/ รักโบราณ / ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ / บทที่ 7 เดินทางถึงเมืองหลวง

공유

บทที่ 7 เดินทางถึงเมืองหลวง

last update 최신 업데이트: 2025-11-06 13:57:33

          หลังจากเดินทางมาแรมเดือน ในที่สุดทั้งสองก็มาถึงประตูเมืองจนได้ เซียวอันหนิงมองกำแพงสูงใหญ่ปิดกั้นสายตาจากด้านนอก มันสูงมากเสียจนต่อให้ยืนบนต้นไม้ตอนนี้ก็ยังไม่สามารถมองเห็นด้านในได้เสียด้วยซ้ำ ประตูเมืองทำด้วยไม้แผ่นใหญ่สองบานปิดเข้าหากัน ด้านหน้ามีทหารยามเฝ้า คอยดูแลคนเข้าออกในแต่ละวันอย่างเคร่งครัด ได้อ่านคำว่าเมืองหลวงมาเป็นร้อยเป็นพันครั้งผ่านหนังสือ ครั้นมาเห็นกับตากลับรู้สึกมิธรรมดา ดูยิ่งใหญ่อลังการ คนโบราณช่างเก่งกาจเสียจริงที่สร้าง สถานที่ใหญ่โตเช่นนี้ออกมาได้โดยใช้เพียงกำลังคนเพียงอย่างเดียว

          ทั้งสองรีบเดินเข้าไปเพื่อทำเรื่องขอเข้าเมือง ใช้เวลาพักใหญ่จึงเรียบร้อย เมื่อได้ตราประทับรับรองมายืนอยู่พร้อมกับคนอื่น ๆ ซึ่งรอเข้าเมืองเช่นกัน ทันใดนั้นเองก็ได้มีเสียงคล้ายกับไม้ขนาดใหญ่เสียดสีกันอย่างเชื่องช้า ประตูบานใหญ่ค่อย ๆ อ้าออกจากกันจนเห็นพื้นที่ด้านหลังประตู ภาพที่ทั้งสองเห็นคือผู้คนซึ่งคึกคักอย่างมาก มีผู้คนพลุกถล่านรวมไปถึงร้านค้ามากมาย ด้านนอกดูทุรกันดารพอสมควรหากแต่ภายในกลับไม่ใช่เลย เห็นได้ชัดว่านอกประตูเมืองกับในประตูเมืองมันช่างต่างกันเสียมากมาย มันปิดซ่อนสีสันของเมืองหลวงไว้ได้อย่างมิดชิดทีเดียว ผู้คนที่นี่ล้วนแต่แต่งตัวงดงาม นางรู้สึกตื่นเต้นที่ได้มาพบเห็นของจริงมิได้ผ่านตัวอักษรหรือจอภาพเช่นในโลกเดิม ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มาเห็นภาพเช่นนี้กับตาตัวเอง เคยดูแต่ในซีรีส์เท่านั้น ใครเล่าจะไปนึกฝันว่าจะได้มาเห็นบ้านเมืองในยุคสมัยอันล่วงเลยมาหลายพันปีแบบนี้

          “ท่านอาจารย์ ข้าหิวมาก เราหาอะไรกินกันก่อนเถอะ ข้าเลี้ยงเอง”

          นางพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง จะไม่ให้ร่าเริงได้อย่างไร การเดินทางที่ผ่านมาช่างยากลำบากนักสำหรับคนที่อยู่ในศตวรรษที่ 21 อย่างนาง อยู่โลกเดิมอยากไปไหนแค่นั่งรถไฟฟ้าก็ไปถึงที่หมายแล้ว ช้าที่สุดอย่างไรก็ไม่เกินสองชั่วโมง นี่ปะไร เดินทางเข้าเมืองนั้นไปเมืองนี้แต่ละหนเดินทีใช้เวลาเดินทางเนิ่นนานนัก

          หากมีโอกาสได้กลับไป เขียนหนังสือขายสักเล่มคงรวยไปแล้ว นางบอกได้ด้วยซ้ำว่าในป่ายุคโบราณมีอันตรายซุกซ่อนมากมายเพียงไหน โชคดีว่าเจออาจารย์ ไม่อย่างนั้นคงโดนปาดคอสิ้นชื่อไปนานแล้ว แต่ที่น่าเจ็บใจที่ต้องมารู้ในภายหลัง ว่ามีทางที่ทางการทำไว้ทอดยาวไปแต่ละเมืองแต่ท่านอาจารย์ของนางกลับพาเดินลัดเลาะเขาเสียอย่างนั้น

          เซียวเหวินหรี่ตามองลูกศิษย์สาวพลางส่ายหัวกับความอวดรวยของนาง ทว่าตั้งแต่ร่วมเดินทางมาก็ทำให้รู้ว่านางมิได้พูดไปอย่างนั้นหากแต่สามารถจ่ายให้ได้จริง ๆ

          หลังจากมองซ้ายขวากันท่าทางสอดส่องเรียบร้อย ศิษย์สาวอาจารย์ชราจึงพากันเดินไปตามท้องถนนอันคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย ที่นี่โรงเตี๊ยมกระทั่งโรงน้ำชานั้นหาได้ง่ายอย่างมากไม่เหมือนหมู่บ้านชนบทซึ่งต้องเข้าตรอกนั้นออกซอยนี้ถึงจะเจอสักที่ อีกทั้งราคายังหลากหลายให้เลือกสรรไม่ต้องจำทนนอนไปอย่างนั้น หลายคราวทีเดียวที่นางจ่ายเงินแล้วรู้สึกเสียดาย นอนก็ไม่สบายซ้ำร้ายยังปวดหลัง นับว่าโชคดีที่มาถึงเมืองหลวงก่อนสติจะหลุดลอยไป นางกับเซียวเหวินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเหลาอาหารแห่งหนึ่งถูกสร้างจากไม้ทั้งหลัง ด้านล่างเอาไว้รับรองลูกค้าส่วนชั้นสองเอาไว้สำหรับพักผ่อนหรือผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว เซียวอันหนิงมองแล้วคิดว่าเลือกนั่งชั้นล่างคงดีกว่าเพราะอย่างไรเสียก็ยังอยากเดินดูที่พักดี ๆ อีกสักหน่อย

          นางเหลือบตามองท่านอาจารย์ หลังจากรอนแรมด้วยกันมาแรมเดือนก็เริ่มคิดว่าควรบอกเขาเรื่องมิติวิเศษหรือไม่เนื่องจากเวลาหยิบจับสิ่งใดออกมาใช้จะได้สะดวก เข้ามิตินานแค่ไหนก็ย่อมทำได้หากเขารับรู้ ทว่านางกลับลังเลใจทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเซียวเหวินเองก็เป็นคนดี สร้างความปวดหัวสารพัดในระหว่างเดินทาง ก็ยังเอ็นดูนางเช่นบุตรหลานเช่นเดิม

          หญิงสาวถอนหายใจท่าทางเคร่งเครียด หรือนางควรบอกไปว่าได้รับอุบัติเหตุจนสลบไป ระหว่างนั้นมีท่านเทพมามอบมิติวิเศษให้ บอกว่านางยังไม่สิ้นอายุขัยจงเพียรสร้างกรรมดี อีกทั้งในมิติวิเศษนั้นมีแต่ยากับสมุนไพรเพื่อให้นำไปช่วยผู้อื่นสะสมบุญ ครั้นถึงคราวตายจะได้กลายเป็นเซียน...

          นี่มันเยี่ยมมาก! ฮ่า ๆ นางนี่ฉลาดจริง ๆ อย่างไรคนที่นี่ล้วนเชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษไปจนถึงเทพเซียนที่ไม่รู้ว่ามีอยู่จริงรึไม่ การใช้ข้ออ้างนี้ย่อมฟังขึ้นอย่างแน่นอนเพราะนางสามารถเอาของมาจากมิติวิเศษเพื่อยืนยันได้

          เซียวเหวินเห็นลูกศิษย์นั่งเหม่อลอย คงไม่แคล้วคิดเรื่องไร้สาระจึงกระแอมไอเรียกสตินาง “จะกินอะไรก็สั่งเสีย นั่งเหม่อลอยถึงเพียงนี้จะได้กินเมื่อใดกัน”

          เซียวอันหนิงสะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันไปสั่งอาหารทันที เมื่อสั่งเรียบร้อยจึงหันมายิ้มเอาใจท่านอาจารย์ “แฮะ ๆ ข้าคิดอะไรเพลินไปหน่อยเจ้าค่ะ”

          หลังจากสั่งอาหารขึ้นชื่อในร้านไปสี่อย่าง รอไม่นานมันก็ถูกนำมาวางเรียงรายบนโต๊ะ ส่งกลิ่นยั่วความหิวเสียจริง นางตาโตเล็กน้อย ไม่คิดว่ายุคสมัยโบราณจะทำอาหารได้น่ากินถึงเพียงนี้

          จานแรกเป็นปลาที่บั้งเป็นลูกเต๋าราด้วยน้ำซอส โรยหน้าด้วยผัก รวม ๆ แล้วให้ความรู้สึกเหมือนปลาสามรสในโลกก่อนของนาง ในขณะที่อีกสามจานยากต่อการระบุสัญชาติทว่าก็ดูน่าอร่อยเช่นกัน

          เซียวเหวินเห็นนางพิรี้พิไรไม่แตะสิ่งใดสักทีจึงพูดขึ้นมาบ้าง “รีบกินสิ จ้องอยู่ได้ หิวมิใช่หรือ?”

          “เจ้าค่ะ กินแล้วเจ้าค่ะ”

          ทั้งคู่นั่งทานอาหารกันอย่างไม่เร่งรีบ จนกระทั่งอิ่มจึงลุกพากันไปเดินหาโรงเตี๊ยมสำหรับพักในค่ำคืนนี้ ทว่าโดยที่ไม่รู้ตัว ชั้นสองของเหลาอาหารมีชายรูปงามสองคนกำลังปรึกษาเจรจาเรื่องต่าง ๆ กันอย่างเคร่งเครียด หลี่จิ้งหาน และ เซี่ยจิ้งหยวน ทั้งคู่คบค้าสมาคมคบเป็นสหายกันตั้งแต่ยังเยาว์ ตอนนี้กำลังสนทนาเรื่องลอบค้าเกลือเถื่อน

          “เจ้าได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร”

          หลี่จิ้งหานตอบไปตามตรง สถานการณ์ตอนนั้นไม่มีเวลากระทั่งมารู้สึกเจ็บเสียด้วยซ้ำ “จากที่ข้าติดตามไปจนถึงหมู่บ้านติดชายแดน ระหว่างกำลังเข้าไปเก็บหลักฐาน พวกมันก็รู้ตัวเสียก่อนจึงส่งนักฆ่ามาเพื่อสังหารข้าคราแรกคิดว่าต้านไหวทว่ามีหลายคนเกินไป สุดท้ายจึงพลาดท่าโดนทำร้ายไปเสียหลายแผล”

          เขาเว้นวรรคอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจเล่าเรื่องผู้มีพระคุณซึ่งช่วยเหลือจนรอดพ้นมือยมบาล ไม่ต้องเร่งรีบไปดื่มน้ำแกงยายเมิ่งเสียตั้งแต่ยังหนุ่ม นับว่าสวรรค์ยังไม่ทอดทิ้งนัก ทางเซี่ยจิ้งหยวนฟังแล้วก็นึกขอบคุณสวรรค์ หากไม่มีหมอใจบุญผ่านมา เห็นทีหลี่จิ้งหานคงสิ้นชื่อไปเสียแล้ว

          “แล้วตอนนี้เจ้าได้หลักฐานอะไรมาบ้างเล่า เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเสียขนาดนั้น มิได้อันใดกลับมาคงน่าเสียดาย”

          “ได้แน่นอน เพียงแต่ยังมิแน่ใจนักว่าต้องหาเพิ่มอีกเท่าใด หลักฐานกระจัดกระจายไปคนละทาง ทุกทางล้วนอันตรายยิ่ง ตอนนี้มีเพียงรายชื่อขุนนางเกี่ยวข้องหลายฝ่าย เอาไว้ให้แน่ใจกว่านี้คงได้ข้อสรุปว่ามีผู้ใดบ้าง”

          “ข้าได้ข่าวมาว่าหมู่บ้านตงซานซึ่งห่างจากเมืองหลวงไปไม่ไกลเริ่มมีโรคประหลาดเกิดขึ้น ทำให้มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก ตอนนี้กราบทูลฝ่าบาทไปแล้ว เห็นว่าจะส่งองค์ชายหกไปดูโรคระบาดที่เกิดขึ้นจากการที่มีน้ำท่วมครั้งก่อน มิรู้ว่าจะควบคุมโรคได้สำเร็จรึไม่

          เชี่ยจิ้งหยวน เป็นบุรุษรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าโดดเด่น คิ้วเข้ม ดวงตาทรงยาวมีลักษณะแววตานิ่งเงียบเรียบเฉยราวผิวน้ำยามไร้หินกระทบทว่าในขณะเดียวกันก็เป็นดวงตาเมื่อมองนานไปยิ่งมีเสน่ห์ล้นหลาม ภายในเมืองหลวงอันกว้างใหญ่ถือว่ามีความงามเป็นรองเพียง หลี่จิ้งหาน เท่านั้น เขามิเคยแลสตรีใดเนื่องจากมีใจปฏิพัทธ์แก่สหายผู้นี้ รักนี้เป็นรักข้างเดียวอีกฝ่ายหาได้รับรู้ ทว่าความลับนี้หากได้เอ่ยออกไปแม้คำว่าสหายก็คงพังทลายลงไปด้วยจึงต้องกดไว้ให้ลึกลงไปเพียงเท่านั้น

          ส่วนที่สามารถมาสนิทกับหลี่จิ้งหานได้ก็ด้วยเพราะตนเป็นหัวหน้าองรักษ์ของวังหลวง มักได้รับงานสำคัญทำร่วมกับอีกฝ่ายเสมอ ประกอบกับรู้จักกันมาเสียแต่ยังเยาว์ ความสัมพันธ์ในฐานะสหายจึงเหนียวแน่นอย่างมาก

          หลี่จิ้งหานคิดตาม ข่าวนี้มีที่มาเบาบางราวกับว่ายังไม่ได้รับการประกันว่าจะเกิดขึ้นจริง ดังนั้นกลุ่มคนที่รู้จึงเป็นเพียงกลุ่มเล็ก ๆ “ข้าก็พอได้ยินข่าวมาบ้าง” ไม่นานนักเขาพลันถอนหายใจออกมา เนื่องจากสนทนามาเนิ่นนาน ตอนนี้ควรแยกย้ายเสียที “วันนี้ข้าออกมานานแล้ว คงต้องกลับจวนก่อน หากมีข่าวเพิ่มเติมจงมาแจ้งข้าด้วยเผื่อเป็นหลักฐานเพิ่มเติมจะได้จบคดีนี้เสียที”

이 책을.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ   บทที่45 คุณชายน้อยหลี่ฮ่าวเหวินกับคุณหนูหลี่จินฮวา (จบบริบูรณ์)

    ภายในจวนตระกูลหลี่ บัดนี้เกิดความวุ่นวาย บ่าวไพร่ในจวนวิ่งเข้าออกเรือนฮูหยินน้อย นางปวดท้องคลอดตั้งแต่ก่อนรุ่งสาง หมอทำคลอดถูกตามมาถึงสามคน พวกเขากำลังพยายามทำคลอดให้ฮูหยินน้อยด้วยความระมัดระวัง รู้ดีว่าห้ามเกิดความผิดพลาดโดยเด็ดขาด หากฮูหยินน้อยเป็นอะไรไป ทั้งสามชีวิตคงได้ปลิดปลิวตามไปด้วยอย่างแน่นอน “ฮูหยินท่านเบ่งอีกนิดเจ้าค่ะ” ร่างอุ้ยอ้ายกลั้นใจกดความเจ็บปวด เพิ่มลมหายใจเพื่อออกแรงจะคลอดให้ได้ ไม่คิดว่าการคลอดจะเจ็บปวดแทบขาดใจเช่นนี้ เหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้า เสียงหวานกรีดร้องด้วยความรู้สึกเจ็บปวดเป็นระลอกยามมีการบีบตัวของช่องท้องและช่องคลอดจึงต้องผ่อนลมหายใจเป็นระยะ บ่าวในจวนวิ่งยกน้ำ คอยเอายาต้มมาเปลี่ยน เตรียมยกน้ำแกงนกพิราบเพื่อให้ฮูหยินน้อยซดจะได้มีเรี่ยวแรง หลี่จิ้งหานเดินไปมาด้วยความกังวล เสียงภรรยาร้องด้วยความเจ็บปวดดังหลายชั่วยามทำให้เจ็บปวดใจ นึกโทษตัวเองอย่างมากว่าไม่น่าคิดมีบุตรเลย ถ้าย้อนเวลาไปได้จะไม่ให้ภรรยาตั้งครรภ์โดยเด็ดขาด หลี่ลี่ฮวาก็ไม่ต่างกัน นางเป็นห่วงสหาย ด้วยยุคนี้ความเจริญทางการแพทย์ต่ำมาก สตรีเสียชีวิตจากการตั้งครร

  • ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ   บทที่44 ว่าด้วยเรื่องเจ้าก้อนแป้ง

    ภายในเรือนตอนนี้มีร่างของฮูหยินน้อยนอนทอดกายซีดเซียวอยู่ ด้วยอาเจียนมาตลอดหลายวันจึงต้องตามหมอมาดูอาการว่าเจ็บป่วบหรือไม่ เซียวอันหนิงรู้สึกว่าอาจตั้งครรภ์ก็เป็นได้ ประจำเดือนขาดไปสองเดือนแล้ว นางไม่ได้คุมกำเนิดมาสักพักแล้วและสามีก็มิเคยว่างเว้นต่อเรื่องนั้นเลยสักวัน จึงมีโอกาสจะตั้งครรภ์ได้สูงทีเดียว “ขอแสดงความยินดีกับท่านราชครูด้วย ฮูหยินตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว” หมอชราประจำตระกูลจับชีพจรฮูหยินน้อย พบว่าเป็นชีพจรมงคลแต่ก็ยังไม่แน่ใจนักว่ามีหนึ่งหรือสองคน คงต้องตรวจอีกครั้งเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น ซึ่งหลี่จิ้งหานพอรู้แบบนั้นก็แทบถลาไปหาภรรยาด้วยความดีใจ “ให้รางวัลท่านหมอ ซุนจางส่งท่านหมอกลับจวน น้องหญิง เราจะมีเจ้าก้อนแป้งกันแล้วนะ” โซ่ทองคล้องใจที่จะทำให้นางอยู่กับเขาตลอดไป ในที่สุดก็มาเสียที “ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ ท่านพี่ดีใจมากหรือเจ้าคะ” “พี่ย่อมดีใจเพราะเป็นลูกของเราสองคน” เดิมทีหลี่จิ้งหานมิได้ต้องการมีบุตร แต่เมื่อยามนี้การมีบุตรคือพันธะอันทรงพลังเพียงอย่างเดียวซึ่งพอให้วางใจได้ว่านางจะไม่หนีหน้าหายไป เ

  • ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ   บทที่43 คำอ้อนวอน

    “ท่านพี่ ข้าว่าท่านอาจารย์ต้องรู้ว่าข้าไม่ใช่คนในยุคนี้ แล้วท่านอ้อนวอนอะไรหรือเจ้าคะ” หลี่จิ้งหานคิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่เกิดในความฝัน ภาพก่อนสิ้นใจในโลกก่อน มีจิตใจมุ่งมั่นแต่จะตามหาเซียวอันหนิงจึงนำพานางมาหาเขาซึ่งเป็นการย้อนเวลามานับพันปีเลยทีเดียว “พี่ฝันถึงเรื่องหนึ่ง ในโลกที่จากมาเหมือนกับว่าจะชื่อฮ่าวหยวน หลังจากเสียชีวิตในโลกก่อนถึงได้มาเกิดใหม่ที่นี่ รูปลักษณ์ก็ไม่เหมือนเดิม เจ้าจึงจำพี่มิได้” “ท่านพี่ คือ รุ่นพี่ฮ่าวหยวนหรืือเจ้าครุ่นพี่ฮ่าวหยวนหรือเจ้ “ใช่ หลังจากโดนชนพี่ก็อ้อนวอนต่อสวรรค์ว่าถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้ได้เจอเจ้าอีกครั้ง” “แล้วท่านพี่จำข้าไม่ได้หรือ ในเมื่อท่านพี่คือฮ่าวหยวน เราทั้งคู่เคยเจอกันมาก่อน ไม่มีทางที่จะลืมไปได้ง่าย ๆ นะ” “ข้ามาเกิดใหม่ ไม่มีความทรงจำเดิมเหลืออยู่ แต่กลับรู้สึกรักเจ้าตั้งแรกเห็น หวงแหนจนแทบบ้า ก็เคยสงสัยว่าทำไมถึงมีความรู้สึกเช่นนี้กับเจ้า” “เป็นเช่นนั้น ท่าน- ท่านบอกว่าตามหาข้าหรือ” “ใช่ พี่ตามหาเจ้ามาตลอด ตั้งแต่เจ้าจากไปก็ตามหาทุกที่แต่ไม่เจอ จนส

  • ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ   บทที่42 กลับแคว้นเหลียง

    องค์ชายหม่าซานเปียวในนามพ่อค้ามารับของที่สั่งเอาไว้บริเวณหน้าร้านของเซียวอันหนิงเมื่อครบตามกำหนดสามวัน สินค้าทั้งหมดมีราว ๆ สองเกวียน มูลค่าถึงห้าพันตำลึงทองเลยทีเดียว “คุณชายนำสินค้ามากมายเหล่านี้ไปขายที่ใดหรือเจ้าคะ” เซียวอันหนิงถามเพราะสินค้าที่นำมามันเยอะจริง ๆ ด้วยเป็นสินค้าที่ขายให้เป็นสตรีเป็นส่วนใหญ่จึงยิ่งสงสัยอย่างสมุนไพรยังพอเข้าใจได้แต่พวกเครื่องหอมอื่นใดดูจะเกินความเข้าใจของนางไปมากทีเดียว “ข้ามีร้านค้ามากมาย สามารถเอาสินค้าไปลงได้ทุกที่ ถ้าสินค้าขายดีจะมาติดต่ออีกครั้ง” หม่าซานเปียวไม่ได้โกหก พระองค์มีร้านค้ามากมายในมือจริง ๆ ในแคว้นเหลียง สินค้าเพียงเท่านี้แจกจ่ายไปไม่นานก็มีที่ให้ขายแล้ว เซียวอันหนิงได้ยินเช่นนั้นมีหรือจะไม่ดีใจ นางรีบยิ้มให้เขาก่อนพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ข้ายินดีเสมอเจ้าค่ะ” องค์ชายหม่าซานเปียวเห็นแล้วยิ่งชอบมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่รู้ดีว่าไม่สามารถทำอะไรได้ ถ้าพระองค์ดึงดันคงเกิดการบาดหมางระหว่างสองแคว้น เมื่อสามีของนางเป็นราชครูที่แม้แต่ฮ่องเต้ยังต้องมองสีหน้า เสด็จพ่อก็คงไม่เห็นด้วยแน่นอนถึงนาง

  • ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ   บทที่41 คนแปลกหน้ามาเยือน

    หลังจากถูกแคว้นเหลียวปฏิเสธ องค์ชายครุ่นคิดถึงการไปเยือนแคว้นเหลียวอย่างเงียบ ๆ มีข่าวว่าสตรีผู้หนึ่งช่างเก่งกาจ สามารถรักษาคนป่วยได้ทุกโรค มีสมุนไพรมากมายเหมือนกับว่าใช้ไม่มีวันหมด นางแต่งงานกับท่านราชครูของแคว้นแต่ยังไม่มีบุตรธิดา ตอนนี้ร้านค้าที่นางเปิดก็รุ่งเรืองจนเป็นที่กล่าวขานจนสะพัดไกลถึงแคว้นเหลียง นั่นจึงยิ่งทำให้ต้องการรู้จักสตรีผู้นี้ยิ่งนักว่าจะเก่งกาจสมคำร่ำลือหรือไม่ เขาต้องการเห็นหน้านางสักครั้ง และการปฏิเสธครั้งนั้นก็เป็นความคิดของนางเช่นกัน ข้อความการต่อรองช่างฉลาดเสียจริง ยังไม่เคยมีผู้ใดกล้าขัดความต้องการขององค์ชายได้ สตรีผู้นี้ช่างเก่งกล้าเสียจริง ร่างบางไปร้านค้าเฉกเช่นทุกวัน วันนี้ได้มากับซิ่วอี้เพียงสองคนเพื่อมาดูว่ามีสิ่งใดขายหมดไปแล้ว ชาดที่นำออกมาขายก็ขายดีเข่นกัน นางสอนคนดูแลเสมอให้จดจำว่าสีไหนเหมาะสมกับใบหน้าสตรีแบบใด เมื่อทาชาดออกมาแล้วจะยิ่งส่งให้ใบหน้าสตรีผู้นั้นงดงามยิ่งขึ้น สิ่งเล็กน้อยเหล่านี้จะทำให้ลูกค้าประทับใจมากขึ้น ร่างสูงกำยำ ใบหน้าหล่อเหลาสมกับเป็นราชนิกูล แต่งกายเหมือนคุณชายทั่วไปในเมืองหลวงนั่นก็คืออง

  • ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ   บทที่40 ความฝันที่ยาวนาน

    “รุ่นพี่คะ เอ่อ น้ำค่ะ เหนื่อยไหมคะ” “เมื่อไหร่คุณถึงจะเลิกตามตอแยผมเสียที ผมบอกแล้วไงว่าไม่ชอบ” “รุ่นพี่โกรธเหรอคะ ขอโทษนะคะ ฉันแค่...เป็นห่วง” “ไม่ได้โกรธแต่รำคาญ เข้าใจไหม คุณมาตามตอแยผมสามปีแล้ว ถึงไม่มีใคร ผมก็ไม่มีทางชอบคุณ” ภาพในความฝันมีบุรุษและสตรียืนพูดคุยกัน แต่ชายผู้นั้นไม่ได้ชอบสตรีซึ่งคอยตามตอแย ภาพได้ตัดมาตอนสตรีผู้มีใบหน้าเหมือนกับภรรยาวิ่งร้องไห้ออกไปด้วยความเสียใจกับคำพูดทำลายน้ำใจ ต่อมาภาพตัดไปอีกครั้งกลายเป็นภาพของชายผู้นั้นเฝ้าตามหาสตรีนางนั้น ภาพเปลี่ยนไปอีกครั้งทว่าคราวนี้เขาถูกสิ่งที่วิ่งมาด้วยความเร็วพุ่งชนจนร่างกระเด็น ก่อนสิ้นใจได้เอ่ยชื่อ เซียวอันหนิง เหตุใดชายผู้นั้นถึงใฝ่หาสตรีที่ตนเองขับไล่ไสส่งไปเล่า ไม่เข้าใจเลย ทว่าภาพต่อมากลับน่าตกใจยิ่งกว่า ชายผู้นั้นได้มาเกิดเป็นคุณชายตระกูลหลี่ และภาพชีวิตในวัยเยาว์ของเขาก็ผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน ฉับพลันหลี่จิ้งหานสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเหงื่อโทรมกาย หากในฝันนั่นเป็นความจริง ก็หมายความว่าชายผู้นั้นคือเขาเอง และภรรยาในตอนนี้คือสตร

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status