“มารีมาหาน้ากายนี่คะ ไม่ได้มาหาน้าปรี”
ดวงตากลมโตสบเข้ากับตาคมกริบที่ฉายแววรู้เท่าทัน กายส่ายหน้าน้อยๆ เหมือนไม่เชื่อ
“การหลบฝนกับน้ากายสนุกกว่าการหลบฝนกับน้าปรีตั้งเยอะ”
คราวนี้คิ้วเข้มๆ หนาๆ ของกายเลิกสูงขึ้น หน่วยตาดำใหญ่หรี่ลงเมื่อยื่นมือมาประคองสองกระพุ่มเนื้อคัพ D มารียันตาโตหน้าแดงแปร๊ด
“ชอบแบบนี้เหรอ”
มารียันแม้จะอายขนาดไหนก็ยังพยักหน้า เธออาจจะต้องไหลไปตามน้ำเพื่อรักษาเกียรติยศศักดิ์ศรีของน้าปรีชญาเอาไว้ เนื้อตัวจะสั่นเทิ้มหัวใจจะเต้นรัวและยอดถันจะหดแข็งจนพุ่งดันเสื้อสองชั้นออกมาให้เห็น
“เธอชอบฉันเหรอหนูมารี”
‘ค่ะ’
“อย่าถามมารีได้มั้ยคะน้ากาย มารีกระดากปากที่ต้องพูด”
“แต่ฉันไม่”
“ค่ะ น้ากายจะไม่ชอบมารีก็ไม่แปลกนี่คะ”
ทำไมมารียันเสียใจ ทำไมกระบอกตาร้อนผ่าว ทำไมน้ำตาจวนเจียนจะไหล ผีเข้าหรือไง เธอรู้สึกชอบเขาแบบชู้รักตั้งแต่เมื่อไหร่กันเล่า
“ฉันไม่กระดากใจที่ทำกับเธอแบบนี้”
สองกระพุ่มเนื้อนุ่มหยุ่นถูกกลืนหายเข้าไปในปากอุ่น มารียันตกตะลึงนิ่งขึงอย่างทำอะไรไม่ถูก และพอปากร้อนดูดกลืนปลายถันแรงๆ ร่างทั้งร่างก็สั่นระริก
“น้า...กาย”
ลมหายใจหืดหอบ มือจิกเรือนผมที่อยู่ต่ำลงตรงหน้าอก มารียันเผลอแอ่นอกใส่ปากเขา ปลายถันถูกดูดรัดจนเจ็บ เจ็บจนต้องกดหน้าลงดูและพบว่าบัดนี้กระดุมเสื้อนักศึกษาหลุดหายไปหลายเม็ด เต้านมอร้าอร่ามเย็นเยียบเกือบเปลือยเปล่า
“โอว เจ็บค่ะ มารีเจ็บค่ะน้ากาย”
ปากของกายไม่คลายความหนักหน่วง เหมือนจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนยอดถันไม่เคยต้องมือชายถึงกับแสบระริก ขนาดเจ็บแสบก็ยังแข็งขืนเป็นไต มือของกายเหนี่ยวรั้งเสื้อชั้นในเปียกน้ำลงต่ำ เต้านมอวบอิ่มคัพ D สะบัดตัวดีดผึง
“ขาวจัง ซ่อนรูปน่าดูเลยนะหนูมารี”
ปลายถันสีชมพูระเรือน่ารัก ยั่วให้ปลายลิ้นสากตวัดเลียเป็นวงกลม มือของกายบีบขยำเต้านมนุ่มหยุ่นเต็มไม้เต็มมือกว่าของปรีชญา กายดูดกลืนเต้านมขาวอวบอย่างหิวโหย บีบขยำลืมวัย ลืมว่ามารียันเจ็บแสบ
“อูยยย ซี้ดดดด เจ็บค่ะน้ากาย”
ฟันของกายครูดไปกับตุ่มไตแข็งๆ มารียันสะดุ้งเฮือกหลับตาปี๋ กัดปากตัวเองจนเจ็บ เจ็บทั้งปากเจ็บทั้งนม สาวน้อยวัยสะออนสะท้านหนแล้วหนเล่า ครวญครางอย่างเจ็บปวด แต่ไม่เหมือนคนทรมาน ความเจ็บแสบกลายเป็นความเพลิดเพลิน มือเล็กยังกดศีรษะกายให้ซุกไซ้ทรวงอก ลืมตัวลืมอาย ทำตามแต่ที่หัวใจต้องการ
เรือนร่างของมารียันปลุกความร้ายกาจในตัวกายให้ลุกพรึ่บ เธอแอ่นร่างจนทอดโค้ง เขาก็ฉีกทึ้งเสื้อเปียกๆ ขาดวิ่น แล้วบีบขยำเต้าทรวงเต่งตึงอย่างรุนแรง
“โอ๊ย น้ากาย มารีเจ็บ ซี้ดดดด”
ถึงจะเจ็บแสบแค่ไหน มารียันก็ยังครางแผ่วสะบัดร้อนสะบัดหนาว ปากของกายยังดูดดื่มเต้านมเต่งตึง มือเริ่มเปลี่ยนทิศทางไต่ลงเบื้องล่าง ชายกระโปรงนักศึกษาจีบรอบตัวถูกถลกขึ้นเหนือขาอ่อน มือของกายสอดเข้าไปกลางหว่างขา มารียันหุบขาฉับ
“พอก่อนค่ะน้ากาย ให้เวลามารีก่อน นะคะ ซี้ดดดดด”
พอเธอพูดมากเข้า เขาก็กัดปลายถันให้หยุดพูด ต้นขาอวบถูกลูบไล้จนเผลอกางออก มือของกายจึงล่วงล้ำเข้าถึงใจกลางซึ่งเป็นเนินสามเหลี่ยมอูมๆ และ...
“เบบี๋ ไร้ขนด้วยหรือเนี่ย”
“อื้อ น้ากายขา มารีว่าพอเถอะ อะ แค่นี้ก็มากไปแล้ว โอยยย”
มารียันส่ายสั่นไปทั้งเรือนร่างโดยเฉพาะเนินนางเกลี้ยงเกลาซึ่งกำลังอุ่นจัด ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน สาเหตุคงมาจากนิ้วมือน้ากายที่ซุกซนกดกลางกลีบเนื้อ
“ซี้ดดดด ยะ อย่าค่ะ พอเถอะ”
กายนอกจากจะไม่ฟังแล้วยังบี้บดติ่งเสียวของเด็กสาววัยรุ่นให้สั่นระริก มารียันครวญครางอย่างน่าสงสาร เธอร้อนรุ่มเหมือนจะเป็นไข้ มันเสียวไปทั่วหน้าขาและลึกลงในช่องท้อง นิ้วของเขาทำให้บั้นท้ายของเธออยู่เฉยไม่ได้ มันส่ายไปมาราวกับจะหนี ส่วนนิ้วมือของกายก็ตามติดซ้ำยังบี้บดติ่งเนื้อที่เธอรู้สึกว่ามันเริ่มแฉะ
“อูยยยย น้ากายขา พอ”
ไม่ไหวแล้ว คลื่นบางอย่างถาโถมสาดซัดเธอให้กระเด็น มารียันส่ายบั้นท้ายร่อนไปมา น้ำสาวหลั่งออกมาท่วมท้นไหลอาบนิ้วซนๆ ของน้าเขยจนชุ่ม
กายยิ้มและกระซิบเสียงเย็นที่ข้างหู ฉวยเอาช่วงเวลาที่มารียันกำลังเตลิดเปิดเปิงเหวี่ยงเธอขึ้นสูง
“ชอบหรือไม่ชอบ”
“แฮ่กๆ พอ” มารียันหอบจนตัวโยน ดวงหน้าและลำคอแดงก่ำ แววตาฉ่ำหวานซ่อนอยู่เบื้องหลังเปลือกตาที่ไหวยุกยิก
“ชอบใช่ไหม”
“พอเถอะค่ะ อ๊ะ” เสียงของเธอเบามากจนรู้สึกอับอายที่ไม่ปฏิเสธเขาเต็มเสียง
“ตอบ!!” เสียงห้าวสั่นๆ ดังลั่นหู นิ้วของเขาจุ่มจ้วงเข้าไปในร่องเนื้อ มันแคบเสียจนประหลาดใจ ขนาดนิ้วยังชอนไชลำบากแล้วถ้าเป็นแก่นกายที่ใหญ่กว่าหลายเท่าจะเป็นยังไง
“ชอบ อ๊ะ อ๊า”
นิ้วที่กดลึกกลางร่องสาว กระชากเสียงหวานกรีดร้องดังลั่นกับคำตอบที่สร้างรอยยิ้มประดับใบหน้าหล่อเหลา นิ้วของเขายาวพอที่ปลายนิ้วจะฝ่าด่านพรหมจรรย์ของเธอเข้าไป
กายสั่นไม่แพ้มารียันเท่าไหร่ เขาคิดถึงร่องเนื้ออันน่าลุ่มหลง ถ้ามันจะฉีกกว้างเพราะดุ้นยักษ์ของเขามันจะน่าพิสมัยแค่ไหน
“น้า กะ กายยยย”
กายดึงปลายนิ้วออกจากร่องสาว มีเลือดสีแดงติดอยู่บนปลายนิ้ว เขาฝ่าด่านไปได้นิดเดียวแต่ก็พอให้เลือดสาวบริสุทธิ์ไหลออกมา กายยกนิ้วขึ้นเกือบจรดปลายจมูกมารียัน เธอปรือตาที่มีน้ำตาใสๆ เคล้าคลอเบ้า ริมฝีปากอิ่มยังเป็นรอยกัดชัดเจน
กายดูดนิ้วนั้นเลียเลือดสาวต่อหน้ามารียัน แววตาคมกริบเหมือนจะหมางเมินและเอาแต่ใจ ทว่าการกระทำมันไม่ใช่ เขาตวัดตาใส่เธอราวจะค้อนแล้วดึงปลายนิ้วออกจากปากตัวเองก่อนจะยัดมันเข้าปากเด็กสาว
“มารีเป็นแค่เด็กธรรมดาๆ คนหนึ่งค่ะ ไม่คิดว่าจะได้รับความรักมากมายเช่นนี้ ชั่วชีวิตของมารีก็แค่หวังว่าจะได้รับความรักและความจริงใจจากใครสักคน แต่สิ่งที่มารีได้มามันมากมายเหลือเกินค่ะ มากจนพูดออกมาคงไม่หมด มารีขอบคุณทุกคนที่ทำให้มารีมีวันนี้โดยเฉพาะแม่กับน้าปรี ถ้าไม่มีทั้งสอง มารีก็คงไม่มีวันนี้ และ...” มารียันสบตาเจ้าบ่าวรูปงามของตน ก่อนกระพริบตาไล่หยาดน้ำตาให้ไหลออกมาจากหางตาเพื่อช่วยให้เธอเห็นหน้าเขาได้ถนัด “มารีขอบคุณพี่กายที่ให้โอกาส ขอบคุณที่ทำให้มารีมีความสุข ตั้งแต่คบหาดูใจกันมา พี่กายยังไม่เคยทำให้มารีเสียใจเลยค่ะ พี่กายเหมาะที่จะเป็นสามีและเป็นพ่อคนได้แล้วนะคะ มารีเชื่อว่าพี่กายจะทำได้ดีที่สุด จะดูแลมารีและลูกให้ดีที่สุดได้แน่นอนค่ะ” เธอถูกเขากอดแน่น ทุกคนลุกขึ้นปรบมือแสดงความยินดีให้กับเจ้าบ่าวเจ้าสาว กายดึงตัวออกเมื่อคิดว่าได้เวลาจะต้องลงจากเวทีแล้ว “เดี๋ยวค่ะ มารียังพูดไม่จบ” “วี๊ดวิ้ว” มีเสียงหนึ่งโห่ร้องขึ้น “มารีมีของขวัญจะมอบให้ทุกคนโดยเฉพาะคุณเจ้าบ่าวค่ะ” กายเลิกคิ้วขึ้นและ
“ครับคุณเขม คุณเก้ากับผมรู้ใจกันดี ไม่มีปัญหาหรอกครับ วันนี้คุณเขมสวยมากเลยนะครับ ไม่พาลูกๆ มาด้วยหรือครับ” “กะว่ากลับจากงานนี้จะพากันไปต่อที่อื่นครับ เลยต้องทิ้งก้างขวางคอไว้กับคนเลี้ยงที่บ้าน โอ๊ยยยย” ดนัยณุโอดครวญอีกรอบ เขมมิกายิ้มแหยๆ แก้มแดงซ่านขึ้นมาทันที “เมียจ๋า วันนี้หยิกผัวกี่ทีแล้วจำไว้ด้วยนะจ๊ะ เพราะผัวจะคิดทบต้นทบดอกเอาให้คลานลงจากเตียงเลย” พูดจบก็เอี้ยวตัวหลบวูบ เจ้าบ่าวหัวเราะสนุกสนาน นึกขอบใจเมียรักที่ทำให้เขายิ้มได้หัวเราะเป็นอย่างตอนนี้ มันมีความสุขมากเลยล่ะ “ยินดีด้วยนะครับคุณกาย” เวฆินทร์ควงคู่มากับศรีภรรยาอย่างลัดจันทร์ เธอแต่งชุดเดรสสำหรับคนท้องแก่ใกล้คลอดได้น่ารักที่สุด และสวยที่สุดรองๆ จากเจ้าสาวเลยทีเดียว “ขอบคุณครับคุณสี่ ใกล้คลอดเต็มทีแล้วสินะครับ” “เดือนนี้ล่ะครับ อีกไม่กี่วันก็คงคลอด นี่ก็เกินเวลาครบกำหนด 39 สัปดาห์ มา 5 วันแล้ว หมอว่าอยากให้คลอดเองครับ แต่เค้าน้ำยังไม่เดินสักที ถ้ามะรืนนี้น้ำไม่เดิน คงต้องปรึกษาคุณหมอแล้วล่ะครับ ผมเป็นห่วงแม่กับลูกในท้องน่ะครับ” “เด็กหัวดื้อน่ะ
มารียันครางโหย มือกดศีรษะคนรักให้แนบชิดกับร่างสวรรค์ กระดกสะโพกแนบปากที่กำลังทำรักให้เธออย่างทุรนทุราย ไม่ต้องถูกพันธนาการก็ทรมานแทบขาดใจ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร กายก็คือกายอยู่วันยังค่ำ เมื่อปลุกเร้าอารมณ์หญิงสาวให้แตกซ่าน กายก็พลิกร่างขาวให้นอนคว่ำ ประคองบั้นท้ายเอาไว้ด้วยสองมือ ใบหน้าหล่อเหลาแนบเข้าหากลีบดอกไม้ไหวอีกครั้ง “โอ้วว ซี้ดดด เสียวจังค่ะที่รัก” ปลายนิ้วถูกส่งผ่านเข้าไปในปากถ้ำ เกร็งข้อนิ้วจนแข็งแล้วกระทุ้งอยู่ในร่องกระสัน มวลแห่งความสุขเจิ่งนองจนผ้าปูที่นอนเปียกชุ่มเป็นดวงใหญ่ สายน้ำที่ไหลบ่าผ่านต้นขาที่กำลังสั่นระริก กายมองมันอย่างหิวโหยก่อนตวัดปลายลิ้นดื่มด่ำรสชาติความสาวให้อิ่มเอม “ตาฉันแล้วที่รัก ได้โปรดบอกว่าเธอรักฉันมากแค่ไหนคนเก่ง” ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอนกางขาออกกว้าง สัดส่วนความเป็นชายตั้งฉากกับลำตัวสูงใหญ่ มารียันคืบคลานอยู่กลางหว่างขา มือลูบไล้พวงสวรรค์ที่อุดมไปด้วยพงขนดกหนา “มารีรักน้ากายมากเลยค่ะ” แล้วเธอก็บอกรักเขาด้วยการกระทำ ปากเล็กๆ ช่างมีพิษสงร้ายกาจ เธอครอบครองเขาด้วยริมฝีปาก ดู
‘หึ น่าสงสาร ตลอดเวลาที่ผ่านมานาคอิจฉามันตลอด เพราะอากายชอบมัน นาครู้จากสายตาของอากาย ที่แท้...มันก็ไม่น่าอิจฉาเลยสักนิด มันน่าสมเพชมากกว่าที่มารักคนอย่างอากาย และต้องอดทนยอมให้อากายเฆี่ยนตี’ ‘หุบปากของเธอแล้วไปได้แล้ว’ เขากำลังจะทนฟังไม่ได้ เรื่องจริงแบบนี้ กายไม่ต้องการฟัง ‘อากายไม่ได้รักมัน หึ หึ เพราะถ้ารัก อากายต้องคิดถึงอนาคตมากกว่าเล่นสนุกกับมันไปวันๆ นี่ล่ะค่ะที่นาคว่ามันน่าสมเพชมากๆ’ ‘เลิกพูดเสียทีฉันไม่อยากฟัง’ ‘ถึงนาคพูด อากายก็ไม่รู้สึกอะไรหรอกค่ะ เพราะอากายไม่ปกติ อากายมีความสุขอยู่บนความเจ็บปวดของคนอื่น แต่มารียันเก่งนะคะที่ทนไหว เธอต้องพาร่างอันบอบช้ำไปเรียนพร้อมกับแบกความเจ็บปวดเจียนตายไปด้วย ยอดคนจริงๆ ทนได้ไงไม่รู้’ ‘ฤทัยนาค! ถ้าเธอไม่ออกไป ฉันจะเหวี่ยงเธอออกไปเอง’ ‘ทนฟังไม่ได้เหรอคะ ก็นาคพูดเรื่องจริง ถ้าอากายรักใครเป็น อากายจะรู้ว่าความรักมันไม่ชอบหรอกค่ะความเจ็บปวดน่ะ ต่อให้มารียันบอกว่าทนได้เพื่ออากายก็เถอะ เอาเข้าจริงวันหนึ่งก็ต้องทนไม่ไหวค่ะ ยิ่งถ้ามีลูกด้วยกัน อากายจะฟาดแส้ใส่ท้องนูนๆ ที่ม
“เธอไม่เชื่อคำพูดของฉันงั้นเหรอ” กายโวยวาย “ให้ตายสิมารี กว่าฉันจะเค้นมันออกมาจากปาก ฉันต้องเสียเวลาไปเท่าไหร่ ฉันต้องคิดต้องกลั่นกรอง และต้องแน่ใจแค่ไหนว่าสิ่งที่กำลังรู้สึกมันเรียกว่าอะไร แล้วนี่...คนที่ฉันเพิ่งจะปริปากบอกรักกลับไม่เชื่อคำพูดของฉัน”“กะ...ก็...น้ากายไม่เคยรักใครนี่คะ” เธอกระพริบตาปริบๆ“แล้วคนไม่เคยรักใคร จะต้องรักไม่เป็นตลอดไปหรือไงกันฮะ”“อะไรอ่ะ” เธอทำคอย่น ทำตาเหลือกเหมือนคนหวาดกลัว“อะไร อะไรอีกฮะ” ท่าทางของเธอทำให้เขานึกหมั่นไส้“คนบอกรักเขาต้องตะคอกใส่กันแบบนี้ด้วยหรือคะ”ปากกายขยับยุกยิกเหมือนจะพูดแต่ไม่มีเสียงดังออกมา ก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงคุกเข่า นั่นยิ่งทำให้มารียันตกใจจนก้าวถอยหลัง“มารี” กายทอดเสียงอ่อนนุ่มแบบไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำ มันดังออกมาจากใจไม่ใช่แค่ลมปาก “ฉันรักเธอนะ จะให้ฉันพูดอีกกี่ครั้งประโยคนี้ก็ยังคงความหมายเดิมไม่เปลี่ยน ความหมายที่ดังออกมาจากใจ ไม่ใช่แค่คำพูด ฉันรักเธอ เธอเป็นรักแรกของฉัน เป็นรักเดียวที่เกิดขึ้น และจะเป็นรักที่มั่นคงยั่งยืนไม่มีการเปลี่ยนแปลง” กายดึงมือของเธอมากุมไว้ รับรู้ได้ถึงความสั่นสะเทือนจากเรื
ร่างกายของเขาพยศเหมือนม้า คึกคักและสนุกสนาน ทิ่มทะลวงปั่นป่วนในร่องสวรรค์ ปลายเล็บของมารียันขูดข่วนไปทั่วเรือนกายจนแสบสัน แต่นั่นกลับยิ่งทำให้เขาคลั่งในที่สุดสายธารสีขาวขุ่นก็ฉีดพร่าง ร่างแกร่งที่ยืนพิงกระจกห้องนอนเล็กบนชั้นสองกระตุกเฮือก ความสุขหลั่งไหลท่วมท้นเพียงแค่คิดถึงเธอ เขาก็สุขได้ไม่!เขาไม่ได้ต้องการแค่ในมโนภาพ!!รถลัมโบกินี่ราคาแพงระยับเคลื่อนออกจากบ้านหลังงามในอีก 2 ชั่วโมงต่อมา รถคันงามในฝันของใครหลายคนแล่นไปบนถนนและยังไม่ทันออกพ้นหมูบ้านก็มีรถสปอร์ตสีแดงสดแล่นเข้ามา“ปี๊นๆ” รถสีแดงบีบแตรให้รถสีส้มดำกายขมวดคิ้ว ใครกันที่บีบแตรเรียกเขา รถไม่คุ้นตาสีสดใสนั่นเป็นของใครกัน“อากายคะ” ฤทัยนาคลดกระจกลงให้กายเห็น “จะไปไหนคะอากาย”หัวคิ้วของกายคลายออก หลุบตามองริมฝีปากของฤทัยนาคที่ยิ้มจนเห็นฟันซี่ขาว“จะไปไหน” เขาถามกลับไป“นาคจะมาหาอากายไงคะ”กายหลุบตาลงอีกครั้งอย่างครุ่นคิด ก่อนพยักหน้าแล้วบอกให้ฤทัยนาคขับเข้าไป ส่วนเขาก็กลับรถเพื่อนำหน้ารถอีกคันมาที่บ้าน“เข้าไปในบ้านก่อนสินาค”“อากายยังไม่บอกนาคเลยว่าจะออกไปไหนคะ”“แล้วนาคมาหาอาทำไม”ฤทัยนาคจับมือใหญ่ก่อนจะลูบขึ้นไปตามแขน