Войтиชารุกนำเรือเร็วส่วนตัวของตนเองขับพากุสุมาไปยังเกาะที่มีรีสอร์ตของครอบครัวที่ตอนนี้เขากำลังดูแลอยู่
ระหว่างทางเขาได้พูดถึงน้องสาวของเขาให้กับเธอฟังคร่าวๆ ว่าชารียาเป็นคนที่หัวอ่อนและจิตใจดี ส่วนสามีของเธอก็เป็นคนดี ทั้งสองจึงไม่ค่อยทันคนและเขาจึงต้องยื่นมือมาช่วยเรื่องการบริหารทั้งๆ ที่แบ่งชัดเจนแล้วว่ารีสอร์ตบนเกาะนั้นให้เป็นความดูแลของน้องสาวและน้องเขยของเขาเอง
กุสุมาไม่เข้าใจว่าเขาจะเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังไปทำไม แต่ก็ต้องรับฟังเอาไว้เพราะคิดว่าเขาต้องมีเหตุผลที่เล่าแน่
“ปัญหารำคาญใจทุกครั้งที่ผมต้องเข้ามาดูแลรีสอร์ตแห่งนี้ นั้นก็คือน้องสาวของภาคิน เธอชอบพอผมและชารียาเองก็เชียร์ให้ผมกับเธอลงเอยกัน” ชารุกเริ่มโยงมาถึงเรื่องที่เขาต้องการให้เธอช่วยแล้ว
“ที่แท้ผู้หญิงอีกคนที่คุณต้องการให้ฉันมาแสดงตัวว่าเป็นคนรัก ก็คือน้องสาวของน้องเขยของคุณอย่างนั้นเหรอคะ”
“ใช่แล้ว เพราะความใจอ่อนและขี้สงสารของน้องสาวผมนั่นแหละทำให้เธอต้องคอยช่วยเหลือผู้หญิงคนนั้นด้วยความเกรงใจ และผมเป็นคนที่รักน้องสาวมาก บางทีก็ปฏิเสธเธอไม่ได้ มันจึงทำให้ผมอึดอัดทุกครั้งที่มาที่นี่” ชารุกไม่อยากพูดให้ผู้หญิงดูไม่ดี แต่หากไม่เล่ากุสุมาก็จะไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไร
“ไม่ต้องห่วงนะคะฉันจะทำหน้าที่ให้เต็มที่เลย” เธอพูดอย่างมั่นใจแล้วมองท่าทางการขับเรือของเขาที่ดูมีเสน่ห์มาก ขนาดลมตีผมขึ้นมาขนาดนั้นเขาก็ยังดูดีจนเธอแอบหวั่นไหว
“ถ้าฉันกันผู้หญิงสองคนนี้ออกไปจากชีวิตคุณได้ก็ถือว่าภารกิจของฉันสำเร็จและคุณจะยอมให้ฉันกลับบ้านใช่ไหมคะ” เธอใช้โอกาสนั้นถามเขาขึ้นมา
“อยากกลับบ้านแล้วเหรอ” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ปกติ
“ใช่ค่ะ พ่อกับแม่ฉันไม่รู้ว่าป่านนี้ท่านจะเป็นยังไงบ้าง”
“ทำไมไม่โทรไปถามไถ่ท่านบ้างล่ะ”
“พ่อแม่ฉันไม่มีโทรศัพท์หรอกค่ะ จะติดต่อกันแต่ละทีก็ต้องโทรเข้าเบอร์ผู้ใหญ่บ้าน ไม่ก็เบอร์ญาติ กว่าพวกเขาจะเลิกงานก็ค่ำแล้วเกรงใจเขาน่ะค่ะ”
“งั้นคุณก็ส่งโทรศัพท์ไปให้ท่านสักเครื่องสิ จะได้ใช้ติดต่อกันได้”
“ฉันจะเอาเงินที่ไหนล่ะคะ ทุกวันนี้เงินติดตัวสักบาทเดียวก็ยังไม่มี แถมยังเป็นหนี้คุณอีกตั้งสามแสนถึงต้องมาเล่นละครชดใช้ให้อยู่นี่ไงคะ” เธอพูดแล้วลดเสียงเบาลงในตอนท้าย เพราะกลัวว่าเขาจะไม่พอใจ
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าอยากส่งเงินให้พ่อกับแม่ใช้ก็มาเบิกกับผม ส่วนคุณอยากใช้จ่ายอะไรก็มาเบิกเงินกับผมได้ตลอด”
“คุณพูดจริงเหรอคะ” กุสุมาพูดอย่างตื่นเต้น
เขาช่วยพาเธอออกมาจากสถานที่นั้นแล้วและยังจะให้เงินส่งให้พ่อแม่ใช้ได้อีก ตอนนี้เธอรู้สึกว่าเขาดีกับเธอมาก มากจนเธอคิดไม่ถึง
“เพราะผมคิดว่าผมคิดถูกแล้วที่พาคุณกลับมาด้วย หากคุณกลับบ้านไปตอนนี้แผนแตกแน่ อยู่กับผมไปจนกว่าผมจะหาคนรักตัวจริงได้ก่อนก็แล้วกัน” เขาบอกเธออย่างนั้นทำให้เธออดใจหายไม่ได้
‘เราเป็นแค่คนรักตัวปลอม เป็นแค่นางบำเรอ อย่าลืมสิ’
“ระหว่างนี้ก็เตรียมใจไว้แล้วกัน ผมไม่ชอบฝืนใจใคร” เขาพูดเป็นนัยว่าเขาไม่ใช่พระอิฐพระปูน ซึ่งก็แน่อยู่แล้วว่ากุสุมาก็รู้ในข้อนั้นดี
“ฉันทราบค่ะ” เธอรับปากเขาแล้วมองไปยังผืนทะเลที่กว้างใหญ่
เขาช่วยเธอให้พ้นสถานที่อโคจร ให้ที่พักที่สุขสบาย เสนอให้เธอเอาเงินส่งให้พ่อแม่ ทำไมเธอจะตอบแทนเขาด้วยร่างกายไม่ได้ เพราะเธอเคยพูดเอาไว้เองในตอนนั้นว่ายอมตกเป็นนางบำเรอของเขาคนเดียว ยังดีกว่าต้องรองรับความใคร่ของผู้ชายหลายคน
**********************
เมื่อไปถึงที่ชายหาดหน้ารีสอร์ต ชารุกได้จอดเรือเอาไว้ที่ท่าเรือส่วนตัวหน้ารีสอร์ต แล้วจับมือกุสุมาเดินมาจากท่าเรือท่ามกลางสายตาของคนงานหลายคนที่อยู่ในบริเวณนั้น
รวมไปถึงภาวิณีที่ออกมารอต้อนรับ เมื่อทราบว่าเขากำลังจะเดินทางมา
“สวัสดีค่ะพี่ชารุก” ภาวิณีไหว้ทักทายเขาแล้วหันไปมองหญิงสาวที่มาด้วยกัน
“แก้ว นี่คุณณีเป็นน้องสาวของภาคินน้องเขยของผม”
“สวัสดีค่ะคุณณี”
“แก้วเป็นคนรักของผมเอง” ชารุกหันไปบอกเธอ
ภาวิณีตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้นเธอ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่ยิ้มน้อยๆ
กุสุมารู้สึกว่าคนตรงหน้านี้ดูไม่ใช่คนร้ายกาจอะไรเลย ออกจะเป็นคนเรียบร้อยน่ารักเสียด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าทำไมชารุกถึงไม่ชอบเธอ
“เราเข้าไปข้างในเถอะตรงนี้มันร้อน” เขาพูดแล้วโอบเอวกุสุมาเดินเคียงข้างไปกับเขา
ภาวิณีเดินตามหลังด้วยความรู้สึกใจหาย เมื่อชายที่เธอแอบมีใจนั้นพาคนรักมาเยือนถึงที่
พอไปถึงห้องทำงานก็พบว่าชารียาและภาคินรอต้อนรับอยู่ก่อนแล้ว ชารุกจึงแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ก่อนจะดึงกุสุมามานั่งที่โซฟายาวข้างๆ เขา
ชารียาเมื่อเห็นว่าพี่ชายมีคนรักแล้วก็แอบโล่งอกเพราะก่อนหน้านี้น้องสาวของสามีให้เธอช่วยพูดกับพี่ชายเรื่องการคบหากันระหว่างเขากับเธออยู่บ่อยครั้งจนเธอรู้สึกอึดอัดไม่ใช่น้อย
ภาคินเองก็เช่นกันเมื่อเห็นว่าพี่ชายของภรรยามีคนรักแล้วเขาก็ได้แต่มองน้องสาวตัวเองด้วยความเห็นใจ รู้ว่าอีกฝ่ายมีใจให้ชารุก แต่จะทำอย่างไรได้เขามีคนรักแล้ว และที่ผ่านมาเขาก็แสดงออกชัดเจนว่าไม่ได้คิดอะไรกับภาวิณีเลย
“ให้แก้วออกไปรอข้างนอกก่อนไหมคะ” เธอถามเขาเมื่อเห็นว่ากำลังจะคุยเรื่องงานกัน
“ไม่เป็นไร นั่งเป็นกำลังใจให้ผมตรงนี้แหละ” ชารุกพูดแล้วหันไปยิ้มให้กับเธอ
กุสุมาไม่รู้ว่าตอนที่เขาคบกับอัญรัตน์เขาเป็นอย่างนี้หรือเปล่า แต่ในตอนนี้เธอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของผู้ชายตรงหน้า และรู้ว่าผู้หญิงคนอื่นที่มองมาต้องรู้สึกอิจฉาเธออย่างแน่นอน
กุสุมานั่งฟังครอบครัวของชารุกสรุปงานกัน เขาเดินไปนั่งตรวจเอกสารต่างๆ ที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ ปล่อยให้เธอนั่งข้างภาวิณีที่ตอนนี้นั่งมองชารุกด้วยแววตาที่ชื่นชมอยู่ เธอจึงต้องหันไปชวนคุยตามมารยาท
“คุณณีเองก็ทำงานอยู่ที่นี่เหรอคะ”
“ใช่ค่ะ ฉันทำงานในตำแหน่งผู้จัดการของรีสอร์ตที่นี่” เธอตอบด้วยความสุภาพ แต่กุสุมาไม่รู้สึกถึงความเป็นมิตรเลย
“คุณนี่เก่งจังเลยนะคะช่วยดูแลงานที่นี่ได้”
“ไม่ได้เก่งอะไรหรอกค่ะ พอดีฉันจบด้านนี้มาโดยตรงก็เลยช่วยงานพี่ชายได้เท่านั้นเอง แล้วคุณล่ะคะจบอะไรมาช่วยพี่ชารุกได้บ้างหรือเปล่า” เป็นคำถามชวนอึดอัดไม่น้อย ทำให้กุสุมารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้นั้นก็แอบร้ายไม่เบาอยู่เหมือนกัน
“เขาไม่ให้ฉันยุ่งกับงานของเขาเลยค่ะ”
“ตายจริงนี่พี่ชารุกไม่วางใจให้คุณทำงานกับเขาเหรอคะ”หญิงสาวยิ้มขึ้นมา หากแต่เป็นยิ้มที่เย้ยหยันเสียมากกว่า ทำให้กุสุมาเข้าใจแล้วว่าทำไมชารุกไม่ชอบเธอ ผู้หญิงคนนี้ก็แอบร้ายไม่ต่างจากอัญรัตน์
“ไม่ใช่หรอกค่ะ พอดีว่าเขาไม่อยากให้ฉันทำอะไร แค่คอยเป็นกำลังใจให้เขา ผลักดันอยู่ข้างหลังก็พอ” กุสุมาพูดเหมือนไม่ได้มีความหมายอะไร แต่ก็ทำให้ภาวิณีรู้สึกเจ็บใจได้ไม่น้อยเหมือนกัน
ทั้งสองจึงยุติการสนทนากันในตอนนั้น กุสุมารอจนกระทั่งชารุกตรวจเอกสารจนเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินกลับมาหาเธอ
“ทำงานเสร็จแล้วกลับกันเลยไหม” เขาถามกุสุมาไม่ปรายตามองภาวิณีเลย
“ไม่อยู่ทานข้าวกับพวกเราก่อนเหรอคะ นานๆ ทีจะมาสักที อยู่ให้น้องสาวคนนี้หายคิดถึงก่อนไม่ได้เหรอ” ชารียาอ้อนพี่ชายเมื่อภาวิณีส่งสายตาอ้อนวอนแกมบังคับมาให้เธอ เป็นนัยให้เธอช่วยรั้งชารุกไว้
“พี่ต้องขอโทษด้วยนะ พี่ต้องรีบกลับไปก่อน เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน” ชารุกปฏิเสธน้องสาวด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรักและเอ็นดู
“งั้นกลับเลยก็ได้ค่ะ แก้วนัดกับป้าบุหลันว่าจะฝึกทำพะแนงไก่สูตรตำเครื่องแกงเองให้คุณทานด้วย” กุสุมาบอกกับเขา เป็นนัยให้ทุกคนรู้ว่าตนเองอยู่ที่บ้านด้วย
“นี่คุณแก้วพักอยู่บ้านกับพี่ชารุกเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ แก้วพักอยู่กับคุณชารุก” กุสุมาตอบแล้วยิ้มด้วยความเอียงอาย
หลังจากทั้งคู่เดินออกไปแล้ว ภาวิณีเดินเข้ามากอดแขนพี่ชายเอาไว้ แล้วแสดงความเอาแต่ใจขึ้นมา
“พี่ภาคินต้องช่วยณีนะ ณีไม่ยอม”
“จะทำได้ยังไงล่ะ เขามีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว ถึงคราวที่ณีจะต้องตัดใจจริงๆ” ภาคินบอกน้องสาวเสียงอ่อน
“พี่ชารียา พี่จะช่วยณีได้หรือเปล่าคะ”
“พี่ก็ช่วยไม่ได้หรอกจ้ะ”
“ช่วยไม่ได้หรือไม่อยากช่วยกันแน่คะ ในเมื่อเขายังไม่แต่งงานกัน พี่ชารุกก็รักพี่ชารียามาก ถ้าพี่บอกให้เขาเลิกกันยังไงเขาก็ต้องเลิก” ภาวิณีพูดเอาแต่ใจ
เธอแสดงท่าทีไม่พอใจออกมาต่างกับที่วางตัวดีในตอนแรก ภาคินเองก็หนักใจแต่เขาก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน
“คุณช่วยพูดกับพี่ชายหน่อยก็แล้วกันนะ” เขาได้แต่พูดกับภรรยาเพื่อเอาใจน้องสาว
ชารียาได้แต่ยิ้มอย่างเกรงใจ เธอหนักใจกับเรื่องนี้อยู่ไม่น้อยถึงจะเคยพูดกับสามีไปแล้ว ว่าควรพูดเด็ดขาดกับภาวิณีแต่ภาคินก็ไม่กล้าทำร้ายจิตใจน้องสาว เพราะเธอถูกพ่อแม่ตามใจมาตั้งแต่เด็ก
และด้วยความที่เป็นคนขี้เกรงใจด้วยกันทั้งคู่ จึงได้แต่พูดรับปากให้ภาวิณีสงบลงก่อน ไม่อย่างนั้นเธอคงทำตัววุ่นวายจนพวกเขาไม่เป็นอันทำงานแน่
*********************
ในตอนเช้ากุสุมาตื่นมาด้วยอาการปวดระบมที่สะโพก เมื่อคืนนี้ชารุกวาดลวดลายกับเธออย่างไม่รู้จักอิ่มจนตอนนี้เธอรู้สึกหน่วงอยู่ภายใน สายตาจับจ้องมองดูนายหัววัยสามสิบหกด้วยสายตาที่หลงใหลความใกล้ชิดและสิ่งที่เขาแสดงละครทำดีกับเธอ ประกอบกับบทรักที่เขามอบให้มันทำให้เธอรู้สึกดีกับเขาเป็นอย่างมาก แต่ก็เพียงรู้สึกดีเท่านั้น กุสุมาไม่กล้าที่จะคิดอะไรเกินเลยไปกว่านี้เพราะเขาชัดเจนแล้วว่าเธอจะได้รับสิทธิ์คนรักของเขาทุกอย่าง ยกเว้นความรักและการแต่งงานที่เขาจะไม่มีวันยกมันให้กับเธอ“คุณชารุกคะ ตื่นได้แล้วค่ะ” เธอปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาชารุกดึงเธอเข้าไปกอดแล้วลูบกลุ่มผมที่ตกลงมาบังแก้มของเธอด้วยความเอ็นดู “เมื่อคืนผมมีความสุขมาก”“ค่ะ” เธอตอบรับแล้วก้มลงยิ้มอย่างเอียงอาย“จริงสิคุณอายุเท่าไรแล้วถึงยี่สิบห้าหรือยัง” เขาถามเธอแล้วลูบไล้ที่ต้นแขน ตอนนี้มองเธอเป็นแค่ของเล่นชิ้นโปรดของตนเท่านั้น“แก้วอายุยี่สิบค่ะ อีกสามเดือนก็จะอายุยี่สิบเอ็ดแล้ว” เธอตอบเขาไปตามความจริงชารุกนิ่งอึ้งไปสักพักมองดูหญิงสาวตรงหน้าที่เขาคิดว่าเธอแค่หน้าเด็กมาโดยตลอดเลยไม่ฉุกใจคิดว่าเธออายุน้อยจริงๆ“สีหน้าคุณไม่ค่อยดีเลยนะคะ หรือ
ทันทีที่ประตูรั้วบ้านถูกเปิดออก รถชารุกก็แล่นเข้ามาจอดโดยมีรถของอัญรัตน์ขับตามเข้ามาติดๆ“นั่นรถของคุณอัญไม่ใช่เหรอคะ”“อืม อย่าลืมทำหน้าที่ของคุณให้ดีก็แล้วกัน” ชารุกย้ำด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด เมื่ออดีตคนรักยังพยายามที่จะมาตามตื๊อเขา ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขามีกุสุมาอยู่ข้างกายแล้วนายหัววัยสามสิบหกเดินลงจากรถแล้วอ้อมมาเปิดประตูให้กุสุมาด้วยสีหน้าที่ปรับเป็นนุ่มนวลและอบอุ่นจนเธอเผลอใจเต้นไปกับเขาไม่ได้อัญรัตน์ที่เดินลงมาจากรถเธอรีบตรงเข้าไปทักทายเขาแล้วมองกุสุมาที่คล้องแขนของเขาเอาไว้ด้วยสายตาที่ไม่พอใจ“มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า”“อัญจะมาเรือนหอของเราไม่ได้เลยเหรอคะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงที่ยียวน ตั้งใจพูดให้กุสุมารู้ว่าเธอกับเขานั้นเคยมีความทรงจำร่วมกันที่นี่“คุณเข้าบ้านไปก่อนนะแก้ว” ชารุกหันไปพูดกับเธอเสียงนุ่มแล้วยิ้มให้เธอด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะหันไปมองอัญรัตน์ด้วยสายตาที่แข็งกร้าว“ผมมีเรื่องต้องเคลียร์กับเธอนิดหน่อย” เขาพูดเสียงเข้ม“ถ้างั้นรีบตามมานะคะ แก้วจะขึ้นไปอาบน้ำรอคุณข้างบน” กุสุมาพูดแล้วอมยิ้มด้วยความกระดากในสิ่งที่ตนเองพูดไป แก้มของเธอแดงเรื่ออมยิ้มให้กับเขาอย่างมีความหมาย“
เมื่อกลับมาถึงฝั่งชารุกได้พากุสุมาไปที่รีสอร์ตริมทะเลของตนต่อเพราะไม่อยากเสียเวลาพาเธอย้อนกลับไปส่งบ้าน และอยากเปิดตัวเธอในฐานะคนรักของตนอย่างเป็นทางการ“ให้แก้วช่วยทำอะไรไหมคะ”“ช่วยนั่งเป็นกำลังใจให้ผมก็พอ” เขาพูดเป็นนัยถึงสิ่งที่พูดอยู่บนเกาะทำให้กุสุมายิ้มออกมาที่เขารู้จักพูดหยอกล้อกับเธอ“แล้วอย่าลืมนะว่าคุณอยู่ในฐานะคนรักของผม แค่ทำตัวให้ดูดีและแสดงความเป็นเจ้าของผมเท่านั้นก็พอ” เขาพูดตัดความหวังเธอด้วยการบอกว่าทั้งหมดมันคือหน้าที่ แล้วนั่งดูเอกสารที่วางบนโต๊ะในตอนนั้นเลขานุการของเขาก็เคาะห้องแล้วเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “นายหัวจะรับกาแฟเพิ่มไหมคะ”“ไม่ล่ะ แค่จะแวะมาเซ็นเอกสารเดี๋ยวก็กลับแล้ว”“แล้วแขกของนายหัวล่ะคะ” เธอถามแล้วหันมายิ้มให้กับกุสุมาเล็กน้อย“คุณจะรับน้ำส้มหรือกาแฟไหม” เขาหันมาถามเธอด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล“แก้วขอน้ำส้มก็ได้ค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นเอาน้ำส้มมาให้คุณแก้ว” ชารุกหันไปบอกกับเลขาของตนด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างกับที่พูดกับกุสุมา ทำให้เลขานุการสาวพอเดาออกว่าหญิงสาวคนนี้ต้องเป็นคนสำคัญของเจ้านายของตนแน่นอน“คุณต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอคะ” กุสุมาพูดกับเขาหลังจาก
ชารุกนำเรือเร็วส่วนตัวของตนเองขับพากุสุมาไปยังเกาะที่มีรีสอร์ตของครอบครัวที่ตอนนี้เขากำลังดูแลอยู่ระหว่างทางเขาได้พูดถึงน้องสาวของเขาให้กับเธอฟังคร่าวๆ ว่าชารียาเป็นคนที่หัวอ่อนและจิตใจดี ส่วนสามีของเธอก็เป็นคนดี ทั้งสองจึงไม่ค่อยทันคนและเขาจึงต้องยื่นมือมาช่วยเรื่องการบริหารทั้งๆ ที่แบ่งชัดเจนแล้วว่ารีสอร์ตบนเกาะนั้นให้เป็นความดูแลของน้องสาวและน้องเขยของเขาเองกุสุมาไม่เข้าใจว่าเขาจะเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังไปทำไม แต่ก็ต้องรับฟังเอาไว้เพราะคิดว่าเขาต้องมีเหตุผลที่เล่าแน่“ปัญหารำคาญใจทุกครั้งที่ผมต้องเข้ามาดูแลรีสอร์ตแห่งนี้ นั้นก็คือน้องสาวของภาคิน เธอชอบพอผมและชารียาเองก็เชียร์ให้ผมกับเธอลงเอยกัน” ชารุกเริ่มโยงมาถึงเรื่องที่เขาต้องการให้เธอช่วยแล้ว “ที่แท้ผู้หญิงอีกคนที่คุณต้องการให้ฉันมาแสดงตัวว่าเป็นคนรัก ก็คือน้องสาวของน้องเขยของคุณอย่างนั้นเหรอคะ”“ใช่แล้ว เพราะความใจอ่อนและขี้สงสารของน้องสาวผมนั่นแหละทำให้เธอต้องคอยช่วยเหลือผู้หญิงคนนั้นด้วยความเกรงใจ และผมเป็นคนที่รักน้องสาวมาก บางทีก็ปฏิเสธเธอไม่ได้ มันจึงทำให้ผมอึดอัดทุกครั้งที่มาที่นี่” ชารุกไม่อยากพูดให้ผู้หญิงดูไม่ดี แต่ห
หลังจากที่อัญรัตน์กลับไปแล้วชารุกก็ดูจะนิ่งเงียบและดูเคร่งขรึมไปกว่าเดิมจนกุสุมาไม่กล้าที่จะชวนเขาพูดคุย เธอจึงได้แต่ทานอาหารไปเงียบๆพอทานอาหารเสร็จแล้วเขาก็ยังคงทำหน้าเคร่งเครียดอยู่ เธอพอเดาได้จากบทสนทนาระหว่างเขากับอัญรัตน์ก่อนหน้านี้ ว่าเธอเคยเป็นคนรักของเขาที่เกือบจะได้หมั้นกันและเธอได้ทิ้งเขาไปในงานหมั้น แต่เธอคงจะไปไม่รอดจึงได้หวนกลับมาหาเขา“คุณขึ้นไปอาบน้ำเข้านอนก่อนเลยนะ” เขาบอกเธอเสียงเรียบแล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่มด้านหลังชาวหนุ่มนำเครื่องดื่มออกมาเทดื่มด้วยความหงุดหงิดและอารมณ์เสีย กุสุมาจึงรีบลุกจากโต๊ะอาหารแล้วขึ้นห้องไปก่อนตามที่เขาบอกดูจากการที่เขาดื่มเหล้าเพื่อดับอารมณ์หงุดหงิด เธอจึงคิดเอาเองว่าเขาคงยังมีใจให้กับอัญรัตน์อยู่ แต่คงโกรธแค้นที่ตนเองถูกทิ้งไปจึงพาตัวเธอมาแก้แค้นผู้หญิงคนนั้นด้วยการบอกว่าเป็นคนรักของเขาเพื่อให้อีกฝ่ายเจ็บช้ำชารุกเดิมเครื่องเดิมสีอำพันในมือด้วยความโกรธแค้น หลายต่อหลายครั้งที่อัญรัตน์มาตามตื้อขอคืนดีกับเขา เขาได้บอกเธอไปอย่างชัดเจนแล้วว่าทุกอย่างมันไม่สามารถกลับคืนไปเหมือนเดิมอีกแล้วทุกครั้งที่เจอหน้าเธอเขารู้สึกเจ็บใจในสิ่งที
ในตอนเย็นกุสุมาที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่นเธอได้ยินเสียงรถวิ่งเข้ามาจอด จึงวางหนังสือลงเตรียมตัวลุกขึ้นไปต้อนรับเจ้าของบ้านแต่คนที่เดินเข้ามากลับเป็นหญิงสาวสวยคนหนึ่งที่แต่งตัวดูดีแต่งหน้าสวยจนกุสุมาแอบคิดว่าเธอเป็นดารา“ชารุกอยู่ไหม” เธอถามขึ้นแล้วปรายตามองมาที่กุสุมาอย่างไม่ชอบใจนักบุหงาที่เดินออกมาดูจึงยืมก้มหน้าอยู่ด้านหลังของกุสุมา ไม่ได้ตอบอะไรไปเพราะอัญรัตน์ถามกุสุมาไม่ได้ถามเธอ“ยังไม่กลับค่ะ” กุสุมาตอบแล้วส่งยิ้มให้อย่างสุภาพและเป็นมิตร“ดูจากการแต่งตัวแล้วเธอคงไม่ใช่คนรับใช้ของที่นี่” ฟังจากน้ำเสียงที่ดูเย่อหยิ่งและถือตัวของอีกฝ่ายทำให้กุสุมายกยิ้มขึ้นมา เข้าใจแล้วว่าเขาจ้างเธอมาเป็นคนรักเขาทำไม ที่แท้ก็คงเป็นเพราะมีผู้หญิงคนนี้นี่เอง“ตายจริง ฉันลืมแนะนำตัวไปเลย ฉันชื่อแก้วนะคะเป็นคนรักของคุณชารุก” กุสุมาแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานแล้วยิ้มให้กับอีกฝ่ายอัญรัตน์รู้สึกตกใจที่ได้ยินอย่างนั้น หากแต่เธอก็ไม่เชื่อและคิดว่าผู้หญิงคนนี้ก็คงเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่กำลังพยายามเข้าหาชารุกเหมือนกัน“เธอก็มารอชารุกเหมือนกันเหรอ ถึงได้ออกมาต้อนรับฉันเพราะคิดว่าเป็นเขาสินะ”“







