กายพลิกตะแคงหันหน้าเข้าหาชูขาข้างหนึ่งของมารียันขึ้นสูง มือของเธอสัมผัสกับแผงอกกว้างชื้นเหงื่อ เขาหอบคล้ายกับเหนื่อย ส่วนเธอหอบทั้งที่ไม่เหนื่อย เมื่อต้องอ้าปากเขาก็จูบดูดลิ้นเธอเหมือนขนมหวาน แก่นกายยังถูกห่อหุ้มด้วยผนังถ้ำสาว บั้นท้ายสอบๆ แข็งๆ ยังขยับในทุกท่วงท่าที่ทำให้เธอแทบขาดใจตาย
“แฮ่กๆ น้ากาย มันมาอีกแล้ว ซี้ดดดด”
“เอาสิ ระเบิดอารมณ์ของเธอออกมา โอบกอดฉันไว้แล้วจะพาไปเที่ยวสวรรค์”
มารียันผู้ไร้เดียงสายกแขนกอดเรือนร่างหนาเอาไว้ สองคนหันหน้าเข้าหากัน เธอถูกเขาจูบรุนแรงทำให้เลือดในกายเดือดพล่าน ผนังถ้ำถูกเสียดสีจากแก่นกายหนักหน่วง เธอครวญครางเสียงหลงอย่างน่าสงสาร แต่กายไม่คิดสงสาร
“เสียวดีจัง ชอบที่สุดเบบี๋ไร้ขน”
หน้าของมารียันแดงเถือก เพราะความเกลี้ยงเกลาที่โคกเนินทำให้พงขนของเขาเบียดบดนุ่มเนื้อเต็มที่ ติ่งเสียวเสียดสีกับเส้นขนหยาบหนาของเขา เธอเริ่มหายใจไม่คล่อง เหมือนอากาศจะน้อยลงเรื่อยๆ และเมื่อร่างกายเกร็งถึงขีดสุดทุกอย่างก็ระเบิดแพรวพราว
“อ๊า”
ลมหายใจของกายก็หืดหอบ เขาจับจ้องมารียันตาเป็นประกายหลังจากที่ตนระเบิดน้ำกามใส่ร่องเนื้ออุ่นๆ ของเธอแบบไม่มียั้ง
“ปัง” เสียงประตูห้องข้างๆ ปิด หน่วยตามารียันกระตุกวาบ เธอลุกขึ้นนั่งเนื้อตัวชื้นเหงื่อลืมร่างกายที่ปวดร้าวระบม
“น้ากายต้องทำสัญญากับมารี”
“สัญญา?” เขาทำหน้าสงสัย และลุกขึ้นจากเตียงเดินโทงเทงไปหยุดที่ตู้เย็น ก่อนเปิดตู้เย็นและหยิบน้ำดื่มออกมา
“น้ากายจะต้องปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ มารีไม่อยากให้ใครรู้ค่ะ”
“แล้วไง?”
“แล้วไง? คืออะไรคะ”
“แล้วจะให้ทำไงต่อ หยุดเพียงเท่านี้ หรือจะคบกันต่อไป”
“น้ากายคะ อย่าพูดเหมือนวัยรุ่นที่จะขอคบหากัน”
กายดื่มน้ำจนหมดแก้ว ตวัดตามองคนที่ทำให้เขาสูญเสียพลังงานไปมากกว่าที่คิดไว้ เขาเดินกลับมานั่งบนเตียง มารียันขยับตัวเข้าไปใกล้
“น้ากายสัญญากับมารีนะคะ จะปิดเรื่องนี้เป็นความลับ”
“ได้สิ แต่ฉันมีข้อแลกเปลี่ยน”
“อะไรหรือคะ” เธอตะครุบต้นแขนเขาอย่างดีใจที่กายรับปาก
“ในระหว่างที่เราปิดเรื่องนี้เป็นความลับ นั่นหมายถึงเรากำลังเป็นชู้กัน เธอจะต้องมาหาฉันในห้องนี้อาทิตย์ละ 3 วัน ยกเว้นเสาร์-อาทิตย์”
“ห้องนี้น่ะเหรอคะ น้ากาย นี่มันใกล้เกินไป เราไม่ควรเจอกันที่นี่”
“ฉันจะไม่นอนกับเธอที่อื่นนอกจากที่นี่ ถ้าเธอไม่ตกลง เรื่องวันนี้จะถึงหูปรีแน่นอน”
“น้ากายขู่มารี” มารียันคลานถอยห่างไปชิดขอบเตียง เธอกำลังคุยกับใคร นี่น่ะหรือน้ากาย ผู้ชายที่เธอเคยพร่ำเพ้อถึง เธอกราดมองเขาอย่างกังขา ราวกับว่าเขาเป็นคนอื่นที่ไม่เคยรู้จัก
หากแต่กายกลับยิ้มเย็น
“ไม่เคยขู่ใครเลยสักที มีแต่ทำจริงทั้งนั้น”
“ถ้ามารีไม่ตกลง”
“ก็อย่างที่บอกไปแล้ว คงไม่ต้องย้ำล่ะมั้ง”
มารียันส่ายหน้า เธอทำไม่ได้หรอก แค่วันนี้ก็เหมือนหัวใจจะหยุดเต้น ห้องติดกันแค่นี้ต้องได้ยินเสียงแน่ ขนาดเธอยังได้ยินเสียงของน้าปรีเลย แล้วมีหรือที่น้าปรีจะไม่ได้ยินยกเว้นแต่ไม่ทันฟังเท่านั้น
“เอาเป็นว่าเธอปฏิเสธ งั้นก็กลับ ฉันจะได้กลับไปนอนพักบ้าง”
เมื่อกายลุกขึ้น มารียันก็ดึงตัวตรงแทบจะไขว่คว้าเขาไว้
“ไม่” ถ้าปล่อยน้ากายกลับไปตอนนี้ คง.....
“ไม่ปฏิเสธ ถ้างั้นเงื่อนไขข้อต่อไป ก็คือ”
“อะไรคะ” ใครก็ได้ช่วยใส่สายออกซิเจนเข้าจมูกเธอหน่อย เธอกำลังหายใจไม่ออก แม้แต่น้ำเสียงก็แหบแห้งเหลือเกิน
“ห้ามนอกใจฉันเด็ดขาด”
ข้อนี้ทำเอามารียันแทบลมจับ ในขณะที่กายหันหลังให้แล้วยิ้มกว้างแบบที่เธอไม่เคยเห็น
หลังจากตกลงทำสัญญากันเรียบร้อยแล้ว มารียันก็ขอให้กายไปส่งหน้าหมู่บ้าน
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” เธอประนมมือไหว้
กายเพียงแต่พยักหน้าไม่พูดอะไร ความเงียบของเขาทำให้เธอต้องถาม
“แล้วมารีจะต้องไปหาน้ากายเมื่อไหร่คะ”
กายตวัดตานิดหน่อยแล้วหยิบกุญแจห้องส่งให้เธอ
“เก็บกุญแจห้องนั้นไว้ เมื่อไหร่ที่ฉันโทร.หาเธอ หมายถึงฉันต้องการนอนกับเธอ ไปรอที่ห้องได้เลย”
“แล้วน้าปรีจะไม่รู้หรือคะ คือหมายถึงน้าปรีจะเข้าห้องนั้นตอนที่มารีอยู่หรือเปล่า”
“คงไม่ ทำตามที่บอกก็พอ ไปได้แล้ว”
เขาไล่ มารียันก็ไม่หน้าทนขนาดจะยังนั่งบื้ออยู่ได้ เธอลงจากรถแล้วเดินเข้าหมู่บ้าน บ้านของเธออยู่เข้าไปเกือบท้ายซอย กว่าจะเดินไปถึงขอบตาของเธอก็แห้งผาก
“อ้าว หนูมารีกลับมาแล้วหรือลูก” กังสดาลแม่ของเธอทัก ในมือแม่ยังถือไม้กวาดอยู่เลย
“สวัสดีค่ะแม่”
“แล้วนั่นใส่ชุดอะไร”
เด็กสาวหน้าเสียลืมไปเลยว่าไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษาเพราะมันเปียกฝนและกระดุมก็หลุดทั้งแถว จึงยืมเสื้อจากน้ากายแต่น้ากายก็ยังไม่ใจร้ายขนาดเอาเสื้อตัวเองให้ เขาหาเสื้อผ้าของน้าปรีที่มีอยู่ในห้องนั้นมาให้เธอใส่
“มารีตากฝนค่ะ ชุดนักศึกษาก็เปียกหมด กิ๊กเลยให้ยืมชุดใส่กลับบ้าน” แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ หน้าตาเนื้อตัวร้อนวูบวาบไปหมดแล้ว
“แม่ก็ว่าอยู่ ฝนกระหน่ำลงมาหนักขนาดนั้น ดีที่อยู่ไม่งั้นคงแย่ ขึ้นห้องไปอาบน้ำสระผมก่อนเถอะลูก เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”
“ค่ะ” ดีที่แม่ไม่ติดใจสงสัยอะไร เธอรอดตัวได้อย่างหวุดหวิด
“มารีเป็นแค่เด็กธรรมดาๆ คนหนึ่งค่ะ ไม่คิดว่าจะได้รับความรักมากมายเช่นนี้ ชั่วชีวิตของมารีก็แค่หวังว่าจะได้รับความรักและความจริงใจจากใครสักคน แต่สิ่งที่มารีได้มามันมากมายเหลือเกินค่ะ มากจนพูดออกมาคงไม่หมด มารีขอบคุณทุกคนที่ทำให้มารีมีวันนี้โดยเฉพาะแม่กับน้าปรี ถ้าไม่มีทั้งสอง มารีก็คงไม่มีวันนี้ และ...” มารียันสบตาเจ้าบ่าวรูปงามของตน ก่อนกระพริบตาไล่หยาดน้ำตาให้ไหลออกมาจากหางตาเพื่อช่วยให้เธอเห็นหน้าเขาได้ถนัด “มารีขอบคุณพี่กายที่ให้โอกาส ขอบคุณที่ทำให้มารีมีความสุข ตั้งแต่คบหาดูใจกันมา พี่กายยังไม่เคยทำให้มารีเสียใจเลยค่ะ พี่กายเหมาะที่จะเป็นสามีและเป็นพ่อคนได้แล้วนะคะ มารีเชื่อว่าพี่กายจะทำได้ดีที่สุด จะดูแลมารีและลูกให้ดีที่สุดได้แน่นอนค่ะ” เธอถูกเขากอดแน่น ทุกคนลุกขึ้นปรบมือแสดงความยินดีให้กับเจ้าบ่าวเจ้าสาว กายดึงตัวออกเมื่อคิดว่าได้เวลาจะต้องลงจากเวทีแล้ว “เดี๋ยวค่ะ มารียังพูดไม่จบ” “วี๊ดวิ้ว” มีเสียงหนึ่งโห่ร้องขึ้น “มารีมีของขวัญจะมอบให้ทุกคนโดยเฉพาะคุณเจ้าบ่าวค่ะ” กายเลิกคิ้วขึ้นและ
“ครับคุณเขม คุณเก้ากับผมรู้ใจกันดี ไม่มีปัญหาหรอกครับ วันนี้คุณเขมสวยมากเลยนะครับ ไม่พาลูกๆ มาด้วยหรือครับ” “กะว่ากลับจากงานนี้จะพากันไปต่อที่อื่นครับ เลยต้องทิ้งก้างขวางคอไว้กับคนเลี้ยงที่บ้าน โอ๊ยยยย” ดนัยณุโอดครวญอีกรอบ เขมมิกายิ้มแหยๆ แก้มแดงซ่านขึ้นมาทันที “เมียจ๋า วันนี้หยิกผัวกี่ทีแล้วจำไว้ด้วยนะจ๊ะ เพราะผัวจะคิดทบต้นทบดอกเอาให้คลานลงจากเตียงเลย” พูดจบก็เอี้ยวตัวหลบวูบ เจ้าบ่าวหัวเราะสนุกสนาน นึกขอบใจเมียรักที่ทำให้เขายิ้มได้หัวเราะเป็นอย่างตอนนี้ มันมีความสุขมากเลยล่ะ “ยินดีด้วยนะครับคุณกาย” เวฆินทร์ควงคู่มากับศรีภรรยาอย่างลัดจันทร์ เธอแต่งชุดเดรสสำหรับคนท้องแก่ใกล้คลอดได้น่ารักที่สุด และสวยที่สุดรองๆ จากเจ้าสาวเลยทีเดียว “ขอบคุณครับคุณสี่ ใกล้คลอดเต็มทีแล้วสินะครับ” “เดือนนี้ล่ะครับ อีกไม่กี่วันก็คงคลอด นี่ก็เกินเวลาครบกำหนด 39 สัปดาห์ มา 5 วันแล้ว หมอว่าอยากให้คลอดเองครับ แต่เค้าน้ำยังไม่เดินสักที ถ้ามะรืนนี้น้ำไม่เดิน คงต้องปรึกษาคุณหมอแล้วล่ะครับ ผมเป็นห่วงแม่กับลูกในท้องน่ะครับ” “เด็กหัวดื้อน่ะ
มารียันครางโหย มือกดศีรษะคนรักให้แนบชิดกับร่างสวรรค์ กระดกสะโพกแนบปากที่กำลังทำรักให้เธออย่างทุรนทุราย ไม่ต้องถูกพันธนาการก็ทรมานแทบขาดใจ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร กายก็คือกายอยู่วันยังค่ำ เมื่อปลุกเร้าอารมณ์หญิงสาวให้แตกซ่าน กายก็พลิกร่างขาวให้นอนคว่ำ ประคองบั้นท้ายเอาไว้ด้วยสองมือ ใบหน้าหล่อเหลาแนบเข้าหากลีบดอกไม้ไหวอีกครั้ง “โอ้วว ซี้ดดด เสียวจังค่ะที่รัก” ปลายนิ้วถูกส่งผ่านเข้าไปในปากถ้ำ เกร็งข้อนิ้วจนแข็งแล้วกระทุ้งอยู่ในร่องกระสัน มวลแห่งความสุขเจิ่งนองจนผ้าปูที่นอนเปียกชุ่มเป็นดวงใหญ่ สายน้ำที่ไหลบ่าผ่านต้นขาที่กำลังสั่นระริก กายมองมันอย่างหิวโหยก่อนตวัดปลายลิ้นดื่มด่ำรสชาติความสาวให้อิ่มเอม “ตาฉันแล้วที่รัก ได้โปรดบอกว่าเธอรักฉันมากแค่ไหนคนเก่ง” ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอนกางขาออกกว้าง สัดส่วนความเป็นชายตั้งฉากกับลำตัวสูงใหญ่ มารียันคืบคลานอยู่กลางหว่างขา มือลูบไล้พวงสวรรค์ที่อุดมไปด้วยพงขนดกหนา “มารีรักน้ากายมากเลยค่ะ” แล้วเธอก็บอกรักเขาด้วยการกระทำ ปากเล็กๆ ช่างมีพิษสงร้ายกาจ เธอครอบครองเขาด้วยริมฝีปาก ดู
‘หึ น่าสงสาร ตลอดเวลาที่ผ่านมานาคอิจฉามันตลอด เพราะอากายชอบมัน นาครู้จากสายตาของอากาย ที่แท้...มันก็ไม่น่าอิจฉาเลยสักนิด มันน่าสมเพชมากกว่าที่มารักคนอย่างอากาย และต้องอดทนยอมให้อากายเฆี่ยนตี’ ‘หุบปากของเธอแล้วไปได้แล้ว’ เขากำลังจะทนฟังไม่ได้ เรื่องจริงแบบนี้ กายไม่ต้องการฟัง ‘อากายไม่ได้รักมัน หึ หึ เพราะถ้ารัก อากายต้องคิดถึงอนาคตมากกว่าเล่นสนุกกับมันไปวันๆ นี่ล่ะค่ะที่นาคว่ามันน่าสมเพชมากๆ’ ‘เลิกพูดเสียทีฉันไม่อยากฟัง’ ‘ถึงนาคพูด อากายก็ไม่รู้สึกอะไรหรอกค่ะ เพราะอากายไม่ปกติ อากายมีความสุขอยู่บนความเจ็บปวดของคนอื่น แต่มารียันเก่งนะคะที่ทนไหว เธอต้องพาร่างอันบอบช้ำไปเรียนพร้อมกับแบกความเจ็บปวดเจียนตายไปด้วย ยอดคนจริงๆ ทนได้ไงไม่รู้’ ‘ฤทัยนาค! ถ้าเธอไม่ออกไป ฉันจะเหวี่ยงเธอออกไปเอง’ ‘ทนฟังไม่ได้เหรอคะ ก็นาคพูดเรื่องจริง ถ้าอากายรักใครเป็น อากายจะรู้ว่าความรักมันไม่ชอบหรอกค่ะความเจ็บปวดน่ะ ต่อให้มารียันบอกว่าทนได้เพื่ออากายก็เถอะ เอาเข้าจริงวันหนึ่งก็ต้องทนไม่ไหวค่ะ ยิ่งถ้ามีลูกด้วยกัน อากายจะฟาดแส้ใส่ท้องนูนๆ ที่ม
“เธอไม่เชื่อคำพูดของฉันงั้นเหรอ” กายโวยวาย “ให้ตายสิมารี กว่าฉันจะเค้นมันออกมาจากปาก ฉันต้องเสียเวลาไปเท่าไหร่ ฉันต้องคิดต้องกลั่นกรอง และต้องแน่ใจแค่ไหนว่าสิ่งที่กำลังรู้สึกมันเรียกว่าอะไร แล้วนี่...คนที่ฉันเพิ่งจะปริปากบอกรักกลับไม่เชื่อคำพูดของฉัน”“กะ...ก็...น้ากายไม่เคยรักใครนี่คะ” เธอกระพริบตาปริบๆ“แล้วคนไม่เคยรักใคร จะต้องรักไม่เป็นตลอดไปหรือไงกันฮะ”“อะไรอ่ะ” เธอทำคอย่น ทำตาเหลือกเหมือนคนหวาดกลัว“อะไร อะไรอีกฮะ” ท่าทางของเธอทำให้เขานึกหมั่นไส้“คนบอกรักเขาต้องตะคอกใส่กันแบบนี้ด้วยหรือคะ”ปากกายขยับยุกยิกเหมือนจะพูดแต่ไม่มีเสียงดังออกมา ก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงคุกเข่า นั่นยิ่งทำให้มารียันตกใจจนก้าวถอยหลัง“มารี” กายทอดเสียงอ่อนนุ่มแบบไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำ มันดังออกมาจากใจไม่ใช่แค่ลมปาก “ฉันรักเธอนะ จะให้ฉันพูดอีกกี่ครั้งประโยคนี้ก็ยังคงความหมายเดิมไม่เปลี่ยน ความหมายที่ดังออกมาจากใจ ไม่ใช่แค่คำพูด ฉันรักเธอ เธอเป็นรักแรกของฉัน เป็นรักเดียวที่เกิดขึ้น และจะเป็นรักที่มั่นคงยั่งยืนไม่มีการเปลี่ยนแปลง” กายดึงมือของเธอมากุมไว้ รับรู้ได้ถึงความสั่นสะเทือนจากเรื
ร่างกายของเขาพยศเหมือนม้า คึกคักและสนุกสนาน ทิ่มทะลวงปั่นป่วนในร่องสวรรค์ ปลายเล็บของมารียันขูดข่วนไปทั่วเรือนกายจนแสบสัน แต่นั่นกลับยิ่งทำให้เขาคลั่งในที่สุดสายธารสีขาวขุ่นก็ฉีดพร่าง ร่างแกร่งที่ยืนพิงกระจกห้องนอนเล็กบนชั้นสองกระตุกเฮือก ความสุขหลั่งไหลท่วมท้นเพียงแค่คิดถึงเธอ เขาก็สุขได้ไม่!เขาไม่ได้ต้องการแค่ในมโนภาพ!!รถลัมโบกินี่ราคาแพงระยับเคลื่อนออกจากบ้านหลังงามในอีก 2 ชั่วโมงต่อมา รถคันงามในฝันของใครหลายคนแล่นไปบนถนนและยังไม่ทันออกพ้นหมูบ้านก็มีรถสปอร์ตสีแดงสดแล่นเข้ามา“ปี๊นๆ” รถสีแดงบีบแตรให้รถสีส้มดำกายขมวดคิ้ว ใครกันที่บีบแตรเรียกเขา รถไม่คุ้นตาสีสดใสนั่นเป็นของใครกัน“อากายคะ” ฤทัยนาคลดกระจกลงให้กายเห็น “จะไปไหนคะอากาย”หัวคิ้วของกายคลายออก หลุบตามองริมฝีปากของฤทัยนาคที่ยิ้มจนเห็นฟันซี่ขาว“จะไปไหน” เขาถามกลับไป“นาคจะมาหาอากายไงคะ”กายหลุบตาลงอีกครั้งอย่างครุ่นคิด ก่อนพยักหน้าแล้วบอกให้ฤทัยนาคขับเข้าไป ส่วนเขาก็กลับรถเพื่อนำหน้ารถอีกคันมาที่บ้าน“เข้าไปในบ้านก่อนสินาค”“อากายยังไม่บอกนาคเลยว่าจะออกไปไหนคะ”“แล้วนาคมาหาอาทำไม”ฤทัยนาคจับมือใหญ่ก่อนจะลูบขึ้นไปตามแขน