ช่วงเช้าของวันถัดมา ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบของบ้านหลังใหญ่ ในห้องทำงานสีทึบของผู้เป็นเจ้าของบ้านวัยหกสิบห้าปี กลับปรากฏร่างของชายวัยกลางคนถึงสองคน
คนหนึ่งคือลูกชายคนโต อีกคนคือลูกชายคนเล็ก คนเป็นน้องมีสีหน้าติดจะไม่พอใจ ส่วนคนพี่มีอย่างเดียวคือสีหน้าจริงจังจนกดดันคนอื่นๆ
และใช่ สองหนุ่มที่ว่านั่นคือสิงหราชกับเหมราช สองพี่น้องของบ้านเลิศวัฒนทรัพย์
"พี่ก็มีเลขาอยู่แล้ว ยังคิดมาเอาตัวเลขาของผมอีกเหรอ รู้ไหม ถ้าไม่มีคุณเจ้าผมก็แย่ดิ" เหมราชกล่าวอย่างไม่ยินยอมเมื่อพี่ชายเอ่ยขอเลขาของเขาให้ไปช่วยงานเจ้าตัวเป็นการชั่วคราว
ขอที่ไหนไม่ขอ ดันมาพูดต่อหน้าพ่ออีกต่างหาก
"ก็แลกกับเลขาฉันไง ไม่ได้ขโมยเลขาแกมาเปล่าๆ ซะหน่อย อีกอย่างก็แลกกันไม่นาน เข้าใจไหมว่าชั่วคราวน่ะ จะเล่นใหญ่ทำเพื่อ?"
"เอ้า แล้วเรื่องอะไรผมต้องเสียคนเก่งๆ ไปให้พี่ด้วยล่ะ คนเก่งคนดีแถมไม่คิดปีนเตียงเจ้านายแบบคุณเจ้า หาได้อีกที่ไหน คนก่อนๆ นั่นนอกจากทำงานไม่ดีวันๆ ยังเอาแต่อ่อย กว่าผมจะได้เลขาคนนี้มาก็เลือดตาแทบกระเด็น"
สิงหราชขมวดคิ้ว เขารู้ว่าเลขาของน้องชายทำงานได้ดีมาก เก่งพอๆ กับเลขาส่วนตัวของเขาเลยก็ว่าได้ แต่ในเมื่อเขาเองก็ยอมแลกเปลี่ยนกับเลขาของตัวเอง ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าน้องชายจะยังยืนกรานอย่างนี้ ดูเหมือนเลขาเจ้าจันทร์คนนั้นจะมีอะไรดีๆ อีกเยอะเลยสิท่า
ถ้าอย่างนั้นมันก็ยิ่งคุ้มที่เขาจะดึงตัวมา ได้ทั้งงานทั้งความแน่ใจว่าเธอจะไม่ปากโป้งเรื่องความลับของเขา คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม
"ผมต้องแย่งกับบริษัทคู่แข่งตั้งเท่าไหร่กว่าจะทำให้เลขาเจ้าเลือกมาทำงานกับเรา กว่าจะทำให้เธอยอมรับในความสามารถของผมในฐานะเจ้านายได้ก็ไม่ง่ายเลยนะพี่ คนนี้ผมไม่แลกแน่ๆ อะ พี่ไปหาคนอื่นเถอะ"
"พอ ๆ หยุดกันเลย ฉันนั่งฟังพวกแกเถียงกันมานานแล้ว ไหน...ทำไมแกต้องมาไล่บี้น้องเพราะเลขาคนเดียวด้วย เลขาแกก็ใช่จะไม่มีฝีมือ แล้วจะต้องแลกกันให้วุ่นวายไปทำไม"
คราวนี้แม้แต่ผู้เป็นพ่อก็ยังเห็นด้วยกับเหมราช
สิงหราชดูออกว่าอดีตท่านประธานไม่เห็นด้วย แต่แล้วอย่างไรเล่า เขาควรยอมง่าย ๆ หรือ
มุมปากของชายหนุ่มยกยิ้มเมื่อสมองอันชาญฉลาดขบคิดหาข้อเสนอดีๆ ได้สำเร็จ เขามั่นใจว่าตัวเขาจะต้องได้คุณเลขาคนนั้นมาทำงานด้วยแน่ ๆ ไม่ว่าอย่างไรทั้งพ่อและน้องชายก็ต้องยอมรับเหตุผลนี้
"อันที่จริงช่วงนี้เลขามือซ้ายของผมชักจะไม่ค่อยได้เรื่อง ผมเลยตั้งใจจะลดให้ไปอยู่ตำแหน่งที่ต่ำกว่าเดิมเพื่อกระตุ้นกันสักหน่อย แล้วผมก็อยากได้เลขาไอ้เหมเพราะเธอดูจะทำหน้าที่ได้ดี การดึงเธอขึ้นมาจึงเป็นการให้โอกาสเธอได้เพิ่มประสบการณ์การทำงาน"
"อ้าว งั้นพี่ก็จงใจโยนคนไม่ได้เรื่องลงมาให้ผมอ่ะดิ"
กับเรื่องนี้สิงหราชก็มีทางออกรออยู่แล้วเช่นกัน
เขามั่นใจว่าทั้งคู่คงมีข้อมูลอยู่ในมือ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องไม่น้อย เพราะเป็นโครงการที่ได้ทั้งเงินได้ทั้งชื่อเสียงและเครดิตดี ๆ นั่นไงล่ะ หากพูดไปแล้วไม่ว่าใครก็ต้องยอมลงให้เขาทั้งนั้น
"ฉันไม่ได้จะให้เธอลงไปคนเดียวซะหน่อย นี่ก็จะให้ผู้ช่วยเลขามือขวาไปช่วยแกด้วย ไม่กระทบกับงานของแกหรอกน่ะ อีกอย่าง มันก็แค่ชั่วคราวไหม แกก็รู้ว่าช่วงนี้ต้องแข่งกันประมูลโครงการรัฐบาล ฉันอยากมั่นใจว่าเราจะคว้าโปรเจกต์นี้ได้สำเร็จ เพราะมันเกี่ยวพันไปถึงโปรเจกต์ต่อไปด้วย"
เหมราชฟังแล้วก็เกิดลังเล งานส่วนของเขาในช่วงนี้ไม่มีอะไรสำคัญมากมายนักหรอก แค่จัดการงานเก่า ๆ ที่ดีลไว้ให้เรียบร้อยก็ใช้ได้แล้ว
แต่โปรเจกต์สำคัญที่อยู่ในมือพี่ชายต่างหากที่มันสร้างกำไรมหาศาลให้กับบริษัท และเมื่อพูดถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับมาแล้ว มันก็คุ้มค่ามากจริง ๆ กับการยอมให้เลขาของเขาไปช่วยงานพี่ชายเป็นการชั่วคราว
"พ่อเห็นว่ายังไงครับ"
"น่าสนใจ แต่ยังไม่พอ"
ผู้เป็นบิดาตอบกลับนิ่ง ๆ เหมราชอ้าปากค้างไปแล้วที่ท่านประธานใหญ่ยังไม่พอใจกับข้อเสนอนี้
กำไรตั้งมากตั้งมายยังไม่มากพอให้ตกลงอีกหรือ ขนาดเขาที่เป็นเจ้านายของเลขาเจ้าจันทร์ยังยอมตกลงในใจไปแล้วเลย
"เรื่องผลประโยชน์ก็ส่วนผลประโยชน์ แต่ภาพลักษณ์ก็สำคัญไม่แพ้กันไม่ใช่รึไง แกกล้ารับปากไหมล่ะเจ้าเล ว่าจะสร้างภาพลักษณ์ของตัวเองขึ้นมาใหม่ ข่าวคาว ๆ ทั้งหลายนับจากนี้อย่าให้มีเล็ดลอดมาถึงหูฉัน เรื่องเวลาทำงานก็ด้วย เลิกเข้าครึ่งวันลาครึ่งวัน เลิกไอ้นิสัยทำงานตามอารมณ์ของแกซะด้วย"
"ผมเข้างานครึ่งวันก็จริง แต่ก็ไม่เคยทำให้เสียงานไม่ใช่รึไงครับ ผมไม่โอเคถ้าพ่อจะมาจำกัดกันแบบนี้" สิงหราชกล่าวด้วยน้ำเสียงที่บอกชัดว่าเขาไม่พอใจกับข้อเสนอของอดีตท่านประธาน
เรื่องควงผู้หญิงยังพอว่า แต่เรื่องมาจำกัดเวลาการทำงานนี่มันไม่ไหวจริง ๆ
"เออ...แกอาจจะเก่ง อาจจะทำงานได้ดี แต่ถ้าแม้แต่ซีอีโอยังเข้างานไม่เป็นเวลา ลอยไปลอยมาแบบนี้ คิดไหมว่าพนักงานจะมองยังไง ถ้าทุกคนคิดแบบแกกันหมด จะมีพนักงานคนไหนมาทำงานบ้าง ไม่ทำงานอยู่ที่บ้านกันหมดหรอกเหรอ"
"…"
"อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแกเพิ่งจะยกเลิกดีลงานเพราะไม่ชอบขี้หน้าประธานบริษัทฝ่ายนั้น"
คำพูดนี้ของพ่อทำเอาสิงหราชถอนใจเฮือก ไม่มีเรื่องใดพ้นหูพ้นตาไปได้เลยหรือไงกัน
"จริงอยู่ในวงการธุรกิจมันอาจหลีกเลี่ยงการมีศัตรูคู่แข่งไม่ได้ แต่มันก็ไม่จำเป็นที่แกจะต้องสร้างศัตรูไปทั่ว ข้อเสนอของฉันถ้าแกรับไม่ได้ก็ไม่ต้องมาคุยกันอีก จะไม่มีการแลกตัวใครทั้งนั้น"
ถูกยื่นคำขาดมาเสียขนาดนั้น สิงหราชก็ได้แต่เก็บความขุ่นเคืองใจเอาไว้
ที่จริงเขาก็อยากเถียงอยู่หรอกว่าบริษัทมันมาได้ไกลขนาดนี้ก็เพราะการทำงานของเขาทั้งนั้น ที่ผ่านมาก็ทำกำไรเพิ่มขึ้นทุกปี เพิ่มยิ่งกว่าตอนที่พ่อของเขาบริหารอยู่เสียอีก
ทั้งที่บริษัทเติบโตได้ดีและไม่เคยมีปัญหาจากเรื่องการทำงานไม่เป็นเวลาของตัวเขา เท่านั้นก็น่าจะมากพอให้บิดาพอใจแล้วแท้ๆ
เฮ้อ...
เถียงออกไปในตอนนี้ก็คงมีแต่ทะเลาะกันเสียเปล่า ๆ แลกกับเลขาฝีมือดีที่สามารถดึงตัวมาใช้งานได้จนกว่าจะจบโปรเจกต์ เขาจะยอมตามเกมพ่อตัวเองไปก่อนก็ได้!
"ตกลงครับ" เขาตอบอย่างคิดมาดีแล้ว "ผมจะเข้าทำงานเป็นเวลา ส่วนเรื่องอื่นไม่ขอรับปาก เพราะผมมองไม่เห็นประโยชน์ที่จะต้องฝืนร่วมงานกับคนที่ไม่ชอบขี้หน้า"
"แกนี่นะ"
คนเป็นพ่อหน้าตึงขึ้นมาเลยเชียว
"อย่าพึ่งโมโหสิครับ ที่ผมพูดมานี่พ่อลองคิดตามดูก็ได้ คนอย่างผมมีความสามารถพอที่จะหาบริษัทอื่นที่มีประสิทธิภาพมาร่วมงานได้ดีกว่าอยู่แล้ว ผมถอยให้แล้วก้าวหนึ่ง พ่อก็ถอยให้ผมสักก้าวแล้วกัน"
"..."
คำพูดมัดมือชกของลูกชายตัวดีไม่อาจทำให้คนเป็นพ่อค้านได้อีก นอกเสียจากยอมถอยหนึ่งก้าวอย่างที่ไอ้ลูกตัวแสบมันต้องการ
"อย่าดีแต่ปากก็แล้วกัน" อดีตประธานบริษัทว่าทิ้งท้ายก่อนจะเดินหนีอย่างสุดจะปวดหัวกับเรื่องบ้า ๆ ของลูกชาย
คู่รักกำลังจะหยอกล้อกันบนเตียงอีกสักหน่อย ริมฝีปากกำลังจะสัมผัสกันอยู่แล้วเชียวถ้าไม่มีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้น มันคือเสียงโทรศัพท์มือถือของสิงหราชที่แผดเสียงดังอยู่ไม่ไกล จนเขาทนหัวเสียไม่ไหวยื่นมือไปคว้ามากดรับสาย โดยที่เจ้าจันทร์ก็ยังนั่งนิ่งอยู่ในอ้อมแขน รับฟังปลายสายไปพร้อมๆ กันเมื่อเขากดสปีกเกอร์โฟน "ไง มีอะไร" "โอ้โห ถามมาได้ พี่ให้พ่อโยนวีกรุ๊ปมาให้ผมดูแลใช่ไหม ฝีมือพี่ใช่ไหมวะ!" ปลายสายคือเหมราชที่โวยวายกลับมา "อ่า ใช่ ถ้าแกไม่ชอบก็ปฏิเสธไปสิ" สิงหราชบอกไปอย่างไม่ทุกข์ร้อน เจ้าจันทร์เองก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ท่าทางน่ารักของเธอทำเอาสีหราชหมันเขี้ยวก้มหน้าลงมาหอมไปอีกฟอดใหญ่ "ปฏิเสธบ้าอะไรล่ะ พ่อยอมที่ไหน อีกอย่าง ผมอยากทำเกี่ยวกับอุปกรณ์กีฬามาตั้งนานพี่ก็รู้ พี่แม่ง ไม่บอกกันล่วงหน้าบ้างเลย คุณเจ้าอีกคน ก็นึกว่าจะควบรวมกิจการเฉย ๆ ใครจะรู้ว่าจะยกให้ผมวะ" "อ้าว ๆ นี่ตกลงชอบหรือไม่ชอบกันแน่วะ งงแล้วนะโว้ย" "ชอบ แต่ไม่ชอบที่พี่ไม่บอกก่อนไงวะ!" "ฮ่าๆ ไอ้บ้านี่" สิงหราชหัวเราะใส่น้องชาย เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมันจะบอกชอบอะไรเลยที่เขาหยิบยื่นให้ "ถูกใจก็ดีแล้วไง ทีนี้ก็
เจ้าจันทร์มองคนเสนอความตื่นเต้นอย่างนึกสนุก ใครกันแน่ที่ร้ายปากเขาบอกยอมลงให้เธอ แต่สุดท้ายราชสีห์ก็ร้ายอยู่ดี แต่ก็เอาเถอะ ไม่ว่าครั้งนี้ หรือครั้งไหน ๆ เธอก็จะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่อยู่เหนือเขา ก็เขาบอกเองนี่ อยากอยู่ใต้เท้าเธอ มันก็ต้องเป็นเช่นนั้นตลอดไป "ยิ้มอะไรครับ ไม่อยากเห็นผมเจ็บเหรอ" "เปล่าค่ะ แค่กำลังคิดว่าจะข่วนให้เลือดซิบตรงส่วนไหนดีต่างหากล่ะ" "ฮ้าาา...ร้ายไม่เบา" "ก็มีแฟนเจ้าเล่ห์อย่างคุณ เจ้าก็ต้องเป็นยิ่งกว่าสิคะ" "ฮ่าๆๆ ผมชอบคุณจัง" "ไม่เอาค่ะ คุณต้องรักเจ้าให้มากกว่าชอบสิ" สิงหราชยกมุมปากขึ้นยิ้ม ก่อนจะจับมือของเธอมาวางลงที่แผงอก เขากดนิ้วเธอที่มีเล็บยาวๆ ลงกลางร่องอกของตัวเอง เจ้าจันทร์มองการกระทำนั้นอย่างพอใจ แฟนของเธอมีมุมดิบเถื่อนเช่นนี้ด้วยเหรอ ความแบบนี้ก็ไม่บอก "อ่าส์...คุณเจ้า เล็บคุณทำผมเสียวจัง" ยิ่งเขาพูดแบบนั้น เจ้าจันทร์ก็ยิ่งสนุก คราวนี้เป็นเธอเองที่กดปลายเล็บลากยาวไปบนแผงอกกว้าง ก่อนกดลึกเรื่อยลงมาถึงหน้าท้อง ร่างบางถอยต่ำลง เพื่อให้นิ้วลากไปถึงจุดหมาย เธออยากจะกดปลายเล็บลงกลางรูเล็กๆ นั่นเหลือเกิน "ซี้ดดด...ที่รัก" สิงหราชครางออกมาทันทีท
เจ้าจันทร์กลับมาถึงห้องพักในคอนโดมิเนียมที่สิงหราชเป็นเจ้าของ เปิดประตูเข้าไปได้ไม่ทันไรก็ได้กลิ่นหอมของครีมอาบน้ำแบรนด์หรูลอยฟุ้งไปทั่วห้อง อาาา...แฟนของเธอน่ารักเสมอ เขารู้ว่าเธอชอบกลิ่นนี้ถึงได้อาบน้ำรอไว้ก่อนเลย หญิงสาวยิ้มหวานพลางสูดดมกลิ่นหอมๆ นั้นจนชุ่มปอด ก่อนเดินเข้าไปยังห้องนอน แล้วพบสีหราชเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี "กลับมาแล้วเหรอกระต่ายน้อยของผม" ถึงจะจั๊กจี้กับคำเรียกแทนตัวแบบนั้น แต่เจ้าจันทร์ก็ยิ้มแก้มแทบปริรีบโผกายเข้าสวมกอดเขาแน่นจะว่าไป เป็นกระต่ายน้อยในอ้อมกอดราชสีห์ก็ถือว่าโอเคนะ อย่างน้อยก็ได้เปลี่ยนบทบาทมาอ่อนแอดูบ้าง ก็เธอน่ะ เพิ่งฟาดฟันกับวิสาลีนีมาหมาด ๆ หมดพลังเปลื้องน้ำลายไปเยอะเชียวกว่าอีกฝ่ายจะยอมสงบปากสงบคำอยู่ในที่ของตัวเอง อีกอย่าง เธอเองก็อยากได้กอดอุ่นๆ มาเติมกำลังใจสักหน่อย เพราะเรื่องนี้มันคงไม่จบลงง่าย ๆ แค่นี้ ในเมื่อวิลาสินียังมีหุ้นเหลืออยู่ยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ คงไม่ต้องบอกเลยว่าการประชุมบอร์ดบริหารรอบหน้าจะมีการเปลี่ยนตำแหน่งภายในกันอย่างไรบ้าง แม้การจะเปลี่ยนก็ยังต้องฟังผลโหวตในที่ประชุมอีกครั้งอยู่ดี แต่ใครจะสนกันล่ะอีกไม่กี่วันนี้คนร
เจ้าจันทร์นึกสงสารอีกฝ่ายอยู่บ้างเช่นกัน แต่พอนึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้เคยตั้งใจอ่อยสิงหราช ตั้งใจแบล็กเมล์คนรักของเธอ เจ้าจันทร์ก็แทบไม่หลงเหลือความเห็นใจอะไรอีก ในตอนนั้นถ้าปล่อยให้วิลาสินีทำสำเร็จ ก็คงเป็นแอลกรุ๊ปนั่นแหละที่จะต้องเดือดร้อนเสียหาย ถึงเวลานั้นความสงสารจะช่วยอะไรได้ คนเราไม่ได้กินความสงสารเป็นอาหารสักหน่อย ในเมื่อเงินก่อตั้งและเงินหมุนเวียนในบริษัทนี้ก็มาจากสามีของวิลาสินีมาตั้งแต่ต้น กับคนที่วัน ๆ เอาแต่วางท่าเป็นนางพญา ชูคอว่าเป็นเจ้าของบริษัทแต่กลับไม่เคยบริหารอย่างจริงจัง คนแบบวิลาสินีมองอย่างไรก็ไม่เป็นประโยชน์ต่อบริษัทเลยสักนิด สู้จ้างคนเก่ง ๆ มานั่งบริหารยังจะเข้าท่ากว่า "คุณสิงหราชไม่รู้เรื่องนี้หรอกค่ะ ส่วนคนที่ช่วยฉันคุณต้องไม่เชื่อแน่ว่าเป็นใคร" เจ้าจันทร์ยกยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงดวงตา "บังเอิญจังเลยนะคะที่ฉันรู้จักคนค่อนข้างเยอะ ทีแรกก็ไม่มั่นใจหรอกว่าวิลาสินีที่ว่าจะใช่คุณหรือเปล่า แต่พอสืบไปสืบมานิดเดียวก็ได้รู้ความจริงเข้าจนได้" "เลิกอ้อมค้อมซะที! รีบ ๆ บอกมาซะ ฉันจะไปเล่นงานมัน ฉันไม่เอามันไว้แน่!" "คนคนนี้เขาก็รอคุณอยู่เหมือนกันค่ะ คุณจำ
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงถัดมาสิงหราชก็นั่งเซ็นสัญญากับวิลาสินี เขาได้หุ้นสิบห้าเปอร์เซ็นต์พร้อมกับแผนงานดี ๆ ที่คนรักของเขาเตรียมไว้ให้ เซ็นไปยิ้มไปไม่ได้สนใจสีหน้าอมทุกข์ของวิลาสินีเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อทางนั้นเองก็ใช่วิธีสกปรก คิดจะแบล็กเมล์เขา ถ้าอย่างนั้นเจ้าตัวก็ควรรู้ไว้ด้วยว่า กล้าที่จะทำผิดก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมาให้ได้ ในเมื่อวิลาสินีมีโอกาสแต่ดันทำพลาดไปแล้ว ต่อไปก็ลองเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบดูบ้าง ให้เหมือนกับตอนที่เธอคิดทำลายคนอื่นนั่นแหละ "ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ คุณวิลาสินี" สีหราชกล่าวทั้งใบหน้าประดับรอยยิ้ม "หวังว่าต่อไปนี้คุณจะรู้ว่าควรวางตัวยังไง อยู่รอรับผลประโยชน์อย่างเงียบๆ แล้วทุกอย่างจะดีเอง" "คุณ…หมายความว่ายังไง" "ผมก็แค่พูดเผื่อเอาไว้ คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอครับ ว่าแฟนของผมค่อนข้างที่จะ…กัดไม่ปล่อย คนเก่ง ๆ แบบนั้นอาจจะไม่หยุดแค่นี้ก็ได้นะครับ" "คุณ! นี่พวกคุณรวมกันทำอะไร หรือว่าพวกคุณคิดจะผิดข้อตกลง คุณจะแฉฉันใช่ไหม!" เห็นท่าทีราวกับคนจิตตกของวิลาสินีแล้วสิงหราชก็ได้แต่ส่ายหน้า ไม่รู้ว่าโดนเจ้าจันทร์ขู่อะไรไปบ้าง เพราะตอนนั้นเขาเองก็ฟังไม่ได้ชัดทุกคำ แต่ดูไปแล้
ในเช้าวันนี้ สิงหราชได้รับรายงานจากเลขาบอกว่า วิลาสินียอมขายหุ้นให้กับเขา ทั้งยังมีแผนงานใหม่ที่น่าสนใจส่งแนบท้ายมาด้วย การที่อยู่ ๆ วิลาสินียอมอย่างง่ายดายเช่นนี้ สำหรับสิงหราชแล้ว เขาไม่แปลกใจใด ๆ เหตุผลนั้นมีแค่ข้อเดียว... เหตุผลที่ทำให้เขาอึ้งจนพูดไม่ออกเมื่อได้เห็นมันด้วยตาตนเอง ชายหนุ่มบิดมุมปากขึ้นยิ้ม วันนี้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษเมื่อนึกไปถึงเรื่องเมื่อวาน อาาา... ไม่ใช่เรื่องที่เขาจับเจ้าจันทร์แอบแซ่บในห้องทำงานหรอก หากแต่เป็นเรื่องอื่นที่ดีมากไปกว่านั้นมากกว่า ไม่คิดเลย...ว่าเขาจะเจอเพชรแท้ ไม่คิดอีกล่ะ...ว่าเขาจะโชคดีมากขนาดนี้ สิงหราชนั่งทำงานอย่างสบายอารมณ์ รออยู่เกือบครึ่งวันข้อมูลทุกอย่างก็ถูกส่งเข้ามาที่อีเมล์ส่วนตัว เขาไล่เปิดอ่านทั้งหมด รอยยิ้มแห่งชัยชนะปรากฎขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาคนรักของเขาที่คงจะทำงานอยู่ที่ห้อง เจ้าจันทร์รับสายเขาในทันทีก่อนจะทักทายกลับมาเสียงใส "คุณเจ้า ขึ้นมาหาผมหน่อยสิ พอดีมีเรื่องด่วน อยากให้คุณช่วยดูอะไรหน่อย" สิงหราชวางสายลงหลังจากปลายสายตอบกลับมา เขาอดยิ้มไม่ได้เมื่อได้อ่านข้อความในเอกสารนั่นอีก