Share

บทที่ 5

Penulis: SnailW
last update Terakhir Diperbarui: 2025-08-26 16:43:16

ตอนที่ 5

จนกระทั่งวันที่สิบห้าของการเดินทาง ขบวนขนส่งสินค้าก็ได้มาถึงเมืองหลวง เฉิงเข่อซิงที่นั่งอยู่ภายในรถม้าคันเล็กก็แหวกม่านออกมาดูความครึกครื้นของเมืองหลวงด้วยความสนอกสนใจ

ที่นี่ต่างจากเมืองอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าหรือว่าผู้คนภายในเมือง ร้านค้ามากมายเรียงรายอยู่เต็มทั้งสองฟากของถนน เหล่าผู้คนภายในเมืองล้วนแต่งกายด้วยชุดผ้าไหมราคาแพงทั้งสิ้น แม้แต่ขอทานก็ไม่มีให้ได้เห็น

ขบวนของสินค้ามาหยุดอยู่ที่ถนนเส้นหนึ่ง ด้านหน้าประตูมีป้ายเขียนไว้ขนาดใหญ่ว่า สำนักคุ้มภัยอู่เฉวียน

“พวกเราถึงแล้ว” ผู้คุ้มกันคนหนึ่งเดินมาที่รถม้าของพวกนางก่อนจะกล่าวขึ้น

เฉิงเข่อซิงและกู้ฟ่านถานจึงรีบเก็บสัมภาระของตนเองและลงมาจากรถม้าทันที ชายที่เป็นผู้คุ้มกันมองมาที่ทั้งสองด้วยสายตาเวทนา

เรียกได้ว่าเป็นเพราะความบกพร่องของการคุ้มกันของสำนักคุ้มภัยพวกเขา จึงทำให้เด็กสาวทั้งสองสูญเสียคนในครอบครัวไป ไม่รู้ว่าทางการและทางสำนักคุ้มภัยจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร

“พวกเราส่งพวกเจ้าได้เพียงเท่านี้ ต่อจากนี้รักษาตัวด้วย”

“ขอบคุณท่านน้า/ขอบคุณนายท่าน”

จากนั้นเด็กทั้งสองคนก็แยกตัวออกไปทันที โดยมีสายตาของเหล่าผู้คุ้มกันมองส่งตามหลังทั้งสองไป

ความคึกคักของเมืองหลวงเรียกความสนใจของทั้งสองไปได้มาก เฉิงเข่อซิงมักจะหยุดดูสิ่งต่างๆ ที่นางไม่เคยพบเห็นมาก่อนอย่างสนอกสนใจ ในตอนนั้นเองที่นางเห็นชายกลุ่มหนึ่งสวมชุดมือปราบกำลังนั่งทานอาหารอยู่ข้างทาง

“พี่ชาย ข้าขอถามทางท่านได้หรือไม่?”

เหล่ามือปราบที่กำลังพักกลางวันอยู่หันมองเด็กสาวทั้งสองคนด้วยความสงสัย ก่อนจะมีมือปราบคนหนึ่งที่หน้าตาดูเป็นมิตรมากที่สุดกล่าวขึ้นกับนาง

“เด็กน้อย เจ้าหลงทางกับพ่อแม่อย่างนั้นหรือ?” แม้จะถามออกไปเช่นนั้น แต่หากดูจากชุดที่เด็กทั้งสองสวมใส่ เหล่ามือปราบก็คาดเดาว่า พวกนางอาจจะเป็นลูกๆ ของชาวบ้านที่เข้ามาขายของในตัวเมืองและพลัดหลงก็เป็นได้

เฉิงเข่อซิงส่ายหน้า

“ข้าอยากถามท่านว่า ท่านพอจะรู้จักจวนของท่านแม่ทัพหรือไม่เจ้าคะ?"

คำถามของเด็กสาว ทำเอาเหล่ามือปราบที่กำลังกินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ถึงกับชะงักนิ่งทันที

“เจ้าหมายถึงแม่ทัพคนใดเล่า?” ที่เมืองหลวงแห่งนี้มีจวนแม่ทัพอยู่ถึงสี่จวน นางหมายถึงจวนใดกัน?

“จวนแม่ทัพเฉิงป๋อเหวิน!!!”

แกร๊กก

ชื่อที่เด็กสาวเอ่ยออกมา ทำเอาตะเกียบในมือพวกเขาหล่นพื้น

เด็กสาวผู้นี้ไปกินดีหมีหัวใจเสือที่ใดมากันหนอ ถึงกล้าเรียกชื่อเต็มๆ ของแม่ทัพปราบตะวันตกได้เต็มปากถึงเพียงนั้น

ท่าทีของพวกเขาทำให้เฉิงเข่อซิงรู้สึกฉงนเป็นอย่างมาก หรือพวกเขาไม่รู้จักแม่ทัพเฉิงกันนะ?

“ยัยหนู จะ.. เจ้าจะไปที่จวนท่านแม่ทัพเพราะเหตุใด?”

“ข้ามาหาคนเจ้าค่ะ บิดาของข้าอยู่ที่จวนแห่งนั้น” เพราะนางต้องการมาหาบิดาจริงๆ และไม่ได้เป็นความลับแต่อย่างใด นางจึงบอกแก่อีกฝ่ายไปด้วยความสัตย์จริง

เหล่ามือปราบที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู็สึกโล่งอกมากขึ้น

บิดาของนางคงเป็นบ่าวรับใช้ หรือไม่ก็ทหารคนใดคนหนึ่งที่อยู่ที่จวนท่านแม่ทัพ การที่เด็กสาวคนหนึ่งเดินทางมาหาบิดาเช่นนี้ อาจเป็นเพราะที่บ้านคงเกิดเรื่องแน่ๆ

มือปราบผู้หนึ่งจึงยอมบอกทางไปจวนแม่ทัพให้แก่เด็กๆ ทั้งสอง

เฉิงเข่อซิงพยายามจดจำในสิ่งที่อีกฝ่ายบอก ก่อนจะขอบคุณพวกเขาและแยกตัวออกไปตามทางที่อีกฝ่ายได้บอกไว้

แต่เมืองหลวงแคว้นชางนั้นกว้างใหญ่ยิ่ง กว่าเด็กทั้งสองจะหาประตูจวนแม่ทัพพบ ตะวันก็แทบจะตกดินเข้าเสียแล้ว

กู้ฟ่านถานที่เดินตามน้องสาวมาตั้งแต่ต้นเงยหน้ามองประตูบานใหญ่ด้านหน้าด้วยสีหน้าตื่นตะลึงเล็กน้อย พวกนางเดินผ่านจวนขุนนางมามากมาย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นประตูบานใหญ่ถึงเพียงนี้

ด้านหน้าประตูยังมีหินแกะสลักรูปพยัคฆ์สองตัวตั้งอยู่ ทำให้จวนแห่งนี้ดูน่ากลัวและน่าเกรงขามกว่าจวนขุนนางที่ผ่านมาหลายเท่า รวมถึงป้ายชื่อที่ด้านบนประตูนั้นอีก แม้นางจะอ่านไม่ออก แต่ดูก็รู้ว่าเจ้าของจวนแห่งนี้จะต้องไม่ใช่ขุนนางธรรมดาอย่างแน่นอน

จวนแม่ทัพปราบตะวันตก

เฉิงเข่อซิงมองป้ายอักษรที่เขียนไว้ด้านบนประตู

เป็นที่นี่ไม่ผิดแน่!

“ที่นี่เป็นจวนท่านแม่ทัพปราบตะวันตก ไสหัวไป!!” ทหารคนหนึ่งที่เห็นเด็กสองคนหยุดอยู่ที่ด้านหน้าประตูจวนตั้งนานแล้วไม่ยอมไปไหน จึงรีบตวาดไล่

กู้ฟ่านถานที่ถูกอีกฝ่ายตวาดใส่ก็ตกใจ รีบดึงแขนน้องสาวของตนเองให้ออกห่าง เพราะกลัวว่านายทหารสองคนด้านหน้าจะลงมือทำร้ายพวกนาง

“ท่านน้า ข้ามาพบท่านแม่ทัพเฉิง” เฉิงเข่อซิงไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวแต่อย่างใด ตรงกันข้าม นางกลับยิ้มอย่างดีใจที่ในที่สุดก็ได้เดินทางมาถึงที่นี่เสียที

“ช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง เจ้าคิดว่าท่านแม่ทัพเป็นผู้ใด ถึงจะยอมลดตัวออกมาหาเจ้า!!” นายทหารอีกคนเริ่มดุด่าเด็กสาวทั้งสอง เพราะคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กขอทานที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ริอ่านอยากพบท่านแม่ทัพของพวกตน

เฉิงเข่อซิงรู้อยู่แล้วว่าการจะได้เข้าพบบิดาไม่ใช่เรื่องง่าย นางเองก็ได้เตรียมตัวเรื่องนี้มาแล้วเช่นกัน

เด็กสาวใช้มือล้วงเข้าไปเอาสิ่งของบางอย่างที่อยู่ภายในอกเสื้อออกมา ก่อนจะยื่นไปให้ทหารยามอีกฝ่าย

“ท่านช่วยนำสิ่งนี้ไปมอบให้ท่านแม่ทัพได้หรือไม่ หากท่านแม่ทัพเห็นอาจจะยอมออกมาพบข้าก็ได้”

เด็กสาวยื่นปิ่นไม้อันหนึ่งส่งให้อีกฝ่าย ทหารยามก้มมองปิ่นไม้ราคาถูกตรงหน้าด้วยแววตาดูถูก

“เจ้าคิดว่าปิ่นไม้ราคาถูกเช่นนี้จะเป็นของท่านแม่ทัพอย่างนั้นหรือ ออกไป!!ไสหัวไปได้แล้ว” นายทหารคนหนึ่งปัดมือน้อยๆ ที่ยื่นปิ่นไม้มาให้ ทำให้ปิ่นไม้ในมือของเด็กสาวหล่นลงที่พื้น

เฉิงเข่อซิงตกใจอย่างยิ่ง รีบก้มลงไปเก็บปิ่นไม้ของท่านแม่ของนางขึ้นมาสำรวจมามีตรงไหนเสียหายหรือไม่ เมื่อเห็นว่าที่ปลายปิ่นมีรอยร้าวเล็กน้อย ดวงตาของนางเบิกกว้าง ก่อนจะมองไปที่ทหารยามผู้นั้นด้วยสายตาเอาเรื่อง

“มีเรื่องอะไรกัน”

ขณะที่เฉิงเข่อซิงกำลังมีอารมณ์คุกรุ่นอยู่นั้น เสียงกล่าวถามของใครบางคนก็ดังมาจากทางด้านหลัง ทำให้นายทหารสองคนรีบทำความเคารพอีกฝ่ายทันที

“คารวะนายท่านรอง”

ชายสวมอาภรณ์สีขาวตลอดทั้งร่างก้าวลงมาจากรถม้า คำว่านายท่านรองทำให้เฉิงเข่อซิงหันไปมองอีกฝ่ายด้วยความสนใจ

เฉิงเจ๋อเจาที่พึ่งเดินทางกลับมาถึงจวนก็เลิกคิ้วสูงด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นว่าที่ด้านหน้าจวนของเขาเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น และดูเหมือนว่าเรื่องที่เกิดขึ้น จะมาจากเด็กน้อยสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้

“เกิดอะไรขึ้น?”

“เรียนนายท่านรอง เด็กขอทานทั้งสองคนนี้มาก่อกวนที่ด้านหน้าจวนเล็กน้อย ข้าน้อยกำลังจะไล่ออกไปขอรับ”

เพราะกลัวความผิดที่ไม่รีบจัดการปัญหาให้เรียบร้อย นายทหารคนหนึ่งจึงรีบรายงานทันที พร้อมกับโยนความผิดมาให้เด็กสาวทั้งสอง

เฉิงเจ๋อเจามองมายังเด็กสาว เขากลับรู้สึกสะดุดเด็กสาวตัวเล็กกว่าเป็นพิเศษ คล้ายกับว่านางมีส่วนหน้าตาคล้ายใครบางคนที่เขาเคยรู้จักยิ่ง

“เด็กน้อย เจ้ามีเรื่องเดือดร้อนอะไรอย่างนั้นหรือ?”

การที่เด็กชาวบ้านมาวุ่นวายอยู่แถวจวนขุนนางเช่นนี้ ย่อมต้องมีเหตุผลเป็นแน่

แต่คำตอบของเด็กสาวตรงหน้ากลับผิดจากการคาดการณ์ของเขาอย่างสิ้นเชิง

“ข้าต้องการพบท่านแม่ทัพเฉิงป๋อเหวินเจ้าค่ะ” เด็กสาวที่ตัวเล็กกว่าเป็นฝ่ายตอบขึ้น ทำให้สีหน้าของเฉิงเจ๋อเจาเย็นชาขึ้นหลายส่วน

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าการจะพบหน้าแม่ทัพใหญ่นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หากไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายแล้วละก็ อาจถูกโทษโบยสามสิบไม้โดยไม่มีข้อยกเว้น”

เฉิงเข่อซิงที่ได้ยินคำพูดข่มขู่ของอีกฝ่ายก็หาได้มีท่าทีเกรงกลัวแม้แต่น้อย มือเล็กๆ ยื่นบางอย่างออกไปให้อีกฝ่ายก่อนจะกล่าวขึ้น

“รบกวนท่านช่วยมอบสิ่งนี้ให้ท่านแม่ทัพดูด้วยเจ้าค่ะ หากท่านแม่ทัพได้เห็นสิ่งนี้แล้วไม่อยากพบหน้าข้า ข้ายินดีรับโทษโบยสามสิบไม้แต่โดยดี”

ปิ่นไม้แกะสลักที่ตกลงพื้นเมื่อครู่ถูกยื่นให้อีกฝ่ายอีกครั้ง เฉิงเข่อซิงทำได้เพียงเดิมพันกับสิ่งนี้เท่านั้น เพราะมันเป็นของที่ดูไร้ค่าเพียงสิ่งเดียวที่ท่านแม่ของนางรักและทนุถนอมมันเป็นอย่างมาก

นางคาดเดาว่ามันอาจเป็นสิ่งของที่ท่านพ่อมอบให้แก่ท่านแม่เอาไว้ก็เป็นได้

เฉิงเจ๋อเจามองปิ่นไม้ในมือเพียงเล็กน้อย ความสนใจของเขาไม่ได้อยู่ที่มัน แต่กลับเป็นแววตาที่เด็ดเดี่ยวของเด็กสาวตรงหน้านั่นมากกว่า

“พานางเข้าไปรอที่ห้องโถงด้านใน” เขาสั่งคนของตนเอง ก่อนจะก้าวเข้าไปด้านในจวนและมุ่งหน้าไปที่เรือนของพี่ชายตนเอง

……………………………….

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ท่านพ่อ...ข้าคือบุตรสาวของท่าน   บทที่ 267

    ตอนพิเศษ 18 เนี่ยหงเฉินประคองเนี่ยอิงก้าวผ่านธรณีประตูของโรงเตี๊ยมอย่างเงียบงัน แสงตะเกียงภายในสาดแสงอบอุ่นตัดกับความมืดเย็นภายนอก ยามไฮ่ได้ล่วงเลยไปนานแล้ว เมื่อทั้งสองก้าวขึ้นสู่ชั้นสอง ประตูห้องพักห้องหนึ่งกลับเปิดออกก่อนจะถึงห้องของพวกเขาเสียอีกเนี่ยฉีเย่าเป็นคนแรกที่ก้าวออกมายืนพิงกรอบประตู

  • ท่านพ่อ...ข้าคือบุตรสาวของท่าน   บทที่ 266

    หรือข้าตามรอยผิด? หรือว่านาง…รู้ตัวว่าถูกตาม?แต่ก่อนที่เขาจะถอยเท้ากลับ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในความเงียบ เบามากจนแทบกลืนไปกับเสียงสายลมเสียงหายใจเนี่ยหงเฉินหันขวับ ดวงตาคมปลาบกวาดมองไปทางผนังไม้ด้านหนึ่งที่ดูหนากว่าจุดอื่นเพียงเล็กน้อยเขาก้าวเข้าไปใกล้อย่างเงียบเชียบ ยกมือแตะบนผิวไม้ แล้วออกแรงผลั

  • ท่านพ่อ...ข้าคือบุตรสาวของท่าน   บทที่ 265

    ตอนพิเศษ 17ช่วงบ่ายคล้อยเวลาผ่านไปหลายชั่วยามแล้ว แต่ศิษย์ที่ออกไปตามหาเนี่ยอิงกลับยังไม่กลับมารายงาน บรรยากาศที่ท่าเรือแม้จะเต็มไปด้วยผู้คนและความคึกคักตามประสาเมืองท่า ทว่าในสายตาของกลุ่มคนจากหุบเขาหมื่นบุปผา กลับมีเพียงความเงียบวังเวงที่แผ่คลุมเนี่ยหงเฉินยืนมองแม่น้ำหลงเหอที่ทอดไกลออกไปสุดสายต

  • ท่านพ่อ...ข้าคือบุตรสาวของท่าน   บทที่ 264

    “เหตุใดเจ้ามาอยู่ที่นี่?” เนี่ยอิงมองคนตรงหน้าด้วยสายตาไม่เข้าใจ เนี่ยฉีเย่าหันกลับมามองเนี่ยอิง พร้อมกับยกยิ้มมุมปากแต่เนี่ยอิงกลับไม่เข้าใจ ก่อนจะหันไปมองคนของตนที่มาส่งข่าว สายข่าวที่ไปรายงานเนี่ยอิงเมื่อครู่ต่างก้มหน้าลงกันเป็นแถวๆ เป็นเพราะนี่คือคำสั่งของท่านอาวุโสสาม พวกเขาจึงขัดคำสั่งไม่ได

  • ท่านพ่อ...ข้าคือบุตรสาวของท่าน   บทที่ 263

    ตอนพิเศษ 16“ข้าต้องการห้องชั้นบนทั้งหมด” อู่เยียนสวินเอ่ยเสียงเรียบ พลางส่งสายตาให้ศิษย์คนสนิทจัดการขนสัมภาระเนี่ยเข่อซิงอุ้มเสวี่ยหานไว้แนบอก ส่วนเสวี่ยหรูก็หลับสนิทอยู่ในวงแขนของอู่เยียนสวิน เด็กน้อยทั้งสองไม่ไหวติงแม้เสียงล้อเกวียนจะหยุดลงอย่างกะทันหัน“เด็ก ๆ ยังไม่ตื่นเลย” นางกระซิบเบา ๆ พลาง

  • ท่านพ่อ...ข้าคือบุตรสาวของท่าน   บทที่ 262

    ตอนพิเศษ 15“พี่สาว!!”เสียงใสของเด็กชายวัยแตกหนุ่มดังกังวานไปทั่วสวน ท่ามกลางเสียงหัวเราะของผู้ใหญ่และเสียงกรี๊ดกร๊าดของเด็กเล็กที่วิ่งเล่นอย่างสนุกสนานร่างเด็กชายวัยสิบสามในชุดฝึกยุทธสีน้ำเงินเข้มวิ่งปราดเข้ามาด้วยความเร็ว ใบหน้ายังมีเค้าเด็ก ทว่าเริ่มเห็นเค้าโครงของชายหนุ่ม โหนกแก้มและกรามเริ่มช

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status