บทที่ 6
ตุลฎารับฟังการแนะนำจากธีรสิทธิ์อย่างตั้งใจ จนกระทั่งเขาพูดจบ
“ยังขาดอีกห้องนะคะ”
ชายหนุ่มนึกทบทวน ส่ายหน้าไปมาช้า ๆ “ไม่นะ พี่ว่าครบแล้วนะ”
“ไม่ครบ คิดดี ๆ สิคะ” เธอยังยืนยันคำเดิม
“นี่บ้านพี่นะ เราจะมารู้ดีกว่าพี่ได้ยังไง” ธีรสิทธิ์แสร้งต่อว่าน้องสาวของเพื่อนสนิท “ถ้าแน่จริงก็บอกมาสิว่าห้องอะไร” เขาท้าทาย
“ห้องน้ำค่ะ โอ๊ย!” หญิงสาวยกมือลูบหน้าผากป้อย ๆ
“โห! ร้องซะเว่อร์ พี่ดีดเบา ๆ เองนะ”
“เกลทำผิดอะไรคะ พี่ขันถึงตีเกลแบบนี้”
“ไม่ต้องมาทำเป็นตีหน้าเศร้าเลยนะ พี่ไม่สงสารหรอก เรือนหลังนี้มีห้องน้ำห้าห้องจ้ะ ห้องน้ำในห้องนอนทั้งสามห้อง และข้างน้ำแขกอีกสองห้อง พอใจหรือยัง”
ตุลฎาฉีกยิ้มอวดฟันขาวดังไข่มุก ส่ายหน้าไปมาเร็ว ๆ
ธีรสิทธิ์ยิ้มให้หญิงสาวด้วยความรู้สึกรักและเอ็นดู ยื่นมือไปให้เธอ
“เข้าบ้านกันดีกว่า”
“ค่ะ” หญิงสาวยื่นมือไปจับมือกับชายหนุ่ม แล้วเดินตามเขาไปติด ๆ ก้าวขึ้นบันไดไม้สามขั้นที่ฝังอยู่กับเนินหญ้าเขียวขจี
ตอนแรกที่เห็นแค่ภายนอกก็ว่าอลังการงานสร้างมากแล้ว พอเข้ามาภายในเธอถึงกับตะลึงกับการตกแต่งภายในที่ดูหรูหรา สมกับฐานะเจ้าของฟาร์มนกกระจอกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
“ชาติที่แล้วพี่ชายพี่ขันทำบุญด้วยอะไรคะ ชาตินี้ถึงได้ล่ำซำแบบนี้”
พี่จิระเคยเล่าให้ฟังว่า พ่อแม่ของพี่ขันมีที่ดินหลายร้อยไร่เป็นมรดกตกทอด แล้วพี่ชายของพี่ขันก็แบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งมาทดลองทำฟาร์มนกกระจอกเทศ แล้วค่อย ๆ ขยายกิจการจนใหญ่โต แค่สิบกว่าปีก็กลายเป็นมหาเศรษฐีระดับต้น ๆ ของเมืองไทย
ธีรสิทธิ์หัวเราะ “เห็นหน้าโหด ๆ แบบนั้นแต่ใจบุญนะจะบอกให้ บริจาคเงินให้โรงเรียน โรงพยาบาล วัด และพวกที่ประสบภัยพิบัติต่าง ๆ อยู่เสมอ คงเพราะแรงบุญมั้ง ยิ่งให้ยิ่งได้รับ”
“แบบนี้เขาเรียกว่าดูหน้าไม่รู้ใจใช่ไหมคะพี่ขัน”
“เขาเรียกว่ารู้หน้าไม่รู้ใจต่างหากล่ะ” ธีรสิทธิ์หัวเราะลั่นกับความขี้เล่นของหญิงสาว พาเธอเดินไปตามทางที่ปูด้วยไม้สัก จนมาถึงห้องใหญ่ของพี่ชาย “ห้องนี้เป็นห้องของพี่เขื่อน”
ตุลฎาดึงมือของชายหนุ่มเมื่อเห็นเขาทำท่าจะเปิดประตู
“ไม่ต้องดูก็ได้ค่ะ แค่รู้ว่าเป็นห้องของคุณเขื่อนก็พอแล้ว” เธอให้เหตุผล
“แค่ดูไม่ได้เข้าไปซะหน่อย” ชายหนุ่มเปิดประตูออกกว้าง “นี่เป็นห้องทำงานส่วนตัวของพี่เขื่อนเขา และเชื่อมต่อกับห้องนอนด้วย” เขาชี้ให้ดูประตูที่เปิดไปสู่ห้องนอน แล้วปิดประตูห้องให้สนิทตามเดิม พาเธอเดินไปดูห้องอื่นต่อ
“เกลพักอยู่ห้องนี้ก่อนนะ” เขาเปิดห้องรับรองที่ติดกับห้องใหญ่ให้เธอดู “เริ่มทำงานเมื่อไหร่ก็คงต้องย้ายไปพักที่บ้านพักคนงาน ขอโทษนะที่พี่ไม่สามารถให้เกลพักอยู่ที่นี่ได้ตลอด คือว่าพี่เขื่อนเขารักความเป็นส่วนตัวมากน่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เกลก็ไม่อยากถูกมองว่าเป็นเด็กเส้นเหมือนกัน พักรวมกับพวกคนงานสบายใจกว่า” เห็นความลำบากใจของธีรสิทธิ์ เธอก็รีบพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “แต่เกลขอใช้คอมพิวเตอร์ของพี่ขันทำงานได้ไหมคะ เพราะตอนอยู่บ้านเกลใช้โน้ตบุ๊กของพี่จิระน่ะค่ะ”
“ได้สิ แต่ของพี่เป็นพีซีนะ เกลต้องไปใช้ที่ห้องพี่ หรือถ้าเป็นช่วงกลางวันก็ใช้ของสำนักงานได้นะ” เขาไม่ค่อยได้ใช้ของพวกนี้สักเท่าไหร่ มีไว้เล่นเกมออนไลน์กับกลุ่มเพื่อนบ้างเท่านั้น
“ใช้ของพี่ขันดีกว่าเพราะเกลใช้ทำงานส่วนตัว แต่เกลไม่ได้ขอใช้ทุกวันนะคะ ขอใช้วันเว้นวัน ประมาณสองชั่วโมง พี่ขันสะดวกไหมคะ”
“ไม่มีปัญหา พี่ไม่อยู่ก็เข้าไปใช้ได้เลย พี่ถือว่าอนุญาตแล้ว งั้นไปดูห้องพี่กันดีกว่า” เขาพาเธอไปยังห้องของเขาที่อยู่ถัดไปจากห้องรับรองแขก
“ห้องของพี่ขันก็เป็นแบบห้องพี่เขื่อนเหรอคะ”
“จ้ะ แต่ห้องของพี่เขื่อนจะใหญ่กว่า ร้อนมั้ย อยากว่ายน้ำมั้ยล่ะ” เขาชี้ไปที่สระว่ายน้ำที่อยู่ใจกลางของบ้านระหว่างที่เดินผ่านไป
“นุ่งกระโจมอกเล่นได้ไหมคะ” เธอแกล้งถามเขาขณะมองไปที่สระว่ายน้ำ บ้านหลังนี้มองจากด้านนอกเหมือนปลูกอยู่บนเนินดิน ต้องเดินขึ้นบันไดมาก่อนถึงเจอระเบียง แต่สระว่ายน้ำแห่งนี้คือขุดเนินดินให้ลึกลงไป เวลาจะลงไปใช้จึงต้องเดินลงบันไดไปก่อนสามขั้นแล้วจึงเป็นพื้นที่รอบ ๆ ที่ตกแต่งไว้สวยงาม มีทั้งซุ้มและเตียงหวาย มีฝักบัวไว้ล้างตัวด้วย
“อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลย แต่ใส่กางเกงยืดขาสั้นกับสายเดี่ยวเล่นได้นะ” ถ้าเธอนุ่งกระโจมอกเล่นจริง ๆ มีหวังพี่ชายเขาต้องแยกเขี้ยว คำรามใส่ด้วยความโมโหแน่ ๆ
หญิงสาวคลี่ยิ้ม “เกลไม่เล่นหรอกค่ะ”
ธีรสิทธิ์พยักหน้ารับรู้ เปิดประตูห้องของตนออกกว้าง แล้วโค้งกายให้หญิงสาว
“ยินดีต้อนรับสู่ห้องของคนหล่อจ้ะ”
“ขอบคุณค่ะ” ตุลฎาย่อกายก่อนเดินเข้าไป
“นั่นไงคอม มาใช้ทุกวันก็ได้เพราะพี่ไม่ค่อยได้ใช้อยู่แล้ว แค่เอาไว้เล่นเกมบ้างนาน ๆ ครั้ง”
“ไม่เป็นไรค่ะ เกลทำกับโทรศัพท์ก่อนก็ได้ค่ะ ค่อยมาโหลดลงคอมทีหลัง”
“นี่เราหัดเขียนนิยายจริงๆ เหรอ” ชายหนุ่มคิดว่าเธอพูดเล่นในตอนที่เคยคุยกัน
“ค่ะ เพิ่งเริ่มทำเองค่ะพี่ขัน เพิ่งเริ่มเรื่องที่สองเองค่ะ” เธอตอบแบบเขินอายเล็กน้อย
“แล้วได้ตีพิมพ์เป็นหนังสือหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ เกลขายติดเหรียญเป็นตอน ๆ แล้วก็ทำเป็นนิยายเสียงลงช่องในยูทูบด้วยค่ะ” เธออธิบายวิธีการทำให้เขาฟัง “แต่เกลก็มีส่งหนังสือเข้าประกวดกับเว็บนิยายออนไลน์นะคะ แต่ยังไม่รู้ผลเลยค่ะ”
“ว้าว!” ธีรสิทธิ์ดีดนิ้วดังโป๊ะ “เจ๋งมากเลยน้องเกล แล้วใช้นามปากกาว่าอะไรล่ะ”
“เรื่องแรกตุลฎาค่ะ เรื่องใหม่ใช้เกลค่ะ”
“ว้าว ๆ ๆ ฟาร์มของเรากำลังจะมีนักเขียนรุ่นใหม่ไฟแรงมาร่วมงานด้วยเหรอเนี่ย”
ตุลฎาหน้าแดงด้วยความเขินอาย เมื่อเห็นอาการยินดีเกินจริงของเพื่อนสนิทพี่ชาย
“พี่ขันอย่าเพิ่งพูดไปค่ะ มันอาจจะไม่ผ่านก็ได้”
“พี่มั่นใจว่าน้องเกลต้องได้รางวัลใดรางวัลหนึ่งแน่ ๆ” ธีรสิทธิ์ชูนิ้วโป้งขึ้นทั้งสองข้าง ส่งยิ้มให้กำลังใจแด่หญิงสาว
บทที่ 9ลลิตาคุยกับคุณตำรวจสายตรวจทั้งสองนาย เสร็จแล้วจึงพารุ่นน้องไปรักษาที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจึงเดินทางจากโรงพยาบาลไปสถานีตำรวจ…“ถ้านายไปเมืองนอกแล้วน้องสาวนายล่ะ”“เกลเขาเรียนจบแล้วครับพี่กิ๊ง ตอนนี้เขาไปทำงานอยู่ที่ฟาร์มไอ้ขันครับ แล้วพี่กิ๊งล่ะครับ ตอนนี้ทำอะไรอยู่”“พี่ก็ช่วยงานที่ฟาร์มนั่นแหละ ไม่ได้ไปไหนไกล”“แล้วพี่ได้เจอไอ้ขันมันบ้างหรือเปล่าครับ” จิระรู้ว่าหญิงสาวเป็นเครือญาติกับเพื่อนสนิทของตน จึงถามออกไป“ไม่ค่อยได้เจอกันเลย” ถึงจะอยู่ที่เดียวกัน แต่มันคงเป็นเรื่องยาก ที่พี่น้องทั้งสองจะแวะเวียนมายังสถานที่ที่เธออยู่ ซึ่งเธอก็รู้ดีว่าเพราะอะไร“โชคดีจังที่รู้ว่าพี่กิ๊งอยู่ที่นั่นด้วย ผมจะบอกให้เกลแวะไปทักทายพี่บ้าง ผมก็ถือโอกาสฝากฝังให้พี่ช่วยดูแลเกลซะเลย”“ได้สิ แต่พี่ไม่รู้ว่ายังจะจำน้องสาวนายได้อยู่หรือเปล่
บทที่ 8ในห้องทำงานส่วนตัวของธีรทัศน์“นั่งสิ” เขาบอกกับหญิงสาวก่อนนั่งประจำที่ เปิดดูเอกสารการสมัครงานของเธอ ไม่ลืมมองดูวันเดือนปีเกิดในสำเนาบัตรประชาชนของเธอ ซึ่งมันก็ตรงกับของเขาจริง ๆ “จบอะไรมา”“การตลาดค่ะ”“ทำไมถึงเลือกเรียนการตลาดล่ะ”“เพราะตั้งใจจะสมัครเข้าทำงานกับที่เก่าเมื่อเรียนจบค่ะ คือหนูทำงานพาร์ตไทม์ตั้งแต่เรียนค่ะ” เธออธิบายให้เขาเข้าใจมากขึ้น“แล้วทำไมถึงเลือกมาทำที่นี่ล่ะ”“พี่ชายต้องไปทำงานที่สิงคโปร์ค่ะ ก็เลยให้มาทำงานกับพี่ขันก่อนจนกว่าเขาจะกลับมา”“แค่นั้นเองเหรอ”คำถามของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวต้องมองหน้าเขาอย่างสงสัย แต่ก็พยักหน้าตอบรับ“ค่ะ”“ไม่จริงมั้ง”“อะไรเหรอคะ” ทำไมเขาต้องยิ้มและมองเธอแบบนั้นด้วย“เปล่า ฉันจะให้หนูทดลองงานก่อนสี่เดือน สี่
บทที่ 7เช้าตรู่วันใหม่ตุลฎาหยิบโทรศัพท์มือถือมากดปิดเสียงนาฬิกาปลุก รีบลุกจากที่นอนไปล้างหน้าล้างตา แล้วเดินออกจากห้องเพื่อไปทำความสะอาดเรือนพญาหลังนี้.. เมื่อวานตอนที่พี่ขันพาชมบ้าน เธอจำได้ว่าหลังห้องครัวมีห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดอยู่“อกอีแป้นแตก!” ละม่อมอุทานด้วยความตกใจสุดขีด เมื่อจะเอ๋กับสาวสวยที่หน้าห้องครัวพอดิบพอดี“ป้าเป็นอะไรไหมคะ” ตุลฎารีบเข้าไปประคองสตรีสูงวัย ที่ทำท่าเหมือนจะเป็นลม“ไม่เป็นไร ๆ”“หนูขอโทษค่ะป้า” เธอยกมือไหว้แล้วชี้ไปที่ด้านหลังของครัว “หนูแค่จะเดินไปหยิบไม้กวาดกับที่ตักขยะที่ห้องเก็บของ หนูไม่รู้ว่ามีคนอยู่”ละม่อมยกมือรับไหว้จากเด็กสาว “แล้วหนูเป็นใครจ๊ะ มาอยู่ที่เรือนนี้ได้ยังไง”“หนูชื่อเกลค่ะ เป็นน้องสาวของเพื่อนพี่ขัน มาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ หนูจะมาทำงานที่นี่ชั่วคราว ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะป้า”“อ๋อ ป้าชื่อละม่อมนะ เรียกป้าม่อมก็ได้”“ค่ะป้าม่อม ป้าทำงานอยู่ที่นี่เหรอคะ ทำไมเมื่อวานหนูไม่เห็นป้าล่ะ” หญิงสาวถามด้วยความสงสัย“ป้าไม่ได้พักอยู่ที่นี่หรอก มีหน้าที่แค่มาทำอาหารเช้า และปัดกวาดเช็ดถูเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนทำความสะอาดใหญ่จะมีคนอื
บทที่ 6ตุลฎารับฟังการแนะนำจากธีรสิทธิ์อย่างตั้งใจ จนกระทั่งเขาพูดจบ“ยังขาดอีกห้องนะคะ”ชายหนุ่มนึกทบทวน ส่ายหน้าไปมาช้า ๆ “ไม่นะ พี่ว่าครบแล้วนะ”“ไม่ครบ คิดดี ๆ สิคะ” เธอยังยืนยันคำเดิม“นี่บ้านพี่นะ เราจะมารู้ดีกว่าพี่ได้ยังไง” ธีรสิทธิ์แสร้งต่อว่าน้องสาวของเพื่อนสนิท “ถ้าแน่จริงก็บอกมาสิว่าห้องอะไร” เขาท้าทาย“ห้องน้ำค่ะ โอ๊ย!” หญิงสาวยกมือลูบหน้าผากป้อย ๆ“โห! ร้องซะเว่อร์ พี่ดีดเบา ๆ เองนะ”“เกลทำผิดอะไรคะ พี่ขันถึงตีเกลแบบนี้”“ไม่ต้องมาทำเป็นตีหน้าเศร้าเลยนะ พี่ไม่สงสารหรอก เรือนหลังนี้มีห้องน้ำห้าห้องจ้ะ ห้องน้ำในห้องนอนทั้งสามห้อง และข้างน้ำแขกอีกสองห้อง พอใจหรือยัง”ตุลฎาฉีกยิ้มอวดฟันขาวดังไข่มุก ส่ายหน้าไปมาเร็ว ๆธีรสิทธิ์ยิ้มให้หญิงสาวด้วยความรู้สึกรักและเอ็นดู ยื่นมือไปให้เธอ“เข้าบ้านกันดีกว่า”“ค่ะ” หญิงสาวยื่นมือไปจับมือกับชายหนุ่ม แล้วเดินตามเขาไปติด ๆ ก้าวขึ้นบันไดไม้สามขั้นที่ฝังอยู่กับเนินหญ้าเขียวขจีตอนแรกที่เห็นแค่ภายนอกก็ว่าอลังการงานสร้างมากแล้ว พอเข้ามาภายในเธอถึงกับตะลึงกับการตกแต่งภายในที่ดูหรูหรา สมกับฐานะเจ้าของฟาร์มนกกระจอกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย“ชา
บทที่ 5ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาจิระกดปุ่มปิดท้ายรถยนต์คันหรูของเพื่อนสนิท เมื่อเอากระเป๋าสัมภาระของน้องสาวใส่เข้าไปแล้ว“ขัน ฉันฝากดูแลเกลแทนฉันด้วยนะ”“ฉันจะดูแลน้องเกลอย่างดี ไม่ต้องห่วงหรอกน่า” ธีรสิทธิ์ยื่นมือไปขยี้ศีรษะของหญิงสาวด้วยความเอ็นดู“อยู่กับพี่เขาทำตัวให้ดี ๆ ล่ะ กลับจากสิงคโปร์แล้วพี่จะไปรับ” จิระบอกกับน้องสาว“จ้ะ” หญิงสาวรับคำน้ำตาคลอเบ้า“พอกันทั้งพี่ทั้งน้อง” ธีรสิทธิ์ส่ายหน้า เมื่อเห็นเพื่อนสนิทเริ่มมีอาการแบบเดียวกับน้องสาวประโยคที่บุคคลทั้งสามคุยกันที่ท้ายรถ ธีรทัศน์ได้ยินเต็มสองรูหู แต่เขาก็เพียงแค่รับฟังและนั่งรออย่างสงบอยู่ที่เดิม ไม่นานพวกเขาก็มาขึ้นรถ ยกเว้นจิระ“ผมฝากน้องสาวผมด้วยนะครับพี่เขื่อน ถ้าเธอทำอะไรไม่ถูกใจพี่ หรือทำให้พี่โมโห พี่โทรมาด่าผมได้เลยนะครับ ผมยอมให้พี่ด่าได้เต็มที่ แต่พี่อย่าด่าเกลเลยนะครับ เพราะเธอเป็นคนอ่อนไหวเกินไป เธอคงรับเหตุการณ์แบบนั้นไม่ไหว” จิระฝากฝังน้องสาวกับพี่ชายของเพื่อนอีกคน“ฉันไม่ด่าคนเพื่อใช้ระบายอารมณ์หรอกนะไอ้น้องชาย ฉันมีวิธีระบายอารมณ์ที่ดีกว่านั้นเยอะ” นั่นก็คือการพาขึ้นเตียง เขาคิดต่อในใจ“ไม่ต้องห่วงน่า พี่ชายฉัน
บทที่ 4ธีรทัศน์หันไปมองน้องชายที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถ เมื่อเขาเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่ลานหน้าวัดแห่งหนึ่ง แทนที่จะเป็นหน้าบ้านของเพื่อน“เพื่อนแกบวชเป็นพระ น้องเขาเป็นชีหรือไงไอ้ขัน” เขาแกล้งแซว“เพื่อนผมอยู่หลังวัด เข้าทางนี้ง่ายกว่า ไม่งั้นก็ต้องขับเข้าซอยหลังวัด แล้วเดินเท้าเข้าซอยเล็ก ๆ ไปอีกหน่อย มันก็เลยนัดให้เจอกันที่นี่ เดี๋ยวมันจะขี่มอเตอร์ไซค์พาน้องสาวมาหาเราเอง” ธีรสิทธิ์อธิบาย“เพื่อนแกนี่มันจงใจยัดเยียดน้องสาวให้แกหรือเปล่าวะไอ้ขัน” แปดในสิบเขามั่นใจว่าคิดถูก“ปากพี่นี่ร้ายยิ่งกว่าปากผู้หญิงอีกรู้ตัวหรือเปล่า ผมบอกแล้วไงว่าระหว่างผมกับน้องเกล เป็นได้แค่พี่กับน้องเท่านั้น”“ฉันรู้ว่านายเป็นคนดี ไม่กินไก่วัด” ชายหนุ่มประชดใส่หน้าน้องชายที่เป็นคนเจ้าชู้เงียบ ไม่เหมือนเขาที่ชอบเปิดเผย ถ้าสนใจก็แสดงออกไปเลย“พี่ก็ไม่กินไก่วัดเหมือนกันแหละ”สองพี่น้องหนุ่มหล่อคนละขั้ว ต่างรู้ความหมายของประโยคเปรียบเปรยนี้ดี“ฉันไม่ชอบเลี้ยงไก่ สู้ไปซื้อกินดีกว่า อยากกินพาสต้าหรือว่าสลัดก็เลือกได้”ธีรสิทธิ์ค้อนใส่พี่ชายเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขารออยู่ประมาณสิบนาทียังไม่เห็นเพื่อนสนิทพาน้องส