มารียันเหมือนถูกสาปเมื่อต้องอ้าปากดูดปลายนิ้วของเขา ไม่มีรสเลือดเค็มปร่าเหลืออยู่ แต่นิ้วของเขากลับเล่นกับปลายลิ้นของเธอ เด็กสาวบริสุทธิ์เผลอตวัดลิ้นพันปลายนิ้วให้เขา จึงได้ยินเสียงครางแหบห้าวของน้าเขยดังลอดริมฝีปาก
“อาห์”
ร่างกายของปรีชญาสั่นเป็นเจ้าเข้า ในขณะที่แพทริกอัดท่อนตัวตนลงกลางร่องสาว ชายชู้ส่ายวนบั้นท้ายสอบงอนเป็นวงกลม ทำเอาปรีชญาถึงกับต้องกรีดร้องจนไม่ระวังระดับเสียงที่ดังแผดจ้า
“อ๊า ชอบจังเลย ฉันรักคุณที่สุดดาร์ลิ้ง”
“ผมก็เหมือนกัน อั้ก ซี้ดด แรงแบบนี้พอใจไหมที่รัก”
ท่อนตัวตนของแพทริกอัดกระแทกร่องสาวสั่นๆ จนแบะกว้างยามที่ดึงออกจนพ้น
“กระซวกลงมาแรงๆ ดาร์ลิ้ง กรี๊ดดดด”
เสียงกรีดร้องราวเจ็บปวดทว่าเป็นความสุขที่อดกลั้นไว้นานเหลือเกินสำหรับปรีชญา เธอรักแก่นกายทุกท่อนที่สามารถสร้างความสุขให้ได้ โดยเฉพาะท่อนใหญ่ๆ ของแพทริกที่ทำให้เธอคลั่งไคล้ สุ้มเสียงแผดจ้าประหนึ่งแทบขาดใจดาวดิ้น ทำให้แพทริกต้องกระซวกกลางร่องเนื้อให้ถึงใจสมกับเป็นชายชู้ของปรีชญา เมียสาวของนักธุรกิจเศรษฐีหนุ่มผู้โด่งดังในวงการธุรกิจ
“ของคุณตอดดีจัง ขนาดมันกว้างอย่างนี้”
แพทริกแบะอ้าร่องเนื้อสาวให้กว้างจนเห็นข้างในสีชมพูฉ่ำวาว บี้บดติ่งกระสันที่บวมเป็นหน่อเนื้อเล็กๆ
ปรีชญาขมิบร่องรักให้ตอดรัดแก่นกายมากขึ้น ให้แพทริก กระแทกลำมังกรและโยกร่างจนโซฟาขยับเคลื่อน
“โอววว เสียวจัง คุณเอาเก่ง ฉันชอบ”
แพทริกโน้มตัวลงกระซิบคำถามที่เรียกเสียงหัวเราะร่วน
“ระหว่างผมกับไอ้กาย ดุ้นใครสร้างความสุขให้คุณมากกว่า”
“คิกๆ ต้องของคุณอยู่แล้วแพทริก” ปรีชญาหัวเราะคิกคักสลับกับครวญครางยามตัวตนกระซวกใส่ร่องเธอ มิหนำซ้ำสีหน้ายังเปลี่ยนเป็นยั่วยวนเมื่อยกสะโพกแอ่นโค้งให้ตัวตนอัดกระแทกร่องสาวสุดๆ
“แสดงว่าเรื่องที่มันเป็นเกย์ก็จริงสิ”
“คิกๆ ข่าวว่าอย่างนั้น แต่”
“แต่อะไร ถ้าคุณบอกความจริงกับผม ผมจะให้รางวัลคุณ”
“อะไรเหรอ รางวัลอะไร”
“ก็พาคุณไปสวรรค์ไงเล่าที่รัก”
“คิกๆ เราก็กำลังจะไปสวรรค์อยู่แล้วไงคะ”
“สวรรค์ที่ว่า คือที่ๆ คุณไม่เคยไปต่างหากล่ะ เชื่อเถอะปรีคุณยังไม่เคยไป”
“งั้นเหรอคะ” เธอเอียงคอนิดๆ กัดปากหน่อยๆ
ท่อนตัวตนของแพทริกยังกระซวกกลางร่องลึกต่อเนื่อง ปรีชญาหอบจนตัวโยน หน้าอกที่เริ่มหย่อนคล้อยกระเพื่อมโยนเป็นคลื่น
“ไอ้กายเป็นเกย์ใช่ไหม”
เสียงร้องที่ดังจากห้องติดกันสะดุดหูของคนอีกคู่ที่กำลังคลอเคลียกันไม่ห่าง กายตวัดหางตามองผนังห้องที่ปูไว้ด้วยวอลล์เปเปอร์สีน้ำตาลอ่าน มารียันตวัดตาตามแววตาคู่นั้นแล้วประกบมือกับแก้มสากตรึงใบหน้าของเขาให้หันกลับมา ก่อนจะเขย่งปลายเท้ายืดตัวขึ้นแล้วประกบปากร้อนป้อนจูบใส่เขาอย่างเงอะๆ งะๆ
มือของกายปลดเปลื้องเสื้อผ้าทุกชิ้นที่ยังติดบนเรือนร่างแห่งวัยสาว มารียันยอมเปลือยเปล่าโดยไม่ทักท้วงทั้งที่หัวใจนั้นเต้นโครมคราม เสียงกรีดร้องของน้าปรีชญาจะให้น้ากายสงสัยไม่ได้ เธอจำต้องเบี่ยงเบนความสนใจทั้งหมดทั้งมวลของเขา
“น้ากายขา มารีอยาก”
“เป็นของฉัน” ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่ปฏิเสธเขา รวมถึงมารียัน เธอจะไม่มีวันปฏิเสธความต้องการของเขาได้
“ค่ะ แต่”
“ทำไมต้องมีแต่”
“ต้องมีค่ะ เพราะน้ากายเป็นน้าเขยของมารี”
“เธออยากเป็นชู้กับฉันว่างั้น”
“หรือน้ากายไม่อยากได้มารีคะ”
มารียันกล้ามากที่ย้อนถามเขาแบบนั้น ถ้ากายปฏิเสธทุกอย่างก็จบ โดยเฉพาะน้าปรีชญา ความเส็งเคร็งของเธอจะปรากฏให้สามีสุดหล่อรู้ มารียันภาวนาขออย่าให้เป็นอย่างนั้น หัวใจถามว่าทำไมต้องทำขนาดนี้ เรื่องของน้าปรีไม่เกี่ยวกับเธอ ปล่อยไปสิ ทำไมต้องช่วย และคำตอบที่ได้รับคือ นอกจากไม่อยากถูกน้ากายดูถูก มารียันเองก็อยากอยู่ใกล้เขามากขึ้นอีกนิด สักนิดก็ยังดี
เห็นจะไม่นิดล่ะ!
“ทำไมจะไม่ หนูมารี ฉันอยากครอบครองเธอใจจะขาด ฉันอยากเป็นผัวเธอ”
คำตอบตรงๆ ทำให้ดวงหน้าหวานๆ แดงก่ำ ดวงตาอ่อนปรือหลบวูบ ขนบนต้นคอลุกชันยามที่กายก้มลงจูบแล้วดูดติ่งหูเธอเบาๆ
“น้ากายต้องทำสัญญากับมารี”
“ได้สิ แต่ต้องหลังจากนี้”
กายไม่ถามสักคำว่าสัญญาอะไร สิ่งที่เขาต้องการก็คือมารียัน เลือดสาวของเธอหวานติดลิ้น และกายก็อยากให้มันไหลติดดุ้นชายของเขา มันคงน่าภูมิใจพิลึก
“อุ๊ย” มารียันอุทานเสียงหลง กายอุ้มเธอขึ้นสู่วงแขนแล้ววางบนเตียงกว้าง ดวงตาของเธอกลมโตเป็นคำถาม ทว่าดวงตาของกายเป็นประกายแปลกๆ คล้ายคนที่โลกส่วนตัวสูง เพราะแววตาของเขาไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ แม้แต่ความพอใจเล็กๆ
กายกวาดตามองไปทั่วเรือนร่างอวบอิ่ม สัดส่วนเว้าโค้งอันน่าตรึงตาตรึงใจกับผิวกายขาวๆ ทำให้เขาอยากฝากรอยนิ้วมือไว้บนร่าง กายปลดเน็คไทตามด้วยเสื้อเชิ้ตเผยแผงอกเปลือยเปล่า มารียันลอบกลืนน้ำลายและปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่าหุ่นกายเซ็กซี่กว่าที่คิดไว้มาก
กลางแผงอกมีไรขนสีเข้มเป็นทางไม่รกเรื้อแต่ชวนมองยั่วให้อยากสัมผัส น้ำลายมารียันเหนียวริมฝีปากแห้งผากต้องเลียไว้ให้ชุ่มชื้น กายหลุบตามองปลายลิ้นเล็กก่อนกดตามองเต้านมอวบเกินตัว ลำตัวเว้าโค้งยั่วความกำดัด สะโพกผายและกลางลำตัวที่เป็นเนินนูนไร้เส้นขนปกปิด
เหมือนเด็กตัวน้อยๆ แต่ไม่ใช่
กายสบตากลมคู่สวยนิ่งแล้วแทรกหัวเข่ากลางระหว่างต้นขาทั้งสองข้างของมารียัน เธอต้องเปิดทางให้เขาและเอื้อมมือเหนี่ยวร่างของเขาลงต่ำ เธอตวัดลิ้นเลียริมฝีปากและนั่นก็ทำให้กายหมดความอดทน
“มารีเป็นแค่เด็กธรรมดาๆ คนหนึ่งค่ะ ไม่คิดว่าจะได้รับความรักมากมายเช่นนี้ ชั่วชีวิตของมารีก็แค่หวังว่าจะได้รับความรักและความจริงใจจากใครสักคน แต่สิ่งที่มารีได้มามันมากมายเหลือเกินค่ะ มากจนพูดออกมาคงไม่หมด มารีขอบคุณทุกคนที่ทำให้มารีมีวันนี้โดยเฉพาะแม่กับน้าปรี ถ้าไม่มีทั้งสอง มารีก็คงไม่มีวันนี้ และ...” มารียันสบตาเจ้าบ่าวรูปงามของตน ก่อนกระพริบตาไล่หยาดน้ำตาให้ไหลออกมาจากหางตาเพื่อช่วยให้เธอเห็นหน้าเขาได้ถนัด “มารีขอบคุณพี่กายที่ให้โอกาส ขอบคุณที่ทำให้มารีมีความสุข ตั้งแต่คบหาดูใจกันมา พี่กายยังไม่เคยทำให้มารีเสียใจเลยค่ะ พี่กายเหมาะที่จะเป็นสามีและเป็นพ่อคนได้แล้วนะคะ มารีเชื่อว่าพี่กายจะทำได้ดีที่สุด จะดูแลมารีและลูกให้ดีที่สุดได้แน่นอนค่ะ” เธอถูกเขากอดแน่น ทุกคนลุกขึ้นปรบมือแสดงความยินดีให้กับเจ้าบ่าวเจ้าสาว กายดึงตัวออกเมื่อคิดว่าได้เวลาจะต้องลงจากเวทีแล้ว “เดี๋ยวค่ะ มารียังพูดไม่จบ” “วี๊ดวิ้ว” มีเสียงหนึ่งโห่ร้องขึ้น “มารีมีของขวัญจะมอบให้ทุกคนโดยเฉพาะคุณเจ้าบ่าวค่ะ” กายเลิกคิ้วขึ้นและ
“ครับคุณเขม คุณเก้ากับผมรู้ใจกันดี ไม่มีปัญหาหรอกครับ วันนี้คุณเขมสวยมากเลยนะครับ ไม่พาลูกๆ มาด้วยหรือครับ” “กะว่ากลับจากงานนี้จะพากันไปต่อที่อื่นครับ เลยต้องทิ้งก้างขวางคอไว้กับคนเลี้ยงที่บ้าน โอ๊ยยยย” ดนัยณุโอดครวญอีกรอบ เขมมิกายิ้มแหยๆ แก้มแดงซ่านขึ้นมาทันที “เมียจ๋า วันนี้หยิกผัวกี่ทีแล้วจำไว้ด้วยนะจ๊ะ เพราะผัวจะคิดทบต้นทบดอกเอาให้คลานลงจากเตียงเลย” พูดจบก็เอี้ยวตัวหลบวูบ เจ้าบ่าวหัวเราะสนุกสนาน นึกขอบใจเมียรักที่ทำให้เขายิ้มได้หัวเราะเป็นอย่างตอนนี้ มันมีความสุขมากเลยล่ะ “ยินดีด้วยนะครับคุณกาย” เวฆินทร์ควงคู่มากับศรีภรรยาอย่างลัดจันทร์ เธอแต่งชุดเดรสสำหรับคนท้องแก่ใกล้คลอดได้น่ารักที่สุด และสวยที่สุดรองๆ จากเจ้าสาวเลยทีเดียว “ขอบคุณครับคุณสี่ ใกล้คลอดเต็มทีแล้วสินะครับ” “เดือนนี้ล่ะครับ อีกไม่กี่วันก็คงคลอด นี่ก็เกินเวลาครบกำหนด 39 สัปดาห์ มา 5 วันแล้ว หมอว่าอยากให้คลอดเองครับ แต่เค้าน้ำยังไม่เดินสักที ถ้ามะรืนนี้น้ำไม่เดิน คงต้องปรึกษาคุณหมอแล้วล่ะครับ ผมเป็นห่วงแม่กับลูกในท้องน่ะครับ” “เด็กหัวดื้อน่ะ
มารียันครางโหย มือกดศีรษะคนรักให้แนบชิดกับร่างสวรรค์ กระดกสะโพกแนบปากที่กำลังทำรักให้เธออย่างทุรนทุราย ไม่ต้องถูกพันธนาการก็ทรมานแทบขาดใจ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร กายก็คือกายอยู่วันยังค่ำ เมื่อปลุกเร้าอารมณ์หญิงสาวให้แตกซ่าน กายก็พลิกร่างขาวให้นอนคว่ำ ประคองบั้นท้ายเอาไว้ด้วยสองมือ ใบหน้าหล่อเหลาแนบเข้าหากลีบดอกไม้ไหวอีกครั้ง “โอ้วว ซี้ดดด เสียวจังค่ะที่รัก” ปลายนิ้วถูกส่งผ่านเข้าไปในปากถ้ำ เกร็งข้อนิ้วจนแข็งแล้วกระทุ้งอยู่ในร่องกระสัน มวลแห่งความสุขเจิ่งนองจนผ้าปูที่นอนเปียกชุ่มเป็นดวงใหญ่ สายน้ำที่ไหลบ่าผ่านต้นขาที่กำลังสั่นระริก กายมองมันอย่างหิวโหยก่อนตวัดปลายลิ้นดื่มด่ำรสชาติความสาวให้อิ่มเอม “ตาฉันแล้วที่รัก ได้โปรดบอกว่าเธอรักฉันมากแค่ไหนคนเก่ง” ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอนกางขาออกกว้าง สัดส่วนความเป็นชายตั้งฉากกับลำตัวสูงใหญ่ มารียันคืบคลานอยู่กลางหว่างขา มือลูบไล้พวงสวรรค์ที่อุดมไปด้วยพงขนดกหนา “มารีรักน้ากายมากเลยค่ะ” แล้วเธอก็บอกรักเขาด้วยการกระทำ ปากเล็กๆ ช่างมีพิษสงร้ายกาจ เธอครอบครองเขาด้วยริมฝีปาก ดู
‘หึ น่าสงสาร ตลอดเวลาที่ผ่านมานาคอิจฉามันตลอด เพราะอากายชอบมัน นาครู้จากสายตาของอากาย ที่แท้...มันก็ไม่น่าอิจฉาเลยสักนิด มันน่าสมเพชมากกว่าที่มารักคนอย่างอากาย และต้องอดทนยอมให้อากายเฆี่ยนตี’ ‘หุบปากของเธอแล้วไปได้แล้ว’ เขากำลังจะทนฟังไม่ได้ เรื่องจริงแบบนี้ กายไม่ต้องการฟัง ‘อากายไม่ได้รักมัน หึ หึ เพราะถ้ารัก อากายต้องคิดถึงอนาคตมากกว่าเล่นสนุกกับมันไปวันๆ นี่ล่ะค่ะที่นาคว่ามันน่าสมเพชมากๆ’ ‘เลิกพูดเสียทีฉันไม่อยากฟัง’ ‘ถึงนาคพูด อากายก็ไม่รู้สึกอะไรหรอกค่ะ เพราะอากายไม่ปกติ อากายมีความสุขอยู่บนความเจ็บปวดของคนอื่น แต่มารียันเก่งนะคะที่ทนไหว เธอต้องพาร่างอันบอบช้ำไปเรียนพร้อมกับแบกความเจ็บปวดเจียนตายไปด้วย ยอดคนจริงๆ ทนได้ไงไม่รู้’ ‘ฤทัยนาค! ถ้าเธอไม่ออกไป ฉันจะเหวี่ยงเธอออกไปเอง’ ‘ทนฟังไม่ได้เหรอคะ ก็นาคพูดเรื่องจริง ถ้าอากายรักใครเป็น อากายจะรู้ว่าความรักมันไม่ชอบหรอกค่ะความเจ็บปวดน่ะ ต่อให้มารียันบอกว่าทนได้เพื่ออากายก็เถอะ เอาเข้าจริงวันหนึ่งก็ต้องทนไม่ไหวค่ะ ยิ่งถ้ามีลูกด้วยกัน อากายจะฟาดแส้ใส่ท้องนูนๆ ที่ม
“เธอไม่เชื่อคำพูดของฉันงั้นเหรอ” กายโวยวาย “ให้ตายสิมารี กว่าฉันจะเค้นมันออกมาจากปาก ฉันต้องเสียเวลาไปเท่าไหร่ ฉันต้องคิดต้องกลั่นกรอง และต้องแน่ใจแค่ไหนว่าสิ่งที่กำลังรู้สึกมันเรียกว่าอะไร แล้วนี่...คนที่ฉันเพิ่งจะปริปากบอกรักกลับไม่เชื่อคำพูดของฉัน”“กะ...ก็...น้ากายไม่เคยรักใครนี่คะ” เธอกระพริบตาปริบๆ“แล้วคนไม่เคยรักใคร จะต้องรักไม่เป็นตลอดไปหรือไงกันฮะ”“อะไรอ่ะ” เธอทำคอย่น ทำตาเหลือกเหมือนคนหวาดกลัว“อะไร อะไรอีกฮะ” ท่าทางของเธอทำให้เขานึกหมั่นไส้“คนบอกรักเขาต้องตะคอกใส่กันแบบนี้ด้วยหรือคะ”ปากกายขยับยุกยิกเหมือนจะพูดแต่ไม่มีเสียงดังออกมา ก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงคุกเข่า นั่นยิ่งทำให้มารียันตกใจจนก้าวถอยหลัง“มารี” กายทอดเสียงอ่อนนุ่มแบบไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำ มันดังออกมาจากใจไม่ใช่แค่ลมปาก “ฉันรักเธอนะ จะให้ฉันพูดอีกกี่ครั้งประโยคนี้ก็ยังคงความหมายเดิมไม่เปลี่ยน ความหมายที่ดังออกมาจากใจ ไม่ใช่แค่คำพูด ฉันรักเธอ เธอเป็นรักแรกของฉัน เป็นรักเดียวที่เกิดขึ้น และจะเป็นรักที่มั่นคงยั่งยืนไม่มีการเปลี่ยนแปลง” กายดึงมือของเธอมากุมไว้ รับรู้ได้ถึงความสั่นสะเทือนจากเรื
ร่างกายของเขาพยศเหมือนม้า คึกคักและสนุกสนาน ทิ่มทะลวงปั่นป่วนในร่องสวรรค์ ปลายเล็บของมารียันขูดข่วนไปทั่วเรือนกายจนแสบสัน แต่นั่นกลับยิ่งทำให้เขาคลั่งในที่สุดสายธารสีขาวขุ่นก็ฉีดพร่าง ร่างแกร่งที่ยืนพิงกระจกห้องนอนเล็กบนชั้นสองกระตุกเฮือก ความสุขหลั่งไหลท่วมท้นเพียงแค่คิดถึงเธอ เขาก็สุขได้ไม่!เขาไม่ได้ต้องการแค่ในมโนภาพ!!รถลัมโบกินี่ราคาแพงระยับเคลื่อนออกจากบ้านหลังงามในอีก 2 ชั่วโมงต่อมา รถคันงามในฝันของใครหลายคนแล่นไปบนถนนและยังไม่ทันออกพ้นหมูบ้านก็มีรถสปอร์ตสีแดงสดแล่นเข้ามา“ปี๊นๆ” รถสีแดงบีบแตรให้รถสีส้มดำกายขมวดคิ้ว ใครกันที่บีบแตรเรียกเขา รถไม่คุ้นตาสีสดใสนั่นเป็นของใครกัน“อากายคะ” ฤทัยนาคลดกระจกลงให้กายเห็น “จะไปไหนคะอากาย”หัวคิ้วของกายคลายออก หลุบตามองริมฝีปากของฤทัยนาคที่ยิ้มจนเห็นฟันซี่ขาว“จะไปไหน” เขาถามกลับไป“นาคจะมาหาอากายไงคะ”กายหลุบตาลงอีกครั้งอย่างครุ่นคิด ก่อนพยักหน้าแล้วบอกให้ฤทัยนาคขับเข้าไป ส่วนเขาก็กลับรถเพื่อนำหน้ารถอีกคันมาที่บ้าน“เข้าไปในบ้านก่อนสินาค”“อากายยังไม่บอกนาคเลยว่าจะออกไปไหนคะ”“แล้วนาคมาหาอาทำไม”ฤทัยนาคจับมือใหญ่ก่อนจะลูบขึ้นไปตามแขน