แม่ฟังซิ ไอ้ลิน...”“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะแม่...” หญิงสาวไม่กล้าสู้สายตา“แกทำให้แม่เสียใจมากนะลิน... จนป่านนี้แล้วยังคิดจะปิดแม่อีกหรือไง... แกได้เสียกับเขาแล้ว แล้วตอนนี้แกก็ท้องลูกของเขาอยู่ใช่ไหม...” เสียง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status